คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 10
บทที่ 10
“จากนี้เราจะมีแต่ความสุข” หลิวเฟิงเอ่ยประชิดริมฝีปากของหญิงสาว “ข้า ซ่งหลิวเฟิงจะไม่มีวันทำร้ายเจ้าอีก”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าก็จะอยู่ข้างกายท่านตลอดไป”
ชายหนุ่มเพียรจ้องมองหญิงสาวเพื่อส่งผ่านความรู้สึกให้นางได้รับรู้ เพียงไม่นานซางฉีก็เบือนใบหน้าหันกลับไปเพื่อหลบเลี่ยงนัยน์ตาอันลุ่มลึกดั่งมหาสมุทรคู่นั้น นางพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ แม้ว่าพวงแก้มจะยังคงแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกเขินอายที่ยังคงอยู่กับนางไม่ลดเลือน ใบหน้าของนางแดงก่ำเสียจนหลิวเฟิงหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แต่หากซางฉีจะใจแข็งพอที่จะหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา นางก็จะได้เห็นแววตาที่แสนอ่อนโยนที่มีไว้มอบให้นางแต่เพียงผู้เดียว
“ข้ามีความสุขมากเลย ซางฉี”
น้ำเสียงแพรวพราวของหลิวเฟิงทำให้ซางฉีใจสั่น นางรู้สึกได้ว่าเลือดในกายพุ่งขึ้นมาสูบฉีดบนใบหน้าก่อนที่ความร้อน ผ่าวจะลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง ทันใดนั้นหลิวเฟิงก็โฉบใบหน้าเข้ามาหอมขมับของนางอย่างรวดเร็ว
“อื้อ!” ซางฉียกมือขึ้นมาปิดใบหน้าร้อนเห่อของนาง
การกระทำเหล่านี้ของหลิวเฟิงมีแต่จะทำให้หัวใจของนางเต้นแรงมากขึ้นทุกขณะ ความรู้สึกของนางที่เก็บไว้ในใจมาเนิ่นนานได้จะถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกของเขา
ความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับที่นางมี เพียงเท่านี้ก็ทำให้นางรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจจนเกรงว่าอาจจะร้องไห้ออกมาได้หากว่าชายหนุ่มยังไม่หยุดหยอกล้อและแสดงความรักใคร่ต่อนางเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำสารภาพรัก คำพูดหวานซึ้งตรึงใจ อ้อมกอดอันอบอุ่น รอยยิ้มอันเจิดจ้าและเสียงหัวเราะแห่งความสุข ทั้งหมดนั้นมีไว้สำหรับนาง และมันทำให้นางรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสุขที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ท่ามกลางความสุขที่อบอวลรอบกายทั้งคู่ ซางฉียังคงมีบางสิ่งที่รบกวนจิตใจ เช่นนั้นนางจึงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถามชายหนุ่มออกไปในที่สุด
“ท่านรักข้าจริงๆ ใช่หรือไม่?” ซางฉีปรารถนาจะได้ยินคำยืนยันจากหลิวเฟิงเพื่อเป็นการยืนยันสถานะที่แน่ชัดของความสัมพันธ์ระหว่างนางและเขา
ทันทีที่คำถามถูกเอ่ยออกไป หลิวเฟิงถึงกับชะงักไปชั่วครู่ พลางสงสัยว่าเหตุใดนางจึงกลับมามีท่าทีสับสนเช่นนี้
“ข้ารักเจ้าจริงๆ เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
ซางฉีนิ่งเงียบไปเมื่อถูกหลิวเฟิงส่งคำถามกลับมา พลางครุ่นคิดว่าหากนางเอ่ยถึงความกังวลใจของนางออกไป ชายหนุ่มจะต้องรู้สาเหตุที่นางหนีไปในค่ำคืนนั้นอย่างแน่นอน นางถอนหายใจเมื่อทั้งรู้สึกประหม่าและเก้อกระดากที่จะต้องอธิบายเรื่องนั้นแก่เขา
หลิวเฟิงมองพิจารณาหญิงสาวในขณะที่ภายในหัวกำลังลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ และในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวบางอย่าง
“คืนนั้นที่เจ้าหนีข้าเข้าไปในป่าจนได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะเจ้าได้ยินข้าคุยกับหยางฟานใช่สินะ”
ซางฉีตอบหลิวเฟิงด้วยสายตาที่เริ่มหม่นหมองลงนั่นเอง
“คืนนั้นข้าพูดคุยกับหยางฟานก็เพื่อสุขภาพร่างกายของเจ้า ในเมื่อเจ้าต่อต้านข้ามาตลอด ข้าจะปล่อยให้เจ้าท้องลูกของข้าโดยที่เจ้าไม่ยินยอมได้อย่างไร ข้าไม่ควรใช้เรื่องทายาทมาบีบบังคับให้เจ้าแต่งกับข้า เจ้าคิดเอาเองว่าข้าไม่ต้องการเจ้า ไม่อยากให้เจ้าอุ้มท้องลูกคนแรกของข้าอย่างนั้นสินะ…”
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี แต่ที่ข้าหนีไป ไม่ใช่ด้วยเหตุนี้ ตอนนั้นข้าน้อยใจที่ท่านตอบคุณชายหยางว่าข้าเป็นเพียงเถ้าแก่เนี้ย และระหว่างเราไม่มีอะไรมากกว่านั้น ข้าก็เลย… ตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ด้วยการหนีท่านไป”
หลิวเฟิงรวบร่างของหญิงสาวเข้ามาสวมกอดแน่นขึ้น ไม่ว่าคำตอบของนางจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้นางหนีไปจนได้รับบาดเจ็บ
“ข้าไม่ดีเอง ข้าทำร้ายเจ้าทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ รวมถึงเรื่องยานั่นก็เช่นกัน ถ้าเจ้ากินยาที่ข้าต้มให้ทุกห้าวันต่อเนื่องกัน เจ้าก็จะไม่ท้อง แต่ผลเสียระยะยาวคืออาจทำให้เป็นหมัน ข้าไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้า เพราะแต่เดิมตั้งใจจะหยุดให้ยาเจ้าหลังจากเรากลับเมืองหลวงกันแล้ว” หลิวเฟิงเอ่ยบอกหญิงสาวอย่างไม่ปิดบัง เขาสบมองนางที่ยังคงสีหน้าเดิมไม่แปรเปลี่ยน นางไม่ได้ดูผิดหวังหรือถือโทษให้กับการตัดสินใจของเขา
“เรื่องลูก ในตอนนี้ข้าคิดว่าคงเร็วเกินไป เราสองคนยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนรักด้วยกันเลย ข้าอยากให้ตัวเองคุ้นชินกับการทำหน้าที่ภรรยาเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำหน้าที่มารดา ท่านคิดเห็นเช่นไร?”
“เจ้าว่าอย่างไรก็ข้าก็ว่าตาม เรายังไม่ต้องรีบมีลูกก็ได้ ขอเพียงอย่างเดียวคือให้ข้าได้รักใคร่เจ้าบนเตียงทุกค่ำคืนก็พอ”
“หลิวเฟิง! ท่านทำเรื่องแบบนั้นกับข้าบ่อยเกินไปแล้ว ท่านลักพาตัวข้ามาก็เพื่อการนี้ ท่านยังไม่รู้จักพอ ท่านนี่มัน…” ซางฉีทุบหน้าอกของชายหนุ่มเบาๆ หนึ่งครั้ง นางไม่มีทางลืมเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด หากยามนี้นางและเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันในฐานะคนรัก นางไม่รู้เลยว่านางจะยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ข้างกายเขาได้อีกหรือไม่ ช่างโชคดีที่พวกเขาต่างก็มีใจให้กัน
“ข้าขอโทษ ซางฉี… ข้ามันชั่วช้าที่จับตัวเจ้ามากักขังไว้ แต่ถ้าข้าไม่ทำเช่นนั้น ข้าก็คงไม่ได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง และความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้า แต่นั่นก็แลกมาด้วยการทรมานร่างกายและจิตใจของเจ้า ทั้งยังเป็นต้นเหตุทำให้ขาของเจ้าบาดเจ็บอีก ข้าขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆ ที่ทำร้ายเจ้า แต่นับจากนี้ไปข้าจะรักถนอมเจ้าอย่างดี ข้าสัญญา”
“...หลิวเฟิง”
“ซางฉี… ฮูหยิน”
มุมปากของซางฉียกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกที่หลิวเฟิงใช้เรียกนางเมื่อครู่
ฮูหยินอย่างนั้นหรือ
เขาคิดว่านางคู่ควรจะเป็นฮูหยินของเขาจริงหรือ
ซางฉีสะดุดเข้ากับความสงสัยของตนเองและเห็นควรที่จะถามคำถามที่น่าอายนี้ออกไปก่อนที่นางจะไม่มีความกล้ามากพอเท่าครั้งนี้อีก
“แล้วแม่นางตานซาล่ะ?”
“น้องตานซาทำไม? เจ้าพูดถึงนางทำไมกัน?”
“ตอนอยู่ที่งานเลี้ยงจวนสกุลหลี่ ข้าได้ยินคนเขาพูดว่า ท่านกับแม่นางตานซา… อาจกำลังมีใจให้กัน”
“นางเป็นเหมือนน้องสาวของข้า และนางก็มองข้าเป็นเหมือนพี่ชายของนาง ความสนิทสนมที่เจ้าเห็น ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นจริงๆ อย่าบอกนะว่าคืนนั้น เจ้าเองก็หึงข้าเหมือนกัน”
“ใครหึงกัน ท่านต่างหากที่หึงหวงข้ากับคุณชายจงเหริน”
หลิวเฟิงคว้าท้ายทอยของซางฉีเข้ามาเพื่อจูบปิดปากในทันใด สัมผัสในครั้งนี้ร้อนแรงกว่าจุมพิตทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็ว่าได้
“โทษของการทำให้ข้าหึงหวงนั้นรุนแรงแค่ไหนเจ้าก็ได้สัมผัสมันมาแล้วในคืนนั้น ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดถึงชายอื่น และห้ามใกล้ชิดด้วย ซางฉี… เจ้าเป็นของข้า ของข้าคนเดียวเข้าใจไหม” หลิวเฟิงกระซิบถ้อยคำขู่ด้วยน้ำเสียงเย้ายวน เขาไม่ได้ปรารถนาจะทำให้นางกลัว หากแต่ต้องการจะประกาศคำมั่นว่าจะมีเพียงแค่นางและเขา
“เจ้าเป็นของข้า ข้าเป็นของเจ้า ชีวิตนี้ข้าจะไม่มีใครอีก”
รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนดวงหน้างามหลังได้ยินคำมั่นของชายหนุ่ม นางมอบจูบอันร้อนแรงให้เขาเป็นการตอบแทน
ทว่านั่นกลับเป็นการปลุกสัตว์ร้ายที่อยู่ในกายของชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นจากนิทรา หลิวเฟิงโน้มใบหน้าลงไปประกบริมฝีปากของซางฉีอย่างแนบแน่นก่อนที่นางจะยกวงแขนขึ้นโอบรอบต้นคอของชายหนุ่ม
“อ๊า... อ๊าาา...” ซางฉีส่งเสียงครางจนกระทั่งไปถึงปลายทางแห่งความสุขสันต์
หลิวเฟิงถอดอาภรณ์ด้านบนของซางฉีออกพลันพลิกร่างของนางให้นอนหงาย เขากลืนน้ำลายเมื่อได้มองดูร่างเปลือยเปล่าที่แสนเสน่หาตรงหน้า ครั้นแล้วจึงโน้มลงมอบจุมพิตให้นางอย่างดูดดื่มก่อนจะเลื่อนลงไปจุมพิตที่หน้าอกและหน้าท้องอันแบนราบ
“ข้ารักเจ้า ซางฉี
“ข้ารักเจ้าเหลือเกิน” หลิวเฟิงเอ่ยอย่างแผ่วเบาและซางฉีก็ได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจน
“ข้าก็รักท่าน หลิวเฟิง” ซางฉีพูดขณะหลับตา
ทั้งคู่อมยิ้มอย่างเป็นสุขใจให้กับช่วงเวลาอันแสนสุขนี้
“อีกสามวันเราจะกลับไปที่ร้านเย่เฉิน”
“ข้าคิดว่าท่านอยากจะกลับไปที่จวนก่อนเสียอีก”
“ข้าอยากรีบไปตัดชุดแต่งงานของเรามากกว่า”
หลิวเฟิงสั่งให้สารถีหยุดรถม้าลงกลางทางเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงถนนเส้นรองที่เชื่อมต่อระหว่างเส้นทางไปจวนลับในป่าและเส้นทางสู่เมืองหลวง ร่างสูงก้าวนำออกมาจากรถม้าก่อนจะประคองหญิงสาวให้เดินตามลงมาช้าๆ
ซางฉีหันมองรอบข้างด้วยความแปลกใจ จู่ๆ นางก็ถูกพาลงจากรถม้ากะทันหันโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางหันมองหลิวเฟิงที่กำลังกุมมือของนางไว้อย่างหลวมๆ เขาหันมาสบตาเพียงชั่วครู่ก่อนจะจูงมือนางเดินไปยังเส้นทางสู่ป่าเขียวขจีเบื้องหน้า
ครั้นเข้ามาด้านในซางฉีจึงได้เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย เมื่อธรรมชาติที่รายล้อมรอบกายนั้นเต็มไปด้วยพืชพรรณเขียวขจีสดใส สถานที่ซึ่งราวกับอุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้มอบร่มเงาให้แก่ผู้มาเยือนและไอเย็นของสายลมที่พัดผ่าน นางสัมผัสกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของผืนป่าแห่งนี้พลางซบศีรษะลงบนต้นแขนของร่างสูง
“ไม่เคยเห็นสถานที่เช่นนี้มาก่อนเลย”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องชอบที่นี่” หลิวเฟิงหันไปแย้มยิ้มให้หญิงสาว
“ข้าอยากให้เจ้ามีความทรงจำที่ดีเมื่อเข้ามาในป่า ไม่อยากให้เจ้าจดจำไว้แต่เรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น”
ซางฉีพยักหน้าให้ชายหนุ่มน้อยๆ นางเข้าใจถึงความประสงค์ของเขาและรู้สึกพอใจอย่างมากที่พบว่าเขามิได้เพียงแต่พึงใจในตัวนาง หากแต่ยังห่วงใยและใส่ใจความรู้สึกของนางถึงเพียงนี้
ความทรงจำของนางที่มีเกี่ยวกับผืนป่าแห่งนี้จะมิได้มีเพียงการหลบหนีรอนแรมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะบาดเจ็บ แต่ต่อจากนี้ไปมันจะยังมีเรื่องราวของนางและเขาที่คล้องแขนเกี่ยวกันเดินท่องไปในผืนป่า
ซางฉีเบือนใบหน้ากลับไปจดจ่ออยู่กับธรรมชาติที่มองแล้วยิ่งทำให้ใจของนางสุขสงบ เนิ่นนานแล้วที่นางไม่ได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติและได้ผ่อนคลายเช่นนี้
“เดินต่อกันเถอะ ข้างหน้านู้นยังมีที่ที่หนึ่งที่ข้าอยากให้เจ้าเห็น” หลิวเฟิงกล่าวแล้วเดินจูงมือนางผ่านอุโมงค์นี้ไปเรื่อยๆ
ครั้นทั้งสองคนเดินผ่านพ้นจากร่มเงาแห่งความเขียวขจีมาได้ เส้นทางเบื้องหน้าก็เผยให้เห็นทุ่งของต้นอ้อที่สูงและกว้างใหญ่เกินกว่าจะมองเห็นอาณาบริเวณโดยรอบ สายลมเย็นพัดผ่านมาจนปอยผมและเสื้อผ้าของทั้งสองพลิ้วลู่ไปตามสายลม ในยามนี้หลิวเฟิงปล่อยมือออกจากซางฉีแล้วเปลี่ยนมาโอบเอวนางเอาไว้
“งดงามมาก”
หลิวเฟิงไม่ได้หมายถึงภาพทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้าแต่หมายถึงคนที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาที่งดงามราวกับเทพธิดา
“หากเจ้าชอบที่นี่ ไว้เราค่อยมาใหม่อีกครั้ง”
“ขอบคุณท่านมากนะหลิวเฟิง ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ข้าจะไม่มีวันลืมเลย” ซางฉีหันมาเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มหวาน
ชายหนุ่มยื่นมืออีกข้างเกลี่ยเส้นผมที่ปลิวมาด้านหน้าของนางไปทัดหลังใบหู “ซางฉี… เจ้ามีความสุขหรือไม่?”
“รอยยิ้มของข้าคือคำตอบ”
“พอเห็นเจ้ายิ้มเช่นนี้แล้ว ทำให้ข้าอยากจูบเจ้าเหลือเกิน”
“เช่นนั้น… ก็จูบข้าสิ”
คำพูดอันยั่วยวนของซางฉีจบลงแล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากของชายหนุ่มที่แนบทับลงมา นางหลับตาลงและตอบรับสัมผัสที่นุ่มนวลของเขา หลิวเฟิงกระชับท้ายทอยของร่างบางเข้ามาชิดใกล้และถ่ายทอดความปรารถนาจากใจที่มอบความรู้สึกเร้าอารมณ์คืนกลับมาให้แก่พวกเขา เวลาผ่านไปไม่นานจุมพิตของพวกเขาก็ยิ่งทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น จนกระทั่งหญิงสาวเป็นฝ่ายเบือนใบหน้าออกมาเพื่อกอบโกยอากาศหายใจ ซางฉีช้อนสายตาขึ้นมองหลิวเฟิงอีกครั้ง และสายตาคู่นั้นดูคล้ายว่ากำลังเรียกร้องสัมผัสที่มากกว่าเดิม
“ถ้าข้าพยายามหนีอีกครั้ง ท่านยังจะตามจับตัวข้ามาลงโทษอีกหรือไม่?” ซางฉีเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา และเป็นคำถามที่ดูราวกับจะท้าทายหลิวเฟิงมากกว่าจะหยั่งเชิงเป็นไหนๆ
“แน่นอน” หลิวเฟิงรวบรั้งเอวนางด้วยสองแขนให้หันมาเผชิญหน้า
ยามนี้เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เก่าๆ ซางฉีไม่หลงเหลือความขุ่นเคืองใจอยู่อีกแล้วและไม่นึกเสียใจให้กับการกระทำของชายหนุ่มอีกต่อไป เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นได้นำนางและเขามาพบกับบทสรุปเช่นนี้
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“เจ้าถามข้าเช่นนั้น อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะหนีข้าอีก”
“ข้าเคยหนีท่านเพราะทนไม่ได้หากต้องอยู่กับท่านโดยที่ท่านไม่รัก แต่ตอนนี้ข้าได้รับรู้ความรู้สึกของท่านแล้ว ความรักของท่านข้าได้รับมันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะหนีไปอีก” ซางฉีกล่าวกับชายผู้ครอบครองหัวใจนางด้วยความสัตย์จริง
“ยามนี้คงมีเหตุผลเดียวที่ข้าจะหนี”
“อะไร?”
“ท่าน”
“ข้า?” หลิวเฟิงทวนถามด้วยความสับสน ก่อนที่ซางฉีจะทำให้เขากระจ่างได้ด้วยคำพูดประโยคต่อมา
“ท่านตื่นเต้นทุกครั้งที่ข้าหนี ทั้งยังจะลงโทษข้าทุกที่ที่ข้าไป”
หลิวเฟิงยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจให้กับความขี้เล่นของหญิงสาวที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาดึงแก้มนางเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว
ซางฉีหัวเราะเบาๆ ด้วยความเขินอาย นางยังคงสบตาเขาพลางมอบรอยยิ้มให้ด้วยดวงตาและริมฝีปากชมพูระเรื่อ
“ข้าลงโทษฮูหยินของข้าไม่ลงหรอก แต่ข้าย่อมมีวิธีปราบพยศฮูหยินของข้า เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าก็จะรู้เอง”
พวกเขาจุมพิตกันอีกครั้งอย่างดูดดื่ม ริมฝีปากไม่เพียงทำหน้าที่แลกสัมผัสอันวาบหวามหากยังคอยเชื่อมประสานความรู้สึกไปถึงกันและกัน อ้อมกอดที่ตะกรองกอดเกี่ยวนั้น แม้แนบแน่นทว่าไม่อึดอัด เฉกเช่นความรักที่ทั้งสองได้เรียนรู้และเข้าใจด้วยการยอมรับตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน เพื่อถนอมความรักของเขาและนางจากนี้ และตลอดไป
จบบริบูรณ์
E-BOOK HERE >> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=294883&page_no=1
เนื้อหาที่คุณได้อ่านข้างต้นเป็นฉบับที่ถูกตัดทอนเนื้อความเพื่อใช้เผยแพร่สำหรับ [Clean Version]
สามารถอ่านนิยายฉบับสมบูรณ์ NC18+ [Explicit Version] ได้เฉพาะใน E-BOOK เท่านั้น
ความคิดเห็น