ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชาด ภาคสารภาพ

    ลำดับตอนที่ #7 : บัวงามพร้อมบริสุทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 67


    ข้าบรรจงเช็ดเท้าให้ท่านแม่ ในใจนึกถึงสิ่งที่ฟ่านหลีได้เอ่ยกับข้า จึงมีความสงสัยนึงผุดขึ้นกลางใจ “ท่านแม่เจ้าคะ ทั้งที่ตัวข้ามีกลิ่นดอกเยว่จี่เช่นนี้มาตั้งแต่เกิด แล้วเหตุใดท่านจึงตั้งชื่อข้าว่าเหลียนเหลียงที่แปลว่าดอกบัวงามล่ะเจ้าคะ”

    “เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่ก่อนเจ้าเกิดเสียอีก ยามนั้นท่านตาท่านยายของเจ้าจากไปหมดแล้ว แม่กับลุงของเจ้าก็แยกย้ายไปคนละทาง ครอบครัวแตกแยกสิ้นเนื้อประดาตัว เช้าวันนั้นแม่สิ้นหวังโดยแท้ จึงลงไปในบึงเก็บดอกบัวขึ้นมากำนึงตั้งใจว่าจะเอาไปถวายพระโพธิสัตว์ที่วัด ขอเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้ชีวิต

    ระหว่างเดินไปก็ชนเข้ากับแม่นางผู้หนึ่ง ใบหน้างดงามผ่องใส รูปร่างอวบอิ่มอรชรสวมอาภรณ์แดงวิจิตร งดงามอย่างที่แม่ไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นเช่นนั้นแม่ก็คิดว่านางต้องเป็นลูกขุนนางใหญ่หรือเชื้อพระวงศ์แน่ๆ แม่จึงรีบขอโทษนาง เกรงกลัวเป็นอย่างยิ่ง รีบเก็บดอกบัวที่กระจัดกระจายบนพื้นไม่คิดจะให้รกหูรกตานาง นางมีเมตตาช่วยแม่เก็บด้วยดอกนึง เมื่อนางยื่นดอกบัวดอกนั้นให้แม่จากดอกบัวตูมก็ผลิบานส่งกลิ่นหอมประโลมใจไกลถึงสิบจั้ง ผู้คนในตลาดทั้งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเถ้าแก่เหลาแถวนั้น ต่างก็เข้ามารุมขอซื้อดอกบัวดอกนั้นจากแม่ แม่ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยสักนิด สายตาก็มองหาแม่นางผู้นั้น แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ จึงเข้าใจว่านางต้องเป็นเซียนสวรรค์ลงมาโปรดแน่ๆ แม่ดีใจมาก เก็บดอกบัวนั้นไว้กับตัว ผ่านไปเดือนกว่าดอกบัวก็ยังบานสดชื่นอยู่เช่นนั้น

    จากนั้นมีวันนึงแม่รู้สึกไม่ค่อยสบายก็ได้ยายเฒ่าข้างบ้านตรวจดูให้ จึงได้รู้ว่ามีเจ้าติดท้องมาอยู่แล้ว พอกลับมาถึงบ้านดอกบัวดอกนั้นก็เหี่ยวเฉาร่วงโรยลง แม่จึงคิดว่าลูกแม่คนนี้จะต้องเป็นดอกบัวดอกนี้มาเกิดแน่

    ตอนแรกแม่คิดว่าเจ้าเป็นผู้ชายเสียด้วยซ้ำ อยู่ในท้องถีบแม่จนเจ็บระบมไปหมด เจ้าน่ะดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยล่ะ ด้วยเหตุดังนี้จึงตั้งใจจะตั้งชื่อเจ้าว่าเหลียน เพียงแต่เมื่อแรกพบหน้าแม่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าคือสิ่งดีงามเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตแม่ จึงเติมเหลียงเข้าไปอีกคำหนึ่ง เป็นเหลียนเหลียง เหวินเหลียนเหลียง”

    ท่านแม่เล่าออกมาอย่างเบิกบานใจ แววตาเป็นประกาย ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เรื่องราวเหล่านี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่แท้ต้นกำเนิดของข้าพิเศษสำหรับท่านแม่ถึงเพียงนี้ หากสักวันข้ามีโอกาสได้พบกับเซียนสวรรค์ผู้นั้น ย่อมต้องตอบแทนบุญคุณที่ให้ข้าได้มาเกิดเป็นลูกของท่านแม่ สตรีที่ประเสริฐเช่นนี้เป็นแน่

    “แล้วข้าเลี้ยงยากมั้ยเจ้าคะ” ข้ารีบถามต่อใจจดใจจ่ออยากฟัง

    “เจ้าน่ะหรือ ก็ไม่ยากไม่ง่าย เฉลียวฉลาด ช่างสงสัยจนน่ารำคาญ..." คืนนั้นข้านอนฟังท่านแม่เล่าเรื่องข้าในวัยเด็กอย่างเพลิดเพลินกันทั้งคนฟังคนเล่า จนผล็อยหลับไปกันทั้งคู่

     

     

    เช้านี้แสงอรุณนวล ลมอ่อนหิมะแรกโปรยปราย เหมันต์คือช่วงฤดูที่ข้าไม่ชอบที่สุด แม้ยามหิมะปกคลุมกระทบแสงตะวันเป็นสีขาวนวลระยิบระยับไปทุกแห่งหนดูงดงามอยู่ไม่น้อย แต่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกไร้เรี่ยวแรง นิ้วมือปลายเท้าหนาวจนเฉียบทรมานนัก

    ข้ากลับชอบฤดูคิมหันต์เสียมากกว่า ท้องฟ้าแจ่มกระจ่างแสงตะวันอบอุ่น ดอกไม้ใบหญ้าแย่งกันผลิบานสดชื่นทำให้อารมณ์แจ่มใสไม่ห่อเหี่ยว

    เหมันต์ปีนี้ยิ่งทำให้ข้าไม่ชอบมากขึ้นอีก รอยช้ำบนแก้มซ้ายที่ถูกคนผู้นั้นมอบให้ บัดนี้ผ่านมาสองสามวันแม้รอยจางไปมากแล้ว เพราะใช้ผ้าร้อนประคบทุกเช้าเย็นตามคำของท่านแม่ แต่ก็ยังเจ็บใจอยู่มากจริงๆ

    ช่วงสองสามวันนี้ข้าคิดทบทวนเรื่องกิ่งมะกอกของฟ่านหลี ใจนึงก็อยากจะรับไว้ อีกใจกลับคิดว่าคนผู้นี้ข้าแทบจะไม่รู้จักเขาเลยเสียด้วยซ้ำ แม้เคยร่วมมือกันครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ว่าภายหน้าเขาจะตลบหลังปองร้ายข้าหรือไม่ แม้ดูผิวเผินวิธีการที่เขาแสดงออกต่อข้าจะดูจริงใจไม่เสแสร้ง ทว่าถึงขั้นสามารถเป็นผู้ต่อกรของเสนาบดีเหวินได้ คิดว่าก็คงจะเจ้าเล่ห์ไม่น้อยเช่นกัน เฝ้าสังเกตพฤติกรรมท่าทีไปอีกสักหน่อยค่อยให้คำตอบก็ไม่สาย

     

    ตื่นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วข้าก็รีบจัดแจงเตาอุ่นมือเสื้อผ้าหนาๆ ให้ท่านแม่ วันนี้มีตรวจนับสินค้าที่นำเข้ามาขายจากนอกเมืองไม่มีเวลาให้คิดทั้งเรื่องฟ่านหลีและเสนาบดีเหวินให้วุ่นวาย หมุนตัวตรวจทานความเรียบร้อยของทุกอย่างอีกรอบแล้วรีบออกจากเรือนทันที

    สินค้าที่เข้ามาวันนี้มีทั้งชาดีจากหางโจวและซัวเถา ส่งขายให้ทั้งโรงน้ำชาโรงเตี๊ยมในตลาด อาหารทะเลตากแห้งที่ถูกส่งมาจากกวางโจว ทั้งปลิงทะเล สาหร่ายทะเลและอื่น ๆ ก็ส่งให้เหลาในเมืองได้ราคาดีไม่น้อย ยังไม่นับข้าวสารที่ข้ารับซื้อจากชาวบ้านนอกเมืองมาเติมโกดังที่พร่องไปตอนสงครามอีก เข้าหน้าหนาวแล้วของพวกนี้ถึงจะแพงหน่อยแต่ก็ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมจะขาดไม่ได้ พอใกล้สิ้นปีราคาก็จะแพงขึ้นอีกค่อยทำกำไรตอนนั้นก็ไม่สาย

    ง่วนทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงทั้งตรวจนับของ ดีดลูกคิดทำบัญชี แม้หิมะจะโปรยปรายลงมาตลอดก็ไม่สามารถหยุดการหาเงินของข้าได้

    แต่ไหนแต่ไรแคว้นเย่วเพราะอยู่ริมขอบแผ่นดินติดทะเลห่างไกลจากแคว้นอื่นทั้งยังเป็นแคว้นเล็กๆ ในยุคสมัยที่วุ่นวายเช่นนี้มีแต่แคว้นใหญ่ที่รบกัน นานทีจะมีแคว้นใดนึกอยากจะยกมาตีแคว้นเย่วของข้า ศึกครั้งที่ผ่านมาเรียกว่าหนักหนาโดยแท้ เสบียงทั้งเมืองร่อยหรอลงไปมาก รวมถึงเงินในกระเป๋าของข้าด้วย จากนี้ก็ต้องขยันให้มากหน่อย ต้องรีบเรียกเงินกลับเข้ากระเป๋าให้กลับมาเท่าเดิมโดยเร็ว ไม่ใช่สิต้องมีมากกว่าเดิมถึงจะดี คิดได้ดังนี้ก็เบิกบานยิ่ง

    “คุณหนูใหญ่!!! คุณหนูใหญ่!!!”

    ในตอนที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากถนนหน้าโกดัง ข้ารีบลุกขึ้นไปดู เป็นเจียวจูที่กำลังวิ่งลนลานมาหาข้า

    “เหตุใดข้าต้องเจอเจ้าลุกลี้ลุกลนมาหาเช่นนี้ทุกครั้งกันนะ”

    “คุณหนู.. คุณหนูใหญ่” เจียวจูที่หายใจหอบสลับกับพยายามควบคุมลมหายใจพูดออกมา ประโยคฟังไม่ประติดประต่ออยู่พักใหญ่ ข้าก็ใจจดใจจ่อรอฟังอยู่เช่นนั้นจนได้ยินเจียวจูพูดว่า “ฮูหยิน.. ฮูหยินรอง”

    “ท่านแม่มีอะไร” เวลานั้นข้าไม่คิดว่าจะมีอะไรยังเอ่ยกลั้วหัวเราะ ขำขันท่าทางของเจียวจูเด็กน้อยที่ตัวโยกขึ้นลงเพราะหายใจไม่ทัน

    “นายท่านสั่งให้ฮูหยินรองซักเสื้อผ้าของนายท่าน ห้ามไม่ให้ใครช่วยเด็ดขาด ตอนนี้นั่งซักอยู่กลางลานบ้าน แทบจะกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

    สิ้นประโยคนั้นข้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกลับจวนเสนาบดี ไฟโทสะปะทุขึ้นในกะโหลกข้า หัวใจเต้นแรงใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธา รู้สึกถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบตุบบนขมับ คนผู้นั้นเอาอีกแล้ว เขาทำเช่นนี้อีกแล้ว เพราะขี้ขลาดไม่กล้าลงมือกับข้า ทุกครั้งต้องสร้างความลำบากให้แม่ข้า นางเองเพราะคลอดข้ามาอย่างยากลำบาก ร่างกายจึงอ่อนแอจะทนความหนาวเช่นนี้ได้อย่างไร

    วันนี้ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด!!!



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×