คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 สอนวิธีมีความสุขให้ฉันที
เรนเอ๋ยเรนนี่ คิดว่าแผนที่ตัวเองทำฉลาดแล้วนะ สมกับที่นายขยะสังคมเรียกว่ายัยโง่จริงๆ เล้ย แทนที่นายนี่จะหนีสาวแท้สาวเทียมคนเดียว แต่ดันลากฉันหนีมาด้วย กะว่าจะได้อยู่ห่างไกลนายคนน่ารังเกียจ แต่กลับต้องมาติดแหงกอยู่บนดาดฟ้ากับนายบ้านี่สองคน
เรื่องมันมีอยู่ว่า ขณะที่นายนี่วิ่งหนีผู้หญิงพวกนั้นขึ้นบันได จะขึ้นลิฟท์ก็ไม่ได้เพราะท่ามัวแต่ยืนรอก็ไม่รอดแหงแซะ เลยลากฉันวิ่งตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นสิบสองและขึ้นมาบนดาดฟ้าโดยไม่สนใจเลยว่ากระโปรงฉันจะเปิดแปลกแหกไปถึงโจ๊ะรึเปล่า จนเรามาอยู่บนดาดฟ้า และก็ซวยอย่างถึงที่สุดที่ตอนรีบร้อนเข้ามาฉันดันไปคว้าลูกบิดไว้หวังจะให้ตัวเองหลุดลอดเงี้ยมมือปีศาจ แต่ผิดคาดพอมันงับเข้ากับบล็อคหลักหนีบมันเรียบร้อย ลูกบิดก็หลุดติดมือฉันมา แล้วจะเปิดออกไปได้ยังไงกันล่ะเนี่ย ซวยจริงๆ ยัยโง่เรนนี่เอ้ย
“เป็นไงล่ะยัยโง่ รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไปน่ะ” นายไนท์ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่เกาะอยู่ตามหน้าผากแล้วหันมาชี้หน้าด่าฉัน หยาบคายสิ้นดีไร้มารยาท อ้อ ลืมไป ก็เป็นขยะนี่นะ ขยะที่ไหนจะรู้เรื่องมารยาทล่ะ
“แล้วทีนายล่ะ เรียกฉันออกไปยืนประจานน่ะ ฉันก็อายเป็นนะ” ฉันเดินไปใกล้เขามากขึ้นแล้วเถียงคอเป็นเอ็น แต่พอรู้สึกว่ามันใกล้เกินไปก็รีบถอยออกมาอีกสองก้าว
“เธอก็แค่อาย แต่ฉันต้องโดนพนักงานของพ่อรุมทึ้งแบบนี้เธอรับผิดชอบไหวเหรอ” ฉันไปทำนายท้องรึไงกันถึงต้องรับผิดชอบ บ้า เราแค่จูบกันเองนะ
“รับผิดชอบก็บ้าน่ะสิ แทนที่จะมายืนโทษฉันช่วยกันหาทางออกไปไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันพูดพร้อมกับชูลูกบิดที่คาดว่ามันคงจะเก่าและโดนแดดสิบแปดฝนสิบแปดหนาวมาเป็นเวลานานถึงได้หลุดติดมือมาง่ายดายเช่นนี้ ไม่งั้นสาวน้อยบอบบางอย่างเรนนี่มีรึจะสามารถออกแรงดึงลูกบิดหลุดติดมือมาเนี่ย
“เธอนี่มัน..มัน..ฉันจะสรรหาอะไรมาด่าเธอดีนะ ยัยบรมโง่ อย่างน้อยถ้าจะหาอะไรยึดเหนี่ยวทางใจก็ให้มันแข็งแรงกว่านี้หน่อย แล้วก็...”
“ก็คนอย่างฉันรักใครไม่เป็น..ไม่ต้องมาเห็น” นายบ้าไนท์ด่าไปเอามือจิ้มหน้าผากฉันจนหน้าหงาย แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาแทรกซะก่อน
“อืม ฉันเอง ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย ยังไปหาไม่ได้” ฉันเดาว่าคงเป็นแฟนชะนีเผือกของนายหมาป่านี่โทรมาแหงๆ แหม ห่างกันไม่ได้เลยหรือไงกันย๊ะ
“วันนี้ฉันมาทำงานไม่ได้ไปมหา’ลัย แค่นี้ก่อนนะ มีเรื่องที่ต้องจัดการ” เป็นแฟนกันเค้าคุยกันแค่นี้เองเหรอ ถ้าฉันมีแฟนนะจะคุยซักชั่วโมงสองชั่วโมงเลย นายมันไร้ความโรแม๊นมาก
“แฟนนายโทรมาเหรอ” ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่มีมารยาท จะใครโทรมาแล้วมันหน้าที่เหรอที่ต้องรายงานเธอน่ะ” โอ๊ะๆ ปากร้ายเหมือนเดิมเด๊ะ
“ชิ ไม่อยากรู้ก็ได้ แล้วทีนี้เอาไงต่อ” ฉันถามแล้วก็เดินวนรอบตัวไนท์
“ยัยบ้า หยุดเดินซะที น่ารำคาญ ตามฉันมานี่” บันไดหนีไฟ เออ นายนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ยพาฉันลงทางบันไดหนีไฟ
“นายขยะ มันสูงมากเลย ฉันไม่กล้าลง” พอมาถึงทางลงจริง ๆ แล้วคุณเอ๊ย บันไดที่ยื่นออกจากตัวอาคารชั้นสิบสองเชื่อมต่อตามชั้นต่างๆจนถึงชั้นหนึ่งแม้จะดูแข็งแรงแต่ก็สร้างความเสียวให้ฉัน เอ่อ เสียวตกน่ะค่ะเพราะฉันกลัวคามสูง
“จะไปยากอะไร ถ้ากลัวตกเธอก็หันหลังลงเซ่ เคยซ้อมแผนฉุกเฉินตอนหนีไฟรึเปล่าเนี่ย คงยังไม่เคยสินะ เพราะท่าทางจนๆ อย่างเธอคงจะอยู่ในบ้านกระจอกๆ ไม่มีแผนซ้อมเซิ้มอะไรหรอก” หนอยแน่ ดูถูกฉันคนเดียวยังพอรับไหว ดูถูกไปถึงบ้านฉันอันนี้ทนมิได้
“ถึงบ้านฉันจะจนแต่ก็มีความสุขนะจะบอกให้ นายล่ะเคยมีรึเปล่าความสุขน่ะ อิโด่ ทำแต่หน้าคิ้วผูกโบว์ทั้งวัน สะกดคำว่าความสุขเป็นรึเปล่าก็ไม่รู้ นายนี่มันน่าสมเพชกว่าฉันเยอะเลย” อาจจะเป็นคำพูดที่รุนแรงสำหรับนายไนท์ก็ได้มั้ง ดูสิทำหน้าเป็นลูกหมาโดนเอาไปปล่อยวัดเลย
“ไม่ต้องสะเอ๊อะมารู้ดี เธอมันไม่รู้อะไรหรอกน่า จะลงรึเปล่า ถ้าไม่ลงฉันจะทิ้งเธอไว้นี่แหล่ะ” ไม่พูดเปล่านายบ้านี่ใต่ลงไปตามบันไดแล้วด้วย อ๊า รอเรนนี่ด้วยค่ะ ข้างบนนี้ก็น่ากลัว เงี๊ยบเงียบ จะมีผีรึเปล่าก็ไม่รู้
“รอฉันด้วยสิ โอ๊ย ฉันใส่กระโปรงนะ ก้าวยากจะตาย” ได้ผลค่ะ ก้าวลงบันไดจะถึงชั้นล่างอยู่แล้วเชียว เสียงกระโปรงก็ขาดดังแคว่ก
“เธอรู้ตัวมั้ยว่าใส่กางเกงในได้เชยมาก ผู้หญิงวัยนี้ใครเค้าใส่ลายสตรอเบอรี่กันเนี่ย” อ๊าย อุบาทว์แมนค่ะ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย
“แล้วนายมาแอบดูทำไมเนี่ยไอ้โรคจิต”
“ใครเค้าอยากดูของเธอกันเล่า ก็ฉันอยู่ข้างล่างเธออยู่ข้างบนแถมกระโปรงก็ขาดปลิวไสวเป็นธงนำขบวนวงโยธวาทิตโบกไปโบกมาขนาดนั้น ไม่เห็นก็ตาบอดแล้ว” นายจะตอบให้มันฟังดูดีกว่านี้ไม่ได้รึไงกันยะ ดีนะที่ปีนมาจนถึงชั้นหนึ่งแล้ว ไม่งั้นมีหวังฉันคงอายจนบินลงไปอย่างแน่นอน
“นี่นาย ฉันไม่มีกระโปรงใส่อ่ะ นายช่วยอะไรหน่อยสิ” ทันทีที่เท้าเหยียบหญ้าฉันก็วิงวอนนายขยะสังคมแหม อยากใช้เค้าก็ต้องพูดจาดีๆ อย่างนี้แหล่ะค่ะ
“อะไรของเธออีก จะมาไม้ไหนมิทราบ” แหม สงสัยจะใช้ไม่ได้ผลกับอีตานี่เลยแฮะ
“ไปซื้อกระโปรงให้ฉันหน่อยได้ป่ะ เอาสีกรมท่าทรงเอเอวยี่สิบห้า” อายเหมือนกันนะเนี่ย เห็นสาวๆ ในมหาวิทยาลัยเค้าใส่กันเอว ยี่สิบสอง ยี่สิบสาม ฉันเอวยี่สิบห้ายังเกือบคับ สงสัยจะอ้วนไปจริงๆ
“ยัยถังเบียร์ ใส่กระโปรงเอวยี่สิบห้าเชียวเหรอเนี่ย” ว่าแล้วไงต้องโดนถากถาง
“แล้วไงล่ะ นายเป็นต้นเหตุลากฉันไปชั้นดาดฟ้าทำให้ฉันต้องมาลงบันไดหนีไฟจนกระโปรงขาด จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยรึไงกัน” เมื่อพูดดีแล้วไม่ได้ผลก็ต้องถามหาความรับผิดชอบ
“นี่เธอยังกล้าถามหาความรับผิดชอบอีกเหรอ แล้วไอ้ที่เธอไปปล่อยข่าวว่าฉันมาเลือกคู่ไม่ใช่รึไงถึงทำให้ฉันต้องวิ่งหนีมาน่ะ” เออเนอะมันก็จริง แต่ว่าฉันไม่มีกระโปรงใส่กลับเข้าไปทำงานนี่นา
“แล้วนายจะให้ฉันออกไปซื้อเองรึไงเล่า” ฉันพูดพรางจับกระโปรงที่ขาดไว้ด้วย
“ใช่” โธ่ ถึงนายจะเป็นขยะสังคมที่น่ารังเกียจแต่ก็น่าจะมีน้ำใจกับฉันหน่อยนะ
“เชอะ ฉันก็ไม่อยากจะง้อนายนักหรอก” ฉันก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะเฟ้ย ไปซื้อที่ห้างข้างๆ นี้ก็ได้ฟะ แต่มันคงแพงน่าดูเลย ปกติฉันจะรวบรวมเสื้อผ้าที่จะซื้อเยอะๆ แล้วไปเดินประตูน้ำ ดูอีตานี่ทำให้ฉันต้องเสียเงินโดยใช่เหตุนะเนี่ย
“เธอจะไปทั้งที่มีสภาพแบบนั้นงั้นเหรอ” แหมทำเหมือนจะมีน้ำใจถามมาได้
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าฉันไม่ไปซื้อแล้วจะให้กลับเข้าไปทำงานสภาพแบบนี้รึไงเล่า” ฉันพูดกระแทกเสียง
“งั้นก็ไม่ต้องทำ ป่ะ” ไม่พูดป่าวแขนของฉันยังถูกจูงไปยังคาร์พาร์ค ที่เดิมที่จอดรถสปอร์ตเปิดประทุนสีเหลืองแถบดำคันเมื่อคืน แต่ต่างกันตรงที่มันปิดประทุนด้วยหลังคาสีดำ นึกไม่ออกเลยว่าถ้านั่งกินลมชมวิวรถเปิดประทุนตอนสิบโมงเช้าวันอังคารแบบนี้ ฉันจะเกรียมเป็นไก่ย่างถูกเผาขนาดไหน
“นายจะพาฉันไปไหนอ่ะ” ขึ้นรถเค้ามาแล้วจะพาไปไหนก็ไปเถอะ แต่ถ้าจะให้ดี หาอะไรให้ฉันใส่แทนกระโปรงขาดตัวนี้ก่อนได้มั้ยเนี่ย
“ไปซื้อเสื้อผ้า” พูดห้วนๆ ไม่มีหางเสียงเลย นี่นายพูดกับคนที่อายุมากกว่าตั้งหนึ่งปีเชียวนะ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะนายนี่คงไม่ได้เรียนวิฃางานบ้านและมารยาทไทยมา ถึงได้มารยาททรามขนาดนี้ ขนาดกับพี่ชายตัวเองยังไม่เรียกพี่ซักคำ หยาบคายชะมัด
“แต่ฉันไม่มีตังนะ” คือโทรศัพท์กับกระเป๋าตังของฉันมันอยู่ในเป้ที่ใส่ล็อคเกอร์ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะสิ
“ฉันซื้อให้” โหย หูแว่วไปรึเปล่า นายจะซื้อให้จริงเหรอเนี่ย ใจดีจังเลย ฉันนั่งอมยิ้ม ชอบของฟรีค่ะ
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยน” น่าน ว่าแล้วไง นิสัยแย่ๆ อย่างนี้จะมีน้ำใจให้ฉันฟรีๆ ได้ยังไงกัน
“อะไรล่ะ ว่ามาสิ ถ้าฉันทำได้ฉันจะช่วย” แต่อย่ามาขอความบริสุทธิ์จากฉันนะยะ เพราะฉันจะเก็บไว้ให้พี่พลคนเดียว
“สอนวิธีมีความสุขให้ฉันทีสิ” โอ้วมายกอสสสส มันยากนะ การที่จะสอนคนอมทุกข์อย่างนายให้มีความสุข ทำให้คนทัศนคติแย่ๆ มาคิดบวกงั้นเหรอ งานช้างห้าเชือกเลยนะเนี่ย
“แล้วไอ้ที่เป็นอยู่นี่นายไม่มีความสุขรึไงกันเล่า” รวยก็รวย หล่อก็หล่อ เอ่อ ถึงจะมีนิสัยแย่ๆ แต่ก็ยังเรียนเก่งถ้าปรับปรุงตัวอีกนิดก็คงเป็นเพอร์เฟคแมนได้ไม่ยากอ่ะนะ
“....” เงียบทำไมล่ะ ไอ้ที่ฉันพูดประชดว่านายไม่เคยมีความสุขบนดาดฟ้าเมื่อกี้น่ะฉันพูดไปด้วยความโมโหหรอกนะ ไม่รู้นี่ว่าชีวิตนายจะไม่มีความสุขจริง ๆ เห็นหน้าเศร้าๆ ของคนที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถที่ฉันนั่งอยู่ด้วยแล้วอดนึกสงสารไม่ได้
“ก็ได้ แต่ฉันจะช่วยนายแค่ฝึกงานเสร็จเท่านั้นนะ ต่อจากนั้นชีวิตนายต้องหาความสุขด้วยตัวเอง” คนเราจะช่วยเหลือใครไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก ขนาดที่รักของฉันอย่างพี่พลยังขอให้ฉันเป็นกำลังใจให้แค่ฝึกงานเสร็จเอง นายจะไปได้อะไรจากฉันมากกว่ามันเป็นไปไม่ได้
“ขอบใจ” นายไนท์เลี้ยวรถไปจอดรถในลานจอดของห้างมาบุญครอง
“เธอรออยู่นี่นะเดี๋ยวฉันมา” ว่าแล้วก็จัดการปิดแอร์ เปิดกระจกรถ แล้วก็เดินเข้าห้างไปทิ้งฉันไว้ในรถกับความร้อนระอุของลานจอด เฮ้ย นี่นายจะบ้าหรือเปล่าเนี่ย จะให้รอในรถเปิดแอร์ให้ซักกะติ๊ดนึงก็ไม่ได้ ไอ้บ้าเอ้ย
ก็คนอย่างฉันรักใครไม่เป็น..ไม่ต้องมา..เสียงโทรศัพท์ของอีตาบ้านี่ดังขึ้นมาอีกแล้ว สงสัยหลุดจากกระเป๋าตอนจะลุกจากรถล่ะสิท่า หน้าจอขึ้นหน้าลิงขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ยัยชะนีเผือกนั่นเอง คู่นี้ก็รักกันยังไงก็ไม่รู้เนอะ ผู้ชายก็ทำท่าทางรำคาญ ส่วนผู้หญิงก็ตามเกาะแจเป็นปลิงเชียว หลังจากเสียงโทรศัพท์เงียบลงฉันก็ถือวิสาสะเปิดดูประวัติการโทรซะเลย ถือซะว่าฆ่าเวลาโทษฐานที่ให้ฉันนั่งร้อนอยู่ในนี้ละกัน
ดูท่าทางจะมีแต่ผู้หญิงโทรหาทั้งนั้นเลยนะเนี่ย อุ้ย เบอร์โทรออก ไม่ใช่เบอร์ของยัยธิดาวานรนี่นา ทำไมใช้ชื่อว่าเจ้าหญิงนะ ใครกันเหรอ เจ้าหญิงของอีตาไนท์ นี่ไนท์นอกใจแฟนตัวเองเหรอ หวายคบไม่ได้เลยอีตานี่ โทรศัพท์รุ่นนี้ดีจังแฮะ เล่นเฟสบุ๊ค(Facebook) ได้ด้วย ขอดูหน่อยนะจ๊ะ เจ้าไอด๊อกแด๊กของฉันมันเล่นอย่างนี้ไม่ได้ อยากรู้อยากเห็นอ่ะ
แอดเดรสล็อคอินอัตโนมัติ โห เพื่อนที่แอดไว้มีแค่คนเดียวเอง เจ้าหญิงงั้นเหรอ เอ๋ ก็เบอร์ที่โทรออกน่ะสิ อิอิ ขอดูนิดนึงละกันนะ สนองตัณหาเด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็นนิดนึง ในรูปอัลบั้มของเจ้าหญิง เฮ้ย ทำไมเป็นรูปถ่ายคู่กับพี่พลของฉันล่ะ มีรูปผู้หญิงคนนี้ยืนเกาะแขนพี่พลด้วย อะไรกันเนี่ย ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงถ่ายคู่กับพี่พล แล้วอีตาบ้าไนท์ไปโทรหาเขาทำไม เฮ้ย บ้าไปกันใหญ่แล้ว ถ้าเรนนี่หาคำตอบให้กับเรื่องนี้ไม่ได้คงอกแตกตาย ต้องรู้ให้ได้เลย
“ทำอะไรกับโทรศัพท์ของฉันฮะยัยเฉิ่ม” ตกใจหมดเลยตาบ้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง นายขยะสังคมกลับมาพร้อมกับถุงสองใบกับใจเหงาๆ แต่ตอนนี้มันลงไปกองอยู่ที่พื้นเพราะตัวของนายไนท์มาดึงมือถือของตัวเองจากมือของฉันไป
“ก็พอดีว่ามีโทรศัพท์เข้ามาฉันก็เลยจะรับสายให้ไง” ตีเนียนไว้ก่อน ดีนะว่าฉันมือไวปิดหน้าอินเตอร์เน็ตทันออกมาเป็นหน้าจอปกติ
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอเสียมารยาทเปิดดูโทรศัพท์ฉันน่ะ” ฮี่ๆ ไม่ให้รู้หรอกจ้า ฉันรู้ว่านายหวงของ
“โน่นเสื้อผ้าของเธอ ไปเปลี่ยนซะสิ” เขาขึ้นมาที่รถเปิดแอร์เย็นฉ่ำแล้วชี้ให้ฉันไปเก็บถุงเสื้อผ้าที่หล่นอยู่บนพื้น ฉันทำหน้าบูดใส่เขาแล้วก็เปิดประตูไปหยิบถุงผ้าเดินไปเข้าห้องน้ำ
“ว้าว ชุดน่ารักจังเลยอ่ะ โหย เกือบหมื่นเลยเหรอเนี่ย ชุดอะไรกันใส่แล้วมันจะเหาะได้รึไงฟะ” ฉันหยิบชุดเอี้ยมสีชมพูผ้าระบายพริ้วๆ ขึ้นมาจากถุงมีป้ายห้อยบอกราคาเก้าพันห้า แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เงินฉันซะหน่อยแต่ก็อดเสียดายไม่ได้ นี่ถ้าเป็นตัวละร้อยห้าสิบฉันซื้อได้หลายตัวเลยนะเนี่ย
“กระจกเอ๋ยบอกเรนนี่เถิดว่าเรนนี่งามเริดในปฐพี น่ารักจริงๆ เลยเรานี่” ฉันออกมาหมุนตัวหน้ากระจกในห้องน้ำ พร้อมกับยิ้มให้ตัวเอง คนที่เดินออกจากห้องน้ำมองฉันแปลกๆ ก่อนเดินออกไป ช่างปะไร ไม่แคร์สื่ออยู่แล้วย่ะ
“ยัยขี้เหร่ แต่งตัวแค่นี้นานชะมัดเลย” ปากก็ด่าว่าฉันขี้เหร่ แต่มองฉันซะอึ้งเลยนะ ฉันน่ารักใช่มั้ยล่ะ
“นานอะไร ทั้งบ้านนะฉันแต่งตัวเร็วที่สุด นี่ไงยังไม่ถึงสิบนาทีเลย” ฉันแหวใส่หลังจากเอามือไปจิ้มนาฬิกาที่หน้าปัดรถแล้วก็เอาเสื้อผ้าชุดทำงานวางไว้ที่ข้างๆ เบาะ รถนายนี่แพงซะเปล่านะ ประโยชน์ใช้สอยน้อยมาก มีเบาะนั่งแค่สองเบาะเอง เฮ้อ แถมที่ใส่ของด้านหลังก็แคบนิดเดียว
“ไปไหนต่อ” อ้าว นายพาฉันมานะนายหน้าแมว ยังมีหน้ามาถามฉันอีกว่าจะไปไหนต่อ
“แล้วนายพาฉันออกมากะว่าจะไปไหนล่ะ” ฉันถามกลับ
“ฉันถามเธอไม่ได้ให้เธอมาย้อนถามฉัน เธอมีหน้าที่ทำให้ฉันมีความสุขไง” เด็กหนอเด็กเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ เล้ย ให้ตายสิ
“งั้นไปสวนสนุกละกัน” เป็นเด็กก็ต้องไปสวนสนุกนะจะได้มีความสุข
“ที่ไหน” เฮ้ยนี่นายไม่รู้จักสวนสนุกรึไงเนี่ย ก็ดรีมสยามที่มีทะเลอยู่ในเมืองหิมะไง เฮ้อ
“งั้นนายขับไปเดี๋ยวฉันบอกทาง” สิงห์สนามเซียนมอเตอร์ไซด์อย่างเรนนี่รู้ทุกทิศในกทม.อยู่แล้วย่ะ
ฉันพยายามเล่าเรื่องขำขันให้นายไนท์ฟังตลอดทางแต่ไม่มีทีท่าว่านายนี่จะหัวเราะกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว จะอมทุกข์อะไรกันนักกันหนานะชีวิตนายเนี่ย แต่ก็ยังดีนะที่ความพยายามของฉันไม่สูญเปล่าก็สายตาเศร้าๆ บนหน้าโหดๆ ของนายนี่หายไปแล้วน่ะสิ ค่อยยังชั่วหน่อย แม้ไม่หัวเราะแต่ก็ไม่เป็นทุกข์ ดีมาก
“เฮ้ย เลยแล้วๆ โทษทีมัวแต่เมาส์เพลินไปหน่อย กลับรถแล้ววนไปเข้าทางนู้น” ฉันฝอยน้ำลายท่วมรถจนทำให้ไนท์ขับเลยทางเข้าไปสองสามเมตร เป็นเหตุให้ต้องไปยูเทิร์นรถเสียเป็นกิโลเพื่อมาจอดซื้อตั๋วหน้าทางเข้า
“ค่าตั๋วบุฟเฟ่ผู้ใหญ่เล่นได้ทุกประเภท 499 สองคนก็ 998 บาท” ฉันแบมือขอตังนายไนท์ ทำไงได้ล่ะก็ฉันไม่ได้เอาตังมาด้วยนี่นา แต่ถึงจะเอามาฉันก็ไม่ซื้อตั๋วหรอก ปกติพาเจ้าทะโมนสองตัวนั้นเข้ามาเล่นฉันก็คอยนั่งดูอยู่ข้างล่าง เสียดายเงินนี่นา
“แล้วทำไมฉันต้องซื้อให้เธอด้วยมิทราบ” แค่นี้ทำงกไปได้
“ก็ถ้านายเล่นคนเดียวมันจะไปสนุกได้ไงเล่า เอาตังมาเดี๋ยวนี้เลย” ออกแนวขู่กรรโชกทรัพย์เล็กน้อยถึงปานกลาง นายไนท์หยิบเงินแบงค์พันส่งให้
“ที่เหลือทิปไม่ต้องทอน” แหมสองบาทใจดีเสียเหลือเกินนะเจ้าคะพ่อบุญทุ่ม
และแล้วเราสองคนก็มายืนอยู่ในสวนสนุกท่ามกลางเหล่าเด็กๆ ที่มากับพ่อแม่ และคู่รักนักศึกษาที่มาเที่ยวกันในช่วงไม่มีเรียน ดูไปดูมาเราสองคนก็เหมือนคู่รักแฮะ อิอิ ถ้าเป็นพี่พลมายืนแทนนายก็ดีสิเนี่ย แต่ผู้บริหารขนาดนั้นคงไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นกับเราหรอก เฮ้อ คิดแล้วเศร้า ถ้าพี่เขาเป็นแฟนกับเราจริงๆ จะมีเวลานั่งดูดาวด้วยกันรึเปล่าก็ไม่รู้
“ยืนเหม่ออะไรอยู่ยัยเฉิ่ม” หนอยวันนี้ฉันไม่ได้ถักเปียแล้วนะ ถึงแว่นตาหนาๆ มันจะทำให้ดูเชยไปบ้าง เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันว่าเฉิ่มซักทียะ
“เปล่าหรอก ถ้าคิดว่าได้มาเที่ยวกับคนรักที่นี่ก็คงจะดีเนอะ” ฉันพูดและหัวเราะเบาๆ
“อย่างเธอชาตินี้ทั้งชาติก็หาแฟนไม่ได้หรอก” ปากเสียอีกแล้ว เดี๋ยวสุนัขในปากนายก็ออกมาวิ่งเล่นในสวนสนุกกันหมดหรอก
“ย่ะ ใครจะเหมือนนายล่ะ มีทั้งยัยธิดาวานร มีทั้งเจ้าหญิง...อุ๊ป” ตายแล้วปากพาซวย เค้าให้คิดก่อนพูด แต่ทำไมชอบพูดทุกอย่างที่คิดเนี่ย
“นี่เธอแอบดูข้อมูลในโทรศัพท์ฉันเหรอ” ฉันเปล่าน๊า เค้ามาเอง อุ้ย โดนจับได้ค่ะคุ้น
“เปล่านี่นา ใครกันเหรอ ไปขึ้นเรือไวกิ้งกันเหอะ” ฉันเฉไฉ ผู้ร้ายก็ย่อมต้องปากแขง ฉันออกแรงดึงนายไนท์ขึ้นเรือไวกิ้งโดยลืมไปสนิทว่าตัวเองกลัวความสูง
“อ๊ายยย..กรี๊ดดด..วี๊ดดด.ว๊ายยยย” อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขกสุดสวิงลิงโก้สตาร์ ทำไมมันน่ากลัวหัวใจจะหยุดเต้นแบบนี้
“ฮ่าๆ ๆ ยัยเบอะ กลัวความสูงแล้วชวนฉันขึ้นเองเลยเนี่ยนะ” นายไนท์หัวเราะออกมาเมื่อฉันทำท่าเวียนหัวจะอ้วกหลังจากเรือไวกิ้งลำเขื่องหยุดกลิ้งไปกลิ้งมา แขนขาหมดแรงไปหมด ไนท์พยุงฉันมานั่งที่เก้าอี้
“แต่มันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ” ไนท์เลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างแปลกใจ
“คุ้มค่ายังไงกัน ทรมานตัวเองแบบนี้อ่ะนะ”
“ก็ได้เห็นนายหัวเราะเยาะฉันไง ความสุขขั้นที่ 1” ฮี่ๆ เห็นมั้ยฉันทำให้นายมีความสุขได้ด้วยแหล่ะ
“อ่ะเหรอ เออ จริงด้วย งั้นรออยู่นี่นะเดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำมาให้” แหมๆ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วยแหล่ะ น่ารักเหมือนกันนะเราเนี่ย
“อืม เอาไอติมมาด้วยนะ ร้อน”
“เธอนี่ได้คืบจะเอาศอกเชียวนะ ก็ได้เดี๋ยวมา” ไนท์วิ่งไปที่ช็อปซื้อน้ำอัดลมมาสองกระป๋องและไอติม โคนอีกสองอัน
“ทำไมของฉันเป็นสตรอเบอรี่ล่ะ ฉันก็อยากกินวนิลานะ” ฉันมองไอติมสีชมพูในมือตัวเองและมองไอติมสีขาวในมือของไนท์ ใจจริงก็อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองอันเพราะชอบของฟรี
“ไม่พอใจก็ไม่ต้องกินเดี๋ยวฉันกินเอง” ไนท์ยื่นหน้ามาจะกัดไอติมของฉัน ฉันตกใจหวงของกินโดยเฉพาะของฟรีแบบนี้เลยรีบก้มลงไปกัดแล้วก็ทำท่าถ่มน้ำลายเหมือนเด็กที่กลัวคนแย่งของเลยต้องถ่มน้ำลายใส่ไว้
“ยี้ ยัยสกปรก เล่นน้ำลายเหรอ” ฮ่าๆ ก็ใครอยากบอกนายมาแย่งของฉันล่ะ
“ก็ใครอยากบอกให้นายมาแย่งของฉันล่ะ” ถึงจะเงินนายแต่มันอยู่ในมือฉันก็ต้องเป็นของฉันน่ะถูกแล้วย่ะ ไม่พูดแค่นั้นนะฉันยังอยากกินไอติมวนิลาอยู่เลยลุกจากเก้าอี้ไปทำท่าจะงับไอติมของนายไนท์ แต่นายนี่ก็ไว้เป็นลิง ลุกขึ้นเอามือที่ว่างอีกข้างยันหัวฉันไว้
“ยัยหมาบ้า ไม่ให้กินหรอก” เราหัวเราะกันจนท้องแข็งแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้แย่งไอติมมากินฟรีอันที่สองก็มีเสียงแทรกขึ้นมา
“ไนท์ ดีใจจังเลยใช่ไนท์จริงๆ ด้วย” เสียงหวานใสของผู้หญิงในชุดสาวออฟฟิศท่าทางเรียบร้อยดังขึ้นด้านหลังเราสองคนเลยมองไปหาพร้อมกัน
“หวาน” ตาของไนท์เศร้าลงเหมือนเดิมอีกแล้ว นี่อีตาบ้า กว่าฉันจะหาความสุขใส่ตัวนายมันยากนะเฟ้ย มาทำตาเศร้าอีกแล้ว เฮ้อ เหนื่อยใจ
“กลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่น่ะ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” ไนท์ยื่นไอติมให้ฉัน ระหว่างบทสนทนาที่ไม่มีฉันอยู่ด้วยก็เลยมีเวลาโซ้ยไอติมในมือทั้งสองอันอร่อยไป
“แหมขนาดคู่หมั้นหวานเค้ายังไม่สนใจเลย หวานจะไปกล้ารบกวนไนท์ได้ยังไงล่ะ” โห ยังมีคนไม่สนใจสาวสวยขนาดอั้มพัชราภาอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ
“พูดอะไรอย่างนั้น เค้ามีงานให้ทำเยอะบางทีอาจจะลืมไปบ้างว่ามีคู่หมั้นแสนดีอย่างหวานรออยู่” ไนท์หน้ายิ้มแต่ในตาเศร้า เหมือนกันกับคู่สนทนา
“จ๊ะ แล้วนี่มากับใครเหรอ หรือว่าแฟน” อุ้ย มีคนมองเห็นฉันแล้ว นึกว่าจะถูกเขี่ยออกจากวงโครจรของโลกซะแล้วเรา
“ไม่ใช่/ไม่ใช่ค่ะ” ฉันกับไนท์พูดประสานเสียงยืนยันในความไม่ใช่แฟนของเรา
“อ้าว แล้วกัน ทำไมถึงมาเที่ยวสวนสนุกด้วยกันล่ะคะเนี่ย” คุณหวานยิ้มหวานสมชื่อ
“เอ่อ คือเราเป็นลูกศิษย์กับนักเรียนน่ะค่ะ หนูชื่อน้ำฝนมาสอนวิชาหาความสุ..”
“เธอสติไม่ค่อยเต็มน่ะหวานเป็นแค่เด็กฝึกงานที่โรงแรม อย่าไปสนใจเลย อ่ะนี่ค่ารถกลับไปทำงานต่อได้แล้ว” หนอยแน่ะ กะว่าจะบอกว่าพามาสอนวิชาการหาความสุขใส่ตัวซะหน่อย หนอยแน่ะเดี๋ยวอาจารย์คนนี้โกรธนะอีตาลูกศิษย์บ้า คิดว่าให้ค่ารถมาห้าร้อยแล้วเรื่องมันจะจบเหรอ อืมจบก็ได้ ก็สองคนนั้นจูงมือกันไปอีกทางแล้วนี่
เอ้ย เรนนี่ มัวแต่แบ๊วอยู่นั่นแหล่ะ คนเมื่อกี้นี้อ่ะ คุณหวานน่ะแหล่ะ เป็นคนเดียวกับในรูปเฟสบุ๊ค (Facebook) ของนายไนท์ที่ใช้ชื่อเจ้าหญิงนี่นา แล้วผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่พลนะถึงได้ยืนถ่ายรูปข้างกัน แล้วยัยนี่มีคู่หมั้นแล้วนี่นา ให้ตายสิ มีคู่หมั้นแล้วมายืนเกาะแขนถ่ายรูปกับพี่พลของฉ๊านได้ไงเนี่ย
“กลับไปง่ายๆ ทั้งที่ยังไม่หายสงสัยก็คงไม่ใช่เรนนี่แล้ว” ว่าแล้วก็แอบเดินตามสองคนนั้นที่ตรงดิ่งไปยังคอฟฟี่ช็อฟใกล้กับบ้านผีสิง
คุยอะไรกันนะดูหนุงหนิงยังกับเป็นแฟนกันเลย อยากรู้จริงๆ ถ้ายัยธิดาวานรมาเห็นเข้าอะไรจะเกิดขึ้น ขนาดฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยยังรู้สึกหมั่นใส้ ชิ ไม่ใช่อะไรหรอก ไม่ได้รู้สึกอะไรน๊า แค่ไม่ชอบที่ทิ้งฉันไว้แล้วไปกับคนอื่นที่สวยกว่าฉันเท่านั้นเอง เหอเหอ
อุ้ย มัวแต่คิดเพลิน ไม่รู้ว่าคุณหวานหายไปไหนแล้ว เห็นแต่อีตาขยะสังคมเดินออกมาจากร้านแล้วตรงเข้าบ้านผีสิง เอ๊ะ หรือสองคนนั้นนัดกันเข้าไปสวีทในที่มืดๆ ฮึ่ย ไม่ได้การแล้วต้องตามไป
ไม่รู้คิดผิดรึคิดถูกนะเนี่ย ขนาดทางเข้ายังวังเวงน่ากลัวขนาดนี้ แล้วข้างในมันจะบรื๋อซำมะกึ๋ยขนาดไหน บรรยากาศสลัวสเหลดูเงียบสงัด แสงสีแดงวูบผ่านฉันไปเกือบจะกรี๊ดแล้วถ้าไม่ติดว่าฉันแอบเดินตามอีตาไนท์แล้วกลัวเขาจะรู้น่ะ
“ฮึ ฮึ ฮิ ฮิ” เสียงสะยึมกึ๋ยของนางผีบ้าตานีกล้วยโผล่ออกมาจากสะพานที่ข้ามน้ำจะไปอีกฝั่งของบ้านผีสิง โอ้ยจะรู้ก็ช่างอีตาบ้านั่นแล้ว กลัวจนฉี่จะราด พ่อแก้วแม่แก้วจ๋า ช่วยหนูด้วย
“อ๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” คิดได้แค่นั้นก็หวีดร้องสุดเสียง แทนที่จะกลัวเสียงร้องของฉันแล้วหนีกระเจิงไปแต่ผีบ้ากลับเอามือมาจับไหล่ฉันไว้อีกแน่ะ ไม่สนใจใครแล้วหลับหูหลับตากรี๊ดต่ออีกสองร้อยเดซิเบล
“นี่ยัยบ้า เงียบได้แล้ว หูฉันจะแตก” เสียงนายไนท์นี่ ไม่ใช่ผี โอ้ยดีใจสุดชีวิต
“ฉันนึกว่าผีมาจับไหล่ น่ากลัวชะมัดเลย อ๊าก” ฉันพุ่งเข้าไปกอดไนท์ไว้สุดแรง รู้สึกว่าปลอดภัย แผ่นอกเขากว้างมาก หน้าท้องที่แบนราบมากล้ามขึ้นโอ้ยจะเป็นลม หัวใจเริ่มเต้นรัวจะเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความประหม่าแทนเหรอเนี่ย บ้านะ นายนี่มีแฟนแล้ว แถมยังไปแอบชอบคู่หมั้นคนอื่น แถมคู่หมั้นคนอื่นคนนั้นยังมาถ่ายรูปคู่กับพี่พลคนที่เธอแอบชอบอีกนะ จะมารู้สึกแบบนี้ไม่ได้
“ขอบใจ” ฉันค่อยๆ ปล่อยมือออกแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องมาขอบใจ ยัยติงต๊อง รู้ว่าตัวเองกลัวผียังจะตามฉันเข้ามาในนี้อีก สอดรู้สอดเห็นจริงๆ”
ว่าฉันสอดรู้สอดเห็น ก็แสดงความรู้แล้วสิว่าฉันตามมา แฮะๆ ก็น่าจะรู้แล้วแหล่ะ
“ก็ชุดทำงานฉันอยู่ในรถนายนี่นา จะให้ฉันกลับไปทำงานในชุดที่นายซื้อให้นี่ได้ไงล่ะ” ฉันแถแบบเหงือกปลาหมอทิ่มดิน
“ไม่ต้องมาอ้างเลย ฉันเห็นเธอนั่งมองฉันคุยกับหวานตั้งนานแล้วทำไมไม่เข้ามาบอกล่ะ เอ๊ะ รึว่าเธอหึงฉันที่ไปนั่งคุยกับคนอื่น” ต๊ายตาย ไม่จริ๊งไม่จริง
“บ้าเหรอ ใครจะไปชอบผู้ชายนิสัยห่วยแตกอย่างนายได้ลงคอ ฉันก็แค่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นมีคู่หมั้นแล้วทำไมนายยังไปทำตัวสนิทสนม แถมตัวเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกันเท่านั้นเอง”
“แล้วทำไมพูดโดยไม่สบตาฉัน” แหมทำตัวเป็นนักสืบรึไงกันยะ ก็ฉันไม่ได้ชอบนายแล้วจะไปหึงนายทำไมกันเล่า ปัญญาอ่อน ถามอยู่ได้
“เปล่านี่ ออกจากที่นี่ดีกว่า” ฉันวิ่งหนีตาขยะสังคมไนท์แต่แล้วผีแม่นาคก็ดันโผล่ขึ้นมาในท่าอุ้มลูกชายแถมยื่นมือยาวๆ มาหาฉันอีก แถวนี้ไม่มีลูกมะนาวให้แกเก็บนะ อย่ามาใกล้ฉ๊านนน
“ช่วยด้วย ฉันกลัวมากเลย เอามันออกไปที” ฉันร้องโหยหวญครวญครางยิ่งกว่าผีสามตัวร้องพร้อมกันซะอีก อีตาไนท์แทนที่จะมาช่วยแกะมือแม่นาคที่อยู่บนเท้าฉันออก กลับยืนหัวเราะจนตัวงอ
“นี่ น้ำใจน่ะมีมั้ย ฉันกลัวฉี่จะราดแล้วนะ” ถ้าฉี่ราดแล้วนะฉันจะไปนั่งบนรถนายให้เหม็นหึ่งเลย
“เออ ก็ได้ ก็ได้ ฉันช่วย นึกว่าจะเก่ง” ไนท์นั่งลงแกะมือแม่นาคออกจากข้อเท้าฉันแล้วลุกขึ้นจับมือฉันเดินออกมาจากบ้านผีสิงที่น่ากลัวอย่างปลอดภัยได้รับอิสรภาพ เฮ้อ เกรงจนเหนื่อยเลย น่ากลัวชะมัด ขนลุกเกลียวทั้งตัวเห็นมะเนี่ย
“เห็นทำเป็นเก่ง กลัวทั้งความสูง กลัวทั้งผี ก๊ากๆ” ยังไม่พอใจ นายไนท์ปล่อยก๊ากไม่หยุด
“แล้วนายล่ะไม่เคยกลัวอะไรเลยรึไงเล่า” ไอ้ที่ทำลงไปมันก็คุ้มอยู่นะ ทำเอาเจ้าคนที่ชอบทำตาเศร้าหัวเราะได้แบบไม่ยั้งขนาดนี้
“มีสิ ฉันเคยจมน้ำแต่รอดตายมาได้เพราะมีเด็กผู้หญิงคนนึงมาช่วยเอาไว้แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอคนนั้นเป็นใคร อืมก็เลยกลัวน้ำอ่ะ ถามทำไมเหรอ” ฮึ ฮึ ฮ่า ฮ่า กลัวน้ำงั้นเหรอ ดีเลย
“ไปเล่นไอ้นั่นกันเหอะ” ฉันฉุดแขนอีตาไนท์มาเล่นเรือกะทะที่มันนั่งล้อมวงกันหลายๆ คนแล้วลอยไปลอยมาในน้ำให้น้ำกระเด็นเข้ามาในกะทะได้อ่ะ แค่คิดก็มันส์แล้ว
“ไม่เอาฉันไม่เล่น” ไนท์ยื้อแขนกลับ
“แต่ฉันอยากเล่นนี่นา มาเหอะน่า” ผู้หญิงบอบบางอย่างฉันเวลาฮึดขึ้นมาม้าพยศอย่างนายก็สู้ไม่ได้หรอกน่า มามะคนดี
“เย้ ได้ตั๋วแล้ว ไปเลือกที่นั่งกันเหอะ” เห็นตาไนท์คอตกแล้วสนุกเป็นบ้าเลย
“ยัยก่องก๊อง ไหนบอกจะทำให้ฉันมีความสุขไง ทำไมพามาเล่นเครื่องเล่นเหนือน้ำด้วย” แหมทำหน้าบูดเป็นตูดลิงเลยนะจ๊ะเจ้าหมาน้อย
“อ้าวก็ต้องเล่นให้ครบทุกอย่างสิจ๊ะพ่อคุณ ไปขึ้นเรือไวกิ้งลอยละลิ่วบนอากาศแล้ว ไปบ้านผีสิงใต้ดินมาแล้ว นี่เลย ลงน้ำ 555+”
“เหวอ เฮ้ย อ๊าก” ไนท์ร้องเสียงหลงเมื่อเรือกะทะเริ่มร่อนไปตามน้ำที่ไหลจากบนลงล่าง โหยเกาะราวจนตัวโก่งเลยอ่ะ จี้เป็นบ้า สนุกชะมัด
“เอาอีก เอาอีก” เสียงฉันและคนที่ชอบเครื่องเล่นอันนี้เริ่มตะโกนแต่คนที่ไม่อยากเล่นต่อทำตาดุใส่ฉัน ชิ กลัวที่ไหนกันล่ะ ฉันเป็นอาจารย์นายนะคุณลูกศิษย์ ทำแบบนี้ไม่อยากรู้วิธีหาความสุขใส่ตัวแล้วรึไงยะ
“ไว้ฉันเอาคืนแน่ยัยเอ๋อเอ้ย” นายไนท์พูดลอดไรฟันทั้งที่เกรงตัวฝืนไม่ให้ไหลไปตามกะทะที่เอียงไปเอียงมา เมื่อไหร่ก็ได้ย่ะพ่อคุณ
“สนุกเป็นบ้าเลยอ่ะ ไว้วันหลังฉันพาพวกทะโมนที่บ้านมาเล่นด้วยดีกว่า ไม่ได้มากันตั้งนานแล้ว” นานของฉันมันน๊านนานเลยหล่ะ ก็ตั้งแต่ฉันขึ้นมัธยม ยายเกตุกับตาเม่นก็ยังเล็กๆ อยู่เลย
“ยังกับเธอจะยอมควักเงินจ่ายค่าตั๋วให้น้องๆ อย่างงั้นแหล่ะ” นั่นดินายนี่เริ่มรู้จักฉันดีขึ้นอีกนิดแระนะอิอิ
“ก็ไว้พามาเวลานายจะเลี้ยงไง แฮ่ๆ” เอาน่า ถือว่าเอาบุญกับเด็กตาดำๆ
ความคิดเห็น