คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บรรยากาศมันพาไป
“กรี๊ดดดดด หลับตา หลับตาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” ฉันผลักอกของซีแซนด์ออกแต่เขายิ่งกอดแน่นขึ้น
“เธอจะให้ผ้าผ่อนหลุดตรงนี้รึไงเล่า” เขาพูดจบก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้ฉัน อ้าว ก็นึกว่าจะลวนลาม ที่แท้ก็กลัวฉันผ้าหลุดนี่เอง
“ขะ ขอบใจ” อายม๊ากมาก ไม่เคยรู้สึกอับอายเท่าวันนี้มาก่อน นายเป็นผู้ชายแปลกหน้า ไม่ใช่น้องชายฉันนะ จะมาวุ่นวายในห้องนอนสาวโสดอย่างนี้ได้ไง
“นายก็ออกไปซะทีสิ” ฉันชี้นิ้วสั่งเขาออกนอกประตู
“อือ รีบแต่งตัวอ่ะ อย่าลืมว่าต้องไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วย” อ่ะอ้าว แล้วนายมายังไงฟะ มาถึงบ้านฉันได้แต่ไปโรงเรียนไม่ได้ บ้ารึเปล่า
“นายมาบ้านฉันได้ทำไมไม่ไปโรงเรียนเองเล่า”
“ก็ฉันให้นายโวลต์ไปรับมา แต่เธอยังมีหน้าที่ไปส่งฉันนี่ อย่าลืมนะว่าเธอทำรถฉันพัง” ว่าแล้วก็เดินผิวปากออกจากห้องฉันไป อยากจะบ้าตาย ฉันอยากฆ่าทั้งน้องชายตัวเองและเพื่อนน้องชายเลยให้ตายสิ
“แม่ขาทำไมแม่ปล่อยให้ผู้ชายเข้าห้องลูกสาวตัวเองได้เนี่ย โธ่” ฉันบ่นทันทีที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและลงมาที่โต๊ะทานข้าว และนั่น นายซีแซนด์ตัวร้าย อีตาผู้ชายร้ายกาจนั่นนั่งอยู่ที่โต๊ะกับแม่ฉัน พร้อมสนทนากันต่อโดยไม่มีใครสนใจฉันเลย นายโวลต์ก็กินขนมปังปิ้งจิ้มนมข้นหวานหน้าตาเฉย อะไรกันฟะ ฉันไม่ใช่เชื้อแบตทีเรียในอากาศนะจะได้มองกันไม่เห็นน่ะ
“นี่ สนใจกันบ้างสิ” ฉันตะโกนสุดเสียงจนคุณนายปรียานุชย์หันมามองตาเขียว
“ไม่เห็นหรือไงว่าแม่กำลังขอลายเซ็นซีแซนด์อยู่ ลูกนี่ไร้มารยาทซะจริง” น่าน แผ่นซีดีกับนิตยสารวัยรุ่นเล่มที่ฉันซื้อจากยัยแมงปอเล่มล่ะห้าร้อยบาทถ้วน (มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้นะ ต้องโง่ด้วย) กำลังยื่นขอลายให้นายซีแซนด์ลงลายมือชื่อ คุณแม่ขา แม่น่ะวัยเลยเลขสี่แล้วน๊า อะไรจะบ้าดารานักร้องได้อีก
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ให้ตายสิ” ฉันนั่งลงข้างแม่แล้วก็ตักเนยทาขนมปังโรยด้วยน้ำตาลทรายมองไปทางอีตาขี้ประจบที่กำลังชมว่าแม่ฉันยังสาวจนคุณนายปรียานุชย์จะตีปีกผับๆ ลอยไปติดหลังคาบ้าน เฮอะ ขอให้พ่อลืมเอกสารแล้วกลับมาเอาจะได้เห็นแม่ทำอี๋อ๋อกะหนุ่มน้อย ชิ
“ไปแล้วนะฮะ” โวลต์กินนมสดแก้วใหญ่หมดก็คว้าเป้มาสะพายแล้วเดินจากไป
“เฮ้ย เดี๋ยวดิโวลต์ เอาเพื่อนนายไปโรงเรียนด้วยดิ ไปที่เดียวกันไม่ใช่เหรอ” ฉันรีบเรียกน้องชายตัวดี
“เรื่อง” มันยักไหล่ทำเป็นหูทวนลมเดินจากไป เสียงสตาร์ทรถดังกระหึ่มพร้อมกับฉันที่ยืนอ้าปากหวอ
“ยัยแอมแปร์นี่ยังไงนะ ทำรถซีแซนด์พังแล้วยังจะไม่ยอมรับส่งอีกเหรอ จะให้เป็นภาระน้องอีก เหลวไหลจริงๆ เลย เหลวไหลทุกทีเลย เดี๋ยวถ้ายัยแอมป์ไม่ทำความข้อตกลงของซีแซนด์ล่ะก็โทรบอกแม่นะ เดี๋ยวแม่จัดการให้” ดีนะยังแทนตัวเองว่าแม่ ไม่แทนตัวเองว่าพี่ไปซะเลย ชิ เรื่องอะไรเอามาฟ้องแม่ฉันด้วยเนี่ย สรุปแล้วฉันวางแผนจับนาย หรือนายวางแผนจับฉันกันแน่เนี่ย ตามติดฉันแจเลย
“ก็ได้ค่ะ” ฉันนั่งลงหยิบขนมปังที่ทาเนยโรยน้ำตาลเมื่อครู่ไว้เข้าปากเคี้ยวไม่สบอารมณ์
“วันหน้าผมคงต้องมารบกวนอีกนะครับ” ยิ้มลวงโลก พวกดารานักแสดงเป็นแบบนี้หมดแม่อย่าไปหลงกลนะ
“ได้เลยจ้า แต่อาทิตย์หน้าแม่ไม่อยู่นะ ยังไงถ้ามาก็ให้ยัยแอมแปร์หาอะไรให้กินก็แล้วกัน จะมาค้างก็ได้นะจ๊ะ แม่ไม่ว่า” โห อะไรอ่ะแม่ ไม่ยกฉันให้อีตานี่ไปซะเลยอ่ะ ให้ผู้ชายเข้าบ้านได้ไง อีตาโวลต์ก็ไม่ค่อยชอบอยู่บ้านเกิดซีแซนด์หน้ามืดปล้ำฉันขึ้นมา อ๊าย ไม่อยากจะคิดอ่ะ
“ยินดีอย่างยิ่งครับผม” ในขณะที่ฉันจ้องหน้าอีตาซีแซนด์อย่างเอาเรื่อง เค้ากลับหันมายิ้มอารมณ์ดีให้ฉันแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ โอ้ย น่ากระทืบๆๆๆๆ
“ไปๆ ไปโรงเรียนกันได้แล้วเดี๋ยวสาย” แม่ออกปากไล่ลูกสาวทันทีที่ได้ลายเซ็นเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าฉันเขียนอะไรลงไปในหนังสือนั่นบ้างรึเปล่า เท่าที่จำได้ก็จดๆ ใส่กระดาษไว้ ไม่หรอกมั้ง คงไม่มีอะไรอยู่ในนั่นแน่ เพราะไม่เห็นว่าอีตานี่จะพูดอะไรเลย
“ไปเถอะครับพี่” หนอย ทีต่อหน้าแม่ล่ะก็นอบน้อมเชียวนะ
“ฮึ่ย” ฉันหยิบกระเป๋าถือกับกุญแจรถขึ้นมาแล้วตรงไปที่รถ
“เอากุญแจรถมานี่ ฉันขับเอง” นั่นไง นิสัยถาวรของอีตานี่กลับมาแระ เด็กเลี้ยงแกะชะมัด
“นี่รถฉัน ไม่ยอมให้คนอื่นแตะเด็ดขาด” ฉันเดินไปไขกุญแจรถแต่ถูกคว้ากุญแจไปต่อหน้าต่อตา
“จนกว่ารถฉันจะซ่อมเสร็จฉันจะเป็นคนขับรถคันนี้เอง” ซีแซนด์เปิดประตูด้านคนขับแล้วก็เข้าไปนั่งสตาร์ทรถหน้าตาเฉย จะขโมยรถฉันเหรอ รีบขึ้นไปนั่งเฝ้าไว้ก็ยังดี
“นี่ มันจะมากไปแล้วนะ ค่าซ่อมรถนายยังไม่ได้ค่าล้อรถฉันด้วยซ้ำ ถ้านายขับรถฉันไปเสียหายมาทำไงอ่ะ”
“คาดเข็มขัด” ง่ะ มีหูรึเปล่าเนี่ย ฉันก็พูดเสียงดังฟังชัดแต่เด็กบ้านี่ก็ไม่ได้ฟังอะไรเลย ฉันไม่ได้ตั้งตัวแต่พอรถออกตัวด้วยความเร็วสูงฉันจึงต้องคาดเข็มขัดโดยเร็ว
“นะ นายขับเร็วมากไปแล้วนะ” ถึงขีดความสามารถของรถคันนี้มันจะวิ่งไปในสนามแข่งได้สบายๆ แต่มันก็ไม่ควรเอามาวิ่งบนท้องถนนที่รถยนต์มากมายนี่ไม่ใช่รึไงเล่า
“กรี๊ดดดดด จอดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้จอด” ว่าแล้วรถก็เลี้ยวเข้าสวนสาธารณะและจอดกระทันหันจนฉันหัวแทบคะมำไปชนกระจกรถถ้าไม่คาดเข็มขัดไว้อ่ะนะ
“จะพาฉันไปตายรึไงเนี่ย ขับแบบนี้บนถนนได้ไง”
“ทำไมจะขับแบบนี้บนถนนไม่ได้ หรือจะให้ไปขับในน้ำแทน” ว่าแล้วซีแซนด์ก็ใส่เกียร์พุ่งทะยานไปริมขอบสระกลางสวนสาธารณะแห่งนี้ฉันหลับตาปี๋กลัวเขาจะลงไปในน้ำจริงๆ แต่ว่าเขาเบรกกึกได้ทันท่วงทีก่อนเราจะทะยานไปแหวกว่ายปะการังดำน้ำคุยกับปลาการ์ตูนนีโม่ หัวใจฉันเต้นแรงมาก มากซะจนคิดว่ามันเกือบจะช็อกตายไปเลยทีเดียว
“ตื่นเต้นป่ะ” โห กล้าถามเนอะ
“อยากตายมากนักก็ไปคนเดียวดิ มีผู้หญิงมาด้วยทำแบบนี้หยาบคายมาก” โดนด่าแทนที่จะสำนึกกลับหัวเราะ
“เวลาเธอทำท่ากลัวนี่ตลกดี ฉันชอบ” ห๊ะ หา ว่าไงนะ อย่าพูดลอยๆ เด้ ฉันคิดจริงนะจะบอกให้
“เฮอะ รีบไปโรงเรียนเลย เดี๋ยวเข้าสายจะมาว่าฉัน” ฉันกอดอกหลบสายตาคมกริบที่จ้องฉันอยู่ จะมองหาหวยรึไงกันยะ มองอยู่ได้ เขินเป็นนะเฟ้ย
“เธอเขินเหรอ” นิ้วเรียวยาวแตะแก้มฉัน อร๊ายยย กระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่าง
“บ้า ใครเขิน ไม่มี๊” หัวใจเต้นแรงมากถึงมากที่สุดเมื่อซีแซนด์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ แล้วอีรถคันงามของฉันก็ดันคับแคบเหลือเกิ๊น ดูแค่อีตาตัวสูงนี่โน้มตัวมาก็ใกล้ฉันซะจนลมหายใจเป่ารถใบหู สยิวกิ๊วมั่กๆ
“ก็เธอหน้าแดงมาถึงหูเลยอ่ะ” มากระซิบข้างหูอีก โอ้ย อยากจะเป็นลม ฉันหายใจหอบถี่ยิ่งขึ้น
“กะ ก็ฉันกำลังโมโห ก็ต้องหน้าแดงเป็นธรรมดา” ยิ่งหลบหน้าหลบตานายบ้านี่ก็ยิ่งเอาหน้ามาใกล้ฉันเข้าไปอีก ฉันเลยตัดสินใจดึงเข็มขัดนิรภัยออกจะเปิดประตูรถลงไปเรียกแท็กซี่หนีไปโรงเรียนเองแต่ยังไม่ทันเปิดประตูซีแซนด์ก็กระชากฉันไปชนแผงอกของเขาระยะประชิด
“จะไปไหนล่ะ ไม่สานต่อแผนการของเธอแล้วเหรอ ว่าไง” ว่าแว้ว งะงั้นนายซีแซนด์ก็เห็นกระดาษโน้ตที่ฉันแปะไว้ในนิตยสารเล่มนั่นอ่ะดิ หวา ตายแล้ว แย่แล้ว งั้นก็รู้อ่ะดิว่าที่ฉันขับรถปาดหน้าเค้าก็แค่อยากทำให้สนใจ แผนแตกแว้ว ทำไงดีๆ แม่นะแม่ไม่น่าเอานิตยสารบ้าเล่มนั้นมาให้เขาเซ็นต์เล้ย เขาเลยรู้เลยว่าฉันวางแผนจับเขาทำแฟน น่าขายหน้าชะมัดเลย
“นายรู้” แหม ถามขนาดนี้แล้วไม่รู้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเนี่ย ในนั้นฉันเขียนแผนทำความรู้จัก สร้างความประทับใจ แต่สาบานได้ว่าฉันเลิกคิดจับหมอนี่ตั้งแต่ประทะคารมกันแล้วนะ ถ้าไม่ติดว่าเจอพี่โยในสถานการณ์บังคับจริงๆ
“ใช่ฉันรู้ ก็นายโวลต์บอกว่าเธอหาเพื่อนควงไปงานคืนสู่เหย้าเสาร์นี้ไม่ใช่เหรอ” ยิ้ม โอ้ย โล่งอกไปทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนเท่านี้ก็สาแก่ใจ โอ้ย ค่อยยังชั่ว นึกว่าเห็นกระดาษโน้ตน่าอายนั่น แสดงว่าเมื่อวานที่ฉันโทรหานายโวลต์ก็ไม่เสียหลายน่ะสิ แหมน้องชายสุดที่รัก ฉันรักแก (เป็นบางเวลา)
“งั้นเหรอ อ่ะ เอ่อ ใช่น่ะสิ แล้วเสาร์นี้นายว่างป่าวล่ะขอยืมควงซักวันได้ป่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาไปพร้อมด้วยการถอนหายใจพรืดใหญ่โล่งอก
“ก็ไม่ว่างหรอกนะ แต่ถ้าเธอทำตามเงื่อนไขฉันได้สามข้อ ฉันก็จะไปเป็นเพื่อนให้ก็ได้” โห มีต่อรอง ความคิดลามกอย่างอีตานี่จะขอเวอร์จิ้นของฉันรึเปล่าเนี่ย ไม่ได้ๆ ต้องรักษาจิ้นของฉันไว้ก่อน
“ฉันไม่ทำหรอก” จากที่เราแนบชิดสนิทสนมจนแทบจะรวมร่างกันได้อยู่แล้วก็ยิ่งแนบแน่นเข้าไปอีกเมื่อซีแซนด์จับหัวฉันซบไปกับไหล่เขา แล้วก็กระชับอ้อมแขนกอดฉันไว้ หัวใจเต้นแรงขึ้นไปอีกหลายเท่าจนไม่รู้ว่ากี่ร้อยครั้งต่อนาที
“ถ้าเธอบอกว่าไม่เขินฉันทำไมหัวใจเธอเต้นแรงมากเลยอ่ะ” รู้ว่าเขินก็น่าจะพอทำไมต้องบังคับให้ฉันยอมรับล่ะเนี่ยไอ้ผู้ชายโรคจิต
“บ้าน่า ฉันยังตื่นเต้นเรื่องนายขับรถเกือบลงสระน้ำต่างหาก” ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนซีแซนด์
“ไม่เขินก็ไม่เขิน ก็แค่อยากทดสอบว่าฉันยังมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามอยู่รึเปล่าเท่านั้นแหล่ะ เธอทำฉันลดความมั่นใจในตัวเองไปเยอะเลย เธอต้องรับผิดชอบ” หวา ทุกวันนี้ผู้หญิงต้องรับผิดชอบผู้ชายด้วยเหรอเนี่ย
“พูดบ้าอะไรของนายอ่ะ ปล่อยนะ” นายบุกรุกคุกคามหัวใจฉันเข้าไปทุกวันแล้วถ้าฉันชอบนายจริงๆ ขึ้นมาจะทำไงเนี่ย
“เอาเป็นว่าเธอตกลงทำตามสามข้อที่ฉันขอแล้วกัน แล้วฉันก็ตกลงไปกับเธอวันเสาร์เคนะ” นายเค แต่ฉันยังไม่เคแล้วจะรีบออกรถไปไหนเนี่ย
“นะ นายนี่มันออกนอกเส้นทางไปโรงเรียนเราแล้วนะ” แล้วอีข้อตกลงบ้าบออะไรเนี่ยก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
“อ้าว ก็ตามที่เราตกลงกันไง ข้อที่ 1 เธอต้องไปเป็นเพื่อนฉันถ่าย MV ตัวใหม่ที่พัทยาอ่ะ” เฮ้ย พูดเองเออเองเสร็จสรรพ คนบ้าไรฟะเนี่ย
“แล้วฉันไปตอบตกลงกับนายตอนไหนไม่ทราบ วันนี้ฉันมีเรียนนะจะบอกให้” ยังไม่กลับไปส่งฉันเข้าเรียนอีก
“ฉันมีเรียนเหมือนกัน ฉันก็ขาดเรียน เธอไม่เสียเปรียบหรอกน่า” ไม่ได้กลัวจะเสียเปรียบย่ะ ที่หมายถึงนี่ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วยไม่ทราบ
“โอ้ย จะอยากจะบ้าจริงๆ คุยกับคนอย่างนายเนี่ย” ฉันกอดอกปั้นปึงไม่อยากจะคุยกับคนบ้าแต่อีตาบ้านี่กลับเอาแต่หัวเราะมุ่งหน้าสู่ชายหาดพัทยาทันที
“ถึงแระ วันนี้ฉันมาถ่าย MV เพลงใหม่ที่อัดเสียงเมื่อวานนี้ เธอถ่ายวีดีโอไว้ให้ฉันที เดี๋ยวคืนนี้จะอัพลงยูทูปให้แฟนคลับฉันดูน่ะ” กรี๊ดดด ลงทุนทำเพื่อแฟนคลับเองเลยเหรอเนี่ย ปกติเห็นนักร้องน่าจะเล่นตัวไม่ใช่เหรอ นายนี่แคร์แฟนคลับดีเหมือนกันนะ ฉันรับกล้องถ่ายวีดีโอรุ่นใหม่ล่าสุดตัวเล็กแต่สเปคสูงลิบมาไว้ในมือก่อนจะเริ่มกดถ่ายทำเมื่อเขาเข้าไปในฉากที่เซตไว้
ชายหาดแสนสวยที่มีต้นมะพร้าวรายล้อม เป็นหาดส่วนตัวของคนมีกะตังค์เพราะบ้านส่วนตัวริมหาดหลังใหญ่เวอร์ซะขนาดนั้น ทีมงานกำลังสาระวนกับการเตรียมฉากต่างๆ และนั่นยัยนางเอกละครที่เคยเป็นข่าวกับพี่โย ยัยนั่นมาเป็นนางเอก MV ให้ซีแซนด์ด้วย ฉันถ่ายไปมือไม้สั่นเริ่มเอาอารมณ์ส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน
“พี่คะ พี่คะ นางเอกคนนี้เป็นแฟนกับพี่โยพระเอกเรื่องมนต์รักไร่สตอเบอรี่รึเปล่าคะ” ฉันสะกิดถามพี่ช่างแต่งหน้า เค้าว่ากันว่าช่างแต่งหน้าดารานี่แหล่ะรู้ข่าววงในดีที่สุด
“อุ้ย อะไรกันคะน้อง เวลาเค้าจับคู่กันเล่นละครก็ต้องมีรักโปรโมททั้งนั้นแหล่ะค๊า แต่ยัยสแปลชนี่ไม่ธรรมดาค่ะ ชีชอบเกาะคนดังมาดังอ่ะค่ะ เห็นมะ เล่นละครเรื่องเดียวดังเปรี้ยงถึงกับได้มาเล่นเอ็มวีให้ Zsood เจ้ละเกลียดมัน” ตายแล้วความจริงตอนที่แล้วที่พี่โยพยายามจะบอกเรา มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย อย่างนั้นพี่โยก็ไม่ได้โกหกหลอกลวงเราอ่ะดิ ตายแล้วอ่ะ แล้วนี่เราเผลอไผลทำร้ายคนดีๆ อย่างพี่เค้าได้ยังไงกันนะ
“นี่ ยัยบื้อ ยืนทำอะไรอยู่ได้ เค้าเปลี่ยนฉากกันแล้วตามมานี่ดิ” นายซีแซนด์ นายกล้าเรียกฉันยัยบื้อต่อหน้ายัยอุกาบาตนอกโลกยัยสแปลชนี่เลยเหรอ ดูยัยนั่นดิยิ้มเยาะเย้ยฉันใหญ่เลย
“เด็กรับใช้เหรอคะซีแซนด์ ดูเกะกะเก้งก้างจัง” ยัยเด็กแก่แดด แต่งตัวโป๊ขนาดนั้นแก้ผ้าไปเลยดีกว่ามั้ย กระโปรงสั้นจู๋ (แม้ฉันจะใส่สั้นก็ยาวกว่ายัยนั่นนิดนึงอ่ะนะ) เสื้อเกาะอกก็แทบเกาะไม่อยู่จะล้นทะลักออกมาอยู่นอกเสื้ออยู่แล้ว เอามือของแกออกจากแขนว่าที่แฟนฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ (เมื่อกี้ยังอาลัยล่ำถึงพี่โยอยู่เลย)
“ใครว่าฉันเป็นเด็กรับใช้ ฉันเป็นแฟนของซีแซนด์นะจะบอกให้” สะใจ ยัยนั่นหน้าเหวอไปเลยอ่ะ
“ไม่จริง” ยัยนั่นเดินมาทางฉันแล้วผลักฉันจนเซถลาเกือบล้มไปกองกับทรายแต่ซีแซนด์คว้าแขนฉันไว้ก่อน ไม่รู้ห่วงฉันหรือห่วงกล้องราคาแพงของเขากันแน่
“ห้ามมีเรื่องกันในกองถ่ายนะ แล้วเธอก็เหมือนกันอยากสร้างกระแสกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ฉัน รักษาระยะห่างหน่อยละกัน” แล้วพระเอก MV ก็จับมือฉันเดินไปด้วยกันก่อนจะก้มมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน
“ขอบใจมากนะที่อ้างว่าเป็นแฟนฉันน่ะ ที่พามาด้วยก็กลัวยัยนั่นแหล่ะ ผู้หญิงอะไรน่าด้านชะมัด เห็นใครดังไม่ได้ชอบทำให้ตัวเองเป็นข่าวด้วย” อ๋อ พกฉันมาเป็นไม้กันหมาเหรอเนี่ย
“ไม่เป็นไรหรอก” เพราะฉันคิดจะจับนายทำแฟนจริงๆ นะสิ ฉันน่ะนะ น่ากลัวกว่ายัยผู้หญิงคนนั้นซะอีก อิอิ อุวะฮะฮ่า
“คืนนี้เราจะค้างที่นี่กัน เธอโทรไปบอกที่บ้านด้วยนะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง” ถ้ากลัวว่าที่บ้านฉันจะเป็นห่วงก็ไม่ควรพาฉันมาตั้งแต่แรกแล้วย่ะ
“อืม” ฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ในเมื่อมาถึงนี่แล้วนี่นา
“เสร็จงานแล้ว หิวยัง” หิวตลอดเวลาเลยรึไงเนี่ย ก็ไม่เห็นว่าจะออกแรงอะไรตรงไหน แค่ไปยืนร้องเพลงบนทราย วิ่งหยอกล้อยัยอุกาบาตรนอกโลกไปมานิดเดียว ดูดิเหงื่อแตกซิกเลย แต่ไอ้เสื้อขาวๆ บางๆ เวลาชุ่มเหงื่อนี่มัน กรี๊ดด เซ็กซี่ชะมัดเลย อ๊า
“นายนี่หิวตลอดอ่ะ” ฉันว่านายนะ ยังมาทำหน้าตาน่ารักใส่อีก
“ไม่ตลอดหรอก แค่อยากอ้อนเธอน่ะ” แน้ อยู่ๆ อยากมาอ้อนฉันทำไมเนี่ย
“เฮอะๆ ไม่ตลกนะยะ จะมาอ้อนฉันทำไมค์โครโฟนอะไรมิทราบ” ฉันยื่นกล้องคืนซีแซนด์แต่เขากลับจับมือฉันไปจุ๊บหลังมือเบาๆ
“ก็เวลาอยู่กับเธอฉันรู้สึกอบอุ่นดีอ่ะ เหมือนมีแม่ตามมาด้วยเลย ฮ่าๆๆ” เออ ฉันมันแก่ แหมเปรียบกับแม่เลย น่าเกลียดเกินไปแระ
“แค่พี่สาวก็พอย่ะ ยังไงนายก็อายุเท่ากับน้องชายฉัน เป็นพี่ให้ก็ได้ แต่นายต้องเรียกฉันว่าพี่แอมป์ก่อน” แทนที่จะเรียกพี่ตามสั่งอีตาเด็กบ้านี่กลับเอามือมาดีดหน้าผากฉัน
“ยัยบ๊องเอ้ย ฉันพูดเล่นหรอกน่า ไปกินข้าวกันเหอะ” ว่าแล้วก็ถือวิสาสะกอดคอฉันเดินเฉยเลย นายจะถูกเนื้อต้องตัวฉันไปถึงไหน เปลืองตัวชะมัด
“พรุ่งนี้นายต้องทำงานอีกเหรอ” หลังจากกินอาหารทะเลจนอิ่มแปล้แล้ว เราพากันเดินเท้าเข้าบ้านที่ฉันบอกว่าใหญ่โตมโหฬารริมหาดส่วนตัว อย่าบอกนะว่า
“ป่าวนี่ งานเสร็จแล้ว แค่อยากพาเธอมาเที่ยวบ้านฉัน ก็แค่นั้น” ก็แค่นั้น มันก็แค่นั้นอย่างนั้นเหรอ ผู้ชายพาผู้หญิงเข้าบ้านแล้วที่บ้านนี้ก็อยู่กันสองคนนายบอกว่าก็แค่นั้นอย่างนั้นเหรอ
“อ้าว แล้วพรุ่งนี้ไม่ไปเรียนรึไง” ในใจอยากจะตะโกนว่าพรุ่งนี้วันศุกร์แล้วนะเฟ้ย ขาดเรียนสองวันติดกันเรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี
“ไปดิ เราค่อยออกเดินทางแต่เช้าก็ได้ ฉันไม่ชอบขับรถตอนกลางคืน” ไม่ชอบขับรถก็ให้ฉันขับก็ได้พ่อคุณเอ้ย
“งั้นเอากุญแจมาดิ ฉันขับเองก็ได้” นักซิ่งหญิงตระเวรราตรีอย่างฉันขับกลางคืนเสบยม๊าก
“เรื่อง ถ้าเธอถือกุญแจเดี๋ยวจอดทิ้งฉันไว้ข้างทาง ฉันก็แย่น่ะสิ อย่าเรื่องมากน่าไปหาห้องพักได้แระ อ้อ แล้วอย่าคิดอกุศลกับฉันนะ บ้านนี้ยิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย” แหม ใครกันแน่จะคิดแบบนั้น
“ไม่มีทางอยู่แล้วย่ะ ขอห้องที่ห่างไกลห้องนายมากที่สุดก็แล้วกัน”
“อ๋อเหรอ งั้นก็ดีแระ ไปห้องนั้นเล้ย ห้องที่ไกลห้องฉันที่สุด” ซีแซนด์ชี้มือไปที่ห้องริมหน้าต่างมองเห็นวิวทะเลแสนงามฟ้าสีครามสดใส
“งั้นฉันก็ไปนอนห้องนั้นแหล่ะ” ฉันเดินดุ่มๆ ไปแต่ซีแซนด์ดึงข้อมือฉันไว้แล้วก็กระซิบข้างหูด้วยเสียงแผ่วเบาทุ้มต่ำชวนขนลุกขนชัน
“เฮ่อเฮ่อ ห้องนั้นเคยมีคนผูกคอตายแล้วก็เฮี้ยนมากด้วยนะ”
“กรี๊ดดดดด” อย่างไม่ต้องสงสัยเสียงฉันเอง พร้อมกับกระโดดเหยงๆ ไปกอดคอซีแซนด์ไว้แน่น
“ยัยตุ๊กแก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันหายใจไม่ออก แอ๊ก” แกะมือฉันออกพัลวัน แต่ใครจะไปปล่อยเล่า ล้อเล่นอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่เรื่องผี อันนี้แอมแปร์รับบ่ได้ กอดให้คอหักตายไปเลยคอยดูเด้
“ก็บ้านนี้มีผี ไม่เอานะ ฉันไม่ค้างที่นี่นะ” ฉันหลับหูหลับตาโวยวายทั้งที่มือของซีแซนด์รวบมือของฉันมาจับไว้แน่น
“ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าบ้านนี้มีผี เฮ้อ ยัยเบ๊อะเอ้ย” มือสองข้างของฉันถูกมือข้างเดียวของเขารวบไว้แล้วก็เอามือข้างที่เป็นอิสระมาดีดหน้าผากฉัน ถ้าฉันฉี่ใส่ที่นอนจะต้องโทษนายนี่แหล่ะ
“เจ็บนะ ปล่อยเลยไม่มีผีทำไมต้องหลอกกันด้วยล่ะ” จากความกลัวเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“ถึงจะไม่ได้มีคนผูกคอตายแต่เธอไม่เห็นเหรอว่าไม่มีใครซักคนอยู่ในบ้านนี้ คิดเอาเองละกันว่ามันมีอะไร” โอ้แม่เจ้า จะสร้างจินตนาการล้นเหลือให้ฉันเพื่อ?
“งั้นฉันนอนห้องเดียวกับนาย” ฉันเดินตามซีแซนด์ไปห้องนอนของเขา
“บ้าดิ เธอคิดมิดีมิร้ายกับฉันจริงด้วย” ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันอีก ไม่นะ นายจับได้ เอ้ยไม่ใช่ถึงฉันคิดจะจับนายทำแฟนแต่ก็ไม่ได้คิดจะปล้ำนายแน๊
“ใครเขาจะไปคิดแบบนั้นเล่า ปัทโธ่เว้ย งั้นฉันจะกลับบ้าน ออกไปหารถเมย์กลับก็ได้” ฉันเดินทำท่าจะออกไปจากบ้านอย่างสโลว์โมชั่น ไม่มีเสียงเรียกตามหลัง ไม่มีการห้ามปราม ง้อฉันเด้ ซักนิดก็ยังดี แต่ไอ้บ้านั่นปิดประตูห้องนอนไปแล้ว เออ ไอ้สุภาพบุรุษ จะให้ผู้หญิงบอบบาง(ตรงไหน)อย่างฉันไปตกระกำลำบากเหรอยะ ก็ได้วะ
“ก๊อกๆๆ นี่ซีแซนด์ เปิดประตูหน่อยดิ”ก็ใช่น่ะสิ ฉันต้องกลับมาง้ออีตานักร้องบ้านี่เสียเอง ฟ้ามืดแบบนี้ออกไปก็เจอพี่วินมอไซด์ลากไปกินในน้ำกันพอดี ยิ่งสวยเซ็กซี่อย่างฉันด้วย
“ยังไม่ไปอีกเหรอ” คำถามนี้ช่างส่อถึงความเป็นคนมีน้ำใจอย่างแรงเลยนิ
“ฉันคิดไปคิดมา ฉันไม่ได้พักที่ทะเลนานมาแล้วนะ นอนนี่ซักคืนก็ดีเหมือนกัน” สวย เริ่ด เชิดค๊า ฉันพาตัวเองเยื้องยุรยาทเข้าไปในห้องนอนทันทีโดยไม่รอคำอนุญาติ
“เดี๋ยว ถ้าจะนอนห้องนี้เธอต้องนอนพื้นนะจะบอกให้ เพราะฉันไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับใครทั้งคืน” คำว่าทั้งคืนทำให้ฉันตกใจ เด็กอายุเท่านายไม่น่าจะชั่วคราวกับผู้หญิงนะ
“หมายความว่าไง”
“ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกเหรอเนี่ย โง่ชะมัดเลย หมายความว่าฉันนอนกับผู้หญิงแค่ชั่วคราวไง ไม่เคยให้ใครร่วมเตียงยันเช้าหรอก” ชัดเจนเปลี่ยน
“ฉันหมายถึงที่จะให้ฉันนอนพื้นเนี่ยเป็นไปได้ไง สาวสวยอย่างฉันต้องลงไปนอนพื้นกระเบื้องแข็งๆ ในห้องแอร์เย็นๆ เรื่องไรล่ะ” ฉันเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงเอาผ้าห่มมาพันตัวเองเป็นมัมมี่
“เฮ้ นี่มันเตียงฉันนะ” ซีแซนด์เข้ามาดึงตัวฉันลุกแต่ฉันขืนตัวทิ้งน้ำหนักไว้ไม่ให้เขาลากลงจากเตียงได้ง่ายๆ แล้วซีแซนด์ก็กระชากฉันผิดจังหวะล้มมาทาบทับตัวฉันไว้ในท่าทางชวนคิด จากนั้นเราก็สบตากันเนิ่นนาน
“รู้อะไรมั้ยแอมแปร์ ปากเธอแดงน่าจูบมากเลย” ลมหายใจอุ่นกรุ่นรดหน้ากับน้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ฉันเริ่มหายใจถี่ขึ้นจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ อย่านะ อย่าทำแบบนี้หยุดเกมนี้เลย ฉันว่ามันเริ่มจะอันตรายเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย และริมฝีปากร้อนผ่าวของซีแซนด์ก็ประกบริมฝีปากของฉัน ฮ๊า รู้สึกดีชะมัดเลย จูบที่แสนอ่อนหวาน ทำไมเขาถึงได้จูบเก่งแบบนี้นะ ดูเชี่ยวชาญเกินวัยไปแล้ว และสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็
เกิดขึ้นเขาใช้ลิ้นแทรกเข้ามาในปากฉัน ทั้งร้อนทั้งหวานหอมจนฉันไร้เรี่ยวแรงจะดิ้นรนขัดขืน นานจนฉันเกือบขาดอากาศหายใจซีแซนด์จึงปล่อยริมฝีปากฉันให้เป็นอิสระแต่มือไม้ของเขากลับ..กลับ.. กลับจับผ้าห่มไว้แล้วดึงสุดแรงจนฉันกลิ้งตกจากเตียง
“ตุบ..โอ้ย” ไม่อยากจะเชื่อเลยให้ตายสิ ฉันถูกผู้ชายที่จูบฉันอย่างอ่อนหวานเมื่อตะกี้นี้ทำฉันตกเตียงแล้วก็ตามมาด้วยผ้าห่มกับหมอนแหม่ะอยู่บนหัวฉัน
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย” ฉันหันไปโวยวายผู้ชายที่นั่งหน้าทะเล้นอยู่บนเตียง เจ็บก้นกบมากด้วย กระดูกร้าวแล้วมั้งเนี่ย
“ก็ทำพิธีขับไล่คนแย่งเตียงนอนของฉันไงล่ะ” ทำผู้หญิงเจ็บแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะชอบใจอีก นอนพื้นก็ได้วะ
“ทำขนาดเจ็บนี้เมื่อกี้ไม่ถีบฉันลงจากเตียงซะเลยล่ะ” งอนค่ะงอน ฉันปูผ้าห่มและพับชายผ้าอีกด้านขึ้นมาคลุมตัวไว้ขดตัวเป็นหนอนชาเชียวอยู่ใต้ผ้าห่ม
“เธอจะนอนทั้งอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เป็นห่วงฉันแล้วล่ะซี้
“…” ฉันไม่ตอบหรอก ต้องเล่นตัวซะหน่อย
“เงียบไมอ่ะ ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่หลับ” แน๊เป็นหมอดูรึไงเนี่ยถึงหยั่งรู้นัก
“มีไร” ยังไม่ยอมเปิดผ้า ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“เธอจะนอนทั้งที่ยังไม่อาบน้ำอย่างนี้เลยเหรอยัยเน่า” อับอายแทบมุดใต้เตียงไปซ่อนความหน้าแตก นึกว่าจะง้อให้ฉันไปนอนบนเตียง ปากเสียจริงเชียวหมอนี่
“ฉันไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนนี่” แล้วผ้าห่มก็ถูกกระชากออกไปด้วยแรงมหาศาล
“เอ้า นี่ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อเชิ้ตของพ่อฉัน ตัวใหญ่พอจะห่อเธอได้มิดอยู่หรอก” พูดอย่างเดียวก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้สายตาอ่านกินฉันตั้งแต่ศรีษะจรดปลายทีนแบบนี้เลย
“ขอบใจย่ะ” ฉันดึงผ้าเช็ดตัวกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตามาถือไว้ในมือเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำไป
“นี่ เดี๋ยวพื้นบ้านฉันยุบฉันจะคิดตังค์เธอเพิ่มด้วย เอ้อ แปรงสีฟันอยู่ในนั้นน่ะอันสีชมพูใช้ได้เลยนะ ฉันพึ่งซื้อมา” ช่างมีพระคุณจริงจริ๊ง อุตส่าห์เตรียมแปรงสีฟันมาเผื่อฉันด้วยแน่ะ
อาบน้ำเสร็จฉันก็ซักชุดชั้นในกับเสื้อผ้าไว้ซะด้วยเลย ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเลยมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวยาวเลยเข่านิดหน่อย ฉันพันแขนเสื้อเป็นสามส่วนมองตัวเองในกระจก
“คนมันหน้าตาดีอ่ะนะ ทำยังไงก็ดูดีไปหมด” ฉันชมตัวเองในกระจกในแบบที่ชอบทำประจำเวลาอาบน้ำเสร็จ มันเป็นการเรียกความมั่นใจวัยสาวเลยทีเดียว
ออกจากห้องน้ำก็เดินไปตากผ้าที่ระเบียง ลมแรงแบบนี้ตื่นมาก็คงแห้งแล้วล่ะ ฉันไม่หันไปมองอีตาผู้ชายไร้ความเป็นสุภาพบุรุษบนเตียง แม้เค้าจะพันช่วงล่างด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แม้เค้าจะโชว์กล้ามหน้าท้องและช่วงไหล่กว้างน่าสัมผัส ฉันไม่ได้มองจริงๆ นะไม่ได้โกหก แค่ชำเลืองไปเห็นจิ๊ดเดียวเอง
“ไม่ไปอาบน้ำล่ะ มานั่งเป็นชีเปลือยอยู่ได้” ฉันว่าให้แล้วเดินไปที่เตียงหรูของตัวเอง ก็พื้นห้องไง
ความคิดเห็น