คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ของขวัญวันเกิด
“ยัยซุ่มซ่าม ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้า ทำไมยังกล้ามายืนให้ฉันเห็นหน้าอีกฮะ” เสียงปีศาจร้าย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย นายขยะสังคม ชัดเป๊ะ ชัดเจนเปลี่ยนเจ้าค่ะ นายนั่นตาเขียวปัดเรืองแสงจ้องจะเขมือบผู้หญิงบอบบางอย่างเรนนี่ อย่าเข้ามานะมือฉันไม่ว่างต้องเข็นรถใส่สัมภาระยัยป้าตู้เพรชเคลื่อนที่กับลูกสาวไปเก็บ นายอย่าเข้ามาน๊า
“นะนายมาได้ยังไงเนี่ย” ฉันหลุดพูดเสียงเหวอออกไป ชะงักกึกหยุดเข็นรถที่หน้าโซนห้องวีไอพี นายนี่คงเป็นคนรวยน่าดู เพราะฉันเห็นเขาก้าวมาจากห้องวีไอพีหนึ่ง คงจะเป็นเพื่อนของลูกชายคุณอนันตชัยที่มาร่วมงานวันเกิดสินะ โอ๊ย จะให้ฉันเอาสัมภาระไปเก็บก่อนค่อยเจอก็ไม่ได้อย่างน้อยยังได้วิ่งหนีโดยสะดวก แต่ถ้าจะให้ดีไม่ต้องเจอเลยจะขอบคุณมาก
“เธอหลอกเอาเงินกิ๊ฟไปใช่มั้ยยัยหัวขโมยเอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” นายไนท์ถ้าจำไม่ผิดยัยลูกลิงเรียกเค้าว่างั้นนะ เขาชี้หน้าฉันอย่างเอาเรื่อง
“ฉันไม่ได้รับเงินยัยธิดาวานรมานะ ฉันไม่ใช่หัวขโมย” อ๋อ ธิดาวานร ยัยลูกลิงน่ะ ฉันไม่ได้รับเงินมา แต่ฉันรับโทรศัพท์มือถือนัมเบอร์สองของฉันมาต่างหากล่ะ นี่เรนนี่ไม่ใช่คนขี้โกหกนะคะคุณ
“ฉายากิ๊ฟคือธิดาซาตาน ไม่ใช่ธิดาวานร และเธอก็ไม่ต้องมาโกหกฉันเพราะฉันไม่เชื่อ เอาคืนมา” ไม่พูดเปล่านายไนท์ในชุดสูทสีดำ ผูกเนคไทลายทางสีเทาส่งให้เขาดูหล่อขึ้นไปอีก แต่หล่อแล้วนิสัยเสียแบบนี้เรนนี่ก็ไม่ไหวจะเคลียร์
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีเงินคืนให้หรอกย่ะปล่อยมือจากรถเข็นเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะรีบเอาของไปเก็บ ฉันยังมีงานต้องทำไม่มีเวลามาทะเลาะกับนายนะตาบ้า” ได้ผลแฮะ นายขยะสังคมหยุดกึกทันทีที่ฉันพูดจบ สงสัยจะคิดได้ว่าคนเรามีงานมีการต้องทำดูท่าทางนายก็ฟังภาษาคนรู้เรื่องนี่นะ
“เธอว่าไงนะ เธอทำงานที่นี่อย่างงั้นเหรอ” นายตาบอดรึไงกันยะ ก็ฉันใส่เสื้อสูทของโรงแรมเดอะพิสตันอยู่ไม่เห็นรึไง คิดว่าฉันเป็นเด็กส่งพิซซ่าเหรอ ถึงจะเป็นแค่การฝึกงาน แต่ฉันก็มั่นใจ ภูมิใจ ในหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายนะจะบอกให้ สงสัยมัวแต่โมโหหน้ามืดตาลายเลยไม่ทันมอง
“ก็ใช่น่ะเซ่ แล้วฉันก็ไม่ได้มีความพยายามมาให้นายเห็นหน้าเลยด้วย รู้ไว้ซะถ้าเป็นไปได้ฉันไม่อยากจะเห็นหน้านายอีกเลยตลอดชีวิต ทีนี้ก็ถอยไปได้แล้ว อย่ามากีดขวางทางจราจรของฉัน แค่นี้ฉันก็เกลียดขี้หน้านายจะแย่อยู่แล้ว” ฉันพูดพลางเข็นรถดันนายขยะสังคมออกจากการกีดขวางทางไปยังห้องวีไอพีสอง
“อย่างงั้นเหรอยัยโง่ ถ้าอย่างนั้นฉันยังมีเวลาเล่นงานเธออีกเยอะเลยซินะ งั้นตอนนี้ฉันจะปล่อยเธอไปก่อนก็ได้ฮะๆๆ” นายไนท์แกล้งผลักรถเข็นของฉันไปนอกเส้นทางทำให้ฉันถลาวิ่งตามรถเข็น และพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคแปลกๆ นั่นด้วย พอฉันดึงรถให้กลับเข้าทางได้แล้วก็เลี้ยวกลับมาที่ห้องวีไอพีสอง นายบ้านั่นก็เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปทางห้องจัดเลี้ยง แสดงว่าฉันเดาถูก นายนี่ต้องมาร่วมงานวันเกิดอย่างแน่นอน
“ไหนว่าไม่อยากเห็นหน้าฉันไง ถ้านายมาตามราวีฉัน ฉันเอานายตายแน่” เป็นไงล่ะ ฉันนี่เก่งมากเลยเนอะ กล้าพูดข่มขู่นายปีศาจร้ายนั่นด้วย แต่นายนั่นไม่ได้ยินหรอก เพราะเดินขึ้นลิฟท์ไปแล้ว เหอเหอ
“กิ๊งก่อง..ดิฉันรินรดาพนักงานเดอะพิสตันนำสัมภาระมาส่งค่ะ” ฉันกดออดหน้าประตูห้องวีไอพีสองที่คุณนายตู้เพรชสั่งให้เอากระเป๋ามาเก็บ ซึ่งกดแล้วกดอีกและรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงคนที่อยู่ในห้องก็ยังไม่กระดิกมาเปิดประตูให้ รึว่าจะไม่มีคนอยู่ รึว่าลูกสาวคุณนายตู้เพชรจะหายตัวไป เฮอะ พวกคุณหนูก็คงจะมัวแต่แต่งตัวทำโน่นทำนี่ไม่สนใจใยดีบริกรสาวอย่างฉันสินะ เดี๋ยวก็ปัดทิ้งไว้หน้าห้องซะเลยนี่ ถ้าไม่เห็นแก่ที่รู้จักกับนังมารร้ายกิ่งกมลผู้มีอำนาจกลั่นแกล้งฉันได้ตลอดการฝึกงานอ่ะนะ ฉันจะทิ้งไว้นี่จริงด้วย
“แกร๊กกกกกกกแอ๊ดดดดด” เสียงประตูบานใหญ่เปิดแง้มออกมา ตามด้วย ด้วย ด้วยอ๊ะ คุ้นมาก คนคุ้นเคย เหมือนฉันจะพึ่งเจอเธอไปเมื่อตอนเที่ยงวันที่ผ่านมา อะไรจะปาฎิหารย์สุดขั้วโลกขนาดนี้เนี่ย ยัยลูกลิง ยัยธิดาวานรมาทำอะไรในห้องวีไอพีสอง อย่าบอกฉันนะว่าเธอเป็นลูกสาวยัยคุณนายตู้เพชรตาวิเศษนั่น (พจนานุกรมฉบับเรนนี่: ตาวิเศษ มาจากคำว่า เนตรทิพย์ เนตร=ตา,ทิพย์=วิเศษ ดังนั้นหากฉันจะเรียกคุณหญิงตู้เพชรเคลื่อนที่ว่าตาวิเศษก็ไม่แปลกล่ะค่ะ)
“หล่อนเองเหรอยะยัยหัวขโมย อึดดีเหมือนกันนี่ยืนรอฉันแต่งตัวได้เกือบครึ่งชั่วโมง” ไม่เกือบครึ่งหรอกค่ะ เกือบชั่วโมงเลย อ๋อที่มาเปิดประตูช้านี่เพราะแต่งตัวอยู่เหรอ เสื้อผ้าแพงๆ เครื่องประดับหรูหราก็ไม่ได้ทำให้หน้ากับท่าทางเธอดูดีขึ้นเลยนะยะ หัวเธอก็ยังคงหยิกหยอยเป็นฝอยขัดหม้อ หน้าก็เต็มไปด้วยปูนซีเมนต์หนาเตอะ ฉันล่ะสงสัยนะว่าถ้าล้างออกมาคงหน้าตาดูไม่ได้เลย ท่าทางดวงของฉันหล่อนและแฟนหล่อนจะสมพงษ์กันนะวันเดียวเจอกันตั้งสองรอบแน่ะ
“เลิกเรียกฉันว่าหัวขโมยซะที ฉันก็บอกคุณไปแล้วไงว่าแฟนคุณทำมือถือฉันพังฉันถึงยึดมือถือเค้าไว้เพราะเค้าดูท่าทีว่าจะชิ่ง” ฉันก็ไม่พอใจเป็นนะยะ กล่าวหากันอยู่ได้
“แต่ไนท์บอกว่าเธอวิ่งราวมือถือไป แต่ก็เอาเถอะนะ เพราะค่ามือถือเธอมันก็แค่เศษเงินของฉันเท่านั้นแหล่ะ ขอแค่ให้ไนท์พอใจ แค่นี้มันจิ๊บจ๊อยมาก” สงสัยยัยนี่จะเป็นเอามาก ผู้ชายคนเดียวต้องทุ่มเทให้ขนาดนั้นเลยรึไงกันนะ เงินตั้งสองสามพัน นี่กว่าฉันจะหาได้เลือดตาแทบกระเด็น แต่ดูยัยลูกลิง เอ้ย ลูกคุณนายตาวิเศษ กลับดูถูกว่าเป็นแค่เศษเงิน ไม่จนบ้างให้มันรู้ไปย่ะ
“นั่นเป็นเพราะเค้าจะเดินหนีฉันทั้งที่ยังไม่ชดใช้ค่าเสียหายน่ะสิ ฉันไม่ได้ขโมยจริง ๆ นะ” อธิบายไปก็ไร้ผล เพราะยัยหัวฝอยขัดหม้อเดินชนไหล่ฉันแล้วมุ่งหน้าไปทางห้องจัดเลี้ยง สงสัยจะมากับอีตาขยะสังคมล่ะสิท่า อย่างนี้แหล่ะนะ งานระดับวันเกิดลูกชายเจ้าของกิจการโรงแรมเดอะพิสตันตั้งหลายสาขาทั่วประเทศ ใครก็ต้องอยากรู้จักอยู่แล้วหล่ะว่ามั้ยล่ะ
“ย่ะ พวกคนรวย วันไหนจนบ้างแล้วจะรู้สึก ไม่รู้คุณค่าของเงินเอาซะเลย ให้ตายสิ” ฉันบ่นไปเอากระเป๋าไปเก็บที่ตู้เสื้อผ้าไป เรียบร้อยแล้วก็นำรถเข็นไปเก็บแล้วรีบกลับไปหาคุณกิ่งกมล
ยัยธิดาวานรทำฉันเสียเวลางานไปมากโข ไม่รู้ว่าจะโดนด่าอีกรึเปล่านะนี่ ว้าว โอ้โหแฮะ ห้องจัดเลี้ยงภูคาที่ฉันจัดโต๊ะอาหารดินเนอร์ไว้ 45 โต๊ะ ถูกตกแต่งเพิ่มเติมด้วยโซนคอกเทลและประดับประดาด้วยไฟหลากสีระยิบระยับ เพิ่มดอกไม้ตกแต่งตามต้นไม้ที่จัดไว้ก่อนแล้วและเปิดน้ำตกออกมาจากภูเขาเทียมที่สูงเกือบสามเมตร ไหนจะนักร้องวง H2H ที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที โอ้ย พี่ฮัทหล่อเป็นบ้าเลย นี่ถ้าไม่มีแฟนที่ชื่อเหมยซึ่งรักกันหวานซึ้งตรึงใจนะ ฉันจะไปขอเป็นแฟนพี่ฮัทด้วยแหล่ะ ยู้ฮู้ หนูเป็นแฟนคลับพี่นะคะ กรี๊ดๆ แหม อยากจะออกไปโบกไม้โบกมือเหมือนแม่พวกผู้หญิงหลายสิบคนด้านหน้าเวทีจังเลย สงสัยมากว่านี่มันงานวันเกิดหรือนิทรรศการอะไรซักอย่างกันแน่ ทำไมมันยิ่งใหญ่ซะจนน่าขนลุก
“รินรดา มายืนเกะกะอะไรตรงนี้ ไปช่วยดูแลแขกสิยะ” เสียงคุณกิ่งกมลดังปลุกฉันตื่นจากภวังค์ ยัยเจ้วัยทองนี่คงได้รับเชื้อจากเจ้โหดมาเยอะซินะ ถึงได้เอาแต่ดุด่าฉันเนี่ย
“อ๋อ ค่ะคุณกิ่งกมล แล้วจะให้เริ่มจากตรงไหนคะ” ฉันหันหน้ามาทำท่าเจี๋ยมเจี้ยมหลับตาปริบๆ ทำตัวน่าสงสารเข้าไว้เรนนี่เผื่อคุณเจ้วัยทองแกจะเห็นใจไม่ใช้งานหนัก
“เธอคงเหนื่อยแล้ว งั้นดูแลแขกคุณนฤเดชโซนคอกเทลก็แล้วกันนะ” คุณนฤเดชนี่คงเป็นเจ้าของวันเกิดสินะ ได้เลย เพื่อรักษาชื่อเสียงของโรงแรมเดอะพิสตันเรนนี่จะดูแลแขกสุดฝีมือเลยค่ะ ยกเว้นสองแขกที่เรนนี่ไม่ชอบขี้หน้าเท่านั้นแหล่ะนะ
“รับน้ำอะไรดีคะ” ฉันเริ่มจากการเสิร์ฟน้ำผลไม้และพันซ์ ถาดนี้ก็หนักใช้ได้เลยนะเนี่ย ถ้าฉันไม่ได้ฝึกยกถาดอาหารในร้านของพ่อตั้งแต่เด็กจนโตมาล่ะก็ สงสัยต้องทำถาดหลุดมือแน่ ก็ดูสิเล่นวางกันมาซะเต็มถาดเฉพาะถาดของฉันคนเดียวเลย ศัตรูฉันไม่ใช่แค่ระดับหัวหน้า แต่ยังลงมาถึงพนักงานเสิร์ฟด้วยเลย เฮ้อ
“ขอน้ำส้มคั้นค่ะ ขอน้ำแอ๊ปเปิ้ล ฉันเอาพั้นซ์” เสียงของบรรดาสาวๆ เรียกร้องเครื่องดื่ม
“ค่ะ” ฉันขานรับและเดินถือถาดเข้าไปใกล้ๆ สังเกตุดูว่าแขกของคุณนฤเดชนี่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง แถมสวยซะด้วยนะเนี่ย แสดงว่าเจ้าของงานวันเกิดค่ำคืนนี้ต้องหล่อมากแหงเลย ขอบคุณสวรรค์ ท่ามกลางเรื่องราวโชคร้ายของสาวโสดอย่างเรนนี่ ก็ยังปราณีให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจกับผู้ชายหล่อๆ คิกคิก
“ต๊ายตาย ยัยเชยนี่เธอยังอยู่อีกเหรอเนี่ย ไม่กลัวไนท์จะเห็นแล้วฆ่าเธอทิ้งรึไงยะ รู้มั้ยว่าตอนที่ฉันเอาโทรศัพท์ของเค้าไปคืนนะ เค้าโกรธเธอยังกับภูเขาไฟระเบิดเลยหล่ะ” ไม่ทันแล้วหล่ะยัยหัวฝอยขัดหม้อ ฉันไปจ๊ะเอ๋กับแฟนเธอเรียบร้อยแล้ว คอนเสิร์ตของวง H2H จบลง พีธีกรขึ้นมากล่าวเข้าช่วงเปิดงาน ฉันกับยัยหัวฝอยขัดหม้อก็กำลังจะเปิดศึกเช่นเดียวกัน
“ไม่รู้ทำไมนะเห็นเธอทีไรฉันอารมณ์เสียทุกทีเลยสิน่า ไปให้พ้นหน้าฉันทีไป๊” หนอย ไล่ฉันยังกับหมูกับหมา แถมยังโบกมือไล่ฉันจนคนใกล้เคียงพากันหันมามองและหัวเราะแบบผู้ดี ดีนะที่พิธีกรประกาศเชิญเจ้าของงานวันเกิดขึ้นมากล่าวขอบคุณจึงดึงความสนใจทุกคนไปที่เวทีแทนสงครามย่อยกลางงาน
“เห็นทีจะไม่ได้ล่ะค่ะ เพราะฉันมีหน้าที่ดูแลโซนคอกเทล นอกเสียจากว่าคุณจะเดินหนีฉันไปเอง ขอตัวทำงานนะคะ” ฉันไม่อยากจะเสวนาด้วยซักเท่าไหร่หรอกนะยะ ไปเสิร์ฟอีกทางดีกว่า
“ปากดีนักนะเจอนี่หน่อยเป็นไง” อ๊าย ยัยบ้านี่สาดน้ำส้มในมือมาที่เสื้อสูทของฉัน ชุดที่ฉันภาคภูมิใจ ขนาดต้องไปล้างส้วมฉันยังถอดแขวนไว้เพราะกลัวจะมีกลิ่นเหงื่อติด แต่นี่หล่อนกล้าสาดน้ำส้มมาเลอะมันอย่างนั้นเหรอ หล่อนอยากตายใช่มั้ยเนี่ย
“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย คุยกันดีๆ ก็ได้นี่คะ” ฉันรีบเอาถาดไปวางแล้วคว้าผ้าเช็ดหน้าของพี่พลซึ่งพกไว้ในกระเป๋าเสื้อกำลังจะลงมือเช็ด แต่นึกขึ้นได้ซะก่อนว่าเป็นผ้าที่ฉันควรเอาไปใส่กรอบไว้เป็นที่ระลึกเลยเก็บเข้ากระเป๋าตามเดิม
“ฉันว่าเธอควรไปหลบอยู่ในห้องน้ำจนกว่างานจะเลิกนะโฮะ โฮะ” นังมารร้าย ถ้าไม่เห็นว่าเป็นแขกในงานนะฉันจะจับหัวเธอโขกกับถาดไก่ทอดเบคอน ถึงแม้เจ้าของงานวันเกิดจะเริ่มกล่าวขอบคุณและเชิญทุกคนร่วมสนุกกับการแสดงในค่ำคืนนี้ก่อนจะตัดเค้กในช่วงเบรคการแสดงเสียงฟังดูคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเสียงคุณ นฤเดชนี่เหมือนใคร แต่คุณนฤเดชรู้มั้ยคะว่าแม้แต่คุณยังไม่สามารถดึงความสนใจฉันไปจากการเดินจ้ำไปล้างเสื้อได้ สุดหล่อขาเดี๋ยวเรนนี่มานะเจ้าคะ ขอตัวไปล้างน้ำส้มออกก่อนจะกลับมาทำสวยต่อหน้าคุณตอนตัดเค้กก็แล้วกันนะคะ
“อ้าวน้องน้ำฝน งานล่วงเวลาที่ว่านี่มาดูแลห้องภูคาเองเหรอครับเนี่ย” บังเอิญโลกกลมและลมเย็น ทำไมฉันต้องเจอพี่พลในยามคับขันทุกที พี่เกิดมาเพื่อเป็นพระเอกของเรนนี่จริงๆ เลยค่ะพี่พลขา
“อ๋อค่ะ แล้วพี่พลก็มาร่วมงานที่นี่เหมือนกันเหรอคะ” ฉันยิ้มให้หน่อยหนึ่งหลังจบประโยค
“ครับ อ้าวแล้วเสื้อไปโดนอะไรมาครับนั่นน่ะ” ช่างสังเกตุ พี่สนใจฉันตลอดเวลาเลยสินะคะเนี่ย อุ๊ยปลื้มค่ะปลื้ม ต้องรีบขอตัวไปล้างก่อนแระเดี๋ยวมันเป็นคราบ ยิ่งได้มาแค่ชุดเดียวอยู่ด้วย
“พอดีเดินชนหมาน่ะค่ะน้ำส้มเลยหกใส่เดี๋ยวน้ำฝนขอตัวไปล้างออกก่อนนะคะ” ฉันตอบไปแบบนั้นพี่พลคงงงนะว่ามีสัตว์เข้ามาในโรงแรมได้ยังไง แล้วฉันจะบอกได้ยังไงล่ะว่าฉันทำแขกในงานโมโหจนโดนสาดน้ำส้มใส่ มีหวังแม้แต่ผู้จัดการทั่วไปอย่างพี่พลก็คงไม่ช่วยฉันแน่
“ไม่ต้องไปล้างหรอกครับเดี๋ยวจะเข้าไปในงานไม่ทัน เดี๋ยวพี่ให้แม่บ้านเอาชุดมาให้อีกชุดดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวล้างแป๊บเดียวก็หาย” อุ๊ย พูดไปตามมารยาทเท่านั้นแหล่ะค่ะคุ้นน ใครจะอยากซักเสื้อทุกวันเล่า อย่างน้อยมีสองตัวซักวันเว้นวันก็ยังดี
“อย่าเกรงใจไปเลยครับ แม่บ้านครับ ผมรบกวนไปหยิบเสื้อสูทพนักงานหญิงมาให้ผมชุดนึงนะครับ”
ฉันได้แต่อมยิ้มบิดไปบิดมาด้วยความเขิน พี่พลนี่น่ารักจริงๆ เนอะ คุณว่าป่ะ เวลาเพียงไม่นานแม่บ้านก็ส่งชุดใหม่ให้ฉันเอาเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่รอเข้างานพร้อมน้ำฝนนะครับ” แมนมาก สุภาพบุรุษสุดๆ จะรอฉันแล้วเดินเข้างานพร้อมกัน โถๆ อยากจะเดินควงเรนนี่เข้างานใช่มั้ยล่ะ เจอแบบนี้ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่จะว่าไปก็เขินเหมือนกันแฮะ
“คุณภัทรพลคะ ได้เวลาตัดเค้กแล้วนะคะคุณพ่อคุณให้มาตามเข้างานค่ะ” เสียงคุณกิ่งกมลเรียกพี่พลด้วยท่าทางน้อบน้อมเมื่อฉันกับพี่พลเดินกลับเข้ามาในงาน พ่อพี่พลเป็นเชฟไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะเรียกให้ไปดูแลเค้กในงานนะ อืมๆ คงเป็นอย่างนั้น
“ขอบคุณครับคุณกิ่งกมล เดี๋ยวผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ แล้วก็ขอยืมตัวนักศึกษาฝึกงานของคุณกิ่งกมลหน่อยนะครับ ป่ะน้ำฝน” เจ้าชายจะพาเจ้าหญิงไปยังเค้กก้อนมหึมาสูงเกือบเมตร มีตั้งห้าชั้น เจ้วัยทองอย่ามาขวางฉันไว้เลยนะคะ เป็นไงล่ะเจ้ อึ้งไปเลยล่ะซิ ฉันมีแบล็คเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปที่นี่นะเฟ้ย เจ้ก็อย่าร้ายกับฉันนักเลย อิอิ
“แต่ว่าเธอไม่ควรจะไปอยู่ตรงนั้นนะคะ เอ่อ..ก็ได้ค่ะ” คุณกิ่งกมลจะขัดแต่เมื่อเห็นสายตาสงสัยของพี่พลเธอก็เงียบเสียงลง ชนะ ในที่สุดธรรมะก็ชนะอธรรม เวอร์ไปคิคิ แค่มีแบล็คดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง อยากใช้ฉันดีนัก โดนสายตาดุๆ ของพี่พลเข้าให้ซะบ้างก็ดี
“เดี๋ยวน้ำฝนไปยืนข้างๆ พี่นะครับ จะได้ไม่มีใครแกล้งอีก” พี่พลรู้ ว้าว พี่รู้ได้ยังไงว่าฉันโดนแกล้ง แต่จริงๆ ทุกคนก็คงรู้ ดูสิ นักศึกษาฝึกงานอย่างฉัน กลับต้องมาอยู่ทำงานล่วงเวลา แถมต้องล้างห้องน้ำ จัดโต๊ะจัดเลี้ยงคนเดียวอีก ใครไม่รู้ก็แปลกแล้ว
“ขอเชิญคุณอนัตชัยขึ้นกล่าวอวยพลคุณนฤเดชเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ตามด้วยคุณภัทรพลพี่ชายขึ้นบนเวทีครับ และขอเชิญคุณนฤเดชประจำจุดตัดเค้กได้เลยครับ” เสียงพิธีกรซึ่งเป็นนักข่าวบันเทิงแล้วก็เล่นหนังสองเรื่องถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะเรื่องจับคนบ้ามาแต่งงานกับเรื่องจุ๊กกรุ๊วนกเขาเมืองกำลังประกาศเชิญเจ้าของโรงแรมและลูกชายทั้งสอง ลูกชายซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดชื่อนฤเดช ส่วนลูกชายที่ไปยืนบนเวทีพึ่งจะเดินจากฉันซึ่งยืนเอ๋ออยู่ข้างเวที คุณภัทรพลลูกเชฟ ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเดอะพิสตัน พี่พลเป็นลูกชายคุณอนันตชัย ไม่ใช่ลูกเชฟอย่างที่ฉันเข้าใจ ความรู้สึกโหวงเหวงแทรกเข้ามาเต็มหัวใจของฉัน หัวสมองคิดอะไรไม่ออกมันตันไปหมด
“เพราะว่าเราห่าง .. ไกลกันเหลือเกิน” เสียงเพลงแห่งความเศร้าดังกระหึ่มอยู่ในหูของฉัน ทำไมคนที่ฉันตกหลุมรักถึงอยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างนี้ ยังไม่ทันที่จะได้คบก็ต้องจบเสียแล้ว
“ผมต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานของลูกชายผม ขอให้ทุกท่านร่วมแสดงการยินดีด้วยการดื่มฉลอง ไชโย” เสียงคุณอนันตชัยสิ้นสุดลง ทุกคนก็ยกแก้วในมือของตัวเองชูขึ้นพร้อมกับพูดว่าไชโยแล้วดื่มเครื่องดื่มของตัวเอง ท่ามกลางผู้คนหลายร้อยชีวิต แม้แต่คนดังระดับนักการเมืองดารานักแสดงก็มาร่วมงาน แต่นั่นก็ไม่ได้ดึงความสนใจสายตาฉันไปจากพี่พลที่ยืนยิ้มอยู่บนเวทีและกำลังถือไมค์ต่อจากคุณพ่อของเขาเจ้าของโรงแรมเดอะพิสตันกรุ๊ป
“คงถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้วนะครับ กับการร่วมรับประทานเค้กวันเกิดให้กับน้องชายของผม ขอเสียงปรบมือให้กับไนท์ด้วยครับ” ว่าไงนะ เสียงประกาศชื่อคุณนฤเดช ทำไมชื่อเดียวกับนายขยะสังคม ไม่จริงใช่มั้ย และแล้วก็เหมือนสวรรค์ล่ม ภูเขาถล่ม และก้อนหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหล่นทับหัวของฉัน ไม่จริงน่า มันไม่ใช่ ฉันไม่เชื่อหรอก คู่อริของฉันคงไม่ใช่ลูกชายของคุณอนันตชัย ไม่ใช่เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงสถานที่ฝึกงานของฉัน สถานที่ทำงานที่ใฝ่ฝันต้องกลายเป็นสมรภูมิรบอย่างแน่นอน
“ยินดีด้วยนะคะ” เสียงสาวๆ กรี๊ดกร๊าดและส่งเสียงแสดงความยินดี ในขณะที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินไปประจำที่ตัดเค้ก โช๊ะเด๊ะ นายขยะสังคม ผู้ชายปากเสียและนิสัยแย่ นายปีศาจที่ขู่อาฆาตฉันเอาไว้ เรนนี่อยากหายตัวไปจากตรงนี้จริง ๆ แต่มือของพี่พล ไม่สิ คุณภัทรพลก็มาแตะที่ไหล่ฉันทันทีที่ลงจากเวที
“ดิฉันขอโทษนะคะคุณภัทรพล ดิฉันไม่ทราบว่าท่านเป็นเจ้าของที่นี่ และต้องขออภัยที่ดิฉันพูดจาเสียมารยาทกับท่านหลายอย่าง” ฉันยืนตัวแข็งและพูดแบบตะกุกตะกักยังอึ้งไม่หาย แต่คุณภัทรพลกลับส่ายหน้าไปมาแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม
“เรียกพี่พลเหมือนเดิมดีแล้วครับน้องน้ำฝน พี่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย อย่ากังวลเลย”
“ได้ยังไงกันคะ ดิฉันเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานจะไปตีสนิทแบบนั้นได้ยังไงกัน” ความน้อยใจวิ่งเข้ามาในสมองของฉัน รู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก เหมือนปลาดุกโดนทุบหัวก่อนเอาไปทำปลาดุกย่างซอส ทำไมตอนที่ฉันบอกว่าพี่เป็นลูกเชฟพี่ไม่ปฏิเสธซักคำ อ๋อ จริง ๆ ตอนนั้นมีคนมาเรียกพี่ไปก่อนนี่นา ฉันมันโง่เอง อยากกัดลิ้นตัวเองให้ด้วนเหมือนจระเข้ในฟาร์มจระเข้สมุทรปราการที่โน๊ตอุดมแต้พานิชเอาหัวไปให้มันงับในเรื่องอีติ๋มตายแน่จัง
“ครับ ถ้าน้ำฝนไม่สะดวกที่จะเรียกเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร แต่พี่ยังรู้สึกเหมือนเดิม ไปรอเค้กกันดีกว่าครับ” พี่พลพูดจบประโยคก็ดันตัวให้ฉันเดินตามไปยังเค้กก้อนโตที่นายปีศาจยืนถือมีดจะทิ้มลงมาที่พุงกะทิของฉัน ไม่หรอก เขาจะตัดเค้กต่างหาก แต่พอฉันเดินเข้าไปใกล้เท่านั้นแหล่ะ นายนั่นหันมามองด้วยท่าทีเหยียดหยามและสายตาเจ้าเล่ห์ ทำไมเหรอ เป็นลูกเจ้าของโรงแรมแล้วไงล่ะ คิดว่าจะได้รังแกฉันตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่กลัวนายหรอกยะ
“เดี๋ยวส่วนที่เหลือยัยนี่จะเป็นคนจัดการตัดแบ่งให้นะครับทุกท่าน” นั่นไงล่ะ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย ผิดคำฉันซะที่ไหนเล่า นายนี่จ้องจะเล่นงานฉันอยู่
“พี่เป็นคนพาน้ำฝนมานะไนท์ จะให้ไปตัดได้ยังไงคนที่จะจัดการต่อจากนายก็เตรียมไว้แล้วนี่” พี่พลออกรับแทนฉันที่ยืนแข็งทื่อเป็นต้นไม้ในป่าเบญจพรรณแถวนครปฐม นี่มันบ้าอะไรกันน่ะ ฉันยังช็อคกับเรื่องที่พวกนายสองคนเป็นลูกเจ้าของโรงแรมไม่หาย จะแกล้งอะไรก็ดูอารมณ์หน่อยสิยะ อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตาตลอด 24 ชั่วโมงเท่าเซเว่นอีเลฟเฟ่นโลโก้ตราช้าง 7 ตัวหรอกนะ
“รึว่านักศึกษาฝึกงานจะไม่ทำหน้าที่เมื่อได้รับมอบหมาย อย่างนั้นเหรอคุณรินรดา” นายปีศาจจ้องที่ป้ายชื่อของฉันแล้วเรียกแบบเจ้านายสั่งลูกน้อง
“ไม่เป็นไรค่ะคุณภัทรพล ดิฉันทำได้” ฉันจ้องหน้าอีตาขยะสังคมอย่างไม่ยอมแพ้และเดินไปรับมีดจากเขา แล้วนายจะได้เห็นฝีมือว่าที่เด็กเกียรตินิยมอย่างฉัน นางสาวรินรดาตั้งใจเรียนแทบตายจะให้มาพลาดเกียรตินิยมเพราะเกรดฝึกงานอย่างนั้นรึ ไม่มีทาง ตัดเค้ก จิ๊บจ๊อย
“ก็ดี เห็นว่าเก่งนักเก่งหนา โชว์ฝีมือเดี่ยวห้ามให้คนช่วย ไม่อย่างนั้นเธอเจอดีแน่” ฉันรับมีดมาแล้วเดินไปที่เค้ก หลายคนละความสนใจจากฉันไปแล้วเพราะเจ้าของงานขึ้นไปชวนทุกคนดื่มตามโต๊ะ นายอายุเท่าไหร่กันเชียวนะ กินเหล้ายังกับน้ำเติมไม่หยุดเลย ถ้าดูตามประวัติลูกชายคุณนฤเดชคนเล็ก ก็น่าจะอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนติดกับรั้วมหาวิทยาลัยของฉัน และยังเรียนอยู่ปี 3 เป็นน้องฉัน 1 ปี มาถูกเด็กอายุ 21 ปี กลั่นแกล้งนี่มันน่าอาจชะมัดเลยเรนนี่เอ้ย
“น้ำฝนพี่ว่าให้คนอื่นทำดีกว่านะ” พี่พลพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่ฉันจะกล้ารับน้ำใจจากพี่ได้ยังไง ในเมื่อพี่เป็นถึงลูกคุณอนันตชัย แล้วฉันก็ได้รับคำสั่งโดยตรงจากลูกชายท่านอีกคน อยากจะบ้าตาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวไปทำหน้าที่ก่อนนะคะ” พี่พลอย่าทำสายตาเศร้าๆ อย่างนั้นได้ไหมคะ เดี๋ยวฉันจะยิ่งเข้าใจผิดไปใหญ่ว่าพี่ชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีเทียบพี่ไม่ติดเลยอย่างฉัน อย่าทำให้ฉันเหมือนพวกด้อยคุณค่าทางอาหารอย่างนั้นเลย
ฉันบรรจงตัดเค้กจานแล้วจานเล่า จากชั้นบนสุดคือชั้นห้า ไล่ลงมือจนเหลือเพียงชั้นสุดท้ายชั้นเดียว แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบง่ายๆ ที่ฉันตัดเค้กจบ ปิดงาน และกลับบ้านน่ะสิ ก็ไอ้บ้าขยะสังคมนั่นเดินกลับมาหาฉัน พี่พลก็ออกไปส่งแขกบางส่วนที่ทยอยกันกลับ อย่าเข้ามานะ ฉันมีพระนะจะบอกให้
“ไงแม่สาวน้อยร้อยชั่ง บอดี้การ์ดเธอไม่อยู่แล้วมีอะไรจะร้องขอเป็นครั้งสุดท้ายมั้ย” นายไนท์เดินเข้ามาใกล้ฉันและพูดให้เราได้ยินกันแค่สองคน ยากที่จะต่อกร ก็มือข้างขวาฉันถือมีดมือข้างซ้ายฉันถือจานใส่เค้ก
“ทำไมต้องร้องขอเป็นครั้งสุดท้าย ในเมื่อฉันไม่ใช่นักโทษประหารชีวิต นายมากกว่าที่ควรจะร้องขอให้ฉันสงสารนาย ท่าทางจะมีปัญหาทางจิต เป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นรึเปล่ายะ..ฮะ เป็นผู้ชายรึเปล่า ปากคอเลาะร้ายแบบประเภทสองยังอายนายเลยเชื่อมั้ยล่ะ” ฉันพูดพลางทำเหมือนเค้าเป็นอากาศธาตุหันไปตักเค้กใส่จานจะยกไปเสิร์ฟ แต่ไอ้บ้าไนท์กลับกระชากเปียของฉันไว้ข้างนึง นึกอยากจะด่าตัวเองทำไมฉันต้องถักเปียมาเนี่ย ถ้ารู้ว่าเรียบร้อยแล้วจะเป็นตัวการทำให้ฉันถูกดึงจนเจ็บหัวแบบนี้นะ ฉันไม่ถักมาหรอก
“โอ๊ย ปล่อยฉันนะนายขยะสังคม” ฉันชะงักกึกทันทีที่ถูกดึงและร้องโวยวายออกมาด้วยความตกใจ แต่ในมือทั้งสองข้างก็ยังถือจานเค้กอยู่
“อยากจะรู้มั้ยล่ะว่าฉันน่ะเป็นผู้ชายรึเปล่า ให้ฉันพิสูจน์มั้ยล่ะสาวน้อย” อ่ะ สาวน้อยงั้นเหรอ ฉันแก่กว่านายหนึ่งปีนะอีตาบ้า
“ม่ายยยย ฉันไม่อยากรู้”นายไนท์ปล่อยเปียฉันและจับไหล่ของฉันหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเค้า
“แต่ฉันอยากให้เธอรู้” ไม่พูดเปล่าเขายังเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รวยรินอยู่ที่ใบหน้าของฉัน โอย จะเป็นลม เกิดมา 22 ปี ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันได้ขนาดนี้เลย พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย แต่ท่านคงช่วยไม่ทันแล้วหล่ะ เพราะริมฝีปากของผู้ชายที่ฉันแสนเกลียดประทับลงมาบนริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปมันสีชมพูของฉัน ความรู้สึกแปลกๆ วิ่งวนเต็มหัวสมองของฉันไปหมด มันเหมือนกับว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งแผ่ไปทั่วทั้งตัว มันวูบวาบจนฉันแทบจะหมดแรง มันรสชาดเหมือนเหล้ายี่ห้อดังราคาแพงผสมโซดากับน้ำองุ่น ใครก็ได้มารับจานเค้กไปจากฉันทีจะร่วงอยู่แล้วน๊า
คงผ่านไปนานพอสมควรที่นายขยะสังคมจูบฉันต่อหน้าคนหลายร้อย ความอายทำให้หน้าฉันแดงซ่าน ทั้งโมโห ทั้งโกรธ สายตาทุกคู่ในห้องจัดเลี้ยงภูคามองมาที่เราสองคนเป็นตาเดียว สติแตกแล้วเว้ยเรนนี่
“นายมันไอ้ขยะสังคม ฉันเกลียดนาย เอาจูบแรกของฉันคืนมาน๊า ย๊ากก” เค้กสองจานจากสองมือที่ถืออยู่กะจะปะไปที่หน้าของไอ้คนสกปรกที่พรากจูบแรกไปจากฉัน แต่นายบ้านั่นหลบทันฉันเลยเสียหลักปล่อยจานหลุดมือไปโดนหน้าคนที่ยืนกรี๊ดๆ อยู่ด้านหลังนายไนท์ ซึ่งก็คือยัยธิดาวานรนั่นเอง ยัยนั่นยิ่งกรี๊ดไปกันใหญ่ ฉันคิดว่าการล้มลงบนพื้นพรมถึงมันจะนุ่มแต่ก็น่าจะเจ็บอยู่บ้างเลยหลับตาปี๋ แต่มันไม่เจ็บอย่างที่คิดแฮะ
“จะลุกไปจากตัวฉันได้รึยัง ฉันจูบเธอแค่นิดเดียวเธอถึงกับจะปล้ำฉันเลยรึไงยัยซุ่มซ่าม” อ๊าย ฉันล้มทับลงมาบนตัวนายขยะสังคมเหรอเนี่ย แถมยังคร่อมอยู่ในท่าทีสยิวกิ๊วชวนคิดอีกต่างหาก
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะนังแมวขโมย ไนท์เป็นของฉันจำใส่หัวสมองงี่เง่าของแกเอาไว้ด้วย” ยัยอุรังอุตังเผือกที่เละไปด้วยเค้กวิ่งมาเหวี่ยงฉันออกจากอีตาเจ้าของวันเกิด อ๋อ สงสัยที่เปิดห้องวีไอพีนี่กะจะให้ตัวเองเป็นของขวัญวันเกิดรึไงยะ
ด้วยความอับอายอย่างถึงที่สุดฉันรีบลุกขึ้นจะวิ่งหนีออกจากงาน แต่ไอ้บ้านั่นลุกขึ้นทันและคว้าแขนฉันไว้ ไอ้บ้าเอ้ย นี่ฉันยังอายไม่พอรึไงนะ ถ้าฉันดูไม่ผิดมีนักข่าวมาถ่ายรูปไว้ด้วย พรุ่งนี้จะมีข่าวตีพิมพ์ สาวใหญ่ใจหื่นขึ้นคร่อมหวังเคลมลูกเจ้าของโรงแรมเพื่อความก้าวหน้า อ๊าก ไม่เอาน๊า ใครก็ได้ช่วยหนูที
“จะรีบไปไหนล่ะ ฉันยังสนุกไม่พอเลยนะ” อะไรกัน กะอีแค่ฉันเอามือถือนายมาและแฟนนายเอามือถือเครื่องใหม่มาคืนฉัน มันก็น่าจะจบแค่นั้นนี่นา ทำไมต้องโกรธเคืองอะไรฉันขนาดนี้ด้วยล่ะ หรือเป็นเพราะไม่เคยมีใครกล้าหือกับนายรึไงกันถึงต้องโกรธขนาดนี้ เอาแต่ใจชะมัดเลยอีตาบ้าเอ้ย
“ขอให้ทุกท่านปรบมือให้กับพี่พลพี่ชายของผมด้วยนะครับที่มอบของขวัญวันเกิดในปีนี้ได้สุดพิเศษมาก ยัยนี่เป็นของขวัญที่น่าประทับใจจริงๆ ขอบคุณนะครับพี่พล” เสียงของนายไนท์พูดจาดูห่างเหินไม่เห็นเหมือนพี่น้องทั่วไปพูดกัน ขนาดฉันกับน้องสาวน้องชายสามคนจะชอบทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแข็งกระด้างแบบนี้ ทำไมนายนี่ใช้คำพูดเหมือนเยาะเย้ยพี่ชายตัวเอง ไหนจะสายตาที่ก้าวร้าวแต่แฝงความเศร้าออกมาด้วยนั่นล่ะ ฉันไม่เข้าใจนายเลยไนท์ แต่เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ ฉันเป็นของขวัญวันเกิดเหรอ จะบ้ารึไงยะ ฉันไม่ใช่และก็ไม่อยากเป็นน๊า ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ
“ผมขอไปแกะห่อของขวัญก่อนนะครับ” เฮ้ย ของขวัญของนาย ใครกัน ฉันเป็นคนนะ แล้วทำไมพี่พลต้องมองด้วยสายตาเจ็บปวดแบบนั้น โอ้ย ไม่เข้าใจพี่น้องคู่นี้เลย พี่พลไม่ต้องห่วงเรนนี่นะคะ เรนนี่จัดการหมอนี่ได้สบายมากอยู่แล้ว ถ้าไม่รวมเรื่องจูบเมื่อกี้นี้นะ
“นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย ไม่เห็นหรือไงว่าคนในงานเข้าใจผิดกันหมดแล้ว” เค้าคงคิดว่านายจะพาฉันไปปล้ำแน่ๆ ฉันไม่ตลกด้วยนะเฟ้ย
“ช่าง ก็ฉันไม่ได้เสียหายอะไรนี่” หนอยแน่ะ พูดจาได้ไร้ความรับผิดชอบมาก เป็นผู้ชายรึเปล่าเนี่ย แต่ฉันคงไม่ถามอีกหรอก เดี๋ยวนายขยะสังคมพิสูจน์ให้ดูอีก คราวนี้จะไม่แค่จูบน่ะสิ
“นายไม่เสียแต่ฉันเสียปล่อยมือฉันซักที มาถูกเนื้อต้องตัวลูกสาวชาวบ้านทั้งที่ยังไม่แต่งงานมันเสียหายรู้มั้ย” ฮึ ฉันน่ะกุลสตรีไทยนะจะบอกให้ ยกเว้นเวลาเจอผู้ชายที่ฉันชอบอ่ะนะ ฉันลุยเอง ฮี่ฮี่
“แต่งงานเหรอ ฝันไปเถอะ นึกว่าฉันอยากโดนตัวเธอนักรึไง เฉิ่ม เชย หน้าอกก็ไม่มี ตรงไหนชวนให้คิดมิดีมิร้ายด้วยมิทราบ รู้มั้ยว่ามีผู้หญิงตั้งเยอะแยะที่อยากให้ฉันถูกเนื้อต้องตัวใจแทบขาดน่ะ เธอควรจะดีใจและขอบคุณฉันนะ” เฉิ่ม (ฉึกเข้ามาที่กลางใจด้วยมีด) เชย (ปังเข้ามากลางใจด้วยลูกกระสุนปืน) หน้าอกก็ไม่มี (เอาเชือกมารัดคอฉันให้ตายเถอะ ฉันซ่อนรูปนะจะบอกให้แต่ซ่อนไว้ลึกมากนายไม่มีวันหาเจอหรอก) ฉันต้องตั๊นหน้านายให้หงายเงิบ ยังจะให้ฉันขอบคุณนายจะบ้าเหรอฟะเนี่ยไอ้โรคจิตนี่
“เพี๊ยะ” แรงโมโหของผู้หญิงนี่น่ากลัวนะจะบอกให้ เพราะทันทีที่ฉันสะบัดมือหลุดจากผู้ชายปากเสียตรงหน้าบริเวณประตูทางเข้าโรงแรมได้แล้วฉันก็ตบหน้าเขาจนหัน ดูท่าเขาจะตกใจพอสมควรและคงเจ็บไม่น้อยเพราะมีรอยแดงเป็นปื้นขึ้นบนหน้า เขากัดกรามกรอดด้วยความโกรธ รึว่าฉันใช้กำลังผิดวิธีกันนะ โอ้ ฉันนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปทำอย่างอื่นนอกจากตบหน้านายนี่จะทันมั้ยเนี่ย
“เธอกล้าตบหน้าฉันงั้นเหรอ ดี งั้นไปกับฉัน” โอ้แม่เจ้า แจ็คพ๊อตแตกแจกยับเยิน เป็นไปตามความคาดหมาย นายไนท์ฉุดกระชากลากถูฉันไปที่คาร์พาร์คและโยนฉันขึ้นรถสปอร์ตสีเหลืองคาดดำแต่งเหมือนที่ฉันเคยเห็นในเรื่องรถแข่งอะไรซักอย่างอ่ะนะ มีปีกๆ ขึ้นที่หลังรถด้วยโหรถที่ฉันใฝ่ฝันอยากนั่งมานาน สวยและหรูคงแพงน่าดู เฮ้ย นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมรถนะ
“นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย จอดนะไม่งั้นฉันโดด” พูดไปงั้นแหล่ะใครจะกล้าโดดขี่เร็วยังกับจรวด
“หุบปากแล้วนั่งเฉยๆ เป็นมั้ย” อ๊าย ไอ้โรคจิตนี่พูดดีๆ กับฉันซักประโยคมันจะตายมั้ยฮะ เงียบก็ได้โว้ย
รถสปอร์ตเปิดประทุนที่ขับด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนี่มันทำให้ลมปะทะฉันจนหน้าชาเลย ข้างหน้านั่นไฟแดง ไฟแดงที่รักฉันไม่เคยรักไฟแดงขนาดนี้มาก่อน 120 วินาที ฉันจะได้นั่งใช้สมาธิคิดเอาตัวรอดอีก 120 วินาที ขอโทษนะเจ้าไฟแดงที่เวลาฉันขี่รถมอเตอร์ไซด์ส่งอาหารด้วยความรีบร้อนฉันเคยด่าแกว่าจะมีไว้ทำไมวะเนี่ยคนยิ่งรีบๆ อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆ ในเวลา 4 ทุ่มย่านใจกลางเมืองยังคงมีรถวิ่งกันอยู่พลุกพล่าน
“จะหันไปมาทำไมยัยโง่ ฉันเวียนหัวไปหมดแล้ว”
“ก็หันหาคนช่วยน่ะสิเอ้ย” ปากหนอปาก ถ้าไม่รู้จักคิดก่อนก็ไม่ต้องพูดเง้อ เดี๋ยวนายขยะสังคมก็โมโหอีกหรอกเนี่ย ฉันยังไม่อยากตายนะ ใจเย็นไว้สาวน้อย มันต้องมีทางออกสิ คิดไว้คิดเดี๋ยวก็เจอวิธีแก้ปัญหา
“จะมีใครมาช่วยเธอ นอกซะจากว่าเธอจะวิงวอนร้องขอจากฉัน เอาสิ กราบขอโทษฉันงามๆ เผื่อฉันจะอโหสิให้” เชอะ ใครจะไปทำ ศักดิ์ศรีกินไม่ได้แต่เท่เฟ้ย
ความคิดเห็น