ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Plan แผนร้ายข็อตใจนายสุดฮอต

    ลำดับตอนที่ #7 : ศึกชิงนาง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 55


    ดึกดื่นคืนนี้ฉันไม่รู้จะทำอะไร เดินร่อนไปร่อนมาอยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน ทำไงดีล่ะ โทรหาพี่โยก็ได้รับข่าวว่าอีตาบ้าเลือดนั่นยังไม่กลับ โทรไปหาผู้จัดการวงเค้าก็บอกว่าไม่มาซ้อม เฮ้อ ร้อนใจเป็นบ้า

    “รักเธอคนนี้ 24ชั่วโมงเช้าสายบ่ายเย็นก็ยัง I love you” เสียงแกงส้มมาแสดงว่ามีสายเข้า เป็นซีแซนด์รึเปล่านะ
     

    “เฮ้อ นายเองเหรอโวลต์” ผิดหวังชะมัด

    “ถอนหายใจทำไม คาดหวังอะไรอยู่เหรอ ฉันแค่จะโทรมาบอกอะไรบางอย่าง”  อะไรบางอย่างของนายฉันไม่สนใจหรอก ฉันอยากไปตามหาซีแซนด์มากกว่า

    “อะไรก็ว่ามาดิ” ฉันเดินเข้าบ้านเพราะยุงเริ่มกัด เดี๋ยวขาลายหมด
     

    “คืนนี้ฉันกับไอ้ซีจะแข่งรถกันที่ถนนพีระมิด เธออยากมาดูก็มานะ” ฮ้า ผู้ชายที่ฉันตามหาอยู่ที่นั่น ได้เลยน้องชายเดี๋ยวพี่จะไปเชียร์ เชียร์คู่แข่งของแกนะ

    “แล้วทำไมต้องแข่งกันด้วยล่ะ” ซีแซนด์เคยเล่าให้ฟังอยู่ว่าเคยประสบอุบัติเหตุเพราะแข่งรถ นี่จะไปแข่งกันอีกแล้วบ้าป่าว

    “เธออยากรู้ก็มาดูเองดิ” วางสาย ไอ้น้องชายไร้มารยาท
     

    “เออ ไปดูเองก็ได้” ว่าแล้วก็เปลี่ยนรองเท้าผ้าใบวิ่งไปที่รถสตาร์ทแล้วเหยียบไม่ยั้ง ถนนพีระมิดทางขรุขระอันตรายจะตายไป มีหลุมจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ถนนยุบตัวด้วย ไม่ได้ๆ ต้องไปห้าม โวลต์นะโวลต์ อยากแข่งกับใครก็แข่งไปสิ ก็นายมันนักบิดซิ่งสายฟ้าหัวหน้าแก๊งคิลเลอร์ ใครจะไปสู้นายได้
     

    บิงโก ฉันเจอพวกนั้นแล้ว มีมอเตอร์ไซด์สี่สูบเป็นสิบคัน และฝ่ายนายโวลต์ก็มีบรรดาแก๊งคิวเลอร์อยู่เกือบยี่สิบคัน ไม่อยากเชื่อว่าพวกนี้อายุอานามยังไม่ทำบัตรประชาชนด้วยซ้ำ ทำไมเด็กสมัยนี้โตเร็วกันจัง ขับรถคันเบ่อเริ่มคันละตั้งแพงลิบลิ่ว ดูแม่ผู้หญิงที่ซ้อนท้ายมาแต่ละคันสิ แต่งตัวด้วยชุดหนังยังกะนางแมวยั่วสวาท นี่คือมุมมืดที่ฉันไม่เคยรู้จัก น่ากลัวมากเลย เสียงเพลงดังกระหึ่มจากมอเตอร์ไซด์ติดเครื่องเสียง เป็นเพลงแดนซ์เลื้อยๆ มีสาวสวยเซ็กซี่นุ่งน้อยห่มน้อยเต้นอยู่หน้ารถสองคน สาบานเหอะว่านั่นชุดน่ะ มันน่าจะเรียกว่าเศษผ้าขาดๆ มากกว่านะ
     

    “โวลต์ จะทำอะไรกันเนี่ย” ทันทีที่จอดรถเสร็จฉันก็ลงไปหาน้องชายทันที โอ๊ะ สาวน้อยหน้ามนที่ซ้อนท้ายน้องชายฉันเมื่อตอนเย็นนี่นา มายืนแต่งตัวสวยเป็นตุ๊กตาอะไรตรงนี้น้อง เค้าจะแข่งรถกันมันอันตราย

    “นี่แอมแปร์ พี่สาวฉันเอง” น้องตุ๊กตาบาร์บี้ยกมือไหว้ ฉันรับไว้งงๆ
     

    “นี่นุ่น เพื่อนฉัน” โวลต์แนะนำเพื่อนสาว สายตาเวลามองเป็นประกายแบบนี้ไม่เพื่อนธรรมดาแล้วมั้ง ใช่เพื่อนคนนี้รึเปล่าที่นายรักอ่ะ ไม่น่าพลาด เชื่อคนมีประสบการณ์ความรักนับไม่ถ้วนอย่างฉันดิ (ถึงจะถูกทิ้งมานับไม่ถ้วนเหมือนกันก็เหอะ)
     

    “แล้วซีแซนด์อยู่ไหน แล้วมาแข่งกันทำไมเนี่ย” ฉันเท้าสะเอวถาม

    “โน่นไง” โวลต์ชี้ไปที่อีกฝั่ง ซีแซนด์มองมาทางฉันตาไม่กระพริบ

    “จะบอกได้ยังว่ามาแข่งกันทำไม” ฉันละสายตาจากซีแซนด์มามองหน้าโวลต์
     

    “ก็คราวที่แล้วฉันกับมันเคยมาแข่งกันแล้ว แต่มันดันเซ่อซ่าขับลงถนนนอนโรงบาลซะก่อน วันนี้เลยแข่งกันใหม่” โวลต์พูดแล้วมองหน้าน้องนุ่นสายตาอ่อนโยน กรุณาเล่าให้จบแล้วจะหวานเลี่ยนอะไรกันต่อก็เชิญ
     

    “อันตรายมาก ยกเลิกซะ” ฉันสั่งแต่เหมือนพูดกับลมไม่มีผลอะไร

    “เหตุผลที่เราแข่งกันเพราะตอนนี้ฉันจะขอนุ่นคืน แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วหล่ะ เพราะมันไม่เคยมองนุ่นเลย ตอนนี้เรากลับมาคบกันแล้ว” ยัยนุ่น ยัยมักง่าย ทิ้งน้องฉันแล้วกลับมาหาเพราะผู้ชายเค้าไม่เอาเหรอยะ แต่จะว่าไปเป็นใครก็ต้องชอบซีแซนด์ทั้งนั้นแหล่ะ ก็หล่อซะปานนั้น ถึงว่าสิ เพราะแบบนี้นี่เองตอนฉันโทรไปขอร้องมันให้ติดต่อซีแซนด์ให้มันถึงไม่พอใจน่ะ
     

    “อ้าว ก็คืนดีกันแล้วจะมาแข่งกันทำซากอะไรมิทราบ” อารมณ์เสีย นิสัยเด็กผู้ชายนี่นะ ชอบแข่งรถ ชกต่อย อะไรต่อมิอะไร ดีนะที่น้องชายฉันไม่เคยติดยา เพราะมันเคยเห็นเพื่อนตายเพราะขาดยามาแล้ว ไม่งั้นอยู่ในแก๊งแบบนี้ไม่รอดพี่ม้าพี่ไอซ์พี่อีหรอก

    “เพราะเธอไง” เสียงซีแซนด์ดังขึ้น
     

    “อะไร จะมาเพราะฉันได้ไง เกี่ยวไรด้วย” ฉันหันกลับไปถามซีแซนด์ แต่เป็นโวลต์ที่ไขข้อข้องใจ

    “ก็ถ้าฉันชนะ มันต้องเลิกยุ่งกับเธอไง” เกี่ยวกับฉันจริงด้วย
     

    “แล้วถ้าฉันชนะ เธอก็เป็นของฉัน” ซีแซนด์ดึงแขนฉันเข้าไปหาแล้วก็ก้มลงมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ ฉันกำลังงงอยู่ทั้งน้องชายฉันและนายซีแซนด์ก็ขึ้นรถสตาร์ทเสียงดังกระหึ่ม เบิ้นเครื่องใส่กันเสียงดังควันตลบ ผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยที่เต้นอยู่เมื่อครู่ถือผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่มายืนโชว์กลางถนนคนละผืน
     

    “อย่านะ อย่าแข่งกันมันอันตราย ซีแซนด์ ฉันเป็นห่วงนายนะ” ฉันวิ่งตามรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด รถมอเตอร์ไซด์สองคันหายลับตาไปในพริบตา

    “เดี๋ยวเค้าก็กลับมาค่ะพี่ ไปแค่สองกิโลเอง ไม่ต้องห่วงค่ะ” จะไม่ให้ฉันห่วงได้ไงยัยน้องนุ่น คนนึงก็น้องชาย คนนึงก็ผู้ชายที่ฉันรัก ฮะ เมื่อกี้ฉันว่าไงนะ ผู้ชายที่ฉันรัก นี่ฉันรักนายนั่นจริงๆ เหรอเนี่ย โอ้ย ยอมรับก็ได้ ก็ตอนนี้ใจฉันลุ้นละทึกเต้นตูมตามด้วยความเป็นห่วงถ้าไม่รักคงไม่ห่วงมากขนาดนี้มั้ง ห่วงมากกว่าน้องชายตัวเองซะอีก
     

    “แล้วเธอไม่เป็นห่วงน้องฉันรึไงเนี่ย” ฉันหันไปถามนุ่น

    “ไม่หรอกค่ะ โวลต์ทั้งเท่ห์ ทั้งเก่ง ยังไม่เคยแพ้ใครแล้วก็ไม่เคยรถล้มเลยด้วย” ดีจริงยืนยันขนาดนี้ถ้าซีแซนด์แพ้ฉันก็จะไม่ได้เจอหน้าเค้าอีก แต่ถ้าเค้าชนะ ว๊าย กรีดร้องอยู่ในใจ อ๊ายไม่อยากจะคิด
     

    “นั่นไงคะพี่ มากันแล้ว” เสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามา ไม่เพียงแต่เสียงเครื่องยนต์ เสียงหวอรถตำรวจก็ใกล้เข้ามา และนั่นพวกแก๊งมอเตอร์ไซด์รีบสตาร์ทเครื่องแล้วขับหนีกันจ้าละหวั่น ฉันหันไปมองนุ่นที่ยืนบิดมือไปมาไม่ยอมหนี และฉันที่ยืนหน้าโง่อยู่ที่เดิม
     

    “ไปค่ะพี่แอมป์ พวกเค้ามากันแล้ว เร็วเข้า” พอเห็นฉันชะงักอยู่กับที่น้องนุ่นก็จูงแขนฉันไปรอกลางถนน เมื่อรถสองคันขับมาถึงเรานุ่นรีบปีนไปนั่งเกาหลังน้องชายฉันก่อนที่รถของโวลต์จะออกตัวไป ฉันยืนขาแข็งอยู่ที่เดิม ตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดออกมา ยิ่งได้ยินเสียงรถตำรวจใกล้เข้ามาก็ยิ่งกลัวทำตัวไม่ถูก

    “ขึ้นรถมาสิ จะอยู่รอพ่อมาจับรึไงเล่า เร็ว” เสียงตะโกนของซีแซนด์เล่นเอาฉันรีบขึ้นไปนั่งคล่อมรถคันใหญ่แล้วกอดเอวซีแซนด์ไว้แน่น
     

                    “แล้วรถฉันล่ะ รถฉันจอดอยู่นั่น” ความเร็วทำให้ฉันกลัวจนต้องซบหน้าไปกับแผ่นหลังกว้างของซีแซนด์

                    “เดี๋ยวค่อยกลับมาเอา ฉันโดนจับไม่ได้เธอก็รู้” นั่นสิ ถ้าเค้าโดนจับต้องเป็นข่าวใหญ่มากกว่าเดิมแน่

                    “ก็ได้ ก็ได้” ฉันหลับหูหลับตากอดซีแซนด์ไว้แน่น
     

                    รถเริ่มชะลอความเร็วลงฉันคลายมือที่กอดเอวซีแซนด์เป็นจับไว้หลวมๆ เรามาอยู่ตรงทางเข้าป้อมพระจุลจอมเกล้า

                    “นายพาฉันมานี่ทำไมอ่ะ” อย่ามาเงียบตอนนี้นะ

                    “ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าอยากมาก็มา” ซีแซนด์เลี้ยวรถจะขับกลับ

                    “เค้าปิดสี่ทุ่ม อยากมาก็ไม่รู้จักถาม เที่ยงคืนแล้วใครจะให้เข้า” แต่จะกลับก็น่าเสียดายนะ
     

                    “เอ้อ ไปดูเค้าตกปลาตรงสะพานปลาตรงนั้นกันดีกว่า” ขับออกจากจุดเดิมเล็กน้อยก็ถึงสะพานปูน มีคนตกปลาเต็มไปหมด ถามข้อมูลกับพี่คนตกปลาเค้าเล่าให้ฟังว่าสะพานนี้มีปลากดเยอะ ถ้าวันไหนปลาขึ้นตกกันสองสามชั่วโมงได้หลายกิโล บางคนก็มาตกไปงั้นๆ เปลี่ยนสถานที่กินเหล้ากับเพื่อนฝูงในวันเบาๆ
     

                    “สวยดีเนอะ” ฉันหันไปชวนซีแซนด์คุยแล้วชี้มือชี้ไม้ไปในทะเล ดูดิ เรือสินค้าเกยตื้นอยู่ในน้ำตลกดี น้ำลงแล้วไปไหนไม่ได้ เรือหาปลาก็กำลังเก็บปลาที่ติดกับดักที่พวกชาวประมงดักไว้ ธรรมชาติสุดๆ ค่อยทำให้เรื่องร้าย เมื่อตะกี้หายไปได้มั่ง

                    “นายนี่ก็บ้าเนอะ ไปรับคำท้าของโวลต์ทำไมก็ไม่รู้” พอนึกถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญหนีตำรวจขึ้นมาก็เลยอยากถาม

                    “ก็น้องเธอมาบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับเธอ เพราะกลัวว่าเธอจะไม่เลิกยุ่งกับฉันน่ะสิ” ง่ะ ไอ้น้องบ้ามันรู้ทัน เพราะฉันก็รับปากมันส่งเดชไปงั้นแหล่ะ
     

                    “แล้วทำไมต้องแข่งอ่ะ รถนายก็ขี่ได้แล้ว เราก็ไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกันแล้วนี่ นายก็เลิกยุ่งกับฉันไปดิ” “ไม่ได้” ซีแซนด์โพล่งออกมาคว้าข้อมือฉันไปจับไว้แน่น

                    “อะไรอ่ะ ฉันเจ็บนะ” ฉันดึงมือกลับแต่ซีแซนด์กลับดึงฉันไปกอด
     

                    “ขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เข้าใจฉันอีกรึไง” กอดแน่นซะจนจะหายใจไม่ออกแล้วนะ

                    “จะให้เข้าใจอะไรล่ะ นายยังไม่ได้บอกอะไรฉันเลยนะ” ใช่ป่ะ เราก็ไม่ได้คบกันอยู่ ก็ไม่ได้รักกันอยู่ เพียงแค่ฉันที่รู้ใจตัวเองแล้วว่ารักนาย
     

                    “ฉันชอบเธอ ได้ยินมั้ยว่าฉันชอบเธอ” จะตะโกนให้ปลาตกใจทำไมเนี่ย พี่ๆ ที่ตกปลามองเราใหญ่แล้ว

                    “อะ อืม ได้ยินแล้ว ฉันได้ยินแล้ว” รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด อ้อมกอดของซีแซนด์อบอุ่นที่สุดแม้ลมที่นี่จะแรงปะทะผิวกาย แต่อุณหภูมิร่างกายฉันของฉันกลับสูงปรี๊ด

                    “กลับกันเหอะ ดึกแล้ว”
     

                    กลับถึงบ้านก็อาบน้ำแล้วนอนฝันหวานไปทั้งคืน รู้สึกดีจัง นี่เราคบกันแล้วเหรอเนี่ย แต่เอ๊ะ เมื่อตอนเย็นเค้าให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าไม่มีทางมาคบกับฉันไม่ใช่เหรอ แล้วเรามิต้องคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ หรอกเหรอเนี่ย เอาไงดีล่ะ ช่างมันเหอะพรุ่งนี้ค่อยคิด เพลีย เหนื่อยด้วย วันนี้เกิดอะไรมากมายจริงๆ

     

                    เมื่อเช้านี้ฉันให้คนขับรถพาคนไปเอารถฉันออกมาจากสถานีตำรวจ และกำชับไม่ให้ทุกคนบอกพ่อแม่ ส่วนเรื่องที่นายโวลต์ห้ามฉันไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับซีแซนด์ ฉันก็ขู่มันกลับว่าจะฟ้องพ่อว่ามันแอบหนีไปแข่งรถ พ่อก็ขู่มันไว้เหมือนกันว่าจะตัดค่าขนมถ้าทำตัวไม่ดี ทีนี้เราก็หายกัน ถือว่ากุมความลับของกันและกันไว้ ซีแซนด์พาฉันซ้อนมอเตอร์ไซด์มาส่งที่โรงเรียน แปลกนะ ถ้าจะให้ฉันซ้อนน้องชายฉันกลับกลัวแล้วก็ไม่อยากนั่งซ้อน แต่พอเป็นซีแซนด์มารับล่ะก็ รีบกระโดดขึ้นรถเลยทีเดียว
     

                    “ทำไมแกมากับพ่อหนุ่มหล่อซีแซนด์ได้จ๊ะเพื่อนสาว” ซ่าหลีกอดคอฉันขณะเราเดินไปศูนย์อาหารหาอะไรกินมื้อเที่ยง

                    “แล้วแกเอาพี่โยของฉันไปไว้ตรงไหนเนี่ย” ยัยลูกหว้าเอาแขนฉันไปคล้อง พวกเราจะเดินลำบากไปมั้ยเพื่อน
     

                    “ฉันกับพี่โยก็เป็นได้แค่พี่น้องกัน ฉันไม่ได้ชอบพี่โยแล้ว”

                    “งั้นแสดงว่าแกชอบพ่อหนุ่มน้อยนั่นจริงๆ อ่ะดิ แล้ว แล้ว แล้ว แกอยากเป็นสาวพันปีใช่ป่ะ แกอยากเป็นอมตะ แกจะกินเด็ก เอ้อ เค้าชอบแกป่าวอ่ะ” ฉันพยักหน้าให้ยัยซ่าหลี โอ้ยเขิน แต่คนที่เขินที่สุดน่าจะเป็นยัยลูกหว้าที่เดินไปบิดตัวไป เอิ่ม ลูกหว้า เค้าชอบฉัน ไม่ได้ชอบแกนะ

                    “ลูกหว้า พอแล้วฉันอาย” ซ่าหลีผู้ไม่เคยรักษาน้ำใจเพื่อนเตือนสติ
     

                    “แหม ก็มันเขินอ่ะ เหมือนในการ์ตูนผู้หญิงเลยแก๊ นักเรียนสาวมอปลายธรรมด๊า ธรรมดา ได้เป็นแฟนกับซุปตา แกอ่ะ” ยัยซ่าหลีตีแขนเตือนสติยัยลูกหว้า แหม กว่าจะได้คบกันมันง่ายซะที่ไหนล่ะ ต้องขอบคุณแผนการบ้าบอของผู้หญิงประสาทกลับอย่างฉันแล้วหล่ะ
     

                    “กินข้าวกันเหอะ หิวแล้ว” ฉันเดินนำหน้าเพื่อนๆ เข้าไปแลกบัตรกินข้าวก่อน โรงเรียนเราทันสมัยใช้ระบบแลกการ์ดเงินไปรูดเครื่องจ่ายเหมือนในห้างเลย

                    “แกว่าฉันกับเค้าจะคบกันรอดมั้ยวะ” เราสามคนวางถาดอาหารลงที่โต๊ะกินข้าว

                    “ก็อยู่ที่ว่าแกจะทนได้มั้ยที่ต้องแอบคบกันน่ะ” เป็นการให้กำลังใจที่ดีซ่าหลี
     

                    “ทำไมต้องแอบคบวะ เมื่อเช้าฉันก็เห็นซีแซนด์มาส่งเปิดเผยโล่งโจ่งออก” ลูกหว้าเอ้ย ยัยสมองปลาทอง แกลืมที่เค้าให้สัมภาษณ์เมื่อวานไม่ได้รึไงยะ

                    “ฉันว่าอย่าไปพูดกับมันเลยดีกว่าหว่ะหลี” ฉันราดซอสมะเขือเทศบนไก่ทอดแล้วใช้มีดหันซ่อมจิ้มไก่เข้าปากเลิกสนใจยัยลูกหว้า

                    “อะไรวะ อยากรู้ก็ไม่ได้” ลูกหว้าทำแก้มป่องตาโตแล้วคีบซูชิเข้าปาก ก่อนจะรีบคายเพราะเผ็ดวาซาบิ สมน้ำหน้า กินไม่ดูตาจระเข้
     

                    “ขอนั่งด้วยคนนะคะ” เสียงพี่โยคนดีที่ยกถาดอาหารมาวางข้างฉัน นั่งแล้วค่อยขออนุญาตเหรอคะพี่ ถ้าฉันไม่อนุญาติพี่จะลุกหนีป่าวล่ะ

                    “นี่แก พี่โยไม่รู้เหรอว่าแกคบกับน้องชายเค้าอ่ะ” ซ่าหลีกระซิบกระซาบ แต่กระซิบให้ได้ยินกันทั้งโรงอาหารแบบนี้แกไม่ต้องเอาปากมาใกล้หูฉันก็ได้นะ ดูดิ พี่โยยังขำเลย
     

                    “พี่รู้แล้วครับน้องหลี พี่เข้าใจว่าคนไม่รักก็คือไม่รัก แต่เราก็เป็นพี่เป็นน้องกันได้เนอะ” น่ารักที่สุ๊ดเลยค่ะสุดหล่อ

                    “โหย อย่างพี่โยมีใครบ้างคะที่จะไม่รัก ขนาดหลียังรักพี่โยเลย” ห๊า ยัยผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายมาก แกกำลังสารภาพรักกับพี่โยข้ามหัวฉันนะ ส่วนยัยลูกหว้ากำลังทะเลาะกับวาซาบิใหญ่แล้ว วิ่งไปซื้อน้ำเพิ่ม ท้องเสียแน่แก
     

                    “น้องหลีก็น่ารักครับ” พี่โยหันไปจ้องตากับยัยหลีที่อยู่ตรงข้าม

                    “น่ารักแล้วรักมั้ยอ่ะคะ” โอ๊ะ ไปกันใหญ่แล้วเพื่อนฉัน เคลียร์กันเองเด้อ ฉันถือถาดหนีแล้วก็ไปดักยัยลูกหว้าที่ทำท่าจะเดินกลับไปที่โต๊ะ

                    “อย่าไปกวนเค้าเลย ยัยหลีกำลังเทน้ำมันใส่กระทะตั้งไฟให้เดือนอยู่อ่ะ” ซูชิแกก็ไม่เหลือซักชิ้นแล้ว ไปเหอะเดี๋ยวฉันแบ่งไก่ในจานฉันให้แกกินก็ได้
     

                    “อะไรคือเทน้ำมันใส่กระทะตั้งไฟอ่ะแก” ทำหน้าแบ๊วใส่ฉันอีก ฉันลืมไปว่าเพื่อนฉันไอคิวเท่าเด็กประถม

                    “โอ้ย ก็ทอดสะพานไงแก มันกำลังทอดสะพานให้พี่โยอยู่ ไป๊ เดี๋ยวฉันแบ่งไก่ทอดให้กิน” และแล้วยัยลูกหว้าก็เดินตามฉันมาอย่างว่าง่าย

     

                    วันนี้ซีแซนด์เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศสองอาทิตย์ ตอนนี้ฉันเลยไม่ต้องคิดว่าจะต้องทำยังไงถ้าเราไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วมีคนถาม ก่อนชั่วโมงโฮมรูมจะเริ่มยัยแมงปอก็วิ่งหน้าตาตื่นมา

                    “วันนี้มีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากเกาหลีแหล่ะแก อยู่ห้องเราด้วยนะ” ยัยแมงปอหอกระจายข่าวกอดอกพูดดังลั่นห้อง
     

                    “เกาหลีเหรอ ผู้หญิงผู้ชาย” ยัยลูกหว้าหลังตรงหูตั้งหางกระดิกระริกระรี้ปรี่เข้าไปเขย่าแขนแมงปอจนยัยนั่นหัวสั่นหัวคอน

                    “พอแล้วๆ ปล่อยฉันก่อน แคกๆ” เกือบตายเพราะความกระหายใคร่รู้ของเพื่อนสาวชาวเกาหลีดั้งหักอย่างลูกหว้า

                    “เล่ามาสะทีสิ ฉันรอฟังอยู่” แกเจอตาโตๆ แก้มป่องๆ ของยัยเกาหลีเข้าเส้นซะแล้วยัยแมงปอเอ้ย สายตาน่ารำคาญของมันอ่ะนะ ฉันเห็นจนชิน
     

                    “เป็นผู้ชาย เมื่อกี้ฉันไปเอาสมุดบันทึกชั่วโมงโฮมรูมมา ได้ยินอาจารย์บอกว่าเค้าพูดไทยได้ด้วย เก๊งเก่ง” ยัยแมงปอทำหน้าฝันหวาน แต่ช้ากว่าเพื่อนฉันที่เอามือจับหน้าอกแล้วไปยืนส่งยิ้มให้ต้นไม้ใบหญ้าริมหน้าต่าง พร้อมกับซ้อมพูดภาษาเกาหลีที่มันฝึกมาสองปีเต็ม แต่มันจะยืนทบทวนทำไมฟะ ก็เค้าพูดไทยได้ หรือมันหูหนวกตาบอดไปตั้งแต่รู้ว่ามีหนุ่มเกาหลีตัวเป็นๆ มาประดับห้อง
     

                    “เฮ้ย ลูกหว้า กลับมานี่ฉันมีอะไรจะบอก”

                    อันยอง ฮาเซโย มันนาซอ พันคับซึมนิดา ชาล พูทัก ทือรีแก้ดซึมนิดา(สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ไปแล้วเพื่อนฉัน

                    “ปล่อยมันไปเหอะแอมป์ ความสุขของมัน” ซ่าหลีกวักมือเรียกฉันที่กำลังจะเดินไปสะกิดยัยลูกหว้า

                    “เออเนอะ” ฉันกลับมานั่งที่

                    “นั่นไง ฉันเจอเค้าแล้ว” ยัยลูกหว้ามองเห็นเหยื่อ เอ้ย นักเรียนแลกเปลี่ยนคนแรก
     

                    อันยอง ฮาเซโย ยอรืม ลูกหว้านะ (สวัสดีค่ะ ชื่อลูกหว้านะ)” มันพูดถูกรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่นักเรียนแลกเปลี่ยนคงไม่คาดคิดว่าโรงเรียนเราจะมีสาวเกาหลี ถึงได้เรียนภาษาไทยมาอย่างดีน่ะ

                    “แกว่ามันพูดถูกรึเปล่าวะแอมป์” ซ่าหลีสะกิดแขนถาม
     

                    “ไม่รู้หว่ะ ไม่เคยเรียนภาษาเกาหลี” แล้วยัยลูกหว้าก็มานั่งที่ของมัน หยิบหวีกระจกขึ้นมาตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเอง แสดงว่าหล่อสิท่ารีบโบ๊ะแป้งเหยาะอุทัยทิพย์ปากแดงแก้มแดงเชียว

                    เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเกาหลี แล้ววันนี้เราจะมาคุยกันว่าเพื่อนจะไปอาศัยอยู่บ้านใครนะคะ เอ้า ออน เจ เข้ามาได้” รัศมีความหล่อของหนุ่มเกาหลีหัวทองเปล่งประกายระยิบระยับจนเพื่อนฉันแทบจะไปกอดซะให้ได้ถ้ายัยซ่าหลีไม่เบรคไว้
     

                    “อย่าเชียวนะแก ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่”

                    “แหม แกก็ ฉันแค่อยากรู้จักนิดนึงเป็นการส่วนตัวอ่ะ” ดูมันเขินเอานิ้วจิ้มกัน น่ารักเกิ๊น

                    “เอ้าออน เจ แนะนำตัวกับเพื่อนๆ หน่อย”
     

                    “สวัสดีครับ ผมออน เจ เรียกเจเฉยๆ เพื่อนในไทยเรียกผมว่าเจเฉยๆ ฝากตัวด้วยนะครับ” ฉันกำลังเห็นสาวเกาหลีผู้มาดมั่นหมดความมั่นใจ เหวอรับประทาน มันก้มหน้างุดแทบจะทรุดลงไปซ่อนไว้ใต้โต๊ะ

                    “เค้าพูดไทยได้ทำไมไม่มีใครบอกฉันวะแก ปล่อยไก่ตัวเบ่อเร่อแต่เช้าเลย” รู้จักอายเป็นด้วยเหรอลูกหว้า

                    “ก็แกไม่ฟังยัยแมงปอให้จบล่ะ ตอนมอต้นเค้าเคยมาแลกเปลี่ยนเทอมนึงแล้ว เลยพูดไทยได้ ทีหลังฟังอะไรให้จบด้วย” ซ่าหลีร่ายเป็นชุด
     

                    “นนลนี ที่นั่งข้างเธอน่ะขยับไปหน่อย เดี๋ยวเอาโต๊ะหลังห้องมาตั้งข้างเธอให้ออนเจนั่ง” แล้วนักเรียนชายก็ช่วยกันลากโต๊ะจัดให้นักเรียนแลกเปลี่ยน พอนั่งที่ได้ออนเจก็หันมาทักทายลูกหว้าทันที

                    อันยอง ฮาเซโย ยอรืม ออนเจ (สวัสดีครับ ชื่อออนเจ)” ลูกหว้าหน้างอเป็นปลาทูไม่ตอบรับไมตรี คงหน้าแตกเลยไม่อยากคุยด้วยมั้ง
     

                    “คนอะไรชื่อยังกับคำถาม ออนเจ (เมื่อไหร่)” ดูเหมือนว่านักเรียนใหม่จะสนใจเพื่อนฉันเป็นพิเศษนะ ขยับโต๊ะมาชิดลูกหว้า ขอดูหนังสือเรียนด้วย ย้ายมากลางเทอมยังไม่มีหนังสือเรียน

                    “ขยับไปหน่อยเด้ ฉันอึดอัด” ยัยลูกหว้าใช้มือผลักไหล่ของออนเจออกจากไหล่ของมัน ใกล้ชิดกันดีจริงๆ นะ
     

                    “เอาล่ะค่ะนักเรียน เดี๋ยวจะสำรวจว่าบ้านใครที่พอจะให้เพื่อนใหม่ไปอยู่ด้วยนะคะ มีใครเสนอตัวมั้ยจ๊ะ” คุณครูถามความคิดเห็นของคนในห้อง

                    “บ้านหนูก็ได้ค่ะ” ยัยแมงปอลูกสาวร้านอาหารจีนขนาดใหญ่ในเยาวราชเสนอตัว
     

                    “บ้านเธอเปิดร้านอาหารไม่ใช่เหรอ ไม่สะดวกมั้งจ๊ะ” และแล้วยัยลูกหว้าก็ยืนทะลึ่งพรวดขึ้น

                    “เฮ้ย จี๋เอวฉันทำไมน่ะ” ลูกหว้ามองหน้าออนเจอย่างเอาเรื่อง
     

                    “อ้าวแม่นนลนี ไม่ต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น ไม่มีใครแย่งหรอก ไปบ้านเธอก็ดีเหมือนกันนะ เพราะเป็นนักเรียนทุนต้องให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนทุกอย่าง ขอบใจเธอนะ ครูฝากดูแลออนเจด้วยก็แล้วกัน” แล้วคุณครูก็เดินจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงใบหน้าทะเล้นของออนเจ และใบหน้าแดงก่ำของยัยลูกหว้า งานนี้ตัวใครตัวมันนะเพื่อน
     

                    “ฉันไม่ให้นายไปพักที่บ้านฉันแน่” ลูกหว้ายืนยันเสียงแข็ง

                    “แต่เมื่อกี้ครูสั่งให้เธอดูแลฉันนะ” ออนเจเป็นต่อ แต่ก็จริง เมื่อกี้ฉันก็ได้ยิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×