คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แค่คืนเดียว
“จะร้องอีกนานป่ะ มาสคาร่าเลอะหน้ายังกับผีอีแพงเลย” หนอยเปรียบเทียบได้ทุเรศมาก
“หนักส่วนไหนของนายมิทราบ ปล่อยมือของนายออกจากแขนของฉันเลยนะ”
“เธอควรจะดีใจนะที่ฉันยอมให้เธอเดินควงเนี่ย” มันไม่ตรงตามวัตถุประสงค์แล้วย่ะ แต่ความโกรธก็บรรเทาเบาบางลงนิดนึงเมื่อผ้าเช็ดหน้าผืนสีชมพูลายคิตตี้ยื่นมาตรงหน้าฉัน
“ไปเช็ดหน้าซะสิ คืนนี้ฉันจะทำให้เธอมีความทรงจำสุดพิเศษเป็นการชดใช้ที่ทำเธอหน้าแตกละกัน” ฉันรับผ้าเช็ดหน้าจากซีแซนด์แล้วเดินไปส่องกระจกหน้าห้องน้ำหลังเวที เออหว่ะ น่าเกลียดจริงๆ ด้วย มาสคาร่ารุ่นนี้ฉันจะเก็บโยนทิ้งให้หมดเลย แพงซะเปล่ากันน้ำไม่ได้อีก
“ไปกันยัง” ก็ไม่ได้อยากไปกับซีแซนด์ซักเท่าไหร่หรอก แต่อยากรู้ว่าไอ้ความทรงจำสุดพิเศษนั่นคืออะไร แบบว่าอยากรู้เบาเบา
“อืม” ซีแซนด์เดินมาจับมือฉันไปเกาะแขนแล้วเราก็เดินออกไปที่หน้าเวทีด้วยกัน หนุ่มหล่อสาวสวยที่สุดสะดุดตาราวเจ้าหญิงกับเจ้าชายในนิทานหลุดออกมาอย่างเราสองคนมีรึที่คนจะไม่มองกันทั้งงาน แน่นอน ต้องมีคนซุปซิบนินทา และสายตาสองคู่ของเพื่อนฉันที่กำลังกินคอกเทลกันอย่างเอาเป็นเอาตายก็หยุดตรงนี้ที่ฉันกับซีแซนด์
“ถึงฉันไม่ได้เป็นแฟนยัยนี่ แต่เราสองคนก็มีอะไรลึกซึ้งต่อกันนะ” คำอธิบายกำกวมของนายซีแซนด์ทำเอายัยลูกหว้ากับยัยซ่าหลีหน้าแดงแปร๊ดดดดดด
“เฮ้ย นายจะอธิบายให้ยัยสองคนนี้คิดลึกเพื่ออะไรเนี่ย พวกแกสองคนอย่าทำหน้าแบบนี้นะ ฉันรู้นะว่าพวกแกคิดอะไรอยู่” ฉันรีบปัดมือไปมาปฏิเสธความคิดทางสีหน้าของเพื่อนทั้งสองคน
“กะ ก็ พวกเธอสองคนไม่ได้เป็นแฟนแต่มีอะไรกัน” ซ่าหลีพูดเขินๆ
“ไม่ได้มีอะไรกันแบบนั้นเฟ้ย เราแค่เคยนอนด้วยกันคืนเดียวเอง” เอ้า ฉันยิ่งอธิบายพวกนั้นยิ่งคิดไปกันใหญ่โอ้ย
“นอนด้วยกันกับมีอะไรกันมันไม่เหมือนกันเหรอแอมป์” สรรพนามของคำเรียกชื่อเหมือนเดิมแล้วแสดงว่ายัยลูกหว้าหายโกรธฉันแล้วดีใจชะเอิงเอย
“เราไปค้างคืนกันจริงๆ แต่ฉันไม่ได้อะไรเพื่อนเธอเลยนะ” นายซีแซนด์นายโกหก นายยังหลอกผีฉันแล้วก็สะบัดผ้าห่มให้ฉันตกเตียงอยู่เลย
“นายโกหก ทำไมนายจะไม่ทำอะไรฉัน รู้มั้ยคืนนั้นฉันทั้งเจ็บทั้งกลัวเลย” ตอนนี้สี่ลูกกะตาของเพื่อนสาวโตจนแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า พวกแกคิดอะไรกันอยู่เหรอ
“เลิกเถียงกันเหอะ ไปเต้นรำดีกว่า” แน่นอนว่าการเต้นรำสำหรับฉันเป็นของคู่กัน ตั้งแต่ฉันเป็นดาวโรงเรียนเวลามีงานก็มีแต่คนขอเต้นรำกันซะจนเมื่อยตัวไปหมด คราวนี้นายจะได้เห็นว่าฉันน่ะเต้นเก่งแค่ไหน
“พวกเธอไปเต้นรำเหอะ พวกฉันหายโกรธแระ” พวกแกหายโกรธ แต่หน้าตาท่าทางของพวกแกแปลกๆ แกยังคิดเรื่องเมื่อกี้อยู่ใช่ป่ะ
แล้วความสนใจของฉันก็จบลงที่ซีแซนด์ที่เดินจูงมือฉันเดินไปหน้าเวทีเต้นรำรวมกับกลุ่มศิษย์เก่าที่มากับแฟน มากับเพื่อน มากับกิ๊ก และบางคนก็เต้นกับรุ่นน้องศิษย์ปัจจุบันอยู่
“เธอเต้นเก่งนะ” ของมันแน่อยู่แล้ว
“นายก็เหมือนกันแหล่ะ” ก็ต้องยอมรับนะว่าเค้าเต้นเก่ง แหม ก็เป็นถึงซุป’ตานี่ ต้องมีคนสอนเต้นทุกประเภทอยู่แล้ว พูดก็พูดไปฉันยังไม่ค่อยรู้จักอีตานี่ซักเท่าไหร่เลยนะ ไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งนาน (นานถึงสามวันเลยทีเดียว)
“เอ้อซีแซนด์ นายเข้าวงการได้ไงเหรอ” ประเด็นแรกที่อยากรู้เผื่อฉันทำมั่งจะได้เข้าวงการ
“ถามไม สนใจฉันแล้วเหรอ” ไม่น่าถามเลยเรา ไม่รู้จะพูดอะไรต่อฉันเลยหยุดเต้นเอาดื้อๆ
“หยุดไมอ่ะ” ฉันไม่พูดกับนายแน่
“เล่าให้ฟังก็ได้เต้นต่อดิ” พอดีจังหวะเต้นรำค่อนข้างช้าเป็นสโลว์ลี่ซบ ฉันจึงได้ยินเสียงซีแซนด์ชัดเจน แต่การที่ช่วงเอวเราสัมผัสกัน มือซีแซนด์ที่จับเอวอยู่กระชับฉันเข้าไปชิดแผงอกของเค้า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถี่ขึ้น อัตราสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง หัวใจฉันจะทะลุออกมานอกอก ใบหน้าหล่อเหลาของซีแซนด์ก้มมาใกล้หน้าฉันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายชั้นดีกำลังทำให้ฉันแทบหลอมละลาย
“ฉันเห็นแฟนเธอด้วย นั่นนะ” นายทำฉันเสียฟิวลิ่งมากซีแซนด์ นึกว่าจะจูบฉันซะอีก อะไรนะ ไม่จริงดิ ฉันอยากให้เค้าจูบเหรอเนี่ย ยัยแอมป์เอ้ยยัยผู้หญิงไร้ยางอาย
“เค้าไม่ใช่แฟนฉันย่ะ” ถึงจะยังควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้ช้าลงได้แล้วแต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้
“ถ้าไม่ใช่แฟนทำไมอีตาพี่โยของเธอต้องมองฉันแบบหึงหวงขนาดนั้นด้วย” ซีแซนด์ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังกระซิบถามที่ข้างหู ขนลุกซู่อีกแล้วค๊า ทำให้ฉันลืมคำถามของเขาไปเลยจึงได้แต่นิ่งไม่ตอบอะไรจนกระทั่งริมฝีปากของซีแซนด์ประทับอยู่บนริมฝีปากสีเชอรี่ของฉันแต่เพียงครู่เดียวเราก็ผละออกจากกันแล้วคนที่จูบฉันเมื่อครู่ก็ต้องร่วงลงไปจูบกับพื้น
“แกคิดจะทำอะไรกันแน่ซีแซนด์” คนที่ทิ้งหมัดหนักหน่วงใส่หน้านักร้องนำวง Zsood ชี้หน้าถาม
“ฉันไปทำอะไรให้แกมิทราบ” ซีแซนด์เช็ดเลือดที่มุมปากแล้วยืนประจันหน้ากับพี่โยโดยมีเจ้าหญิงแสนสวยยืนงงงวยอยู่ด้านข้าง ปีนี้คงเป็นปีชงของนายแล้วหล่ะซีแซนด์ โดยต่อยไม่เว้นวันเลย
“ที่แกมายุ่งกับน้องแอมป์เพราะอยากเอาชนะฉันใช่มั้ย แกมันชอบแข่งกับฉันอยู่แล้วนี่” สายตาของทั้งคู่ดูแปลกๆ
“ไม่ต้องแข่งฉันก็ชนะนายทุกอย่างอยู่แล้วคุณพี่ชาย” ว่าไงนะ พี่ชาย สองคนนี้เป็นพี่น้องกันเหรอ นี่ฉันได้ทั้งพี่ได้ทั้งน้องเลยเหรอเนี่ย (หมายถึงได้อยู่ใกล้ชิด ได้คบหานะ มิได้แปลเป็นอื่น)
“ทุกอย่างฉันยอมให้นายได้ แต่สำหรับน้องแอมป์ฉันไม่ยอม ถ้าคิดจะเล่นๆ เพื่อประชดฉันล่ะก็หยุด เพราะฉันรักน้องแอมป์มาก” ทั้งงานให้ความสำคัญกับเราสามคน ดนตรีหยุดบรรเลง ไทยมุงเริ่มมุงจนแทบจะขาดอากาศหายใจ แล้วก็แสงแฟลชโช๊ะเช๊ะโด๊ะเด๊ะเต็มไปหมด รู้สึกเหมือนศึกวันอัศวินขี่ม้าขาวชิงนางระดับโลกยังไงอย่างงั้น
“หึ ง่ายไปหน่อยมั้ยคุณพี่ ฝันไปเหอะ” ซีแซนด์จับแขนฉันวิ่งฝ่าฝูงชนออกมาท่ามกลางความฮือฮา เราสองคนวิ่งมาจนถึงรถปอร์เช่สีขาวคันงาม เหนื่อยมากแต่ต้องรีบขึ้นรถเพราะเดี๋ยวอีตาบ้าเลือดเอารถฉันไปเฉี่ยวชน ต้องควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด อันนี้ก็ไม่ได้เพราะอยากอยู่ใกล้ซีแซนด์หรอกนะจะบอกให้ แล้วซีแซนด์ก็สตาร์ทรถขับออกไปทันทีที่ฉันเอาก้นสัมผัสเบาะ หัวแทบกระแทกคอนโทรลหน้ารถ
“นายจะไปไหนน่ะ” อันที่จริงอยากถามมากกว่านี้นะแต่ไม่เอาน่าเกรงใจ ไม่ดีหรอกเกรงใจ สีหน้าเคร่งเครียดเกิ๊น
“ไม่รู้” ดีมาก เป็นคำตอบที่ชัดเจนเปลี่ยน ตานายแดงก่ำเลย เจ็บมากจนจะร้องไห้เลยเหรอโดนต่อยนี่นะ
ความเงียบทำให้ฉันอึดอัดเลยเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ
“เอาล่ะสิครับงานนี้ต้องมีเฮ ศึกชิงนางลูกสาวเจ้าของบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของเอเชียระหว่างนักร้องนำวง Zsood อย่างซีแซนด์ กับพี่ชายต่างแม่อย่าง โย บอยสตาร์ จะเป็นอย่างไร จบเพลงนี้แล้วเรามาวิเคราะห์กันต่อครับ” เอิ่มฉันว่าคลื่นนี้มันอัพเดตเกินไปนะ เปลี่ยนช่องสัญญาณแล้วจ้าไม่ต้องมองหน้าฉันแบบนั้นก็ได้
“ตอนนี้เรากำลังต่อสายตรงไปคุยกับผู้จัดการส่วนตัวและต้นสังกัดเจ้าของสตูดิโอ H กันนะคะ เรื่องราวระหว่างพี่น้องที่ทะเลาะกันเพราะแย่งผู้หญิงจะจริงหรือไม่ ส่งสายของคุณหนุ่มเข้ามาเลยค่ะ” ฉันว่าฉันเปลี่ยนไปฟังดีวีดีน่าจะดีกว่าเนอะ ฉันกดโหมดดีวีดีได้ยินเพลงที่ซีแซนด์ร้องตอนอยู่บนเวทีเมื่อครู่นี้ ค่อยยังชั่ว ถ้าฉันขืนกดฟังวิทยุไปเรื่อยๆ คงได้ถูกฆ่าหมกรถตัวเองนี่แหล่ะ
“เสียงนายเพราะมากเลยนะ” คนอุตส่าห์ชมนะยังทำหน้าบูดบึ้งอยู่ได้
“…” เงียบมาก เงียบจนน่าอึดอัดและน่ารำคาญ โทรไปบอกโวลต์ดีกว่าว่ากลับดึก เดี๋ยวถูกดุอีก ฉันเป็นพี่สาวนะเนี่ยแต่ถ้ากลับบ้านผิดเวลาช่วงพ่อแม่ไม่อยู่ นายโวลต์จะสวมวิญญาณพ่อคอยดุว่าฉันอยู่เรื่อย ฉันยังสงสัยตกลงฉันเป็นพี่มันจริงๆ รึเปล่าเนี่ย
“โวลต์เหรอ พี่สาวคนสวยของนายนะ”
“อยู่ไหน” ดีมาก คำถามนี้แสดงว่าเป็นห่วง
“ฉันออกมาเที่ยวต่อน่ะคืนนี้กลับดึกนะ” “เฮ้ ยัยบ้า เธออยู่กับไอ้ซีใช่มั้ย เกิดอะไรที่งานปาร์ตี้ แล้ว..” ฉันขี้เกียจตอบคำถามเลยตัดสายปิดเครื่องซะด้วยเลย ยิ่งกว่าพ่ออีกจะบอกให้น้องชายคนนี้
รถแล่นมาเกือบชั่วโมงก็เจอกับป้ายบอกทาง “นครนายก” เฮ้ยนครนายกเลยเหรอ มันจะไกลไปมั้ยเนี่ย
“นี่มันไกลมากแล้วนะ ขับรถไม่รู้จุดหมายเดี๋ยวตำรวจก็จับพอดี อายุนายถึงวัยทำใบขับขี่รึยังเนี่ย” ฉันโวยวายลั่นรถแต่อีตาซีแซนด์กลับตอบน้ำเสียงเยือกเย็น
“ใบขับขี่งี่เง่าอะไรฉันไม่มีหรอก ฉันมีแต่เงิน” เออพ่อคนรวย ฉันก็มีย่ะเงินน่ะ
“แล้วทำไมต้องมาไกลขนาดนี้ล่ะ” ถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดแต่เราก็ไม่ควรมากันไกลบ้านขนาดนี้นะ
“ถ้าไม่ไปจะลงตรงนี้ก็ได้นะ” ประสาท มืดตื๋อขนาดนี้ใครลงไปคุยกับต้นมะขามข้างทางก็บ้าแล้ว
“ไปก็ได้แต่นายต้องบอกจุดหมายปลายทางก่อน” เงียบไปเกือบนาที
“ไปบ้านแม่ฉันที่นครนายก” เออ ก็แค่นั้น ฮ๊ะ ไปนครนายกงั้นเหรอ นายบ้ากว่าที่ฉันคิดไว้นะเนี่ย
“จริงอ่ะ โอ้ย ถ้าจะไปไกลขนาดนั้นก็ไม่น่าลากฉันมาด้วยนะเนี่ย ถ้าคืนนี้ฉันไม่กลับบ้านนายโวลต์จับฉันนั่งยางเผาแน่ ไม่เอานะไม่ไป”
“ก่อนที่ไอ้โวลต์จะจับเธอนั่งยางฉันจะฆ่าเธอโยนทิ้งน้ำเดี๋ยวนี้แหล่ะ เสียงดังหนวกหูจริง” โธ่ ชีวิตนางสาวณัฐชญาดาช่างน่าสงสารแท้ มีแต่คนจะฆ่าฉ๊าน
“โอ้ย เอาเอา เอางั้นก็ได้ ฮึ่ย” ฉันกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ต้องรีบหันหน้ากลับมามองที่ไฟหน้ารถเหมือนเดิมเพราะบรรยากาศข้างทางมืดมาก เป็นตาย๊านหลาย เกิดมองไปมองมาผีถนนออกมาหลอกฉันล่ะก็แย่เลย
“เธอว่าทางเส้นนี้มีแก๊งปาหินมั้ย” อยู่ๆ ถามอะไรบ้าๆ ถ้ามีแก๊งปาหินก็ต้องเคยมีคนรถคว่ำตายเด้
“ไม่มี ฉันว่าคงไม่มีหรอก” ปากสั้นใจสั่น ภาวนาอย่าให้มีผีมานั่งหลังรถ อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่ขับรถออกต่างจังหวัดก็คือ กลัวผี
“แต่ฉันว่ามีนะ คงมีวิญญาณเร่ร่อนที่ถนนเส้นนี้เยอะเลยว่าป่ะ” นายกำลังพูดถึงพวกผีถนนอยู่ใช่ป่ะ
“เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเหอะ” เพราะว่าฉันกลัว
“เธอนี่ขี้ขลาดชะมัดเลย” เออ ไม่กลัวผีมั่งให้มันรู้ไป
รถเลี้ยวเข้าถนนลูกรังแคบๆ ค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อและขรุขระ ฝนเริ่มตกสายฝนโปรยปราย ปอร์เช่ลูกแม่อย่าใจเสาะจอดตายตรงนี้นะลูกแม่ไม่อยากลงไปลุยโคลน
“อีกไกลป่าวไม่เห็นมีบ้านคนเลย” ตลอดสองข้างทางตั้งแต่เลี้ยวมามีแต่ทุ่งนากับป่าหญ้า ตามคันนาก็มีต้นกระดาษปลูกไว้ น่ากลัวจะตายไป เสาร์ไฟฟ้าก็ไม่มีซักต้น
“ก็ไม่มีบ้านคนน่ะสิ” อ้าวดูมันตอบ
“ไหนว่าจะไปบ้านแม่นายไง”
“อืม บ้านแม่อยู่นั่นไง” อะไรฟะ ข้างหน้ามีแต่ทางเข้าวัดไม่ใช่ แล้วจะพาฉันมาเพื่อ?
“บ้าเหรอ นั่นมันวัดป่าที่ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้นะ” กันดารมาก ลูกคนรวยอย่างฉันไม่เคยมาหรอกจะบอกให้ แล้วชาตินี้ก็ไม่คิดว่าจะได้มาด้วย
“แม่ฉันอยู่ที่นี่” บ้าไปแล้ว ฉันไม่เชื่อนายหรอกซีแซนด์ แม่ของนักร้องดังอย่างนายอาศัยวัดอยู่เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
“เอิ่ม ซีแซนด์ วัดนี้ไม่มีเมฬุเผาศพใช่ป่ะ” ถามเผื่อไว้ก่อน ถ้าไม่เคยมีการเผาศพก็ไม่ต้องกลัวผี
“วัดป่าที่ไหนมีเมฬุเล่ายัยบ้า” เออค่อยยังชั่ว ฉันถอนหายใจพรืด
“เวลามีศพเค้าก็ฝังเอาไว้ พอเนื้อล่อนแล้วก็โกยเอากระดูกมาเผาด้วยไม้ฟืนก่อนจะเก็บบรรจุอัฏฐิแล้วก็เก็บไว้ในแนวกำแพงนี่ไง” รถคันงามชะลอและจอดลงตรงแนวกำแพงวัด บรรยากาศวังเวงอย่าบอกใครเชียว จากความสบายใจเมื่อครู่แปลเปลี่ยนเป็นความระทึกขวัญสั่นประสาท บ้าเอ้ย รายการจำอวดผีฉันก็ไม่เคยกดดู รายการคนบ้าท้าผีก็ไม่เคยกดเฉียดช่องนั้น รายการผีมีจริงก็ไม่เคยอยากจะดู แล้วนี่ฉันต้องเข้ามาอัดรายการผีไกลถึงวัดป่าเลยเหรอเนี่ย ไหนๆ กล้อง ไหนทีมงาน ฉันยอมแพ้แล้วออกมากันนะ
“นายอย่าบอกนะว่าไอ้รูปเล็กๆ ตรงกำแพงแต่ละแผ่นนั่นน่ะมีกระดูกเก็บไว้” ฉันมองตามมือของซีแซนด์ที่ชี้กำแพง เฉพาะบรรยากาศก็น่ากลัวแทบคลั่งตาย ยังมีรูปผู้หญิงสวยดูมีอายุสีขาวดำแปะไว้ที่ช่องใส่อัฏฐิ ฉันเป็นลมทันมั้ยนี่ ไม่อยากเผชิญหน้า ลำแสงไฟฉายเพียงน้อยนิดนำเราสองคนไปหยุดที่กำแพง
“แม่ครับ ผมมาเยี่ยมแล้วนะครับแม่ แม่เหงารึเปล่าครับ” นายประสาทกลับ นายกำลังยืนคุยกับกำแพงวัดนะ
“นะ นี นี่ นี่แม่นายเหรอ” จะมาติดอ่างอะไรตอนนี้เนี่ย กลัวจนฉี่จะราดต้องเกาะแขนซีแซนด์ไว้เหนียวแน่นหนึบ
“อืม แม่ฉันตายมาหลายปีแล้ว พ่อก็ไม่สนใจฉันเลยพาแม่มาอยู่ที่สงบๆ น่ะ” อืมใช่ สงบมาก ฉันว่าฉันอาจจะชอบที่นี่มากกว่านี้ก็ได้นะ ถ้ามาตอนกลางวัน
“ตะ ตะ แต แต่ว่าทำไมเราต้องมาวัดตอนกลางคืนด้วยล่ะ ฉันกลัวนะ” หน้าฉันซุกอยู่กับอกก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดเขาไว้แน่น
“ยัยตุ๊กแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ต่อหน้าแม่ฉันทำแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวแม่ก็คิดว่าเธอเป็นแฟนฉันหรอก” ชั่วโมงน่าสิ่วน่าขวานนายยังจะให้ฉันรักษาภาพหาพระแสงของ้าวด้ามสั้นหักสองท่อนอะไรตอนนี้
“นะ นายพาฉันอะ ออก ออกจากที่นี่ก่อนดิ ฉันกลัว” รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่อยากจำ ฉันบอกว่าฉันกลัวไอ้บ้านี่ไม่ได้ฟังเล้ย ผลักฉันออกอย่างไร้เยื่อใย พอแกะฉันจากตัวได้ก็คุกเข่าลงตรงหน้ารูปผู้หญิงที่เขาเรียกว่าแม่
“อย่าไปสนใจยัยนี่เลยนะครับแม่ ต่อไปนี้ผมจะมาเยี่ยมแม่ให้บ่อยขึ้นนะครับ ขอโทษที่หายไปนาน ผมไปทำตามความฝันของเราอยู่ ตอนนี้ผมได้ออกเทปแล้วนะครับ ผมดังกว่ามันแล้วนะครับแม่ มีงานละครกับถ่ายหนังถ่ายแบบเข้ามาด้วย เห็นมั้ยครับ ผมไม่ต้องแบมือขอตังพ่ออีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้พ่อจะพูดว่าผม
ไม่เอาไหนเทียบกับลูกชายสุดที่รักเค้าไม่ได้ต่อไปแล้ว เพราะผมดังกว่า เรียนเก่งกว่า ทุกอย่างผมจะทำให้ได้ดีกว่ามัน แม่ต้องเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ” ตีบทโศก ซีแซนด์น้ำตาไหลอาบแก้ม น้ำตาลูกผู้ชายคงเจ็บปวดมากเลยสินะ นายทำฉันหายกลัวเป็นปลิดทิ้งเลยแฮะ ฉันนั่งยองลงข้างซีแซนด์โอบไหล่เค้ามาพิงไหล่ฉัน แต่ด้วยความที่ฉันตัวเล็กกว่าฉันเลยล้มไปนั่งจมปุกกับพื้นเป็นการปลอบใจที่ทุลักทุเลมาก จากร้องไห้ซีแซนด์ก็ยิ้มและหัวเราะหึๆ ในลำคอ เออ อยากขำก็ขำไปเถอะย่ะ ดีแล้วที่นายรู้สึกดีขึ้น ฉันหันไปยกมือไหว้คุณน้าผู้หญิง
“หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่หนูจะดูแลซีแซนด์แทนคุณน้าเองนะคะ คุณน้าไม่ต้องห่วง แล้วก็ไม่ต้องออกมาให้เห็นตอนนี้นะคะ เพราะว่าหนูกลัวผีมากค่ะ โอ้ย” อีตาบ้าเขกหัวฉันอ่ะ
“นี่แม่ฉันนะ เพื่อนเล่นเธอรึไงถึงพูดแบบนั้น แล้วก็ไอ้ที่จะดูแลฉันน่ะ ดูแลตัวเองให้ได้ก่อนเหอะ” อยากมาก็มาอยากไปก็ไปรอด้วยดิเฟ้ย ลุกหนีฉันเดินไปขึ้นรถเฉยเล้ย
“สรุปนี่รถใครกันแน่ฟะเนี่ย ฉันเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นรถนายเข้าทุกทีแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่รถนายจะซ่อมเสร็จซะที ฉันเบื่อจะไปไหนมาไหนกับนายแล้วนะ” ฉันพูดกับแอร์และอากาศที่ล่องลอยในรถ พูดกับกระจกมองหลัง และพูดกับพวกผีทุ่งนาและผีต้นกระดาษ เฮอะ คนคุยด้วยก็ไม่คุยด้วย บ้าเอ้ย
“เธอรู้อะไรมั้ย” รู้บ้าอะไรอีกอ่ะ จะให้ฉันรู้อะไรอี๊ก
“ไม่รู้” ตอบหน้าตาเฉยมีไรป่ะ “ฉันยังพูดไม่จบ บ๊องเอ้ย” นายด่าพี่สาวคนนี้บ่อยเกินไปแล้วนะเนี่ย ถึงฉันจะเซ่อซุ่มซ่ามเป็นยัยโหดจนแฟนเก่าบอกเลิกมาหลายคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้นายด่าฉันฝ่ายเดียวนะ แต่พอเห็นตาเศร้าๆ แล้วก็ด่านายไม่ลง
“อยากให้รู้อะไรก็พูดมาดิ ดูรถด้วย โหย หัวใจจะวาย” รถบรรทุกต้นกระดาษขับผ่านมาด้วยความเร็ว เล่าก็เล่าไปแต่ขอความกรุณามองถนนอย่าได้มองหน้าฉัน ถึงหน้าตาฉันจะสวยชวนมองก็เหอะ
“แม่ของนายนั่นเลิกกับพ่อหลายปีก่อนจะเจอกับแม่ฉัน” โอ้วสวรรค์ ดีใจจังเจอตัวเมืองแล้ว เริ่มมีแสงสีมั่งแระ ฟังต่อแล้วจ้า มองหน้าอีกแล้วทำไมไม่มองถนน
“พ่อเมาได้เสียกลับแม่ฉันก่อนจะรู้ตัวว่ายังรักกับแม่ของไอ้บ้านั่นก็สายไปแล้ว แม่ท้องฉันซะก่อน” ดราม่าไปมั้ย ฉันว่าพล็อตหนักหน่วงแบบนี้ให้ยัยเดซี่ไปเขียนนิยายโรแมนติกให้ผู้ใหญ่อ่านดีกว่าป่ะ ฉันว่ามันจะเครียดไปนะ แต่ไหนๆ ก็หลวมตัวอ่านมาจะครึ่งเรื่องแล้ว ต่ออีกหน่อยก็แล้วกันนะคะคุณผู้อ่าน
“แม่ไม่ได้รับความรักจากพ่อเลย ขนาดป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายยังไม่เคยมาดูใจ แถมแม่ตายยังไม่ถึงสามเดือนพ่อก็พาแม่ของไอ้โยกลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ฉันเหมือนส่วนเกิน พ่อชอบเปรียบเทียบกับนักเรียนตัวอย่างแบบมัน พอมันเข้าวงการเป็นนักแสดงพ่อก็ชมแต่มัน ฉันประชดขับมอเตอร์ไซด์ไปแข่งเกิดอุบัติเหตุพ่อกับมันก็ไม่เคยมาเยี่ยม ชีวิตฉันมีแต่เพื่อนที่เข้าใจ” เหตุการณ์สะเทือนใจฉันเหมือนกันนะ งั้นฉันจะเลิกโกรธนายที่พูดหยาบคายกับฉัน เพราะนายไม่มีแม่คอยสั่งสอน
“บ้าเหรอ ใครบอกว่ามีแต่เพื่อนที่เข้าใจ นายมีพี่สาวคนสวยอย่างฉันเพิ่มมาอีกคนนี่ไง” พยายามจะสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นแต่ไอ้บ้านี่มัน
“มีพี่สาวอย่างเธอ ฉันยอมตายดีกว่า ไม่รู้ไอ้โวลต์มันทนเป็นน้องชายเธอได้ไง” ทำไมยะ มีพี่สาวอย่างฉันมันน่าอายตรงไหน ทั้งสวย ทั้งเก่ง เป็นเพื่อนนายโวลต์สินะ พันธุ์เดียวกันเลยสิท่า ชอบว่าแต่ฉัน ไม่เคยเคารพกันมั่งพวกนี้
ความคิดเห็น