ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Plan แผนร้ายข็อตใจนายสุดฮอต

    ลำดับตอนที่ #11 : รักวุ่นวายของยัยสแปลชตัวป่วน (18+)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 56


    วันนี้ฉันไปงานแถลงข่าวเปิดตัวคู่พระเอกนางเอกเรื่อง Summer Of Love ร้อนนี้มีรัก หนังต้อนรับซัมเมอร์นี้ที่จะถ่ายทำตลอดหนึ่งเดือนต่อจากนี้ งานเปิดตัวจัดที่โรงแรมเดอะพิสตัน ความจริงแล้วฉันไม่ได้อยากจะแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด แต่งหน้าจัดยังกับจะไปเล่นงิ้วแบบนี้
     

    แล้วก็ไอ้ที่เกาะคนอื่นดังน่ะ ฉันไม่ชอบเป็นที่สุด แต่ทำไงได้ในเมื่อผู้จัดการส่วนตัวที่ปั้นฉันเนี่ย บอกว่าถ้าต้องการค่าตัวสูงๆ ต้องมีข่าวกับผู้ชายที่กำลังมาแรง แม่ก็ต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ พ่อก็เป็นอัมพาต น้องสาวสองคนก็กำลังเรียนหนังสือ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายตั้งมากมาย ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เค้าให้ทำอะไรก็ต้องทำยัยสแปลช
     

                    คราวนี้พี่จุ๊บให้ฉันเป็นข่าวกันซีแซนด์นักร้องนำวง Zsood ที่ฉันเคยถ่าย MV เพลงให้เค้า และนี่ก็มีโอกาสได้เล่นหนังด้วยกัน เลยต้องปล่อยข่าวออกไปว่าเราเป็นแฟนกัน แต่อีตานั่นนะไม่ยอมตกลงคบกับฉันง่ายๆ หรอก จนพี่จุ๊บต้องใช้จุดอ่อนของหมอนั่นมามัดมือชก ซึ่งก็คือยัยป้าที่อยู่โรงเรียนข้างๆ โรงเรียนซีแซนด์ ยัยแอมแปร์ที่เคยมาเดินวุ่นวายกลางกองถ่าย MV ของวง Zsood
     

                    พี่จุ๊บไปซื้อภาพหลุดของยัยแอมแปร์จากรีย่าคู่อริยัยนั่นไว้สี่ห้าใบ เป็นภาพยัยนั่นจุ๊บกับพี่โย พี่ชายของซีแซนด์สมัยยัยนั่นเป็นแฟนกับพี่โย ภาพกอดกับนักดนตรีโรงเรียนแม้มันจะเป็นการใช้มุมกล้องแต่ก็เหมือนกอดกันจริงมาก ภาพที่คบกับผู้ชายอีกสองคนก็มี
     

    จากนั้นพี่จุ๊บก็เอาภาพพวกนั้นมาขู่ซีแซนด์ว่าถ้าเขาไม่ยอมคบฉันออกสื่อ พี่จุ๊บจะส่งรูปพวกนี้ไปตามอินเตอร์เน็ตแล้วเขียนเรื่องให้แย่ไปเลย แต่อีตานั่นก็ฉลาดพอที่จะต่อรองว่าจะคบฉันเฉพาะช่วงถ่ายภาพยนตร์เท่านั้น

    เชอะ ฉันไม่ได้อิจฉาหล่อนหรอกนะที่มีแฟนมาตั้งหลายคน ผิดกับยัยเฉิ่มอย่างฉันที่ไม่เคยมีแฟน กว่าพี่จุ๊บจะเห็นแววดังของเด็กยกของอย่างฉันให้มาลองเดินแบบดู แล้วก็ปั้นฉันจากใต้ดินเป็นดาวเนี่ย ใช้เวลาตั้งนาน
     

                    จะไม่มีวันที่ฉันจะดับ พ่อแม่และน้องๆ ของฉันต้องได้กินอิ่มนอนหลับ และอยู่สุขสบาย ปิดกล้องละครเรื่องล่าสุดนี้ฉันก็จะได้ค่าผ่าตัดให้แม่แล้วดีใจจัง แต่ก็เหนื่อยเฮ้อ

                    “สแปลช ถึงคอนโดแล้วไม่ลงรึไง” พี่จุ๊บดุฉันอีกแล้ว ห้ามไม่มั่นใจต่อหน้านักข่าว ต้องดูดีทุกครั้งที่มีกล้องแพลนมาที่เรา ต้องมีรสนิยมดี กินแต่ของดีๆ อยากกินอะไรก็ต้องอดทนเพราะเราเป็นคนของประชาชน เวลาใครถามถึงประวัติครอบครัวให้บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบ และอีกมากมายจนจำแทบไม่ไหว อดทนไว้ยัยสแปลชเอ้ย งานคือเงิน
     

                    “อ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะพี่จุ๊บ” ฉันลงรถเก๋งสีดำของพี่จุ๊บแล้วใช้คีย์การ์ดรูดที่เครื่อง จากนั้นกระจกจึงเปิดออกให้ฉันเดินเข้าไปตู้กระจกเพื่อกดลิฟท์ คอนโดนี้ค่อนข้างทันสมัยมากเลย ห้องหรูอยู่สบายแต่อึดอัดใจที่ในนั้นมีกล้องวงจรปิด พี่จุ๊บควบคุมฉันทุกอย่างยังกับหุ่นยนต์แน่ะ

                    “ว้าย อะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ” มีแรงกระชากแขนฉันออกมาจากตู้กระจกแล้วลากออกมาถึงรถจาร์กัวคันหรูห่างจากทางเข้าลิฟท์สองสามเมตร
     

                    “นี่นายเป็นใครน่ะ เป็นขโมยเหรอ ฉันไม่มีเงินสดติดตัวหรอกนะ ปล่อยฉันนะ เอางี้ เอาทองฉันไปเลย มือถือไอแพดเอาไปให้หมดเลยนะ” ไม่มีเสียงตอบกลับแต่จับมือฉันไขว้ไว้ข้างหลังแล้วใช้เข็มขัดรัดไว้แน่น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย

                    “จะทำอะไรฉันน่ะ หรือเป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้ฉันเหรอ ปล่อยฉันเหอะนะ เดี๋ยวฉันถ่ายรูปด้วย แล้วก็เซ็นต์ลายเซ็นต์ให้ด้วย ยอมไปกินข้าวด้วยหนึ่งมื้อก็ได้” แงแง น่ากลัวจังเลย สาวใสวัยซนกำลังจะโดนแฟนคลับทำร้าย
     

                    “ใครอยากได้ลายเซ็นของดาวยั่วอย่างเธอมิทราบ จำใส่หัวของเธอไว้ด้วยว่าเธอมันนางมารร้าย” เสียงผู้ชาย ไม่น่าจะมีอายุนะ เสียงยังเด็กพอกันกับฉันเลย

                    “นายเป็นใครน่ะ ต้องการอะไร ว้าย” ยังไม่ทันได้รับคำตอบฉันก็ถูกโยนใส่รถแล้วปิดประตูตาม ฉันพยายามกระดืบ กระดืบ หมายจะเปิดประตูหนีแต่มันเป็นระบบล็อคออโต้ ควบคุมอัตโนมัติไปซะหมด อ๊าย น่ากลัว พวกโรคจิตจับฉันไปทำงานศิลปะ ใช้สีเทลาดตัวฉันแล้วก็ใช้ไฟลนทีละน้อยให้สีน้ำมันผสมเลือด กรี๊ดดดดดดด (มันคงดูหนังแนวโรคจิตมากเกินไปนะเจ้ว่า:เดซี่)
     

                    “จะกรี๊ดทำไมยัยนกหวีด หูจะแตก เงียบ” ไอ้โรคจิตตะโกนซะลั่นรถแต่ฉันก็ยัง

                    “กรี๊ดดดดดด ไม่นะฉันไม่ยอมให้นายจับไปทำงานศิลปะแน่ กรี๊ดดดดด” ฉันยังไม่หยุดกรี๊ด รถก็เล่นไปบนท้องถนนซึ่งฉันไม่คุ้นตา นอกจากพี่จุ๊บแล้วฉันยังไม่เคยนั่งรถไปกับใครเลย ขับรถยิ่งไม่เป็นใหญ่ ก็บ้านฉันขายข้าวราดแกงมีกินมีใช้ไปวันๆ ไอ้จะมานั่งรถเก๋งหรูหราอะไรอ่ะไม่มีหรอก แค่มีโอกาสได้นั่งกับพี่จุ๊บก็บุญแระ

                    “งานศิลปะบ้าบออะไรของเธอ แต่ถ้าเธอไม่เงียบฉันจะปาดคอเธอทิ้งไว้ข้างทางนี่แหล่ะ” รถแล่นไปเรื่อยๆ จนออกนอกตัวเมืองมุ่งหน้าสู่ชานเมือง จากถนนสี่เลนลดเป็นสองเลนและเริ่มมีป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม
     

                    “นะ นายจะไปไหนน่ะ นายจะฆ่าฉันหมกป่าจริงๆ เหรอ ฉันไปทำอะไรให้นาย ฉันไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใครนะ" คนใกล้ตายต้องหาทางเอาตัวรอด นายหน้าหล่อ อันที่จริงถ้าเจอกันในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้ฉันอาจจะตกหลุมรักนายก็ได้ หน้าใสหวานจนผู้หญิงต้องอิจฉา ปากแดงแบบคนสุขภาพดีน่าจูบ อะไรเนี่ยเวลาแบบนี้ฉันยังคิดเรื่องนี้ได้อีก
     

                    “เธอน่ะเหรอไม่เคยทำอะไรให้ใคร เธอมันตอแหล เสแสร้ง เธอทำให้คนที่ฉันรักเจ็บปวด ได้ตายสมหวังแน่” อะไรเนี่ย ฉันไปทำอะไรใครตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจะตายไม่ได้นะ ได้โปรดฉันยังตายไม่ได้

                    “นายต้องการอะไรกันแน่น่ะ ฉันยังตายไม่ได้นะ ฉันมีภาระตั้งมากมาย” ฉันพยายามร้องขอ รถชะลอความเร็วลงแล้วก็จอด อ๊ะ รึว่าเค้าสงสารฉัน จะปล่อยฉันแล้วเหรอ

                    “เธอมันตัวน่ารำคาญ” ไอ้บ้านี่เอาผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่มาผูกปากฉันไว้

                    “อ๋อยอั๋นไอเออะอ๊ะ(ปล่อยฉันไปเหอะนะ)” มือก็โดนมัด ปากก็โดนผูกไว้ ฉันกำลังโดนลักพาตัว นี่มันละครเรื่องจำแลงรักชัดๆ
     

                    “ถ้ายังไม่อยากตายก็เงียบไว้เหอะน่า” รถเลี้ยวเข้าถนนลูกรังขรุขระสองข้างทางมืดและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่รกทึบ น่ากลัวมากเลย สิ่งที่ฉันนึกได้ในตอนนี้ก็แค่ภาวนาไม่ให้ไอ้บ้าโรคจิตนี่ทำร้ายฉัน หรือฆ่าฉันเลย เพราะฉันตายไม่ได้ ภาระฉันมากมาย ข้างหลังจะอยู่ยังไง พ่อแม่และน้องๆ ต้องลำบากแน่ถ้าฉันตาย

                    “เฮ้ย ร้องไห้ทำไมเนี่ย” ไอ้โรคจิตโวยวายทันทีเมื่อฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น

                    “อั๊นอายอ่ายอ้าย(ฉันตายไม่ได้)” ความเสียใจ ความฟุ้งซ่าน จินตนาการอันน่าสยดสยอง ความตายที่กำลังจะมาเยือนทำให้ฉันกลั้นทำนบน้ำตาไว้ไม่ไหว
     

                    “หยุดร้องซะทีสิโว้ย มันไม่ทำให้ฉันสงสารผู้หญิงแพศยาอย่างเธอขึ้นมาหรอก” รถจอดหน้ากระท่อมหลังหนึ่ง โดดเดี่ยว น่ากลัว ยิ่งทำให้ฉันนึกถึงเรื่องจำแลงรักไปกันใหญ่ กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัวอย่าขังปลาไว้ในข้อง เพลงประกอบละครดังหึ่งๆ อยู่ข้างหู

                    “ลงมานี่” ประตูถูกเปิดแล้วไอ้บ้าโรคจิตก็ลากฉันลงจากรถ แรงเยอะเป็นบ้าเลยฉันฝืนตัวไว้ยังไงก็ถูกฉุดกระชากลากถูเข้าประตูกระท่อมไม้จนได้
     

                    “อยู่ในนี้แหล่ะ จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเค้า” ไอ้บ้าสติแตกโยนฉันลงบนเตียงไม้ไผ่แข็งๆ ปูทับด้วยฟูกยัดนุ่นบางเฉียบ ระบมทั้งตัวเลย พรุ่งนี้ฉันมีงานต้องทำนะจะบอกให้ ต้องหาทางกลับให้ได้

                    “ฮือ ฮือๆๆ” ฉันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ เพราะนึกไม่ออกว่าไปทำอะไรให้คนรักอีตานี่ เท่าที่รู้ที่ทำตอนนี้ก็มีแต่เรื่องของยัยแอมแปร์แฟนอีตาซีแซนด์คนเดียวนี่นา
     

                    “เอ้า สำนึกขึ้นมาบ้างรึยัง” สำนึกบ้าอะไรอ่ะ แกะผ้าออกจากปากได้ก็ถามเชียว

                    “สำนึกอะไรเล่า ให้บอกกี่ล้านรอบฉันก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรให้นายหรือแฟนนายน่ะ”

                    “ไม่ใช่แฟน คนที่ฉันรัก” โธ่เว้ย แล้วคนที่นายรักมันไม่ใช่แฟนรึไงเล่า

                    “แฟนกับคนที่นายรักมันต่างกันตรงไหนเล่าว๊าย” ฉันถูกบีบหน้าจนเจ็บไปหมด แน่จริงแกะมือฉันออกเซ่ เล่นรังแกผู้หญิงถูกมัดมือแบบนี้ได้ไง
     

                    “ถึงไม่ใช่แฟนก็รักได้ ไม่ได้รู้สึกรักยังเป็นแฟนได้เลย อย่างเธอกับไอ้นักร้องนั่นไง มันไม่ได้รักเธอ เธอยังไปแสดงเป็นแฟนมันได้เลย” อ๊ะ  ไอ้บ้านี่รู้ได้ไง

                    “อะไรกัน ฉันไม่รู้เรื่อง” ปฏิเสธไว้ก่อน อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ถูกกุขึ้นมาเพราะอยากจะใกล้ชิดเราก็ได้

                    “ผู้หญิงอย่างเธอฉันเกลียดที่สุดรู้ไว้ด้วย” สิ้นเสียงของไอ้โรคจิตหน้าหล่อฉันก็ถูกกระชากไปที่ห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัวราดมาที่ฉันจนเปียกไปทั้งตัว
     

                    “นายทำบ้าอะไรเนี่ย” โวยวายได้เพียงเท่านั้นริมฝีปากเต็มอิ่มนุ่มนิ่มของฉันก็ถูกริมฝีปากแดงบดขยี้รุนแรงจนเจ็บไปหมดทั้งปากก่อนจะเปลี่ยนเป็นแผ่วเบาสลับกันไป มือของเค้าสอดเข้าไปที่เอวรั้งให้ร่างกายฉันชิดกับแผ่นอกแกร่งของเค้าจนหน้าอกสัมผัสได้ถึงมัดกล้าม มืออีกข้างก็ล้วงเข้ามาสัมผัสภายในเสื้อตัวบางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ภายใต้กระแสน้ำแตกฝอยกระซ่านเซนราดรดเราทั้งสองคน
     

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×