คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่สอง ทะเลาะกันครั้งใหญ่
บทที่ สอง
ทะเลาะกันครั้งใหญ่
ทั้งที่ห้องนั้นไม่มีทางที่ลมจะพัดผ่านเข้ามาได้เลย แต่พอดแมนรู้สึกเหมือนกับถูกลมตีหน้าเข้าอย่างจัง เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นในท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นคง จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น เขายังรู้สึกเจ็บเข้าลึกถึงกระดูกด้วยซ้ำ นี่เขาทำอะไรลงไปหรือ มันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้เลย... ไม่... เขาพยายามบอกตัวเองอย่างนั้น แต่มันสายไปเสียแล้ว ถึงตอนนี้ไม่มีใครที่รู้ชะตากรรมของสาวใช้ผู้โชคร้ายคนนั้นได้ เพราะพื้นที่ซึ่งเคยมีเธอยืนอยู่ไร้ร่างเสียแล้ว เหลือเพียงฝุ่นธุลีคลุ้งทั่วห้อง
หลังจากช่วงเวลาที่หวาดกลัวที่สุดได้ผ่านไป พอดแมนรวบรวมสมาธิตั้งสติอีกครั้ง ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบดู ในที่สุดเขาก็ก้มลงไปเก็บหีบ จัดการปิดฝามิดชิด มันยังส่องประกายระยิบระยับและดูเป็นจุดเด่นที่สุดในห้อง ครั้งนี้พอดแมนไม่ได้เก็บหีบเข้ากระเป๋าเสื้อแล้วแต่กลับถือมันอย่างมั่นคงและระมัดระวัง ขณะที่เดินขึ้นไปตามบันใดเวียนขึ้นมาสู่ห้องโถงกลาง ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้านายแล้วยื่นหีบให้
พอดแมนรู้ดีว่าเป็นการโง่มากหากจะทำอะไรที่ตนไม่รู้เป็นครั้งที่สองหลังจากได้พบกับประสบการณ์จริงซึ่งไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งนี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ได้ขโมยมันไป
"ภารกิจของเธอสิ้นสุดแล้ว" โอลีนกล่าวสรุป ขณะกำลังจับหีบหมุนไปมาเพื่อสำรวจมัน
"นายท่านขอรับ" พอดแมนไม่รีรอที่จะพูด แต่น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่หมดความหวังเต็มที "ขอกระผมอยู่ต่อได้ไหมขอรับ"
"อืม..." โอลีนทำท่าใช้ความคิด สายตายังจับจ้องอยู่ที่หีบ "ก็ได้นะ แต่ว่าเมื่อฉันขอให้เธอออกไปเมื่อนั้นเธอก็ต้องทำตามที่ฉันขอเหมือนกัน เข้าใจนะ" เขาว่า"ทีนี้เธอช่วยอะไรฉันทีสิพอดแมน" โอลีนพูด พลางคว้าหนังสือทั้งสองที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้ "เธอไป... เอ่อ... ยกโต๊ะตัวนั้นไปวางไว้ตรงนี้ที" เขาชี้ไปทางโต๊ะตัวเล็กข้างเก้าอี้นวมและชี้อีกทีไปตรงที่ว่างหน้าเตาผิง พอดแมนขยับไปข้างหน้า ยกโต๊ะเล็กเลื่อนเฉียงขึ้นไปทางขวาเพื่อให้อยู่ในตำแหน่งหน้าเตาผิงตามคำสั่ง
"อย่างนั้น -- อ่า พอดีแล้ว"
จากนั้นก็กลับเข้าสู่ช่วงเวลาที่ชวนอึดอัดอีกครั้ง เมื่อความเงียบแผ่กระจาย โอลีนวางหีบสีเงินลงบนโต๊ะ จึงค่อยกางหนังสือ 'คู่มือความรู้แถบทุกแบบ' เพื่อหาบางอย่าง มืออีกข้างก็กระดิกนิ้วไปมาอยู่ข้างหู ส่วนพอดแมนเฝ้าดูอยู่ข้างหลัง เขาสังเกตได้จากตอนนั้นเองว่าโอลีนกำลังทำอะไรบางอย่างกับหีบ เพราะดูได้จากท่าทีเขายืนอยู่คือ ศีรษะก้มลงดูโต๊ะ สองมือวุ้นๆซุกอยู่ข้างกน้า พอดแมนพยายามชะโงกหน้าเพื่อมองข้ามร่างเล็กเตี้ยของโอลีนไปแต่ไม่สำเร็จ เหตุคือโอลีนตัวเล็กและเตี้ยก็จริง แต่ว่าโต๊ะตัวนั้นก็เล็กและเตี้ยกว่าเขาอีกมากผลคือทำให้โต๊ะทั้งตัวถูกบังมิด
เวลาช่วงนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า โอลีนหันกลับมาส่งยิ้มให้พอดแมนท่าทีเหมือนลุงกำลังมองสำรวจหลานชายคนโปรด พอดแมนไม่เชื่อสายตาตนเอง เขาอ้าปากจะพูด แต่นึกคำพูดไม่ได้จึงหุบปากตามเดิมแล้วก้มหน้ามองพื้น
"อ๋อ เธอกำลังมีเรื่องกังวลใจอยู่ล่ะสิใช่ไหม" โอลีนพูดขึ้น "คือ... ฉันก็อยากปฏิเสธหรอกนะว่าดูท่าทางของเธอไม่ออก แต่นี่มันแสดงออกอย่างชัดเจนจริงไหม เธอมีอะไรอยากจะบอกฉันไหม"
พอดแมนกระแอมแล้วจึงพูดออกมาได้
"ไม่ครับ ไม่มี"
พอดแมนยังอยากที่จะแก้ไขในท่าทางของตนที่แสดงออกต่อหน้าโอลีน แต่คงสายไปเสียแล้วเพราะตอนนี้โอลีนดูท่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาจึงรอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนี้
"ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่เหลืออยู่สำหรับเธอในคือนี้..." โอลีนพูดขณะหันหลังกลับมาประจันหน้ากับพอดแมนอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังคงมองไม่เห็นอยู่ดีว่าบนโต๊ะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร "ก็คือลงไปตามฟิฟีคัสมาพบฉัน" ตอนนี้ใบหน้าที่สดใสและร่าเริงของโอลีนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย "และ --"
"เดี๋ยวขอรับ!!" พอดแมนโพล่งออกมาอย่างลืมตัว เขาดูตกใจสุดขีด "ผมเกรงว่าเธอคงเข้านอนแล้ว และเธอคงเหนื่อยมาก"
"นอนหรือ" โอลีนดุ
"ใช่ขอรับ"
"นี่เพิ่งจะทุ่มเศษๆนะ"
"แต่..."
"ถ้าเธอนอนจริงก็ปลุกเธอสิ"
"ปลุกเธอ"
"ใช่ปลุกเธอ"
"แต่..."
"เดี๋ยวนี้!!" โอลีนตะโกนเสียงดังเป็นครังแรก พอดแมนรุกรี้รุกรนและก้าวยาวๆออกจากห้องไปด้วยสีหน้าตื่นๆ โอลีนจ้องตามหลัง มีเรื่องที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขี้นอีก ทำไมโอลีนถึงอยากพบฟิฟีคัสหนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้เรื่องหมดทุกอย่าง ก็คงเป็นเพราะเขาต้องมีแผนการบางอย่างอยู่แน่ๆ มันย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้วที่เจ้านายซึ่งแสนจะใจดี ร่าเริงและมีอารมณ์ขัน กลับเลือดพล่านขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยเพราะแค่อยากพบกับสาวใช้ที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเลย พอดแมนคิดขณะที่ก้าวชับๆไปตามระเบียง
"เร็วๆเข้าสิ เดี๋ยวเขาก็เห็นเข้าหรอก... จุ๊ๆ... เงียบที" เสียงของใครบางคนกระซิบแผ่วๆออกมาจากความมืดของระเบียงฝั่งตรงข้ามพอดแมน เป็นเสียงของผู้หญิง มีร่างตะคุ่มๆอยู่ตรงนั้นสามร่างพร้อมดวงไฟสีส้มสองดวงลอยขึ้นลงอยู่ตรงนั้น พอดแมนหยุดกึกทันที แอบมองอยู่ตรงเสาต้นหนึ่งใกล้ๆกัน
เวลานี้เป็นเวลาที่ระเบียงต่างๆที่ไม่ค่อยมีคนผ่านจะปิดไฟ ซึ่งก็เกือบจะต้องปิดทั้งหลังเพราะทุกคนต่างก็ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน แต่เวลานี้ดูเหมือนจะจำเป็นทั้งผู้ซุ่มดูและเงาตะคุ่มทั้งหลายนั่น
"โอ๊ย... แม่เหยียบเท้าผมอยู่นะ" เสียงที่สองพูด เป็นเสียงของเด็กหนุ่ม
"ขอโทษจ้ะ... เร็วเข้าไปต่อเถอะ" เสียงแรกกระซิบ
"แม่คะ แล้วพี่ฟิฟีคัสละ" เสียงที่สามพูดเบาที่สุด ทีนี้พอดแมนรู้แล้วว่าทั้งสามร่างนั้นคือใคร เสียงแรกคือภรรยาของเขาเอง เสียงที่สองเป็นเสียงของน้องชายคนกลาง และเสียงสุดท้ายเป็นเสียงของน้องสาวคนสุดท้อง
"เดี๋ยวก็คงตามมา หรือไม่ก็ล่วงหน้าเราไปแล้วจ้ะ" เสียงผู้เป็นแม่กระซิบตอบอย่างใจเย็น และทั้งสามก็มุ่งหน้าเดินต่ออย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
พอดแมนลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาแอบย่องตามไปช้าๆ เมื่อเห็นพวกนั้นเดินไปถึงห้องโถงกลางเขาจึงตัดสินใจโพลงออกมา
"นั่นพวกแกจะไปไหนกัน" เขาร้องถาม ทั้งสามหันหลังมาทันควัน ดูท่าทางตื่นๆ หวาดกลัว และตกใจ พอดแมนมองเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจนจากแสงไฟสีส้มของตะเกียงโบราณ ต่างก็ถือกระเป๋าสำภาระอยู่คนละใบสองใบ ภรรยาร่างท้วมของเขาที่ดูท่าใจดีอยู่ในตำแหน่งที่เดินนำหน้าลูกๆ มือข้างหนึ่งถือตะเกียง อีกข้างถือกระเป๋าใบมหึมา ส่วนลูกชายผอมกระหร่องที่ยืนอยู่ข้างขวาก็ถือตะเกียงและกระเป๋าสำภาระของตนพร้อมเป้สะพายหลัง กับน้องสาวตัวเล็กที่หอบตุ๊กตาหมีกับกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กที่สุด
"กะ... กะ... ก็ ไป --" ผู้เป็นแม่เริ่มพูดเสียงสั่น เธอย่อตัวลงวางสำภาระต่างๆรวมทั้งตะเกียง ลูกๆทำตาม ดังนั้นแสงสว่างจึงไปตกอยู่ที่พื้น ต่างฝ่ายต่างเห็นหน้ากันได้ไม่ชัดเจน
"ไปไหน" พอดแมนเร่ง
"ปะ -- ไป -- "
"ไปจากชีวิตพ่อไง" ลูกชายพูดต่อให้ ถึงเขาจะเกรงกลัวพ่อ แต่ก็ไม่ใช่เวลานี้
"นี่แก... เจ้าลูก..." พอดแมนไอแค็กๆ
"พอดแมนคุณเป็นยังไงบ้าง" ภรรยาถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใย
"แกอย่ามายุ่งกับฉัน นางโพลลี่โสโครก" พอดแมนตะคอก
"พ่อออ..." ลูกสาวคนเล็กกรีดเสียง
"อย่ามายุ้งกับแม่ของเรา" ลูกชายว่า ดวงตาขุ่นเขียว
"พอล ไม่เอานะจ้ะ ลูกต้องไม่ว่าพ่ออย่างนั้น" แม่เอ็ดลูกชาย แล้วหันกลับไปหาสามีที่กำลังเดือดปุดๆ
"เขาม่าย -- ช่าย -- พ่อ -- โผมมม" พอลตะโกนลั่น หยดน้ำใสๆเม็ดเล็กไหลรินลงระใบหน้าของเขา
"แกกก..." พอดแมนระเบิดทันที แก้มทั้งสองมีปื้นสีแดงขึ้นเป็นจุดใหญ่ หูก็เหมือนจะมีควันพุ่งออกมายังไงยังงั้น และรีบตรงรี่ไปที่ลูกชาย ตวัดแขนทั้งสองขึ้นบีบคอแน่น
"อ่ะ -- อ่ะ -- อ่ะ" พอลร้องอย่างเจ็บปวดแต่ก็ร้องได้เพียงเท่านี้เพราะเขาไม่มีเสียง มือสองข้างก็พยายามยื้อมืออันอวบอ้วนของพ่อให้ออกไป
"พอดแมนปล่อยเขานะ" โพลลี่กรีดร้องเสียงแหลมสูง พลางยื่นมือไปดึงแขนพอดแมนออกจากคอลูกชาย แล้วก็สำเร็จ พอดแมนถอยไปสองก้าว เขาตั้งต้นหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัวไร้ความรื่นรมณ์ใดๆที่ดังก้องทั่วทั้งห้อง
"หยุดซะที... พอที... หยุดเถอะ..." น้องคนเล็กกรีดเสียงอีกครั้ง เธอดูเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยายามกั้นน้ำตามเอาไว้
"พอล... พอลลี่ มานี่จ้ะ" โพลลี่ร้องเรียกลูกๆ เธอเอาแขนมาโอบลูกทั้งสองคนไว้เหมือนกับงูหวงไข่ "ปล่อยเราไป อย่างน้อยก็เห็นแก่ลูกๆหรือสิ่งที่คุณทำลงไปพอดแมน" เธอพูดเสียงแผ่ว มองพอดแมนด้วยดวงตาขุ่นเคืองปิ่มน้ำ"โถ่ๆ..." พอดแมนเยอะเย้ย พลางทำท่ากอดกับอากาศเป็นการล้อเลียน "ครอบครัวแสนรัก... มีแต่เรื่องโกหกทั้งนั้น" เขาพูดโดนไม่ถอนสายตาไปจากทุกคน "...ใช่ฉันให้พวกแกไปแน่ถ้าพวกแกบอกฉันก่อนว่าพวกแกกำลังมีแผนการอะไรอยู่ ว่าพวกแกกำลังจะทำอะไร ว่าพวกแกจะไปที่ไหน..." ดูเหมือนพอลลี่กำลังจะอ้าปากพูดแต่ถูกแม่ของเธอเอามือป้องปากไว้ได้ทัน "...ไหนใครจะบอกฉันได้"
สามแม่ลูกก้าวถอยหลังออกไปแถนคำตอบ แม้แต่โพลลี่ซึ่งเป็นภรรยายังหวาดๆ พอดแมนทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเองซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงอะไร
"ไม่มีเลยรึ" พอดแมนมีสีหน้าไม่ดีแล้วตอนนี้ เพราะปื้นสีแดงที่ค่อยๆจางหายกำลังจะแดงขึ้นมาอีก
"เรากำลังจะไปบ้านคุณยาย" พอลพูด ก้าวเท้าออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
"งั้นรึ..."
"ใช่เราจะไปที่นั่น" พอล พอลลี่ และแม่ของเขาพูดขึ้นพร้อมกัน
คำพูดนี้ปลุกให้พอดแมนมีสติกลับคืนมา
"แล้วทำไมพวกแกต้องไปที่นั่น" ชายรางอ้วนพูดอย่างเกรี้ยวกราด "ก็เพราะว่าพวกแกจะหนีฉันไปและทิ้งให้อยู่กับเจ้าแก่โอลีนนั่นน่ะสิ"
"ไม่ใช่" โพลลี่เอ่ยขึ้น "ที่รัก -- "
"แล้วพวกแกก็จะปล่อยให้ฉันทำงานทุกอย่างคนเดียว"
"ใช่" พอลมองผู้เป็นพ่ออย่างไม่เคยทำมาก่อน
ความคิดเห็น