ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Plan แผนร้ายข็อตใจนายสุดฮอต

    ลำดับตอนที่ #4 : คืนสู่เหย้าอลเวง

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 56


    พื้นก็ทั้งแข็งทั้งเย็น อีตาบ้าซีแซนด์ก็เหมือนแกล้งเปิดแอร์ซะเย็นยะเยือกมันทำให้ฉันตื่นมากลางดึก ปวดกระดูกสันหลังของชาติ เมื่อยตัวไปหมดเลยอ่ะ นายนั่นหลับรึยังนะ แอบขึ้นไปนอนบนเตียงซะหน่อยดีกว่า ว่าแล้วฉันก็หอบผ้าห่มคลานขึ้นเตียงเหมือนผีจูออนคืบคลานขึ้นไปให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้ชายบนเตียงตื่น
     

                    ว๊ายๆ ขยับแล้ว ซีแซนด์ขยับแล้ว แต่อย่าหวังเลยว่าฉันจะลงไปนอนบนพื้นอีกฉันรีบกระเถิบตัวให้ที่นอนพอดีตัวและห่างจากซีแซนด์พอควรก่อนจะห่มผ้าสบายใจเฉิบ อุ่นและนุ่มนิ่มมากเลยหลับสบ๊ายสบาย

                    “แคร๊ก แครด แคร๊ก แคร๊ก” เสียงอะไรน่ะ มีเสียงเหมือนคนลากโซ่เดินอยู่หน้าห้องนอนด้วย ไม่เอานะฉันกลัว ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาคลุมหัวหลับตาปี๋ นะโมตัสสะ อะระหังสัมมา อิติปิโสภะคะวา โอ้ย สวดมนต์ไม่ถูก ใช้บทไหนถึงจะไล่ผีได้เนี่ย อย่านะ อย่า
     

                    “แอ๊ด” เสียงเปิดประตูโหยหวนได้ใจมาก อีตาซีแซนด์ไม่ล็อคประตูรึไงกันเนี่ยเห็นมั้ยผีเข้าห้องได้แล้วนะ ฉันเสี่ยงโดนผีดึงมือด้วยการควานหาซีแซนด์เพื่อปลุกเขาไปไล่ผี (ให้คนตื่นไปไล่ผีนางเอกมันเอาส่วนไหนคิดฟะเนี่ย:เดซี่) โบ๋เบ๋ ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตข้างกาย มีเพียงฉันและผีลากโซ่ (เป็นชื่อผีที่เท่ห์มาก) ไปนะไอ้ผีลากโซ่ ฉันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วเนี่ย สิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจฉันสิ่งเดียวคือ
     

                    “ซีแซนด์ นายอยู่ไหนอ่ะ ช่วยฉันด้วย” ฉันร้องไห้คร่ำครวญ

                    “เธอบุกรุกที่ของฉันนนนน” เสียงครางยานทุ้มต่ำน่ากลัวยิ่งทำให้ฉันสั่นมากขึ้น
     

                    “ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะนะ ถึงฉันจะไม่เคยเข้าวัดทำบุญเลย แต่ต่อจากนี้ฉันจะไปทำบุญให้แก อย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลย” พูดไปสั่นไป
     

                    “ไม่ปายยย ฉันชอบที่นี่ แฮ่” โอ้ยดันชอบที่นี่อีก ว่าแล้วอีผีบ้านี่ก็ดึงผ้าห่มฉันออกไป ปราการด่านสุดท้ายที่ปิดตาฉันก็คือมือทั้งสองข้าง แต่ผีลากโซ่ก็ดึงมือฉันออกแล้วยังร้องแฮ่หรอกหลอนฉันอีก
     

                    “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” ฉันดึงมือผีออก แต่แกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออก

                    “อ๊าย ฮือๆๆๆ” ฉันปล่อยโฮออกมาน้ำตานองหน้า นี่ฉันจะตายไหมเนี่ยจะโดนผีลากโซ่บีบคอตายแล้วอ๊าก

                    “ยัยซื่อบื้อ ตั้งสติหน่อยเด่ เฮ้ แอมแปร์” เสียงนี้ คำพูดแบบนี้ นายซีแซนด์นี่นา
     

                    “นะ นายซีแซนด์ นายเล่นบ้าอะไรเนี่ย” ฝ่ามือน้อยๆ รัวใส่ซีแซนด์ไม่ยั้งจนถูกเขารวบมือไว้

                    “เธอบุกรุกเตียงนอนของฉันก่อนนะ” โฮก แค่บุกรุกเตียงนอนเนี่ยนะ เรื่องแค่นี้ขี้งกไปได้
     

                    “แค่นี้นายต้องหลอกผีฉันเลยหรือไงเล่า ถ้าฉันหัวใจวายตายไปนายรับผิดชอบไหวเหรอ” ฉันดึงมือออกแต่กลับถูกรวบตัวไปกอด

                    “งั้นฉันอนุญาตให้เธอนอนด้วยก็ได้” เซ็นเซอร์ค่ะเซ็นเซอร์ นอนด้วยในที่นี้หมายถึงนอนบนเตียงเฉยๆ มิได้ทำไรกันแน๊
     

                    “ให้นอนก็ปล่อยดิ กอดฉันไว้ทำไมเล่า” ฉันดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดซีแซนด์

                    “เธอก็หยุดดิ้นดิ เสื้อเธอมันเปิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” อีตาลามก เห็นต้นขาขาวของฉันแล้วทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า ฉันรีบดึงเสื้อปิดขาขาวตัวเองไว้
     

                    “เรียบร้อยแล้วปล่อย” เหลือบมองเห็นโซ่ที่ข้างเตียง นายเตรียมโซ่มาเพื่อหลอกผีฉันโดยเฉพาะเลยหรือเนี่ย ช่างลงทุน

                    “ไม่ปล่อย ถ้าจะนอนก็ต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันด้วย” ว่าแล้วซีแซนด์ก็กระชับวงแขนแล้วเหวี่ยงตัวฉันลงนอนข้างเขาก่อนจะเอาขาก่ายสะโพกฉันไว้เอาขาล็อคตัวฉันแน่น แบบนี้นอนหลับที่ไหนกันเล่า

                    “นี่ฉันนอนไม่หลับหรอกนะอย่างนี้อ่ะ” ฉันดิ้นหนีอ้อมกอดเขาที่คลายตัวหลวมลงบ้างแล้วก่อนจะหันหลังให้ ซีแซนด์ใช้ขาที่ก่ายล็อคขาฉันไว้แล้วก็สอดแขนจากด้านหลังมาดึงตัวฉันไปแนบหน้าอก เอาหน้ามาเกยไหล่ฉันไว้
     

                    “เธอหลับลงจริงๆ เหรอ” ทำไมต้องถามคำถามชวนคิดแบบนี้ด้วยเนี่ย

                    “ทำไมถ้าไม่หลับแล้วจะให้ทำไร” อ้าว ฉันก็ถามกลับชวนคิดอีก

                    “นั่นดิ” หลังจากนั่นดิก็ปล่อยมือแล้วล้มตัวลงนอนปล่อยฉันใจเต้นแรงอยู่คนเดียวอีตาบ้านี่ เฮ้อ ก็ดีแล้วแหล่ะจะได้นอนซักที ฮ้าว ง่วง

     

                    “ทำไมยอมให้ฉันขับกลับล่ะ ไหนว่ากลัวฉันขับรถหนีไม่ใช่เหรอ” ผู้ชายที่นั่งคู่กับฉันบนรถทำท่าง่วงเหงาหาวนอน และเขาก็ยอมให้ฉันขับรถตัวเองกลับบ้านโดยตัวเองนอนหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทาง

                    “ก็เมื่อคืนฉันไม่ได้นอน ไม่อยากขับรถหลับในเกิดอุบัติเหตุตาย อนาคตฉันกำลังสดใสอยู่ด้วย” เมื่อคืนฉันออกจะหลับสบายทำไมนายไม่หลับมิทราบ
     

                    “ก็เห็นหลับก่อนฉันซะอีก มาบอกไม่ได้นอน ประสาท” คำพูดฉันลอยไปลอยมาเพราะไม่มีบทสนทนาจากอีตาหน้าหล่อข้างๆ

                    ถึงบ้านฉันแล้วซีแซนด์ก็เข้าบ้านมาด้วยกันเพื่อขอยืมเสื้อผ้าของโวลต์เปลี่ยนใส่ไปเรียน ดูหน้าน้องชายฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่นายซีแซนด์พาพี่สาวกลับเช้า และมีรอยช้ำที่มุมปากของนักร้องดัง คงต้องตบแป้งหนาเลยแหล่ะถ้าต้องขึ้นเวทีวันนี้
     

                    “หน้านายไปโดนอะไรมาอ่ะ” ฉันถามทันทีที่ก้าวขึ้นรถมา กุญแจรถถูกซีแซนด์ยึดไปอีกแล้ว

                    “น้องชายเธอต่อยฉันอ่ะ หาว่าฉันทำมิดีมิร้ายเธอ” ไอ้มิดีมิร้ายนี่หมายถึงหลอกผีฉันเมื่อคืนใช่ป่ะ

                    “เฮอะ โดนแค่นี้ยังน้อยไป” แค่นึกถึงก็หลอนแระ

                    “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ โดนต่อยฟรีเลย” หนอย หน้าด้านทำฉันขนาดนั้นยังกล้าปฏิเสธ

                    “นายหลอกผีฉันจนฉันแทบจับไข้หัวโกร๋นเนี่ยนะ ไม่ได้ทำไรฉัน” ฉันตาโตใส่เขาแต่ซีแซนด์ได้แต่ส่ายหัวแล้วขับรถมาจอดหน้าโรงเรียนฉัน
     

                    “เธอคิดว่ามิดีมิร้ายของน้องชายเธอหมายถึงหลอกผีเหรอเนี่ย คิดได้ไง” ส่ายหัวให้ฉันก่อนจะขับรถออกไป ก็เออเด้ มันมีมิดีมิร้ายแบบอื่นอีกเหรอ

                    “ยัยแอมป์ ใครอยู่บนรถแกอ่ะ ใช่แฟนแกอ๊ะเปล่า” เสียงแหลมๆ ของยัยซ่าหลีดังขึ้นพร้อมกับเดินมากอดคอฉันเดินเข้าโรงเรียน
     

                    “ซีแซนด์น่ะเหรอ อุ้ยตายว๊ายกรี๊ด คืนพรุ่งนี้พวกเราก็จะได้ดูกลุ่มยัยผีจูออนคลานลอดขาเราแล้วดิ คิกๆ” ยัยเด็กอีสานคลั่งไคล้เกาหลีอย่างยัยลูกหว้าเดินมัดจุกโบว์อันเท่าฝาบ้านสีบานเย็นลายจุดเดินมาสมทบพวกเรา นับวันฉันยิ่งไม่อยากเดินใกล้มันนะเนี่ย
     

                    “อืม ซีแซนด์น่ะ เมื่อวานก่อนฉันทำรถเค้าพัง เค้าเลยเอารถฉันไปใช้อ่ะ” นี่ไม่ได้โกหกนะ แค่บอกไม่หมดอ่ะ

                    “แล้วเมื่อวานแกหายไปไหนมา” สายตาโตของยัยลูกหว้าจะทำฉันประสาทกิน

                    “อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะลูกหว้า แกอีกคนซ่าหลี เออๆ เล่าให้ฟังก็ได้ ก็เมื่อวานซีแซนด์ไปถ่าย MV ตัวใหม่ที่พัทยา เลยพาฉันไปเที่ยวด้วย” ทนสายตาของสองคนนี้ไม่ไหว จ้องจนฉันแทบละลุปรุโปร่งหมดแระ แหม พูดแล้วก็เขินอิอิ แค่คิดว่าจะควงเค้าเข้างานพรุ่งนี้ก็ อ๊าย
     

                    “ฉันแทบจะทนไม่ไหว อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ” ยัยลูกหว้า

                    “พรุ่งนี้เราต้องใส่กางเกงซ้อนชุดราตรีแสนสวยมาด้วยนะ เวลากางขาให้กลุ่มยัยลูกมาเฟียนั่นคลานลอดหว่างขาเราจะได้ไม่โป๊ คิกคิก” ยัยซ่าหลีหัวเราะชอบใจ แกรู้มั้ยไอ้ความสะใจของแกสองคน เพื่อนแกต้องทำอะไรเพื่อมันมั่ง ไหนจะข้อตกลงบ้าบอที่อีตานั่นตั้งโจทย์ให้ฉันอีกสองข้อที่เหลือ จะเป็นอะไรก็ไม่บอกด้วย
     

                    “อืม ไปเหอะ” ฉันชักชวนเพื่อนสาวเข้าเรียนด้วยอารมณ์เบิกบานตระการใจ

                    “เดี๋ยวชั่วโมงชมรมอ่ะ วันนี้ชมรมเราไปออกบูธขายของหน้าโรงเรียนด้วยนะแกรู้อ๊ะเปล่า” ซ่าหลีเอาโบว์ชัวที่อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมให้มาเมื่อวานยื่นให้ฉัน

                    “ชมรมคนหน้าตาดี อุ้ย ชมรมการแสดงของพวกเราต้องขายน้ำหอมซีซีละ 3 บาทอ่ะ โลคลาสหลายแท้น้อ” ยัยลูกหว้าทำหน้างอไม่พึงพอใจ
     

                    “เอาน่า รายได้ทั้งหมดสบทบทุนสร้างองค์พระเชียวนะ ได้บุญออก ถ้าขายไม่หมดฉันเหมาเอาไปแจกเด็กแถวบ้านก็ได้” ก็คนมันรวยช่วยไม่ได้ ให้ไปยืนขายของราคาถูกแบบนี้ไม่เหมาะกับลูกสาวมหาเศรษฐีอย่างแอมแปร์หรอกค๊า
     

                    “จ้า แม่คนรวย รีบทำข้อนี้ส่งอาจารย์เหอะ จะได้ไปเตรียมของกัน” ซ่าหลียื่นกระดาษโจทย์วิชาคณิตศาสตร์มาให้ฉันกับลูกหว้า รีบลงมือทำส่งอาจารย์ที่ตอนนี้ออกไปเตรียมออกบูธเช่นกัน
     

                    ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือนโรงเรียนเราจะเกณฑ์นักเรียนจากชมรมต่างๆ เวียนกันไปออกบูธขายของที่สวนเฉลิมพระเกียรติที่มีคนมาเดินจับจ่ายซื้อของ และนำเงินไปทำบุญหรือเป็นทุนการศึกษาแล้วแต่อาจารย์จะนึกได้ เพื่อเสริมสร้างให้นักเรียนรู้สึกเป็นผู้ให้ แต่จะให้จ่ายเงินทำบุญไปเลยก็ง่ายเกินไป อาจารย์บอกว่าเดี๋ยวนักเรียนไม่รู้จักคุณค่าของเงินที่จะนำมาทำบุญ และสิ่งที่โรงเรียนได้ก็คือ การทำกิจกรรมต่างๆ นี้ ทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงด้านดีด้วยไงล่ะ
     

                    “ฉันคิดโปรเจ๊กเด็ดๆ ทำให้เราขายดีมาด้วยแหล่ะ นอนคิดมาทั้งคืนเลยนะจะบอกให้” แกโกหกแล้วยัยซ่าหลี ดูหน้าตาแกไม่เหมือนคนอดนอนเลยซักนิดนึง

                    “ว่ามาเลยไม่ต้องเวอร์ ฉันรู้ว่าแกนอนมาเต็มที่จนตาตูบเลย นี่ไงหลักฐาน” ลูกหว้าเอานิ้วจิ้มไปที่ถุงใต้ตาซ่าหลี
     

                    “อย่ามัวแกล้งกันดิ ว่ามาๆ ฉันชักตื่นเต้นแระ” เราสุมหัวกันซุบซิบแล้วก็หัวเราะคิกคัก

                    “เอาจริงเหรอเนี่ย น่าอายอ่ะ” ลูกหว้าจับโบว์อันใหญ่บนหัว

                    “หน้าด้านอย่างแกไม่น่าอายแล้วนะ” ซ่าหลีปลายตามอง
     

                    “น่าสนุกดีออก พวกเราต้องทำออกมาได้ดีแน่” ว่าแล้วพวกเราก็รีบไปตระเตรียมอุปกรณ์และเดินทางไปออกบูธพร้อมกับชมรมประชาสัมพันธ์ที่เอาของที่ระลึกมาขาย ชมรมบาสที่จำลองเกมส์บาสมาให้ชู๊ตแล้วเก็บเงินเกมส์ละ 20 บาท และชมรมท่องเที่ยว ก็เอาโปสเตอร์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ถ่ายกันเองมาขายด้วย ดูทุกคนเตรียมตัวกันมาเต็มที่ทั้งของที่ขายและคนขายเลยหล่ะ
     

                    “เอาล่ะค่ะนักเรียนทุกคน เราจะใช้เวลาสองชั่วโมงนะคะในการขายวันนี้ เสร็จแล้วจะมีชมรมศิลปะมาเก็บอุปกรณ์ให้ เต็มที่เลยนะคะทุกคน” เสียงอาจารย์ที่คุมมาชี้แจงก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปตามบูธของตัวเอง
     

                    “ซีดีอยู่ไหนลูกหว้า” ซ่าหลีวางเครื่องเสียงจัดแจงเสียงปลั๊กเรียบร้อยหันมาถามลูกหว้า

                    “อยู่กับฉันเอง” ฉันส่งแผ่นซีดีเพลงแดนซ์มันส์ๆ ให้กับซ่าหลีเอาไปเปิด
     

                    “พร้อมรึยังพวกเรา 1 2 3 let’s go” เพลงดังขึ้นพร้อมกับสาวสวยในชุดนักเรียนมอห้าสวมหูกระต่ายสีชมพูยืนเต้นอยู่หน้าบูธน้ำหอมซีซีละ 3 บาท อย่าไปนึกถึงราคาตรงน๊าน เพราะเราสามคนกรอกน้ำหอมใส่ขวดทรงน่ารักแล้ววางไว้หน้ากล่องรับบริจาค ติดป้ายว่าตามกำลังศรัทธา ชอบกลิ่นไหนหยิบกลิ่นนั้นแล้วหย่อนเงินใส่กล่อง  เอาเซ่ ถ้าหยิบไปแล้วจ่ายน้อยกว่าราคาน้ำหอมก็น่าอายจะบอกให้
     

                    “มีคนเดินมาทางนี้แล้วแอมป์ ซ่าหลี ดูดิๆ” ยัยลูกหว้าส่ายเอวมากกว่าเดิม เป็นไปตามความคาดหมาย จากร้านค้าที่เรียงรายมากมาย มีคนให้ความสนใจบูธของโรงเรียนเรา เพราะมีสามสาวที่ยืนเต้นสุดเซ็กซี่อยู่ตรงนี้ บูธของเพื่อนๆ ชมรมอื่นก็ได้อานิสงค์ไปด้วย มีคนเริ่มมามุงดูพวกเรา

                    “น้องๆ น่ารักแล้วก็ใจบุญด้วยนะเนี่ย พี่ช่วยห้าร้อยเลย” คุณลุงหัวล้านแต่งตัวภูมิฐานเดินมาหยอดเงินใส่กล่อง น้ำหอมก็ไม่เอา ไอเดียพวกเราใช้ได้เหมือนกัน
     

                    “พี่ช่วยพันนึง” มีอาเสี่ยพุงพุ้ยมาเกย์ทับด้วย พวกเราพากันหยุดเต้นแล้วยกมือไหว้

                    “เอ้าเต้นต่อสิ พี่รอดูอยู่” แล้วหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็พากันลุมล้อมพวกเราเยอะเกินคาด แล้วก็เริ่มยื่นไม้ยื่นมือมาจะจับพวกเรา เฮ้ พวกเราอยู่ในชุดนักเรียนนะเฟ้ยพวกเฒ่าหัวงู ไม่ใช่สาวน้อยคาเฟ่ เราเต้นกันต่ออีกสองเพลงก็ทนไม่ไหวโดยยัยซ่าหลีเริ่มโวยวายก่อน
     

                    “นี่พวกคุณลุงคะ ถ้าไม่คิดจะทำบุญก็กรุณากลับบ้านไปหาลูกเมียเลยนะคะ” มันกล้าพูดเพราะตอนนี้ตู้รับบริจาคของเราเต็มไปด้วยแบงค์แดงแบงค์ม่วงเต็มไปหมด
     

                    “ขอบคุณพวกพี่ๆ ทุกคนนะคะ ขอโทษแทนเพื่อนด้วยค่ะ อย่าลืมไปอุตหนุนบูธอื่นด้วยนะคะ” ฉันยิ้มสยามน้ำใจไทยให้พี่ลุงทั้งหลายแล้วถอดหูกระต่ายออก วิธีนี้ถึงจะได้ตังค์เยอะแต่ก็เสี่ยงเกินไปนะเนี่ย เราสามคนเริ่มเก็บบูธก่อนเวลาอันควรเพราะยอดขาย(ทางลัด) ของพวกเราทะลุเป้าหมายไปหลายโข
     

                    “ไม่เต้นต่อแล้วเหรอยัยกระต่ายน้อย” น้ำเสียงนี้ คำพูดกวนบาทาแบบนี้ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร นายซีแซนด์

                    “กรี๊ดดดดด ซีแซนด์วง Zsood” เสียงของสองเพื่อน
     

                    “มีไร” เป็นฉันที่หันไปถามเขาเสียงแข็งดันมาเห็นภาพกระต่ายน้อยเริงระบำ น่าขายหน้าที่สุด

                    “ฉันไปรับเธอที่โรงเรียนไม่เจอ มานี่ก็ไม่บอกฉันซักคำเดี๋ยวก็ปล่อยทิ้งให้กลับบ้านเองเลยนี่” คำพูดนี้น่าจะเป็นฉันมากกว่านะถ้านายไม่ยึดรถฉันไป
     

                    “เจอแล้วไง กลับเหอะ” ฉันดึงแขนเขาออกจากพื้นที่เพราะเริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้นทิ้งสองเพื่อนไว้นับเงินส่งยอดขายอาจารย์ ตลอดทางเดินมาถึงรถมีคนซุบซิบกันตลอดว่านี่ใช่ซีแซนด์จริงรึเปล่า และเกือบจะถึงรถก็มีคนมาขอถ่ายรูปตาบ้านี่อีก กว่าจะถึงรถจึงกินเวลาไปมาก เฮ้อ เหนื่อย
     

                    “นายทนได้ไงที่มีคนรุมทึ้งนายตลอดเวลาแบบนี้เนี่ย เฮ้อ” ฉันพูดเมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย

                    “ฉันเกิดมาเพื่อเป็นซุปเปอร์สตาร์ เพราะงั้นเรื่องแค่นี้สบายมาก” จ้า พ่อคนดัง พ่อคนหลงตัวเอง หล่อเกินเกิ๊น
     

                    “เธอจำเงื่อนไขข้อที่สองของฉันได้ป่าว” เท่าที่จำได้คือนายยังไม่ได้บอกฉันนะ

                    “บ้าเหรอ ใครจะไปจำได้นายยังไม่ได้บอกฉันซักคำ”
     

                    “เหรอ เดี๋ยวงานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้จบแล้วฉันจะบอกละกัน” ดูดู๊ดู ดูเธอทำ มาพูดให้อยากรู้เพื่อ?

                    “ถ้านายขอให้ฉันทำอะไรพึกลึกกึกกือฉันไม่ทำจริงด้วย”
     

                    “ถ้าเธอไม่ทำพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ไป” อย่าเชียวน๊า

                    “โอ้ย ก็ได้ก็ได้” หงุดหงิดโว้ย
     

                    ก่อนที่ซีแซนด์จะแวะมาส่งฉันที่บ้าน (ด้วยรถของฉัน) เราแวะซื้อเสื้อผ้าใส่ไปงานคืนสู่เหย้าพรุ่งนี้ เป็นชุดทักซิโด้สีดำเข้ารูปกับรองเท้าหนัง ส่วนฉันเป็นชุดราตรีประโปรงฟูฟ่องสีขาว เราดูเหมือนคู่บ่าวสาวเลยแฮะคิกคิก
     

                    “ลงไปดิ” คนไร้มารยาท กล้าไล่ฉันลงรถเชียวเหรอ

                    “นี่รถฉันนะ” ส่งสายตาแสดงความเป็นเจ้าของให้ไป

                    “แต่เธอทำรถฉันพังนะ ถ้าไม่ให้ฉันเอารถไปฉันจะโทรบอกแม่เธอ” ไอ้บ้าเอ้ย ขู่ฉันเหรอ นึกว่าฉันจะกลัวเหรอ ก็แค่โดนยึดบัตรเครดิตกับสมุดเช็ค กะอีแค่โดนตัดค่าขนมและอาจโดนยึดรถ เออกลัวก็กลัว สาวสวยสุดเซ็กซี่ร่ำรวยล้นฟ้าจะให้ไปใช้ชีวิตยาจกดาวก็รับบ่ได้
     

                    “ก็ได้” ฉันเปิดประตูลงจากรถมองด้วยสายตาอาฆาตให้ไป

                    “เมื่อไหร่รถนายจะซ่อมเสร็จเนี่ย”

                    “เป็นเดือน”
     

                    “เฮ้ย รถบ้าอะไรซ่อมเป็นเดือน” กะอีแค่มอเตอร์ไซด์คันเดียว

                    “ฮึ เจ้าไอเทมของฉันต้องใช้อะไหล่แท้เท่านั้น นำเข้าน่ะ เข้าใจมั้ย” ไอ้คนเสียมารยาท กลับมาก่อนเลยนะ ฉันยังพูดไม่จบกล้าขับรถหนีไปเลยเหรอ โอ้ย อยากจะบ้าเฟ้ย

                    “ทำไมกลับดึก” น้องชายสุดที่รักมารอรับถึงรั้วบ้าน
     

                    “ไปซื้อชุดใส่ไปงานพรุ่งนี้มา” ฉันชูถุงเสื้อราคาครึ่งล้านบาทให้น้องชายดูด้วยความภูมิใจ สี่ซ้าห้าแสนเอ๊ง ถูกจัง

                    “หลังจากงานคืนสู่เหย้า เลิกยุ่งกับมันซะ” ไร้หางเสียง ชาตินี้ฉันจะได้ยินนายพูดคำว่าครับ กับคำว่าพี่มั่งมะ

                    “ไม่ได้หรอก รถเค้ายังซ่อมไม่เสร็จเลย” ฉันเดินหนีน้องชายเข้าบ้านแต่ถูกคว้าข้อมือไว้ ดูมันทำกับพี่สาว
     

                    “เธอหลงรักมันแล้วดิ” 
                    “บ้า ไม่มีทางหรอก” แค่คิดก็บ้าแล้ว ใครจะไปชอบอีตานักร้องดังนั่น แค่หล่อ แค่มีกล้ามท้องกับไหล่กว้าง แค่ขาวแค่ดูดีแบบไม่มีเหตุผล ฉันชอบไม่ลงหรอกย่ะ

                    “แล้วทำไมถึงจะไม่ยอมเลิกยุ่งวุ่นวายกับมัน” มองแบบจ้องจับผิดฉันเหรอ สายตาแบบนี้ฉันถูกยัยสองเพื่อนจ้องบ่อยฉันดูออก
     

                    “แค่รถซีแซนด์ยังซ่อมไม่เสร็จ ฉันจะยุ่งกับนายนั่นแค่รถเขาซ่อมเสร็จโอเค๊” ฉันจ้องหน้าน้องชายกลับไปบ้าง จะเกิดมาหวงพี่สาวอะไรตอนนี้เนี่ย ประสาท ฉันมีแฟนตั้งหลายคนแล้วนะ จะว่าหวงก็ควรหวงตั้งแต่มีแฟนคนแรกเด้
     

                    “นานไป” แน๊ อีกไม่ถึงเดือนไม่นานหรอก

                    “เสี่ยงที่เธอจะไปชอบมันจริงๆ” อันที่จริงนายห้ามความรู้สึกฉันไม่ทันแล้วแหล่ะ เพราะฉันชอบเค้าไปแระ

                    “คิดไรแบบนั้นโอ้ย” แรงบีบข้อมือแรงขึ้น
     

                    “มันไม่ใช่คนดี อย่าไปยุ่งด้วยจำไว้” มันสั่งฉ๊าน ไอ้น้องบ้ามันสั่งพี่สาวคนสวย ดูเด้รอบตัวฉันมีแต่ผู้ชายอายุน้อยที่ไม่มีความเคารพยำเกรงให้ความนับถือฉันแม้แต่น้อย

                    “อะไรของมันวะ” ฉันส่ายหัวแล้วถือถุงเสื้อเดินตามโวลต์เข้าบ้าน
     

                    บ้านเงียบจังแฮะ ถามจากแม่บ้านก็ได้รู้ว่าคุณแม่กับคุณพ่อบินไปเจรจาธุรกิจกันที่เมืองนอก ซึ่งฉันเบื่อจะถามแล้วว่าไปประเทศไหนบ้าง เพราะคุณพ่อมีคู่ค้าหลายประเทศมาก รีบอาบน้ำทำความสวยด้วยเครื่องสำอางราคาแพงลิบแล้วก็รีบเข้านอน เตรียมตัวสำหรับคืนวันเสาร์ดีกว่า

     

                    โรงยิมของโรงเรียนสหวิทยาประสานวิทย์วิโรจน์ถูกประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีสวยงาม มีซุ้มประตูทางเข้าสามซุ้มไว้ให้พี่ๆ ศิษย์เก่าถ่ายรูป และมีพวกนักเรียนทุนแต่งตัวเป็นเด็กเสิร์ฟมาคอยช่วยงาน ภายในโรงยิมก็ตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิดตามธีมของงานที่ว่า คืนสู่เหย้าชาวพฤกษา เน้นสีเขียวเพื่อตอกย้ำให้ระลึกถึงการลดโลกร้อน รักษ์โลกประมาณนั้น พี่ๆ ศิษย์เก่าจึงแต่งชุดสีเขียวแปลกประหลาดมากันหลากหลาย ส่วนศิษย์ปัจจุบันจะเป็นสีอะไรก็ได้
     

                    ทั้งนักเรียนเก่านักเรียนใหม่เดินปะปนกันเข้างาน และเดินกินอาหารที่จัดแบบคอกเทลไว้ตามจุดต่างๆ เวทีการแสดงมีการบรรเลงเพลงแบบชิวออนเดอะบีช จะหลากหลายไปมั้ยเนี่ย

                    “ว้าวยัยแอมแปร์สวยยังกับเจ้าหญิงแน่ะ” ยัยลูกหว้าในชุดฮันบกสีสดใส จะเด่นไปมั้ยเพื่อนฉัน ทำผมเป็นซังกุงอีกอยากจะบ้าตามมัน เกาหลีเข้าเส้นเลือดแล้วหล่ะ
     

                    “แกเองก็ดูดีนะ” ฉันยิ้มแหยๆ ให้มันไป

                    “แกดูยัยซ่าหลีดิ” เราสองคนพร้อมใจหันไปมองที่ทางเข้า ยัยนกแก้วหลุดมาจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวหรือไงกันนี่ เสื้อเหลือง กางเกงบานเย็น ทำผมประดับขนนกสีเขียว แต่งหน้ายังกับจะไปเล่นงิ้ว อย่าเดินมาหาฉันนะ ฉันอาย
     

                    “เป็นไง ชุดฉันโดดเด่นข่มแกไปเลยใช่ม๊า” ช้าไปแล้วห้ามไม่ทัน ยัยนกแก้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันกับยัยเกาหลีดั้งหักที่ยืนอ้าปากค้าง

                    “พวกแกทำฉันเสียความมั่นใจนะเนี่ย” จริงๆ แกไม่น่าจะมีความมั่นใจตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วนะ ชุดนี้มันเอ่อ
     

                    “อืม เด่นมากเลย แต่แกไม่อายเหรอ” ฉันกระซิบถามมัน

                    “โอ้ย ถ้าฉันจะอายยัยลูกหว้าในชุดฮันบกก็น่าอายเหมือนกันล่ะน่า” เพื่อนฉันแต่ละคน ทำฉันอยากมุดแผ่นดินหนีจริงๆ

                    “ไหนล่ะนักร้องนำวง Zsood อ่ะ” ซ่าหลีหันมองไปมองมาหาซีแซนด์ พูดขึ้นมาก็ดีแล้ว น่าโมโหจริงๆ โทรหาก็ปิดเครื่อง นี่ฉันต้องให้คนขับรถของพ่อขับมาส่งเข้างานนะเนี่ย เกิดไอ้บ้านั่นเบี้ยวขึ้นมาฉันหน้าแตกกันพอดี
     

                    “เค้าติดงานน่ะ เดี๋ยวตามมา ป่ะไปหาไรกินก่อน” เปลี่ยนเรื่องคุยหน้าตาเฉย ทำยิ้มแย้มมีความสุข แต่ในใจนี่อกแทบระเบิดอยู่แล้ว ถ้ายัยผีจูออนรีย่าพาแฟนหนุ่มของชีมาแล้วฉันไร้คู่ก็ต้องพาสองเพื่อนไปลอดหว่างขารีย่ากับลูกสมุนของมัน ไม่อยากจะคิดโอ้ยๆๆๆ ปวดหมอง
     

                    “ยัยแอมป์ เป็นไรเนี่ย เรียกตั้งนานแล้วนะ” ลูกหว้าสะบัดผ้าเช็ดหน้าอยู่ตรงหน้าฉัน

                    “โทษที มีไรเหรอ” “ก็นั่นไง ยัยผีจูออนพาสมุนผีจีนเดินมานั่นแล้ว” ซ่าหลีชี้ไปที่รีย่ากับสมุน

                    “ชุดนางเงือก ช่างกล้า” งานนี้เริ่มจะมิคาเคิลเกินไปแล้วนะเนี่ย จะเด่นไปมั้ย
     

                    “ไม่เห็นมีผู้ชายมาด้วยเลยนี่ แอมป์รีบตามซีแซนด์มาดิ ฉันอยากเห็นพวกนั้นแพ้ราบคาบพวกเราจะได้เลิกหาเรื่องเราซะทียัยพวกขี้เหร่นั่นน่ะ” ซ่าหลีพูดไปเรื่อยๆ ทั้งที่ฉันกำลังเครียด ถ้าหมอนั่นเกิดไม่มาล่ะ ถ้ายัยผีจูออนนั่นมีผู้ชายเจ๋งๆ มาล่ะ ถ้าพวกเราต้องลอดหว่างขายัยพวกนั่นล่ะ ถ้า..ถ้า..ถ้า..โอ้ยปวดหัว
     

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×