คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ผู้หญิงคนนั้นฉันขอ
“ปริ้นๆๆๆ” เสียงบีบแตรดังต่อเนื่องตามหลังรถนายไนท์มา เสียงดังมาจากรถปอร์เช่สีบรอนด์ด้านหลังฉันหันกลับไปมองในทันใด และนั่น ตรงที่นั่งคนขับ คุณภัทรพล พี่พล เนื้อคู่ที่ฉันเอื้อมไม่ถึงกำลังขับรถตามมาช่วยฉัน อีกแล้ว กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเนี่ยที่พี่พลคอยช่วยเหลือฉัน ฉันเป็นหนี้บุญคุณพี่ขนาดนี้ฉันยกตัวเองให้พี่เลยแล้วกันค่ะ อะไรนะ ไม่อยากได้เหรอ แหมฉันก็แค่คิดเล่นๆ น่า เหอเหอ
ไม่นะ ไฟแดงฮีโร่ของฉัน กำลังจะแปลงร่างเป็นสีเหลือง และเขียว และนายไนท์ก็กระชากเกียร์กึกกัก สปีดเครื่องยนต์ออกตัวด้วยความเร็ว ตามมาติดๆ ด้วยปอร์เช่คันงามของพี่พล โอ้ย เวียนหัวจะอ้วก จะขับเร็วไปสวรรค์รึไงกันนะ
“เอี๊ยดดดดดด ปัก โอ้ยยยแงแง” รถพี่พลขับเบียดมาแล้วแซงหักเข้าปาดหน้า นายไนท์เบรครถตัวโก่งแต่ยังถูกตรึงไว้ด้วยเข็มขัดนิรภัย แต่ฉันนี่สิหัวกระแทกเข้ากับหน้ารถจนโนหมดแล้วมั้งเนี่ย อยากจะร้องไห้สามวันไม่ตื่น รู้อย่างนี้คาดเข็มขัดนิรภัยซะก็ดี เค้าก็บอกอยู่แล้วว่าขับขี่ปลอดภัยคาดเข็มขัดนิรภัยเปิดไฟใส่หมวก ฉันมัวแต่ตกใจจนลืมไปเลยเจ็บตัวซะได้
“หยุดเอาแต่ใจตัวเองซะทีได้มั้ยไนท์ นายทำแบบนี้ถ้าออกข่าวไปคุณพ่อท่านจะเสียใจแค่ไหน” อ๋อ เรื่องที่ทำในงานวันเกิดน่ะเหรอ ใช่ ด่าเลยค่ะพี่พล นายนี่นิสัยไม่ดีต้องโดนพี่ชายสั่งสอนซะบ้าง จะให้คุณแม่ลุกมาสั่งสอนก็ไม่ได้เพราะเห็นว่าท่านเสียไปตั้งแต่สองคนนี้พึ่งจะเรียนอยู่ชั้นประถม และจะโทษนายไนท์ว่าแม่ไม่สั่งสอนก็ไม่ได้ เพราะท่านคงสั่งสอนมาดีดูพี่พลสิสมกับเป็นทายาทเจ้าของโรงแรมชื่อดัง แต่นายขยะสังคมนี่คงจะเลวโดนสันดานมากกว่านะ
“พี่ก็จัดการได้อยู่แล้วนี่ ใช้เงินคุณพ่อไปเท่าไหร่อีกล่ะ ฮึ สมกับเป็นลูกรักคุณพ่อจริงนะ” นายไนท์เปิดประตูลงไปคุยกับพี่พล ฉันเลยลงรถแล้วรีบชิ่งไปอยู่หลังพี่พล เพื่อความปลอดภัยเรนนี่ก็ต้องขออาศัยพี่พลนี่ล่ะนะคะ
“นายไม่ต้องมาประชดฉันนะ นายก็รู้ว่าคุณพ่อรักนายแต่ก็ยังทำตัวเกเรเหลวไหลเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กไม่ยอมโตซักทีไนท์..น้ำฝนไปรอพี่ในรถก่อนนะครับ” พี่พลพูดด้วยน้ำเสียงแข็งในตอนแรก และหันกลับมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แหม พี่คะจะมาให้หนูไปรอในรถทำไมกันล่ะ หนูอยากรู้เรื่องชาวบ้านจะตายไป แถวบ้านหนูเค้าเรียกเข้าข่ายสอดรู้สอดเห็นอ่ะค่ะ เข้าไปก็อดฟังน่ะสิคะ
“แล้วพี่ล่ะคะ” ฉันถามเสียงสั่นๆ ยังคงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ ทำไมล่ะ สองคนนี้เป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้ล่ะ หนูอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ย
“พี่ขอเคลียร์ปัญหากับน้องชายก่อนนะ ไม่อยากให้เราเป็นอันตราย” โห ถึงขั้นเป็นอันตรายนี่คงมีลงไม้ลงมือลงมวยกันด้วยใช่มั้ยคะพี่ อยากรู้อยากเห็นอีกแล้ว
“ไม่ค่ะ ถ้าพี่พลไม่ปลอดภัย น้ำฝนก็จะอยู่ช่วยด้วยอีกแรง” เป็นไงล่ะ นางเอ๊กนางเอกนะฉันเนี่ย
“แป๊ะ ๆ ๆ รักกันจริงนะ พึ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ อะไรจะไวปานจรวดขนาดนั้น น่าชื่นชมยินดีด้วยนะ” นายขยะสังคมปรบมือและพูดอย่างประชดประชัน
“ไม่เกี่ยวหรอกว่าเราจะเคยเจอกันมั้ย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าทุกเรื่องฉันยอมนายได้ ขออย่างเดียวอย่ายุ่งกับน้ำฝน” พระเอกของเรนนี่คนดีที่หนึ่งเลย ออกตัวปกป้องเรนนี่ขนาดนี้ไม่ผิดแน่ เราเองต้องคิดตรงกันตะลึงตึงตึงชิมิ
“แล้วถ้าฉันไม่สนใจล่ะจะว่ายังไงพี่ชาย” ไนท์พูดจาประชดประชันแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากพิงตัวเองไปที่ประตูรถด้านคนขับ
“นายต้องการอะไรกันแน่” พี่พลถามพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้ไนท์ ฉันเองก็ก้าวตามไปด้วย
“วันนี้วันเกิดฉัน ผู้หญิงคนนั้นฉันขอ” อ๊าย ผู้ชายกำลังจะตีกันแย่งเรนนี่ ไม่น่าเชื่อ ภายในวันเดียวที่ฉันได้เจอทั้งสองคน เรื่องราววุ่นวายก็เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ หนึ่งชายหล่อสมาร์ทเท่สมกับเป็นผู้ใหญ่ อีกคนดูหล่อเข้มห้าวน่าหลงใหล แล้วฉันจะเลือกใครดีนะ อุ้ย ใช่เวลาเลือกคู่ที่ไหนกันล่ะ นายไนท์มันจะเอาฉันไปทรมาน ส่วนผู้ชายที่ยืนปกป้องฉันอยู่ก็จะเดือดร้อนเพราะต้องคอยตามช่วยเหลือฉัน อย่างนี้ฉันก็คือตัวปัญหาน่ะสิ
“ฉันให้นายไม่ได้” พี่พลพูดพร้อมหลบตานายปากเสีย
“ฮึ ไหนสัญญากับพ่อว่าจะให้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ไง นายลืมไปแล้วใช่มั้ยว่าแม่ฉันตายเพราะอะไร” ยิ่งฟังพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันยิ่งงง มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่นะอยากรู้แต่ไม่อยากถาม เพราะถึงถามไปสำหรับผู้ชายคงเห็นเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างสายเลือด แล้วแม่ฉันที่ไนท์พูดมาไม่ใช่แม่ของพี่พลด้วยรึไงกันเนี่ย
“ฉันไม่เคยลืม แต่สำหรับน้ำฝนฉันขอ” นายไนท์ก็ขอ พี่พลก็จะขอ แล้วให้ฉันขออะไรกับใครได้มั่งคะเนี่ย โอ้ยหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงเหมือนแตงโมตกกระทบพื้น
“ทุกวันนี้แม่พี่เองก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้ แต่ทำไมนายไม่ลองมองดูบ้างว่าพี่ทำเพื่อโรงแรมเดอะพิสตันมากขนาดนี้เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อน่ะ” พี่พลพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ มีแม่พี่พลโผล่ขึ้นมาอีกคนแล้วไง เง้อ มีใครอธิบายให้ฉันฟังได้บ้างม้าย อยากรู้จะแย่อยู่แล้ว
“นายมันก็ทำดีหวังได้รับมรดกจากพ่อฉันอยู่แล้วนี่ เชิญ ฉันไม่อยากได้ แต่ยัยนี่ฉันไม่ยกให้นายแน่”
“ฉันไม่รู้นะคะว่าพวกคุณโกรธแค้นอะไรกันมา แต่กรุณาอย่างเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วยได้มั้ย มันไม่ตลกเลยนะ” ถึงเวลาที่ฉันต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันก็จะกลายเป็นถุงขนมที่แย่งกันไปแย่งกันมาสุดท้ายพอมันตกพื้นก็ไม่มีใครเก็บขึ้นมากิน จะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้นะเรนนี่
“เธอไม่เกี่ยวยัยโง่ อย่ามาเจ๋อ” นายขยะสังคม นอกจากจะปากเน่าแล้วยังปากเสียหาที่เปรียบได้ยากอีกด้วย นายนะให้ชาตินี้เหลือผู้ชายคนเดียวในโลกฉันจะยอมเป็นดี้ชอบทอมไปซะเลยให้มันรู้แล้วรู้รอด ขืนเอานายมาทำสามีลูกออกมาคงได้ประสาทกลับเหมือนนายอย่างแน่นอน พูดมาได้ไม่เกี่ยวกับฉัน แล้วไอ้ที่นายขอฉันเป็นของขวัญวันเกิดนั่นนะ ยังไม่เกี่ยวใช่มะ
“พูดกับน้ำฝนให้ดีกว่านี้จะได้มั้ย ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุยกัน ไปน้ำฝนพี่จะพาไปส่งบ้าน” พี่พลพูดจบก็หันกลับมาให้ความสนใจฉันอีกครั้งพร้อมทั้งจูงมือไปขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันที่พี่พลจะได้เปิดประตูให้ฉันขึ้นรถอย่างที่สุภาพบุรุษลูกผู้ชายตัวจริงเค้าทำกัน แขนอีกข้างของฉันก็ถูกกระชากอย่างแรงจนรู้สึกปวดแปลบ
“โอ้ย นายจะบ้าไปแล้วหรือไง แขนฉันนะไม่ใช่ไก่ย่างเก้าดาวจะได้ดึงทึ้งฉีกไปกินได้น่ะ” เจ็บขนาดนี้ยังแอบตลกได้อีกแน่ะ จะอารมณ์ดีก็ไม่ดูเวล่ำเวลาเลยนะฉันนี่
“ขอร้องล่ะไนท์ มีอะไรเครียร์กับฉัน อย่าดึงน้ำฝนมามีส่วนร่วมด้วย เธอไม่ใช่คนที่นายจะมาทำหยาบคายใส่แบบนี้” พี่พลพูดเหมือนกับว่าฉันสำคัญกับเขามาก มันคืออะไรกันแน่ เรนนี่งงไปหมดแล้วนะคะพี่พล หรือว่าเมื่อชาติที่แล้วเราจะเคยทำบุญร่วมกันแล้วพี่ระลึกชาติได้เหมือนผู้ชายที่แต่งงานกับงูเหลือม หรือว่าเราจะรู้จักกันมาก่อน เอ๊ะ แล้วทำไมฉันถึงต้องมีความสำคัญขนาดนั้น โอ้ย ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“ฉันไม่ปล่อยมีอะไรมั้ย” ไม่พูดเปล่านายขยะสังคมยังดึงฉันเข้าไปหาตัวแรงขึ้นอีกจนฉันรู้สึกเหมือนจะโดนฉีกแขนจริงๆ พี่พลคงรู้สึกได้ว่าฉันเจ็บจากการดูหน้าที่แหยจนปากเบี้ยวของฉัน พ่อเทพบุตรคงกลัวฉันทนไม่ไหวเลยปล่อยฉันไปตามแรงดึงจนหน้าคะมำไปที่รถสปอร์ตสีเหลืองคันที่พาฉันเหาะมาที่นี่
“นายจะเอายังไงกันแน่” ทายาทอันดับหนึ่งของโรงแรมเดอะพิสตันยกมือขึ้นชี้หน้าทายาทอันดับสอง กัดฟันแน่จนกรามขึ้นเป็นสัน
“เอาจริงเหรอเนี่ยพี่ชาย กะอีแค่ผู้หญิงเฉิ่มเชยคนนี้คนเดียวสามารถทำให้เจ้าชายน้ำแข็งผู้เก็บอารมณ์เก่งที่สุดในโลกโกรธน้องชายที่ให้ได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตได้เลยเหรอเนี่ย เธอทำยังไงนะคุณภัทรพลแห่งโรงแรมเดอะพิสตัสถึงได้หลงเธอนัก ผู้หญิงที่แม้แต่จูบยังไม่เป็นเลยแล้วทำยะ...” ยังไม่ทันจบประโยคดูถูกฉันอย่างสาสมใจนายไนท์ปีศาจชั่วร้าย หน้าของเขาก็สะบัดไปตามแรงเหวี่ยงของหมัดเจ้าชายน้ำแข็งอย่างพี่พล ฉันได้แต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เดินไปตามแรงดึงจากมือของพี่พลไปขึ้นรถ
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เสียงอาฆาตทิ้งท้ายก่อนเราทั้งคู่จะขึ้นไปนั่งบนรถและพี่พลเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปส่งฉันที่บ้านโดยที่ฉันเป็นคนบอกทาง โดยที่เราไม่ได้คุยเรื่องที่เกิดขึ้นกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว
บ้านคือวิมานของเรา ฉันไม่เคยรู้สึกว่าอยู่บ้านแล้วมีความสุขเท่ากับวันนี้มาก่อน ยัยเรนนี่จอมพลัง เธอเป็นผู้หญิงจริงๆ รึเปล่าเนี่ย ทำไมโดนโขกสับและจิกทึ้งเหนื่อยล้าขนาดที่เจอมาเมื่อวานนี้ทั้งวันทั้งคืน ทำไมเธอไม่ป่วยหนัก ไม่มีไข้เลยซักกะติ๊ดนึง ไม่งั้นอย่างน้อยวันนี้ก็ไปหาหมอขอใบรับรองแพทย์นอนอยู่บ้านแทนการไปฝึกงานในสมรภูมิรบได้แล้ว
“เรนนี่ลูกพ่อ เตรียมตัวไปฝึกงานรึยัง เดี๋ยวสายแล้วคะแนนประเมินออกมาไม่ดีนะลูก” เสียงเชฟใหญ่ร้านกินจุดังเข้ามาเรียกฉันจากทางหน้าห้องนอนสีฟ้าน้ำทะเลที่ภายในตกแต่งไปด้วยภาพอาหารและร้านอาหารชื่ดังรวมถึงโรงแรมที่มีชื่อเสียงรวมถึงรูปโรงแรมเดอะพิสตันด้วย ทำไมพ่อชอบเอาการเรียนที่ฉันแคร์ที่สุดในชีวิตมาขู่ด้วยนะ แต่ก็นะ จะเอาเรื่องผู้ชาย เรื่องของแบรนด์เนมมาขู่ก็ไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นไง
“ค่ะพ่อ ตื่นแล้วค่ะ ขอเวลา 5 นาทีจะลงไปทานข้าวนะคะ” ฉันขานรับและเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
มาคิดๆ ดูแล้วนะคุณนุจรีนี่โชคดีชะมัดเลยที่ตื่นสายก็ได้ไม่ต้องรีบมาเตรียมอาหารเพราะมีเชฟใหญ่คอยทำกับข้าวไว้ให้ทะโมน 3 ชีวิตอย่างฉันกับน้องๆ จะลำบากก็แค่ไปส่งน้องสาวไปโรงเรียนแล้วก็ส่งน้องชายขึ้นรถรับส่งน่ะแหล่ะ ยัยเกตุก็เรียนอยู่ม.6 โรงเรียนศึกษานารี ยัยน้องสาวคนนี้น่าเป็นห่วง ฉันล่ะกลัวหล่อนจะกลายเป็นโรคเครียดแล้วฆ่าตัวตาย เพราะเรียนเก่งซะจนน่ากลัว หัวดีสุดๆ ยัยนี่เรียนสายวิทย์คณิตย์และกำลังเอ็นทรานซ์เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ ให้สมดังใจคุณนายเปิ้ลแม่ของพวกเราที่อยากให้ลูกทำงานเป็นหมอเพราะแม่เป็นเภสัชกรอยู่ร้านขายยาข้างบ้าน คงจะคิดสินะว่าถ้าลูกจบมาจะมาเปิดคลีนิคแล้วตัวเองก็จะได้สบาย เพ้อฝันจริงๆ แม่เนี่ย
ส่วนเจ้าน้องชายคนสุดท้องของฉันชื่อเม่นก็เรียนปีแรกที่เตรียมอุดมเป็นนักเรียนทุนโควต้านักดนตรีดุริยางค์ เห็นเล่าให้ฟังว่าเล่นทรัมเป็ท ฉันก็นึกหน้าตามันไม่ค่อยออกหรอก แต่ถ้าทำไก่(พจนานุกรมฉบับเรนนี่:ทรัมเป็ท=ทำเป็ด เป็นคำพ้องเสียงเอาไว้เล่นมุขน่ะค่ะ) ฉันน่ะเข้าครัวทำกับพ่อเป็นประจำ ฉันชอบทำอาหารและทำงานบ้านที่พ่อสอนได้หมด ใครจะเข้าเรียนคณะคหกรรมด้วยเหตุผลที่ว่าสอบคณะอื่นไม่ติดก็ช่าง แต่ฉันตั้งใจไว้เลยว่าจะได้ประสบความสำเร็จในคณะนี้ เพราะฉันอยากเป็นเหมือนพ่อ แหม ฉันก็เลยเป็นลูกรักของคุณพ่อไง แต่แม่ฉันน่ะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ หาว่างานลำบาก รับใช้คนอื่น เงินเดือนก็น้อยเท่าแมงกุ๊ดจี่
“รีบกินเข้าไปสิ จะได้ติดรถแม่ไปลงใกล้ๆ ที่ทำงาน” เสียงแม่ดุฉันเมื่อเห็นฉันเขี่ยข้าวต้มในจานจนเละกว่าเดิมหลายเท่า
“มีอะไรรึเปล่าลูก ดูทำหน้าตาไม่ค่อยสบายใจ มีปัญหาที่ฝึกงานงั้นเหรอ” โอ้ยพ่อน่าจะเป็นหมอดูนะคะเนี่ย หนูมีเรื่องใหญ่ซะด้วย ปัญหาที่หนักอกตอนนี้ไม่ใช่เจ้โหดอรวรรณที่ไม่รู้ว่าจะทำโทษให้ฝึกงานหนักๆ ไม่ใช้เจ้วัยทองกิ่งกมลที่จะตามจิกด้วยคำพูดประชดประชัน ไม่ใช่เพื่อนพนักงานทั้งโรงแรมที่รวมหัวกันนินทา แต่เป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมทั้งคู่น่ะสิ จะไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ ใครเค้าจะไปเชื่อว่าทายาทเจ้าของกิจการที่ร่ำรวยขนาดนั้นจะมาทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงฉัน ถึงแม้จะทำไปเพราะระหว่างเขาทั้งคู่มีเรื่องกันอยู่ก่อนแล้วและเรนนี่ก็ดั๊นสะเออะเข้าไปอยู่ระหว่างกลางพอดีก็เถอะ แต่นั่นก็ทำให้ไม่กล้าจะไปสู้หน้าพวกเขา
“ฮู่ววว์” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ส่ายหน้าเล็กน้อย พ่อแม่น้องสาวน้องชายเลยหันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ทั้งครอบครัวอักษรเนตรประสานเสียงกันออกมาโดยมิได้นัดหมายยังกับเจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลกงอกขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ก็แค่ฉันถอนหายใจให้เห็นเป็นครั้งแรกเท่านั้นเอง ทำไมเหรอ เด็กร่าเริงแจ่มใสจะอมทุกข์บ้างไม่ได้รึไงนะ ถึงมันจะไม่อร่อยเหมือนอมยิ้มก็เถอะ ยิ่งถ้าบอกนะว่าเมื่อวานฉันถูกผู้ชายจูบมา มีหวังแม่ได้ฉีกอกฉันหมกไหทำปลาร้าแทนปลากระดี่อย่างแน่นอน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เมื่อวานหนูถูกให้อยู่ทำโอทีน่ะ เลยรู้สึกเหนื่อย” ลูกสาวของพ่อกับแม่ตอบตามความจริงแล้วนะคะ ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง
“งั้นก็ดีแล้วล่ะลูก ตั้งใจทำงานเข้า ให้ท่านอนัตชัยเขาเห็นจะได้เอ็นดู อนาคตลูกจะได้อยู่รับใช้ท่าน ท่านมีบุญคุณกับพวกเรามากนะจำไว้” รอบที่ล้านเก้าแล้วมั้งที่พ่อคอยย้ำกับพวกเรา เรนนี่ของพ่อก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างที่พ่อหวังรึเปล่านะคะพ่อ
จะอยู่ตรงนี้ถ้าเธอต้องการ ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ทันทีที่ฉันก้าวขาออกจากบ้านพร้อมกับสองทะโมนเกตุและเม่น รถปอร์เช่คันงามที่มาส่งฉันถึงหน้าประตูบ้านเมื่อตอนห้าทุ่มของคืนที่ผ่านมา จะเคลื่อนตัวมาจอดและเปิดกระจกทักทายฉัน
“อรุณสวัสดิ์ครับน้องน้ำฝน พอดีพี่ผ่านมาทำธุระแถวนี้ เดี๋ยวไปที่เดอะพิสตันพร้อมกันเลยนะครับ” ไม่พูดเปล่าพี่พลยังเปิดประตูรถมารับกระเป๋าเป้ของฉันไปไว้ที่นั่งข้างคนขับและเปิดประตูรอทำเหมือนฉันเป็นเจ้าหญิงอีกแล้ว
โอ้ มายเลิฟ มายดาร์ลิ่ง พี่จะทำให้ฉันคลั่งใคร้พี่ไปถึงไหนกันนะ เรนนี่ปลื้มจนจะทะลักอยู่แล้วนะเนี่ย
“พี่เรนนี่/พี่น้ำฝน นั่นใครน่ะ” ไม่ต้องสงสัยค่ะ นายเม่นจะเรียกฉันว่าเรนนี่ตามพ่อ ส่วนยัยเกตุจะเรียกฉันว่าน้ำฝนตามแม่ สงสัยบ้านนี้จริงๆ ทำไมมีฉันคนเดียวที่มีชื่อเล่นสองชื่อ ไม่เห็นว่าน้องสาวกับน้องชายจะถูกเรียกแยกกันเลย อาจเป็นเพราะพ่อกับแม่เห็นปัญหาเวลาฉันมีสองชื่อแล้วล่ะมั้งว่ามันจำยาก เฮ้อ
“อ๋อ คุณภัทรพลเจ้านายพี่เอง บอกแม่ว่าพี่ไปแล้วนะ พี่ขี้เกียจตอบคำถามแม่” ฉันได้ยินเสียงบีบแตรให้เปิดประตูจากรถกะบะส่งของเก่าๆ แต่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงของพ่อกับแม่ดังมาจากในตัวบ้าน เลยรีบเดินมาขึ้นรถเพราะกลัวแม่เห็น ก็บอกแล้วไงว่าบ้านฉันเลี้ยงมาแบบหัวโบราณ ยอมให้ลูกสาวไปกับผู้ชายที่ไหนกันเล่า
“เกรงใจจังเลยค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์รอรับน้ำฝนไปด้วย” ฉันกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรครับ นับจากวันนี้พี่จะดูแลน้ำฝนเอง” อีกครั้งแล้วที่พี่พลพูดจาแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งจนฉันปั่นป่วนในหัวใจ มันรู้สึกหวิวๆ คล้ายจะลอยได้ รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายเป็นผู้หญิงบอบบางน่าทะนุถนอม ผิดกับตอนอยู่บ้านที่ต้องเป็นลูกมือพ่อ เป็นเด็กส่งของในร้านเวลาลูกค้าสั่งไปส่งนอกสถานที่ เป็นพี่สาวที่เข้มแข็งคอยปกป้องน้องๆ ตั้งแต่เกิดมาฉันพึ่งจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการถูกปกป้อง มันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง
ไร้บทสนทนาต่อจากเมื่อสักครู่ ฉันได้แต่นั่งอมยิ้มมองข้างทางไม่กล้าสบสายตาพี่พลมาตลอดทางจนถึงคาร์พาร์คของโรงแรม พี่พลรีบดับเครื่องและกำลังจะลงมาเปิดประตูให้ฉันแต่ยังไม่ทันจะก้าวลงจากรถประตูด้านที่นั่งของฉันก็ถูกเปิดออก
“ยินดีต้อนรับสู่วันอันแสนทุกข์นะยัยโง่” เสียงปีศาจร้ายในกายของเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ชื่อไนท์ นายขยะสังคมมารอต้อนรับฉันตั้งแต่ยังไม่แปดโมงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นที่เขาชอบทำ ใครขอร้องให้นายมาต้อนรับฉันมิทราบ เป็นลูกเจ้าของโรงแรมก็ทำให้มันเหมาะสมหน่อยเซ่ ทำไมต้องมาลดตัวเป็นพนักงานรับรถด้วยเล่า
“นายมาได้ยังไงน่ะ” ฉันรีบกระชับกระเป๋าเป้เข้าหาตัวและไม่ยอมลงจากรถ ส่วนพี่พลลงรถปิดประตูแล้วเดินเข้ามาหาไนท์ ปัดมือเขาออกจากประตูรถทันที
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับน้ำฝนอีก” พี่พลพูดเสียงแข็ง นายกำลังทำให้ฉันกลัวจริงๆ แล้วนะไอ้บ้าไนท์ ดูที่หน้าเขาสิ กัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสันท่าทางจะบ้ากามร่วมด้วยมั้ง แล้วดูกำปั้นของเขาสิบีบเข้าหากันแน่น บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธที่พร้อมจะชกพี่ชายตัวเองได้ทุกเมื่อ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่สนใจ และวันนี้ฉันจะเป็นคนมาดูแลยัยนี่แทนคุณอรวรรณ ฮึฮึ สนุกแน่” หวา ให้หมาป่ามาควบคุมการฝึกงานของกระต่ายน้อยอย่างเรนนี่ อย่างนี้ก็ต้องโดนขย้ำด้วยเขี้ยวเล็บอันแหลมคมของนายประสาทกลับนี่น่ะสิ ไม่เอานะ
“นายต้องไปเรียนไม่ใช่รึไง” พี่พลเดินมากันตัวเพื่อให้ฉันเปิดประตูลงมาจากรถโดยไม่ต้องถูกเนื้อต้องตัวนายขยะสังคมที่น่ารังเกียจ
“เด็กอัจฉริยะอย่างฉันไปแค่วันสอบก็ผ่านฉลุย นายไม่ต้องห่วงฉันหรอก นายห่วงตัวเองกับผู้หญิงของนายดีกว่า” นายหมาป่ายังคงขู่เจ้าชายน้ำแข็งของฉัน ของฉันจริงๆ ผู้ชายเค้าต้องดูกันออก นี่ขนาดนายไนท์ยังบอกเลยว่าฉันเป็นของพี่พล ยอมค่ะยอมถึงแม้แม่จะจับฉันยัดลงหมักในไหปลาร้าเพราะเสียตัวก่อนแต่งก็เถอะ อ๊า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ นี่มันเป็นเพียงแค่จิตใจฝ่ายมารของฉัน เรนนี่ยังคงรักนวลสงวนตัวนะเจ้าคะ
“ฉันให้นายมามากพอแล้วไนท์ ถ้าคิดว่าจะทำแบบนี้ไปเพียงเพราะอยากเอาชนะฉันล่ะก็ เกมนี้ฉันจะไม่มีทางแพ้ จำไว้” พี่พลคงโกรธจัด ฉันสัมผัสได้จากแรงมือที่บีบลงบนมือของฉันขณะที่จูงฉันเหมือนเจ้าของพาหมาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะอ้อมเข้าด้านหลังของโรงแรม ปล่อยนายหมาบ้าได้น้ำลายไหลหยดย้อยลงพื้นอีกหลายแหม่ะอยู่ที่คาร์พาร์คเช่นเดิม
“ฉันเป็นต้นเหตุให้พวกพี่ทะเลาะกันรึเปล่าคะ” ถามโง่ๆ ก็เห็นกันอยู่ว่าผู้ชายตีกันแย่งเรนนี่ยังจะถามทำไมกันล่ะ เกิดเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่นี่ทำใจลำบาก ต้องเป็นตัวต้นเหตุให้ผู้ชายทะเลาะกัน อะไรนะ ตรงข้ามกับที่พูดมาเหรอ ว่าไงนะ เรนนี่เฉิ่ม เชย ใส่แว่นเหมือนคนแก่ อ๊าย สาวน้อยเรนนี่รับบ่ได้
“ไม่หรอกครับน้ำฝน เราสองคนพี่น้องไม่ค่อยจะลงรอยซักเท่าไหร่” เพล้ง หน้าแตก หลงตัวเองดีนักยัยเรนนี่ ไม่เจียมตัวจริงๆ
“ตั้งแต่แม่เสียไปพ่อก็บอกว่าให้ตามใจไนท์ และทำทุกอย่างเพื่อเขาเพื่อเป็นการชดใช้ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ขัดใจ เขาแย่งทุกอย่างที่เป็นของพี่ถ้าเขาอยากได้ ถ้าพี่ยังขืนทำตัวใกล้ชิดน้ำฝนอีก คงโดนราวีแน่ พี่ต่างหากล่ะที่จะเป็นตัวต้นเหตุให้น้ำฝนเดือดร้อน” คุณภัทรพลทายาทโรงแรมหรูและห้างที่กำลังจะสร้างเสร็จในย่านชานเมืองพูดด้วยน้ำเสียงอันเศร้า แฝงไปด้วยความเจ็บปวดจนดวงตาไหวระริก แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มให้ฉัน แต่ฉันก็สังเกตุเห็นความลับอะไรบางอย่างจากสายตาพี่พลที่มองมา เรื่องของพี่และไนท์มันมีอะไรมากกว่าที่ฉันและทุกคนรู้ใช่มั้ย เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวกฤษฎานุภาพกันแน่นะ แล้วทำไมพี่พลต้องชดใช้ให้กับไนท์ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวหนีไปเลี้ยงวัวดีกว่ามั้ยเนี่ย
“ฉันรู้นะคะว่าพี่มีความกังวลใจ แต่พี่ไม่ต้องห่วงน้ำฝนนะคะ น้ำฝนเป็น ญ.ผู้หญิงอดทน ไม่กลัวนายนั่นหรอก พี่ไม่ต้องสนใจคำขู่ของไนท์เลยเพราะน้ำฝนรับมือเขาได้สบายมาก” ฉันโชว์แขนที่มีกล้ามน้อยๆ ขึ้นมาให้เนื้อคู่ของฉันดู และมืออีกข้างก็ชูกำปั้นทำท่าชกอากาศ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงแม้ไนท์จะแย่งทุกอย่างไปจากพี่ได้ แต่ต้องไม่ใช่ยัยเรนนี่คนนี้อย่างแน่นอน
“แน่ะ ยังทำหน้าเครียดอยู่อีก เดี๋ยวน้ำฝนก็พาแปรงร่างเป็นอุลตร้าแมนซะเลย” พี่พลคงจะนึกท่าแปลงร่างของฉันในห้องจัดเลี้ยงเมื่อวานนี้ได้ เลยหลุดขำออกมา แหม ขนาดขำยังดูดี ผู้ชายอะไรดูดีทุกที่ทุกเวลาสงสัยจังเล้ยเวลานั่งส้วมจะดูดีแค่ไหนเนี๊ยะ
“ขอบใจน้ำฝนมากนะครับ ที่จะอยู่เคียงข้างพี่ สัญญากับพี่ได้มั้ยว่าน้ำฝนจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่ตลอดไป” อ๊าย รู้สึกเหมือนโดนขอแต่งงานเลยแฮะ กำลังเคลิ้มเลย
“เอ่อ พี่หมายถึงจนกว่าน้ำฝนจะฝึกงานเสร็จน่ะครับ อย่าคิดมาก” เรนนี่คิดไม่มากหรอกค่ะ ก็คิดอยู่แค่คนเดียว ดูสิ นึกว่าจะสารภาพรักและขอแต่งงาน แต่แดแดแด แต่แด้แด่แด รึว่าหน้าฉันมันแสดงออกว่าอยากจะจับพี่ใจจะขาดกันแน่นะ พี่ถึงรีบทำความเข้าใจกับฉันว่าจะให้อยู่เคียงข้างแค่ช่วงฝึกงานนี้
“อ่ะ ค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นน้ำฝนจะอยู่ข้างพี่เสมอ ก็พี่พลยังอยู่ข้างน้ำฝนเวลาเดือดร้อนเสมอเลย จริงมั้ยล่ะคะ” สถานการณ์ค่อยคลี่คลายความตรึงเครียดลงเมื่อทางการประกาศเลิกใช้เคอฟิว ป่าวๆ ไม่เกี่ยวกับการเมือง มันคือความตรึงเครียดที่เรามองตากันอยู่นานสองนานต่างหาก
“จะแปดโมงแล้วพี่ต้องไปประชุมผู้จัดการ เราก็รีบไปประชุมเช้าพนักงานเถอะ” พี่พลเอามือมาลูบหัวฉันด้วยความเอ็นดูเบาๆ
บางทีเวลาอยู่กับพี่พลฉันรู้สึกเหมือนเจ้าหญิง บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงของพี่ บางทีก็รู้สึกเหมือนหมาน้อย แต่เมื่อกี้นี้ฉันรู้สึกเหมือนกับพี่เป็นพี่ชาย ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่นะ เวลาเราชอบใครซักคนจะรู้สึกอบอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้เขาเหมือนฉันใช่ไหมหนอ เกิดมาก็ไม่เคยมีแฟนซะด้วย แม้ฉันจะสวย เรียนเก่ง เป็นเพอร์เฟคเกิร์ลก็ตามที แต่ไอ้การตั้งใจเรียนของฉันนี่แหล่ะ ทำให้ฉันคบกับตำราแทนผู้ชาย
วันนี้ฉันปล่อยผมยาวสลวยสวยเก๋ที่สระด้วยแชมพูยี่ห้อดงทีนที่คุณนายเปิ้ลแม่ฉันซื้อมาประจำห้องอาบน้ำ ฉันปฏิญาณตนต่อเสาโทรศัพท์หน้าบ้านหญ้าสองกอและหมาอีกหนึ่งตัวว่าจะเลิกถักผมเปียเด็ดขาด เหตุการณ์อันเนื่องมาจากว่าไม่ต้องการให้ใครมาใช้เปียเป็นอาวุธดึงฉันเข้าไปจะ อู จูบ อ๊าย อีตาบ้าขยะสังคมแล่นเข้ามาในหัวอีกแล้ว ยี๊ๆๆ ขยะขแยง ไปล้างหน้าล้างมือแล้วแต่งตัวแล้วรีบไปประชุมดีกว่า ได้ข่าวอันน่าเศร้ามาตั้งแต่เช้าแล้วว่าจะมีคนบ้ามาสั่งงาน ไปช้ามีหวังโดนดีแน่
“เอาละพนักงานเดอะพิสตันทุกคน วันนี้ฉันมีคนมาแนะนำให้รู้จัก ซึ่งจะมาเป็นคนดูแลควบคุมการทำงานของทุกฝ่าย ขอทุกคนปรบมือต้อนรับคุณนฤเดชลูกชายคุณอนันตชัย” เสียงปรบมือข้างซ้ายข้างขวาข้างหน้าข้างหลังฉันดังกระหึ่มขึ้น ก็คนตั้งเกือบร้อยนี่นา แถมนายไนท์ก็เป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงแรม การจะปรบมือต้อนรับย่อมดังกว่าปกติอยู่แล้ว
“ขอบคุณทุกคนที่ยินดีต้อนรับผม แต่ผมว่ามีคนนึงซึ่งไม่อยากให้ผมมานะครับ นอกจากจะไม่ปรบมือต้อนรับแล้วเธอยังแสดงท่าทีที่ไม่ดีออกมาด้วย ขอเชิญคุณรินรดานักศึกษาฝึกงานออกมาด้านหน้าด้วยครับ” ว่าแล้วไง นายขยะสังคมต้องเล่นงานฉันแน่ แต่ฉันไม่กลัวหรอกย่ะ อยากจะทำอะไรก็ทำไปฉันมีก๊อกสองสู้โว้ย
“ผมว่าคุณคงไม่ชอบขี้หน้าผมซักเท่าไหร่จริงมั้ยคุณรินรดา” นายไนท์ยั่วโมโหฉันทันทีที่ไปยืนเด่นเป็นสง่าบนโพเดียมเคียงข้างกับเขาสองคนบนนั้น
“มิได้ค่ะคุณนฤเดช ที่ดิฉันไม่ทันได้ปรบมือต้อนรับเมื่อครู่ก็เพราะตะลึงกับความหล่อของท่านค่ะ”อ่ะงงอ่ะดิไนท์ นายไม่มีทางตามมุขฉันทันหรอก ไม่ต้องมาทำคิ้วผูกโบว์
“เห็นเพื่อนพนักงานบอกว่าท่านไม่เคยคิดจะแวะมาทำงานที่นี่เลยแล้วอยู่ๆ ก็มาดูแลที่นี่ ดิฉันสงสัยเลยไปหาความจริงมาจนรู้ว่า คุณนฤเดชต้องการมาเลือกคู่ที่นี่” สายตานายขยะสังคมเริ่มจิกทึ้งมาที่หน้าของฉันที่ยังลอยหน้าลอยตาพูดปดมดเท็จต่อหน้าสาธารณชนคนเดอะพิสตัน
“ฉันเองก็อยากถูกเลือกเลยกำลังคิดอยู่ว่าจะแข่งกับพี่ๆ พนักงานสาวสวยคนอื่นได้ยังไง เลยไม่ทันจะปรบมือ ขอประทานโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” เสียงฮือฮาดังมาตามกัน สาวๆ รีเซฟชั่นและพนักงานต้อนรับเริ่มหันรีหันขวางเจาะแจะถึงนายไนท์ นายโดนสาวๆ งาบแน่นายขยะสังคม ไงล่ะ อยากเล่นงานฉัน คิดว่าฉันเป็นง่อยปากเบี้ยวพูดไม่ได้รึไง ถึงคิดว่าจะไม่ตอบโต้น่ะ ได้ผลแฮะ สาวๆ ทั้งแท้และเทียมฮือกันออกมาจากแถวมาที่เวที ไนท์รีบลงจากโพเดียมและคืนไมค์ให้กับคุณอรวรรณ
“ฝากทางนี้ด้วยนะครับคุณอรวรรณ ผมขอไปจัดการกับเด็กฝึกงานของคุณก่อน” ก่อนจะเกิดโกลาหลแห่งการยื้อแย่งผู้ชายฉันก็ถูกลากออกมาอย่างไม่เต็มใจ ฉันก็สู้คนค่ะฉันก็สู้คน แต่ฉันสู้ควายอย่างนายขยะไม่ไหวเลยลอยละลิ่วปลิวละล่องมาตามแรงฉุด
ข่าวที่ฉันปล่อยออกไปต้องขอขอบคุณผู้สื่อข่าวอย่างสองสาวรีเซฟชั่นที่ฉันยังไม่ทันจะเห็นหน้าที่มาคุยกันในห้องน้ำว่ายังไม่เคยเห็นหน้านายขยะสังคมเลยจนเมื่อคืนนี้ที่มาจัดงานวันเกิดที่นี่ เห็นว่าจะมาทำงานที่โรงแรมเดอะพิสตันในวันนี้ อะหะ ใช่แล้ว ในเมื่อพวกนี้ยังไม่รู้จักลูกชายคนเล็กคุณอนันตชัยซักเท่าไหร่ ถ้าพวกหล่อนคิดว่าเขามาเลือกคู่ที่นี่ นายนี่ต้องวุ่นวายกับการหนีพวกนี้แทนการมาตามทึ้งฉันอย่างแน่นอน เป็นไงอยากชมเรนนี่ว่าฉลาดมากใช่ป่าว
ความคิดเห็น