คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แฟนกำมะลอ
ตายล่ะหว่า ฉันทำซุป’ตาบาดเจ็บ ซวยแล้วแทนที่จะได้เป็นแฟนสงสัยฉันจะได้ไปนอนเล่นในคุกแทนแล้วล่ะม๊าง
“นี่ยัยฆ่าตกร ลงมาเดี๋ยวนี้นะ” ยังไม่ตาย น้องนักร้องหัวทองสุดเท่ยังไม่ถึงแก่ความตาย เค้าเคาะกระจกรถฉันเสียงดังโวยวาย ฉันเลื่อนกระจกลงเล็กน้อยให้ได้ยินเสียง
“ลงมาเดี๋ยวนี้เลยป้า คิดจะฆ่าฉันรึไง” ห๊า คราย ใครกล้าเรียกฉันว่าป้า เราอายุห่างกันแค่สองปีเท่านั้นเองนะไอ้บ้า เด็กโรงเรียนชายล้วนนิสัยแบบนี้ทุกคนรึไงเนี่ย กระโชกโฮกฮาก ใช้คำพูดรุนแรงได้อีก
“นายเรียกใครป้า ฉันแก่กว่านายแค่สองปีเท่านั้นนะ” ฉันโมโหจนลืมวัตถุประสงค์ของการขับรถปาดหน้าเพื่อทำความรู้จักไปโดยสิ้นเชิง เรากำลังเผชิญหน้ากัน ฉันเป็นคนผิดเองแหล่ะที่ตั้งใจขับรถปาดหน้า แต่ดูนายก็ไม่ได้เป็นไรนี่นา
“ก็เรียกป้านั่นแหล่ะ ขับรถภาษาอะไรปาดหน้าคนอื่น นี่ถ้าฉันไม่เคยเรียนสตั๊นแมนมาคงตายไปแล้ว” ซีแซนด์ชี้หน้าฉัน หยาบคายมาก
“เฮอะ ก็ฉันจะเลี้ยวนี่นา ไม่คิดว่าจะขับเร็วขนาดนั้น” มั่วซั่ว ทางเลี้ยวมันเลี้ยวขวาแต่ฉันปาดเข้าซ้าย เอาไงกับฉันดีเนี่ย เหอะเหอะ
“ฮึ ฮึ กล้าพูดเนอะจะเลี้ยวไปคุยกับต้นปาล์มริมฟุตบาทนี่รึไงป้า แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ป้าจ่ายค่ามอเตอร์ไซด์ที่พังมาเดี๋ยวนี้เลย” นายซี้แหงแก๋ (ซีแซนด์ สรรพนามบุคคลที่สนทนากับแอมแปร์จะเปลี่ยนไปตาม status สถานะทางอารมณ์) นายนั่นแบมือขอเงินฉัน นะ นายขี้งก
“อ๋อ อยากเรียกร้องค่าเสียหายสินะ ฉันไม่ให้หรอก นายเป็นนักร้องดังเงินเยอะแยะ เรื่องอะไรมาแบมือขอเงินชาวบ้าน” ฉันเชิดใส่ลืมไปเลยว่าเคยคิดจะขอให้เขาเป็นแฟน แหม จะให้ยอมง่ายๆ ก็เสียฟอร์มแย่
“ยัยป้าขี้งก เห็นมั้ยว่าเจ้าไอเทมมันนอนแอ้งแม้งหงายท้องอยู่ตรงนั้นเสียสภาพลูกชายสุดที่รักหมดแล้ว จ่ายมาซะดีๆ” โอ้ยฉันก็ไม่อยากยุ่งกับอีตาหน้าหล่อปากเสียนี่แล้ว ถ้าแกเรียกฉันป้าอีกคำเดียวฉันจะตบให้ปากเบี้ยวเลย ฉันหยิบเช็คเงินสดขึ้นมาวงเงินที่แม่ให้ไว้ใบละไม่เกินสองหมื่น เซ็นชื่อแล้วก็ยื่นให้อีตาจิ้งเหลนไฟไป คนอะไรใส่เสื้อหนังมันแผล็บยังกะหนังจิ้งเหลน (จำได้ว่าตอนดูนิตยสารยังบอกว่าหล่อน่ากินอยู่เลย)
“สองหมื่น ไม่น้อยไปเหรอเนี่ย รถคันนี้เกือบล้านนะจะบอกให้” ว่าไงนะ รถเลี่ยมทองหรือไงฟะกะอีแค่มอเตอร์ไซด์แพงลิบ เออลืมไป ของโวลต์ก็ราคาไม่ต่างกันนี้หรอก โฮ๊ะ พวกผู้ชายนี่ขับอะไรแพงโดยใช่เหตุ กันลมกันฝนก็ไม่ได้แพงเวอร์ซะขนาดนี้ ขับแล้วมันเหาะได้รึไงนะ
“งั้นก็เอานี่ไป” ฉันเซ็นต์ให้อีกสองหมื่น ถ้าแม่รู้ว่าลูกสาวเอาเงินมาจ่ายค่าซ่อมแพงขนาดนี้ต้องไม่มีอารมณ์ดินเนอร์กับพ่อแน่
“ฉันไม่เอา” ซีแซนด์ฉีกเช็คสองใบต่อหน้าต่อตา นะนั่นเงินนะ ขึ้นเงินได้ตามกฎหมาย มันจะมากไปแล้วนะ
“แล้วนายจะเอายังไงไม่ทราบ ฉันไม่ว่างมานั่งเล่นเกมยี่สิบคำถามสามตัวช่วยตรงนี้หรอกนะ ฉันรีบ” ฉันเชิดหน้าใส่นายนักร้องหัวทอง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเรียกประกัน แล้วเธอก็ทำหน้าที่ขับรถให้ฉันนั่งจนกว่ารถฉันจะซ่อมเสร็จ” โดยไม่รอคำตอบอีตาขี้เก๊กเปิดประตูรถคันงามของฉันขึ้นไปนั่งหน้าตาเฉย
“นี่ ฉันมีธุระนะแล้วก็จะไม่ไปส่งนายที่ไหนทั้งสิ้น” ฉันไปนั่งประจำที่คนขับแล้วหันไปจ้องหน้าผู้บุกรุกคุกคามรถปอร์เช่ของฉัน
“แจ้งประกันเรียบร้อยแล้ว ออกรถสิ ฉันรีบ” ไอ้ที่พูดนี่ไม่ได้เข้าหูเลยใช่มั้ยเนี่ย
“ลงจากรถฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่มีเวลามาเป็นสารถีให้นายหรอก” ฉันไม่ยอมสตาร์ทรถทำให้คนนั่งข้างๆ หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“จะไปดีๆ หรือจะให้ฉันปล้ำเธออยู่ในรถนี่ถึงจะไปตึกสตูดิโอ H ได้น่ะ ฮืม” กรี๊ด อีตาบ้านี่ทำฉันหน้าแดงแจ๊ดแจ๋ไปหมดแล้ว ก็เล่นมาพูดจาลามกจิ้งจกตกกระไดพลอยโจนแบบนี้กับสาวเวอร์จิ้น เดี๋ยวก็ยอมซะหรอก อุ๊บส์ ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ แหม ฉันน่ะกุลสตรีไทยใจงามนะจะบอกให้ นายซีแซนด์ นายอยู่แค่มอสามนะ มาคิดเรื่องแบบนี้ได้ไงอ่ะ
“ค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้แหล่ะค่ะ” ฉันรีบสตาร์ทรถลุกลี้ลุกลนจนอีตานักร้องนำวง Zsood ลอบมองแล้วอมยิ้มตลอดทาง
“เข้าทางด้านหลังนะ มีที่จอดรถนักร้องนักแสดงในสังกัดนี้อยู่” ทำไมต้องไปจอดด้วยอ่ะ
“จอดข้างหน้าก็ได้นี่ นายก็เดินขึ้นไปเอง หรือต้องให้ฉันจอดรถแล้วอุ้มนายขึ้นไปกันเนี่ย” ฉันไม่ยอมเลี้ยวไปด้านหลังแต่จอดสนิทชิดเชื้อตรงทางเข้าอาคาร
“เธอปัญญาอ่อนรึไงกัน ฉันบอกแล้วว่าให้ขับรถให้ฉันนั่งจนกว่ารถจะซ่อมเสร็จ ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด เอ้า ทำหน้าตาเป็นปลากะโห้งงไปได้ รีบไปที่จอดรถด้านหลังสิ” ฉันอยากจะเขียนจดหมายลาไปแกล้งตายสองวัน แล้วก็ขึ้นสวรรค์ไปบอกกับพระอินทร์ว่าฉันถูกผู้ชายรังแกขอให้ท่านสั่งเมฆขลาสิมาล่อแก้วรามสูรเห็นแล้วขว้างขวานออกไปเอาฟ้ามาผ่าอีตาหัวทองให้ตายไปเลย
“ทำไมฉันต้องทำอย่างงั้นด้วยเล่า” ฉันจ้องหน้าคนนั่งข้างๆ อย่างเอาเรื่อง ทั้งที่ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องก็เหอะ
“ก็ถ้าเธอไม่ทำ อ้อ ปักสามเหลี่ยมสองอันนักเรียนชั้นมอห้าโรงเรียนสหวิทยาประสานวิทย์วิโรจน์ ชื่อณัฐชญาดา บริบูรณ์ทรัพย์สินอนันต์ อืม ตามตัวไม่ยากเลยเนอะ” โหยทำเป็นยิ้มสยามน้ำใจไทยให้ฉันอย่างสมานฉันท์เป็นมิตร อยากบีบคอหมอนี่จัง
“โฮ๊ะ ไม่มีตัวเลือกให้ฉันเอาซะเลย” ว่าแล้วก็ขับรถไปจอดด้านหลังอาคารสตูดิโอ H อย่างว่านอนสอนง่าย แล้วก็ถูกสายตาเจ้าเล่ห์จิกทึ้งให้ติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย
“ฉันรอที่รถก็ได้นี่นา ทำไมต้องตามนายเข้าไปด้วยมิทราบ” ลงรถได้ก็กอดอกจิกตาใส่หนุ่มหล่อตรงหน้า
“เธอไม่น่าไว้ใจ อย่าพูดมาก ตามมาน่า” ยังไงฉันก็เป็นพี่นาย จะมีครับบ้างไรบ้างก็ไม่ได้
“เฮอะ ขอให้รถนายซ่อมเสร็จภายในคืนนี้เหอะ” ฉันเดินกระฟัดกระเฟียดพองามตามเขาไป ก็ระดับดาวโรงเรียนกระโปรงสั้นเสื้อออกจะรัดไปนิด แบบว่าฟิตไปหน่อย พวกนายแบบในอาคารนี้เลยมองฉันจนเหลียวหลัง และนั่น ฉันเห็นพี่โยมองตามฉันกับซีแซนด์มา ไม่ได้การแล้วเดี๋ยวจะหาว่าฉันโกหกเรื่องมีแฟนใหม่ เอาไงดี เอาไงดีล่ะทีนี้ ปิ๊ง คิดออกแล้ว
“เฮ้ย อะไรเนี่ยปล่อยแขนฉันนะยัยผู้หญิงโรคจิต จะลวนลามฉันเหรอ” ซีแซนด์สะบัดแขนจากการเกาะกุมของฉันทันที่ที่ฉันเอามือไปคล้องแขนเขา ยืมควงอวดแฟนเก่าหน่อยก็ไม่ได้ เนื้อตัวทำด้วยทองคำรึไงหวงนัก
“แหมไม่ต้องเขินหรอกน่าคนเยอะแยะ” ยิ้มหวานหยาดเยิ้มยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนหน้าปีหน้าชาติหน้าให้ขนาดนี้ นายก็เล่นตามบทหน่อยเป็นไรไปเล่า พี่โยมองมาอีกแล้วนะ
“ไม่เอาน่าป้า เอามือสากๆ ออกไปจากแขนเดี๋ยวนี้เลย” ไม่พูดเปล่าซีแซนด์ยังแกะมือฉันออกยังกับแขนฉันเป็นเชื้อโรคเอสไฟร์ทจูเนี่ย (เชื้อโรคที่แตะโดนตัวแล้วจะมีผื่นแดงขึ้นเวอร์ชั่นแอมแปร์ไม่มีอยู่จริงตามหลักวิทยาศาสตร์)
“เอิ่ม คือเค้าเป็นคนขี้อายน่ะค่ะ กลัวคนรู้ว่ามีแฟนอายุมากกว่า” ทันทีที่ซีแซนด์แกะมือฉันหลุดก็เดินริ่วมุ่งหน้าเข้าห้องซ้อมดนตรี ปล่อยฉันให้เผชิญหน้ากับพี่โยตามลำหลายพัง ก็คือพี่เค้าเดินมาหาฉันพร้อมนายแบบอีกสองคน
“นี่เหรอ แฟนใหม่ของแอมป์ที่บอกพี่น่ะ” สายตาเศร้าๆ ของพี่โยทำฉันใจแกว่งเลยแฮะ แต่อย่าไปหลงกลพวกนักแสดงเชียวนะ อย่าลืมสิเค้าทิ้งเธอไปคบกับดาราที่แสดงละครด้วยกัน เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือฮิปโปโปเตมัสผูกโบว์สีแดงลายดอก
“ก็ใช่สิคะ เนี่ยชอบบอกว่าไม่มีแฟน แอมป์เลยต้องแสดงความเป็นเจ้าของซะหน่อย เดี๋ยวได้ใจอ่ะค่ะ” ฉันยิ้มเสแสร้งให้เต็มที่
“ที่น้องแอมป์ไม่ยอมฟังเหตุผลพี่ก็เพราะมันนี่เหรอ” พี่โยเข้ามาจับแขนฉันไว้แต่ฉันสะบัดแขนออกแต่พี่โยไม่ยอมปล่อย ไม่เคยเจอพี่โยขึ้นเสียงกับฉันเลยนะเนี่ย ช็อคค่ะช็อค ปกติพี่โยแสนดีอ่อนหวานแล้วก็ช่างเอาอกเอาใจ เพราะเราไม่มีเวลาเจอกันมากนักพี่โยติดงานถ่ายแบบถ่ายละคร แต่ก็โทรคุยกันทุกคืน ตลอดเวลาที่คบกับพี่โยมาสามเดือนก็หมดโปรโมชั่นทันทีอย่างที่เห็นนี่แหล่ะ
“อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวแอมป์นะคะพี่โย เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว” ฉันสะบัดแขนอีกครั้งแต่คราวนี้พี่โยดึงฉันเข้าไปกอด ฮ้า กอดเลยนะ ต่อหน้าประชาชนชาวดาวประดับวงการ จะดีใจดีมั้ยเนี่ย แต่ไม่ได้สิ จะดีใจได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ฉันดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแข็งแรงของพี่โย พี่โยจับไหล่ฉันดันตัวออกให้เห็นหน้ากัน จ้องเข้ามาในดวงตาฉันด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์อีกครั้ง
“ทำไมต้องเป็นมัน ทำไมไม่กลับมาคบกับพี่ เรายังรักกันไม่ใช่เหรอ” อย่ามองตาอย่างนั้น อย่าทำให้ฉันนึกถึงจูบแรกกับพี่เชียวนะ อย่ารื้อฟื้นความทรงจำของเราแม้มันจะรู้สึกดีก็เหอะ
“เฮ้ย ผู้หญิงเค้าไม่ได้เต็มใจก็ปล่อยเค้าเด้” ชัดเจนเปลี่ยน เสียงไอ้เด็กไร้สัมมาคารวะ ไม่ใช่เฉพาะกับฉันที่อายุห่างกว่าสองปี พี่โยอายุห่างกว่าตั้งสามปีอีตานี่ยังไม่ให้ความเคารพเลย ดูเอาจากสรรพนามที่เรียกเหอะ
“น้องแอมป์เป็นแฟนฉัน นายไม่เกี่ยวอย่ามายุ่ง” พี่โยยอมปล่อยมือจากไหล่ฉัน เกือบไปแล้ว เกือบใจอ่อนคืนดีกับพี่โยถ้านายหัวทองไม่เข้ามาขัดจังหวะพอดี แต่ไม่ได้หรอก ฉันกำลังกุเรื่องว่าอีตาซีแซนด์เด็กเหลือขอนี่เป็นแฟนฉันอยู่ จะมาใจอ่อนให้พี่โยได้ไง
“ใครบอกนายว่าฉันอยากยุ่ง แต่ยัยนี่เป็นของฉันต่างหาก” คนนะไม่ใช่กระติ๊กน้ำแข็ง จะได้เปลี่ยนกันหิ้วเป็นคนของใครก็ได้น่ะ แล้วฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่กั๊น แต่ก็เอาวะ ถือซะว่าช่วยได้มากก็ไหลตามน้ำเลยละกัน
“ได้ยินแล้วนะคะพี่โย ต่อจากนี้ไปเราอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย ลาก่อนค่ะ” ฉันหันหลังเดินจากไปเหมือนในมิวสิคเพลงอกหัก รู้สึกเสียดาย สงสารสายตาเศร้าๆ ของพี่โย แต่ก็อยากไปกับอีตานักร้องหัวทองที่กำลังสร้างสีสันให้ชีวิตฉันอยู่
“ขอบใจนะที่ช่วย” ฉันพูดขึ้นเมื่อถึงห้องอัดแล้วเขาพาไปนั่งรอที่โซฟา
“ช่วยอะไร ฉันกลัวว่าเธอจะทำซึ้งกับแฟนเธอแล้วไม่ยอมขับรถรับส่งให้ฉันต่างหาก บ๊อง” เอ๊า ว่าฉันแต่ตัวเองกลับหน้าแดง เขินที่ฉันขอบคุณไปเหรอ น่ารักจังเลยแฮะ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้มาอยู่ใกล้ๆ หนุ่มหล่อที่หญิงสาววัยรุ่นทั่วประเทศใฝ่ฝัน อาจเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้นะเนี่ย
“รอฉันซ้อมเสร็จก่อนนะ ห้ามหนีล่ะ” นายบ้านี่เอานิ้วมาจิ้มหน้าผากฉัน นี่ฉันเป็นเพื่อนเล่นเหรอยะ
“รู้แล้วน่า” ฉันทำหน้างอปากจู๋ทำปากหมุบหมิบล้อเลียนว่า ห้ามหนีล่ะ ในห้องอัดพึ่งรู้นะเนี่ยว่าบรรยากาศเป็นแบบนี้ ห้องที่บุด้วยโฟมตะปุ่มตะป่ำ มีตู้กระจกที่ซีแซนด์เข้าไปยืนร้องเพลงหน้าไมค์ที่ยื่นอยู่ตรงหน้า สัญญาณไฟขึ้นสถานะ ON AIR ด้านนอกก็มีคนคอนโทรลสัญญาณเสียง แล้วดนตรีก็ดังขึ้นพอได้ยินในห้องนี้ แล้วดูนั่นสิ นายหัวทองกำลังร้องเพลงหน้าตามีความสุขมากเลยอ่ะ กรี๊ด ใครมานั่งกับฉันตอนนี้ต้องกรี๊ดกร๊าดจนเสียงแหบแน่ ฉันก็อยากกรี๊ดนะแต่กลัวเสียฟอร์ม เลยได้แต่นั่งอมยิ้มส่งสายตาวิ้งวับไปให้คนในตู้กระจก เค้าจะเห็นมั้ยนะ ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าฉันน่ะช๊อบชอบผู้ชายแบบนี้อ่ะ หล่อ เท่ เป็นนักร้อง เป็นคนดัง อ๊ายส์ เป็นซุป’ตา
ฉันลืมไปได้ไงนะว่านี่มันบรรลุวัตถุประสงค์แล้วนี่นา มัวแต่โมโหในความกวนบาทาของอีตาหัวทอง ตอนนี้ฉันกับซีแซนด์ก็ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน แค่คิดก็อะจึ๋ย อะจึ๋ยแล้ว เอาหล่ะ ฉันจะเลิกกวนประสาทนายแล้วก็ทำให้นายหลงรักฉันจนขอฉันเป็นแฟนในสามวันเลยคอยดู แล้วฉันก็จะพานายไปเปิดตัวในงานคืนสู่เหย้าชาว สปว.(สหวิทยาประสานวิทย์วิโรจน์)
“เน้ ยัยปากกว้าง จะอ้าปากให้แมงวันวางไข่อีกนานมั้ย เสร็จงานแล้วอ่ะ รีบพาฉันไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้เลย หิวไส้จะขาดอยู่แระ” ฉันขอถอนคำพูดที่จะญาติดีกับไอ้หมอนี่เดี๋ยวนี้เลย กวนประสาทตลอดตลอด
“ปากเสีย ปากฉันออกจะสวยเซ็กซี่น่าจุ๊บน่ากินขนาดนี้มาหาว่าฉันปากกว้าง ชิ” ฉันลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าหน้าคนปากเสีย
“อืมจริง ฉันว่าเธอพูดถูกนะ” ตายแล้วปากพาซวยไม่น่าท้าทายเชิดหน้าชูคอต่อหน้าตานี่เลยอ่ะ
“อ๊ะ อุ๊บส์..” ซีแซนด์จับหน้าฉันเบาๆ แล้วก้มลงมาประกบริมฝีปากสีแดงฉ่ำของเขากับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อของฉัน กรี๊ดดดดดด ฉันกำลังจูบอยู่กับซุปเปอร์สตาร์อยู่เหรอเนี่ย รู้สึกดีชะมัดเลยอ่ะ ก็แหม ฉันก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่เคยถูกจูบมาก่อนหลอกนะ อย่างน้อยก็เคยจุ๊บกับพี่โยมาแหล่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้อ่ะ แบบว่ามันไม่ทันได้ตั้งตัว ลมหายใจกลิ่นมิ้นท์ของซีแซนด์ทำให้รสชาติการสัมผัสภายในริมฝีปากเย็นนิดๆ แต่อุณหภูมิในร่างกายร้อนฉ่าราวกับมีกระแสไฟวิ่งซ่านทั่วร่าง หัวใจเต้นแรง หายใจไม่ทั่วท้อง แล้วทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก
“ไปเหอะ ก่อนที่ฉันจะกินเธอแทนข้าว” คนขโมยจูบฉันพูดแล้วก็เดินริ่วนำหน้าไปปล่อยให้ฉันอายจนแทบแทรกไปอยู่ในถังดับเพลิงข้างประตู ก็ทีมงานตั้งหลายคนจ้องหน้าฉันเป็นตาเดียวอ่ะ
“ขอตัวนะคะ” ฉันก้มหัวให้พวกอยากรู้อยากเห็นทั้งหลายแล้วก็เดินตามซีแซนด์ไปโดยเร็ว กลัวถูกตั้งคำถามว่าไปรักกันมาตอนไหน
“นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย” ฉันแหวทันทีที่เดินทันผู้ชายอายุน้อยกว่าสองปีที่ขโมยจูบฉันต่อหน้าสาธารณชน
“ทำอะไรเหรอ” แน่ะ ทำเป็นตีหน้ามึนอีก น่าหมั่นไส้ซะจริง
“ก็ที่นายจูบฉันไง” ฉันตะโกนออกไปอย่างไม่คิดทำเอาซีแซนด์ชะงักกึกหันมามองหน้าฉัน เอ่อ อาจเป็นเพราะเสียงสิบแปดหลอดกับอีกสองร้อยเดซิเบลของฉันทำให้ผู้คนทั้งดารานักร้องและนักแสดงในสตูดิโอ H ต่างพากันมองมาที่เราเป็นตาเดียว นี่แหล่ะหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ถูกผู้ชายบอกเลิกมาแล้วอ่ะ “เธอชอบทำให้ฉันอายเพื่อน เราเลิกกันเหอะ” แฟนคนที่เท่าไหร่ฉันก็ไม่อยากจำ เอาเป็นว่าคนสวยไม่เคยว่างเว้นจากการมีแฟน ยกเว้นครั้งนี้ที่ฉันโสดมาครบสามอาทิตย์แล้ว ก็เลยถูกยัยผีจูออนนั้นเห่าหอนเมื่อเช้าอ่ะ
“ยัยบ้า เธอกินลำโพงเป็นอาหารหลักแล้วกินไมโคโฟนเป็นอาหารว่างรึไงกันเนี่ย ไม่ไปออกรายการโทรทัศน์บอกคนทั่วประเทศไปเลยเล่า”คนช่างประชดประชัน ถ้าฉันออกทีวีได้ก็ได้เป็นดารายอดนิยมฝ่ายหญิงไปแล้วย่ะ
“เออ ขอโทษที่เสียงดัง นายก็ขอโทษฉันมาด้วยที่ล่วงเกินฉัน”
“เรื่องอะไร เธอต้องขอบใจฉันถึงจะถูกที่ลดตัวลงไปยุ่งกับป้าแก่ๆ อย่างเธอน่ะ”
“หนอย ผู้ชายปากเสีย ฉันล่ะเกลียดขี้หน้านายจริงๆ เลยอยากไปไหนก็ไปเลยนะ ฉันไม่ไปส่งนายแน่” ฉันเดินหนีซีแซนด์ไปขึ้นลิฟท์ แต่อีตาหน้าด้านนั่นก็เดินมาขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกับฉันแต่เรายืนห่างกันคนละมุม
“ติ๊ง..” ลิฟท์เคลื่อนตัวมาหยุดอีกชั้นมีบุคคลที่สามเข้ามาในลิฟท์ซึ่งเป็นบุคคลที่ทำให้ฉันกระโดดโหยงไปเกาะแขนซีแซนด์จนเจ้าตัวตกกะใจ
“เอ้ย อะไรเนี่ย” ฉันมองตาเค้าขอความเห็นใจไม่อยากให้บุคคลที่สามจับได้ว่าฉันขี้จุ๊เบ่เบ๊
“หายโกรธฉันแล้วนี่นา เราก็เกาะแขนกันเดินได้แล้วนี่คะที่รัก” ฉันเอาหน้าซบลงที่ไหล่ของซีแซนด์ออดอ้อนเหมือนลูกแมวน้อยน่ารัก
“พี่ว่าดูท่าทางแฟนของน้องแอมป์จะไม่ค่อยสนใจน้องแอมป์เท่าไหร่เลยนะคะ” พี่โยขาของน้องแอมป์พูดไพเราะเพราะพริ้งเสมอ แต่พี่คะอีตานี่ไม่ใช่แฟนหนูเพราะงั้นพี่ไม่ต้องห่วงมากหรอกค่ะว่าอีตานี่จะสนใจหนูมั้ยเพราะว่าหนูกำลังจะโดนอีตานี่จัดการแล้ว
“ใครแฟนใคร เธอกับฉัน หรือเธอกับมัน” คำถามที่ใครต่อใครหาความหมายที่แท้จริงของคำว่าแฟนฉัน เหอเหอ จะบอกกับเธอยังไงดีนะว่าเธอกับฉันของนายซีแซนด์เป็นแค่คู่กรณีกันที่รถฉันปาดหน้ามอเตอร์ไซด์เค้า ส่วนเธอกับมันอีกคำตอบนึงก็คือแฟนเก่าเท่านั้นเอง อยากตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวเหลือเกินทำยังไงดีเนี่ย “ติ๊ง” อ๊ะ ลิฟท์ช่วยชีวิต
“อุ้ย ถึงชั้นล่างพอดีเลย เรากลับกันเหอะ หิวข้าวแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉันลากอีตาเด็กโตเกินวัยมาที่รถด้วยความยากลำบากเหลือแสน ก็ร่างกายกำยำแบบคนออกกำลังกายบ่อยของซีแซนด์ทำเอาต้องออกแรงจนเหงื่อตกเลยน่ะสิ
“เธอกำลังแต๊ะอั๋งฉันอยู่นะ ถ้าเป็นแฟนคลับฉันต้องลงทะเบียนแล้วก็จ่ายเงินหลักหมื่นถึงจะได้ถูกตัวฉันนะจะบอกให้” อุ้ย งั้นวันนี้ฉันก็กำไรหลายหมื่นแล้วสิเนี่ย น่ายินดีตายหล่ะ
“เฮ๊อะ คิดว่าฉันอยากจับนักรึไง ยี้ ไม่รู้ว่าผ่านมือผู้หญิงมากี่คนแระ น่าขยะแขยง” อิอิ คำถามกำกวมอีกแระ หมายถึงมีผู้หญิงถูกเนื้อต้องตัว บรรดาแฟนคลับของเค้าอ่ะ ไม่รู้ว่ากี่คนแระ ไม่ได้คิดลามกเลยจริงๆ นะ
“มากไปแล้วนะ ไม่อยากทะเลาะกับเธอแล้วเปิดรถสิจะได้ไปหาข้าวกินกัน” สั่งอยู่ได้ ฉันเป็นคนรับใช้นายรึไงเนี่ย
“จะไปกินที่ไหนล่ะ อย่าช้านะ เดี๋ยวกลับบ้านค่ำพ่อแม่เป็นห่วง” อันที่จริงไม่มีใครห่วงฉันหรอก ถ้าฉันกลับเร็วน่ะไปขัดความสุขพ่อกับแม่เสียเปล่าๆ
“ไปกินผัดไทยประตูผีก็ได้ ตรงเยาวราชอ่ะ” เฮ้ย รถติดตายชัก จะให้ไปจอดบนเสาชิงช้าแล้วเดินไปเลยมั้ยล่ะ คิดอะไรเนี่ย
“มันไม่มีที่จอดรถ เปลี่ยนที่ได้มั้ยเล่า”
“ก็เพราะเธอมีแต่รถคันใหญ่น่ะสิ ถ้าเป็นเจ้าไอเทมล่ะก็นะรถติดก็ไม่กลัว ที่จอดรถก็หาง่าย” (เจ้าไอเทม=รถมอเตอร์ไซด์สี่สูบที่ฉันชนพัง เอวังก็เป็นประการละฉะนี้)
“เออ ฉันผิดเองที่ชนรถนายพัง พอใจยังอ่ะ ที่นี้ก็เปลี่ยนสถานที่กินได้แระ” ชักจะมีน้ำโหรีบเปิดประตูขึ้นรถดีกว่า อีตากวนประสาทก็ขึ้นมานั่งด้วย
“เธออยากไปกินไหนก็ไปละกัน ฉันกินได้หมดแหล่ะ” กินได้หมดใช่มั้ย นายเจอจัดหนักจัดเต็มแน่นอน นายซี้แหงแก๋ (ซีแซนด์)
“ได้เล้ย เดี๋ยวเจ้จัดให้” ว่าแล้วดาวโรงเรียนอย่างณัฐชญาดาก็ออกรถลัดเลาะไปรื่นเริงทัศนาจรแถวพระประแดงฝั่งธนแล้วก็เลี้ยวเข้าป้อมพระจุลจอมเกล้าจอดที่ร้านอาหารท้ายเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง
“เธอจะมากินไกลใจกลางเมืองเอาโล่เดินทางกินอาหารไกลดีเด่นหรือไงเนี่ย ฉันบอกว่าหิวไส้จะขาดอยู่แล้วไม่รู้หัวทำด้วยขี้เลื่อยรึเปล่าเนี่ย” บ่น เอาบ่นเข้าไป แต่แทนที่จะเดินเข้าไปสั่งอาหารกินกลับเดินตรงดิ่งไปตามสะพานที่ยื่นไปในทะเลเล่นเอาฉันล็อครถวิ่งตามแทบไม่ทัน ไอ้รองเท้านักเรียนฟรีเอสโซ่จูเนี่ยนี่ก็กัดเท้าอยู่ได้น่าถอดขว้างไปให้ปลาตีนทำรังซะจริงเชียว
“รอด้วยดิ อ๊ะ” อีตานี่คิดจะเบรกก็เบรกร่างบอบบางของสาวสวยสุดเซ็กซี่เลยปะทะกับแผ่นหลังของนักร้องนำวง Zsood เข้าให้
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเธอนี่ ซุ่มซ่ามชะมัด” ย๊าก ก็นายเล่นหยุดเอาดื้อๆ ใครมันจะไปเบรกทันฟะ ฉันวิ่งตามมานะจะให้เบรกกะทันหันได้ไง
“แล้วก็มาหาว่าฉันพามากินไกล ทำไมไม่รีบไปสั่งอาการกินเลยเล่า”
“ก็วิวมันสวนดี ดูนั่นดิเรือจากทะเลแต่เรามองจากแม่น้ำเจ้าพระยาก็เห็นนั่นน่ะ ตรงนั้นมันมุ่งหน้าไปชลบุรีกับระยองด้วยแหล่ะ มองเห็นป่าว” ถามหยาบคายฉันไม่ใช่ยายแก่นะจะได้มองไม่เห็นน่ะ
“เห็นสิ ก็สวยดีนะ” ไม่ได้สนใจฟังคำตอบฉันเล้ย ซีแซนด์มองไปบนท้องฟ้าแล้วเอื้อมมือไปทำท่าคว้าดาวแล้วอยู่ๆ ก็ส่งมือที่กำยื่นมาทางฉัน
“อะไรอ่ะ” ฉันไม่รับกลัวเขาแกล้งเอา
“รับไปดิ ฉันให้” มาไม้ไหนหว่า
“ไม่เอาอ่ะ จะแกล้งฉันอ่ะดิ” ฉันทำสีหน้าหวาดระแวงสุดฤทธิ์
“เร็วๆ ยื่นมือมา” ไอ้ที่ฉันพร้ำพูดว่าไม่เอานี่ไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ย เอาแต่ใจตัวเอง ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น
“ก็ได้ เอามาดิ” ฉันแบมือไปรับ ซีแซนด์วางมือตัวเองมาบนมือฉันแล้วมองหน้าด้วยสายตาแวววาว น่ารักอ่ะ ผู้ชายอะไรยิ้มแล้วดูดีชะมัดเลย
“ฉันเก็บดาวมาให้เธอ เธอจะได้มีความหวังที่จะมีความสุขไง มีคนเคยให้ดาวกับฉันนะ แล้วฉันก็กลายเป็นดาวเพราะมีความหวังและมีความสุขที่ทำมันได้สำเร็จ” โอ้โห คิดอะไรซึ้งๆ กับเค้าก็เป็นด้วย นึกว่ามีหัวไว้คั่นหูซะอีก
“ขอบใจนะ” ฉันอมยิ้มเขินๆ จากนั้นเราก็เดินกลับมาสั่งอาหารกินกัน
สวนอาหารท้ายเรือเน้นเรื่องอาหารทะเลสด ราคาไม่แพงขัดใจลูกคนรวยอย่างฉัน แต่คงถูกใจคนจ่ายตังค์อย่างอีตากระเพราะรั่ว (อาการกระเพราะรั่วคือกินจนหมดเกลี้ยงแล้วยังบอกว่าไม่อิ่ม) ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วงแสนอร่อย ฮ้า อิ่มจังตังค์ไม่ต้องจ่าย แต่ค่าน้ำมันรถฉันหมดไปเยอกว่าค่าอาหารซะอีก เฮือก ไม่ได้คิด
“เธอกลับบ้านค่ำขนาดนี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ” โอ้ย ถ้าคิดจะห่วงพ่อแม่ฉันคงห่วงตั้งแต่รู้ว่าลูกสาวกำลังจับผู้ชายอยู่แล้วค๊า ไม่ต้องรอให้มาห่วงตอนกลับบ้านค่ำอย่างนี้หรอก
“อืม คงห่วงแล้วแหล่ะ กลับกันเหอะ” แหม ถ้าบอกว่าไม่ห่วงเลยฉันก็ดูไม่มีคุณค่าน่ะสิ
“งั้นเธอขับกลับบ้านเหอะ เดี๋ยวถึงบ้านเธอแล้วฉันโบกแท็กซี่กลับบ้านเอง” เอากะเค้าเหอะ ถ้าโบกแท็กซี่กลับบ้านได้ก็ไม่น่ายื้อให้ฉันขับรถให้นั่ง เอ๋ หรือว่าจะอยากอยู่ใกล้ชิดกับฉัน อุเหม่เหม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องของเราก็ง่ายขึ้นแล้วแหล่ะ
“ยิ้มอะไร ออกรถดิ” ขัดอารมณ์คนกำลังจินตนาการว่าถ้าเราเดินควงกันเข้างานคืนสู่เหย้าเสาร์นี้จะเป็นยังไงนะ
“คิกคิก ก็คนมีความสุขอ่ะ อยู่ใกล้นายก็สนุกดีนะ” ฉันขับรถกลับบ้านโดยทิ้งซีแซนด์ไว้หน้าปากซอย เป็นห่วงเหมือนกันแฮะแต่เป็นผู้ชายคงไม่เป็นไรมั้ง กลับมาตั้งหลักคิดแผนต่อไปดีกว่า นับว่าแผนการทำความรู้จักของเราได้ผล
“ปังๆๆๆ” โอ้ววววอ๊าวว ซาวด์เอฟเฟ็คอะไรมาดังอยู่หน้าประตูห้องนอนสาวสวยสุดเซ็กเอ็กซ์แตกแต่เช้าเนี่ย อ้อ อีกเช้าแล้วเหรอที่แม่ต้องมาปลุกฉันตื่นนอน แต่วันนี้ฉันตั้งนาฬิกาปลุกนะ ตั้งปลุกไว้ก่อนเจ็ดโมงเช้าด้วย เนี่ยๆ ยืนยันได้ว่าไม่ได้ปิดนาฬิกาปลุกเองด้วย
“ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูอาบน้ำแล้วลงไปเดี๋ยวนี้แหล่ะค่ะ” ฉันบิดขี้เกียจสองนาทีแล้วก็หาวอีกสองที ก่อนจะคืบคลานลงเตียงไปอย่างไม่อยากตื่นซักเท่าไหร่ ก็เมื่อคืนมัวแต่ร่างแผนปฏิบัติการล่ารักนักร้องดังน่ะสิ ความสวยกินขาด ความฉลาดฉันก็ล้ำ นายซีแซนด์จะไปหาผู้หญิงเลิศเลอเพอเฟคกว่าฉันได้ที่ไหนไม่มีอีกแล้วย่ะ (เหรอ) ไหนๆ ก็ตื่นเช้าแล้วรีบอาบน้ำดีกว่า ห้านาทีผ่านไปฉันก็ออกจากห้องน้ำโดยการพันตัวด้วยผ้าขนหนู พร้อมผ้าเช็ดผมอีกหนึ่งผืนเดินไปเช็ดผมไปและตรงนั้น ที่เตียงนอนของฉัน
“กรี๊ดดดดดดดด….แม่คะมีผู้ชายอยู่ในห้องหนู” อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขกแบกเข่งใส่กล้วยหอมเขียวกรอบเกลียวเคี้ยวปั๊บปาลิเย่ ไอ้หัวขโมย ต้องเป็นขโมยแน่ๆ ฉันกระชับผ้าเช็ดตัวให้แน่นหนาขึ้นแล้วเดินไปคว้าเอาร่มกอล์ฟอันใหญ่มากระชับมือไว้ แต่พออีตาผู้ชายที่นอนบนเตียงผงกหัวขึ้นมาถึงได้รู้ว่า
“ซีแซนด์ นายเข้ามาได้ไงอ่ะ” ฉันมึนงงกับการบุกรุกของผู้ชาย ตายแล้วฉันโป๊ อันที่จริงก็มีผ้าขนหนูอ่ะนะ แต่ก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอ่ะ ถือว่าโป๊ (อ่ะจ๊ะ โป๊ก็โป๊)
“นายโวลต์ไปรับมาน่ะ ฉันโทรไปบอกมันว่าพี่สาวมันทำรถฉันพัง” ห๊า นะ นะ นายรู้จักกับน้องชายฉันด้วยเหรอเนี่ย แหมๆ ไอ้น้องชายบ้า แล้วก็ไม่เจือกบอกจะได้อ้อนวอนให้น่ารักขึ้นเผื่อมันจะช่วยเชียร์ฉันให้เพื่อนมัน
“เยอะเนอะ” อีตาหัวทองผมสไลด์ระต้นคอมองมาที่ฉันแล้วก็บอกว่าเยอะเนอะ อะไร คำพูดลอยๆ ตีความหมายได้หลายอย่างนะเฟ้ย
“อะไรเยอะ นายหมายถึงหนังสือที่ชั้นวางหนังสือนั่นเหรอ” ฉันลองทายดูเพราะเค้าถือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นของฉันอยู่ในมือ เค้าคงไม่คิดทะลึ่งหรอกน่า ยิ้มให้ฉันอย่างมีเลศนัยอีก
“ฉันหมายถึงหน้าอกกับสัดส่วนเธอน่ะ เยอะเนอะ น่ามองดี”
“กรี๊ดดดดดดด ออกไป๊ ออกไปจากห้องนอนฉันน๊าอีตาโรคจิต” ฉันวิ่งเอาร่มมาทุบไปที่อีตาซีแซนด์อย่างไม่ยั้งมือแต่อีตาปลาไหลสไลด์ตัวไปมาบนเตียงหลบพัลวัน แม่ก็ช่างไม่ใส่ใจลูกสาวซักจิ๊ดนึง ปล่อยผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาลวนลามลูกสาวอยู่ได้ เอ่อ ลวนลามทางสายตาอ่ะ
“พอได้แล้ว ฉันไม่ได้อยากดูเธอโป๊นะจะบอกให้” ซีแซนด์รวบมือฉันและรวบตัวฉันเข้าไปไว้ในอ้อมแขนด้วย ร่มตกจากมือไปแล้วและผ้าขนหนูก็กำลังจะหลุดออกไปจากตัวด้วย
ความคิดเห็น