คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : หยกใต้บึง
“ข้าเพียงเลื่อมใสในตัวแม่นางเท่านั้น กลศึกในจดหมายนั่นแยบยลโดยแท้ ภาพของสาวงามและชายแก่นั้น หากมองผิวเผินก็เหมือนทั้งสองตกลงปลงใจ ทว่าเมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้งคือสาวงามอ่อนเยาว์แกล้งเล่นตามน้ำในแผนหลอกกินเต้าหู้ของชายแก่ เปิดเผยส่วนเปราะบางแสร้งแสดงความจริงใจ อีกมือซ่อนมีดไว้รอชายแก่ตกหลุมพลาง
สาวงามนั้นก็เปรียบได้กับเย่ว์อ๋องที่อายุยังน้อยเพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน จะสู้ด้วยพละกำลังซึ่งหน้ากับชายแก่มากตัณหาอยากครอบครองใต้หล้าอย่างอู๋อ๋องได้อย่างไร เช่นนั้นก็ควรแสดงออกเสียว่าเราไร้ซึ่งความสามารถใด ไร้ซึ่งความประสงค์จะเข้าโรมรันด้วย ล่อลวงใจศัตรูด้วยอุบายพินอบพิเทา เมื่อศัตรูโอหังได้ใจเมื่อนั้นจึงหักเอา อุบายเช่นนี้หากมิใช่ผู้รอบรู้ทะลุปรุโปร่งคงมิสามารถเขียนออกมาได้”
ฟ่านหลีผู้นี้วิเคราะห์ได้ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย ภาพที่ข้าวาดซ่อนอุบายเช่นนั้นไว้จริงๆ
“ผู้รอบรู้ทะลุปรุโปร่ง คำนี้ข้าคงมิกล้ารับไว้เจ้าค่ะ ข้าก็เพียงศึกษาตำรามาบ้างก็เท่านั้น คำนี้ขอยกให้ท่านเสนาบดีฟ่านที่คิดพลิกแพลงกลศึกพิสดารเลิศล้ำในสนามรบนั้นออกมาได้เจ้าค่ะ” ข้าประสานมือโน้มคารวะเขา ดูจากคำพูดเยินยอของเขาเหล่านี้คาดว่าจุดประสงค์คือโยนกิ่งมะกอกหมายร่วมมือกับข้าเป็นแน่
“มิกล้ารับ มิกล้ารับ” ฟ่านหลีผู้นี้ประสานมือคารวะข้าอีกแล้ว อ่อนน้อมเกินไปแล้วกระมัง
“ท่านมิกล้ารับ ข้ามิกล้ารับ อย่างไรคำยกยอมากมายเหล่านี้ก็เอ่ยออกมาแล้ว เช่นนั้นท่านก็เอ่ยออกมาอีกหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ว่าที่แท้ท่านมาหาข้าต้องการอะไร”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่ขออ้อมค้อม” อยู่ๆ ฟ่านหลีก็เงียบไป ก้มหน้า คุกเข่าลงเบื้องหน้าข้า “แม่นางเหวิน ท่านจะมาเป็นที่ปรึกษาทำงานกับข้าได้หรือไม่”
“ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ” ข้ารีบประคองเขาลุกขึ้นอย่างลนลาน “ท่านกับข้าพบหน้ากันวันแรก ก็มาคุกเข่าเช่นนี้เสียแล้ว ฐานะเสนาบดีของท่านก็ไม่น้อยเลย ข้ามีเกียรติอะไรรับคารวะจากท่าน”
ต่อให้ไม่มีฐานะเสนาบดีเขาก็อายุมากกว่าข้าหลายปี คารวะนี้ยิ่งใหญ่เอิกเกริกเกินไปโดยแท้
“มากกว่านี้ข้าก็ทำได้ขอรับ ขอเพียงแม่นางเห็นความจริงใจของข้า ยอมมาเป็นที่ปรึกษาให้ข้า” แม้การกระทำก่อนหน้าของเขาจะดูมากเกินไปอยู่บ้าง ทว่าประโยคนี้เขากลับดูจริงใจโดยแท้
“เรื่องนี้ข้า…”
“เหลียนเออร์!”
ข้ายังมิได้ตอบคำถามนั้น ก็ได้ยินเสียงท่านแม่เรียกแว่วมาได้จังหวะพอดี อย่างไรเรื่องนี้ก็รีบร้อนให้คำตอบมิได้ เช่นนั้นก็ถ่วงเวลาไปอีกหน่อยเถิด
“เรื่องนี้ขอข้าคิดดูสักหน่อยแล้วกันเจ้าค่ะ ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด จะให้ใครเห็นว่าท่านอยู่กับข้าที่นี่ไม่ได้ รอข้าออกไปก่อน ท่านค่อยออกไปแล้วกันนะเจ้าคะ” ข้าพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้น ก็รีบเดินออกมาหาท่านแม่ ไม่ได้สนใจเขาอีก
“ท่านแม่ ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” ข้าเอ่ยเรียกท่านแม่ที่กำลังเดินหาข้าอย่างลนลาน
“แม่ได้ยินว่าที่เรือนใหญ่เกิดเรื่องกับเจ้า ไหนให้แม่ดูซิว่าเจ้าเจ็บตรงไหน เป็นยังไงบ้าง” ท่านแม่จับข้าหมุนไปหมุนมาตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเอาข้าตาลายไปหมด
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” ข้าฉีกยิ้มกลั้วหัวเราะ ขำขันกับท่าทางเป็นห่วงของท่านแม่
“แน่นะ” ในที่สุดท่านแม่ก็หันมามองหน้าข้าจริงๆ เสียที “รอยแดงบนแก้มนั่น” สายตาของท่านแม่หม่นเศร้าลงทันทีที่สังเกตเห็นรอยฝ่ามือนั้นบนหน้าข้า
“ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าค่ะ” ข้าแสร้งยิ้มชื่นบาน หอมแก้มทั้งสองข้างของท่านแม่ไปฟอดใหญ่ “นี่ไงเจ้าคะ เติมพลังเรียบร้อย ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ฮูหยินรองเจ้าคะ” เจียวจูวิ่งมาจากทางเรือนใหญ่ พูดจากระหืดกระหอบ ดูท่าจะมีเรื่องอีกแล้ว “นายท่านให้รีบเตรียมอาหารเจ้าค่ะ วันนี้ท่านอ๋องจะทานอาหารที่นี่ นายท่านกำชับว่าให้เอาของที่ดีที่สุดในบ้านออกมาให้หมดเจ้าค่ะ”
ตามคาดมีเรื่องจริงๆ เรื่องใหญ่เสียด้วย
“จริงหรือ” ท่านแม่ตาลุกวาวกระตือรือร้น “ท่านอ๋องจะทานข้าวที่นี่ เช่นนั้นแม่จะทำให้สุดฝีมือเลย”
ท่านแม่เป็นเช่นนี้มาตลอดโดยเฉพาะกับเรื่องอาหาร ความสุขที่สุดของท่านแม่ของข้าคือการได้ทำอาหารอย่างสุดฝีมือให้ทุกคนได้กินอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร
มีครั้งหนึ่งตอนข้ายังเด็ก บ้านเรายากจนมากอยู่กันสองแม่ลูกในกระท่อมซอมซ่อจะพังแหล่มิพังแหล่ แค่ลมพัดแรงหน่อยบ้านก็สั่นไหวไปทั้งหลัง วันหนึ่งมีเด็กสองคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าเร่ร่อนผ่านมา พวกเขาซูบผอมซีดเซียวเนื้อตัวเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าก็ขาดวิ่น มาขอข้าวกินหน้าบ้าน แต่ในบ้านเราแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อก็ไม่มี แต่ท่านแม่ไม่ลังเลรีบพาพวกเขาเข้าบ้าน จัดแจงให้เช็ดเนื้อเช็ดตัว เอาเสื้อผ้าของข้าให้พวกเขาเปลี่ยนใส่ ส่วนท่านแม่รีบวิ่งออกจากบ้านไปหาขุดมันมาได้สี่ห้าลูกก็จัดแจงทำมันผัดเปรี้ยวหวานอย่างสุดฝีมือ พวกเราทุกคนล้อมวงกินมันผัดเปรี้ยวหวานจานเดียวนี้กันอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เป็นวันที่เต็มเปี่ยมด้วยเสียงหัวเราะ สำหรับข้ามันเป็นความทรงจำแสนสุขเลยทีเดียว แม้ว่ายามนั้นข้าอายุน้อยมากแต่กลับยังคงจำรสชาติมันผัดเปรี้ยวหวานจานนั้นได้ดี มันอร่อยมากจริงๆ
จากนั้นทั้งท่านแม่ ข้าและเจียวจูก็วิ่งวุ่นอยู่ในครัว เตรียมอาหารมื้อใหญ่ต้อนรับท่านอ๋อง อาหารจานแล้วจานเล่าถูกส่งออกไปยังเรือนใหญ่ กลายเป็นงานเลี้ยงครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งเดือนหลังเสร็จศึกของจวนเสนาบดี บนใบหน้าของพวกเราเหงื่อผุดพราวเปียกชุ่มแต่ก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กลายเป็นวันที่สนุกสนานอย่างยิ่งของพวกเราทั้งสามคน กระทั่งทำให้ข้าลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันไปหมดสิ้น เมื่ออาหารจานสุดท้ายออกไปจากครัวท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว พวกเราต่างยังไม่มีใครได้กินข้าว ทว่าก็มิได้รู้สึกหิวแม้แต่น้อย จึงกินเพียงซาลาเปาที่ทำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อเช้ารองท้องกันคนละลูกแล้วก็พากันกลับเรือน
ระหว่างทางเดินกลับเรือนได้ยินเหล่าสาวใช้พูดคุยกันหนาหูเรื่องที่คุณชายใหญ่ได้รับบำเหน็จจากท่านอ๋อง ทั้งเงินทองแพรพรรณจำนวนมาก ทั้งยังรับเข้าทำราชการในวังตั้งแต่อายุยังไม่สิบหกเต็ม ถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนจวนนี้โดยแท้ ข้าเองก็ได้เพียงฟังผ่านหูไป เป็นเช่นนี้ก็ดีก็ถือว่าข้าได้ชดเชยให้ก็แล้วกัน
รอยที่ถูกตบกลับปวดขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บแค้นนี้ก็ทำได้เพียงกลืนลงไป ข้าไม่ต้องการให้ท่านแม่รับรู้สิ่งที่ข้าทำโดยเด็ดขาด ท่านแม่มักพูดเสมอว่า ความกตัญญูคือคุณธรรมอันดับหนึ่งที่พึงต้องรักษา อย่างไรเขาก็คือบิดาผู้ให้กำเนิด จะทำสิ่งที่อกตัญญูมิได้ ทว่าตั้งแต่ข้าจำความได้ มีครั้งใดบ้างที่เขาปฏิบัติเหมือนข้าเป็นลูก แล้วเหตุใดข้าต้องนับเขาเป็นพ่อด้วยเล่า ตัวข้ามีเพียงท่านแม่เป็นผู้ให้กำเนิดเพียงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้นคำว่ากตัญญูนี้ก็ใช้เพื่อท่านแม่เพียงผู้เดียว
ยามนี้กำลังเข้าเหมันต์ฤดูแล้ว แม้หิมะจะยังไม่ตก แต่อากาศก็เริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าให้เจียวจูจัดแจงเตาไฟมาวางหน้าห้องท่านแม่ให้อบอุ่น ส่วนข้าไปต้มน้ำเตรียมน้ำอุ่นใส่กะละมังยกมาล้างเท้าคลายความเมื่อยล้าให้ท่านแม่ก่อนนอน
“นวดแบบนี้สบายหรือไม่เจ้าคะ” ข้าเงยหน้าถามท่านแม่ขณะค่อยๆ บรรจงล้างและนวดเท้าให้ท่านอยู่ข้างเตีย
ทว่าท่านแม่กลับมิได้ตอบอะไร สายตาเป็นกังวล ยื่นมือมาเชยคางข้าให้เอียงแก้มที่ถูกตบให้ท่านพิศดูชัดๆ ยามนี้แก้มข้าปรากฏเป็นรอยจ้ำแดงชัดเป็นรอยนิ้วบนใบหน้า “ทำไมเขาถึงทำกับเจ้าเช่นนี้ ที่ผ่านมาเจ้าทำอะไรก็แค่โดนด่าว่า มากหน่อยก็มาตำหนิแม่สองสามคำ ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเจ้าเช่นนี้ เหลียนเออร์ เจ้าไปทำเรื่องอะไรไว้กันแน่”
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าก็แค่ขัดใจเขานิดหน่อยก็เท่านั้น ท่านแม่ก็ทราบท่านเสนาบดีผู้นี้เอาแต่ใจขนาดไหน” ข้าเอ่ยกลั้วหัวเราะ แสร้งทำไม่ใส่ใจ
“แม่จะให้เจียวจูเตรียมผ้าประคบให้” ว่าแล้วท่านแม่ขยับตัวเตรียมจะเรียกเจียวจู
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรื่องนี้ส่งท่านแม่เข้านอนแล้วข้าจะไปจัดการเอง” ข้ารีบเอ่ยขัดไว้ ท่านแม่ก็เพียงพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้ นิสัยดื้อด้านของข้าแม้แต่ท่านแม่ก็ต้องยอม
ความคิดเห็น