ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : อดีตของดวงตะวัน

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 53


    ตอนที่ 2




    “นี่! เจ้า! ทำหน้าแบบนี้จะหาเรื่องกันรึไงหา! มองมาทางข้าสิ”เสียงแหลมเล็กของเด็กผู้ชายดังขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว มองคนที่ยืนสงบอยู่ข้าหน้าตนราวจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะผลักร่างเล็กๆให้กระเด็นไปปะทะกับกำแพงที่ด้านหลังอย่างแรง เด็กชายผู้ถูกกระทำนั่งผิงกำแพงมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีฟ้าครามยังดูล่องลอยไร้จุดหมาย แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ผู้กระทำโมโหมากขึ้นไปอีก หมัดหนักๆถูกปล่อยมากระทบใบหน้าขาวใสอย่างแรงจนร่างนั้นทรุดลงไปกองกับพื้น แต่ถึงกระนั้นร่างน้อยก็ไม่ส่งเสียงออกมาซักแอะ ปล่อยให้กลุ่มเด็กตรงหน้ารุมเตะต่อยกันอย่างเมามัน จนทั่วร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล




    “นั่นพวกเจ้ากำลังทำอะไรน่ะ หยุดนะ!!”เสียงตวาดดังขึ้น ก่อนเด็กชายผมสีน้ำตาลที่มีชื่อว่าลอเรนจะวิ่งเข้ามาขวางกลุ่มเด็กเกเรและเด็กชายที่มีบาดแผลเต็มตัว คิ้วเรียวขมวดมุ่น ใบหน้าทีมีวี่แววคมคายเกร็งเขม็งอย่างเคร่งเครียด กวาดตามองรอบด้านก่อนจะมาหยุดที่เด็กผมสีฟ้าที่เป็นหัวหน้า




    “เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่ไฟรัน! มารังแกเด็กคนนี้ทำไม!” ไฟรันยกไหล่ไม่สนใจ เขาตอบลอเรนอย่างไม่ยี่หระว่า




    “ก็แค่ใช้ให้ไปซื้อของนิดหน่อย เจ้านี้มันก็ไม่ยอมไป เลยสั่งสอนนิดหน่อยเท่านั้น” ลอเรนขยับยิ้มเครียด เขาดึงดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมากวัดแกว่งไล่ให้กลุ่มของไฟรันถอยออกไป พวกเขาถอยหนีอย่างลนลาน




    “เจ้ากำลังทำบ้าอะไรลอเรน ทำไมต้องไปปกป้องเจ้าเด็กนั่นด้วย!”ไฟรันร้องอย่างตกใจ ก่อนค่อยๆถอยห่างจากดาบที่ชี้มาที่กึ่งกลางหน้าผากของตนช้าๆ




    “อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็มีค่าควรที่จะปกป้อง เขาไม่ตอบโต้พวกเจ้า ถ้าหากเป็นข้าล่ะก็ ข้าฆ่าพวกเจ้าไปนานแล้ว”ลอเรนตอบอย่างใจเย็น แววตาสีฟ้าอ่อนเรียบสงบอย่างคนตัดสินใจแน่วแน่ ไฟรันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนสั่งให้ลูกสมุนของตนเองถอยอย่างไม่พอใจ หลังจากวิ่งออกห่างจากเขาไปใกล้พอสมควรเจ้านั่นก็หันกลับมาตะโกนอย่างโกรธแค้น




    “ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันพวกเจ้าได้ชดใช้ให้ข้าแน่!!”




    ลอเรนมองส่งพวกนั้นไปลับตาก่อนจะหันมาประคอง ร่างเล็กๆที่เต็มไปด้วยบาดแผลอย่างเบามือ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นหลังที่เลือดไหลชุ่มราวน้ำตก เข้าตวัดสายตาขึ้นไปมองกำแพงก่อนจะต้องหน้าซีดกว่าเดิมเมื่อเห็นเหล็กแหลมที่มีเศษเสื้อและเลือดติดอยู่




    “เฮ้! เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า...เฮ้” ตบเบาที่หน้านวลที่มีรองรอยบาดแผลเต็มไปหมดเพื่อเรียกสติ แต่ไม่เป็นผลร่างตรงหน้าแน่นิ่งไปแล้ว มือขาวทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง




    “เฮ้...ไม่นะ อะไรกัน...อดทนหน่อยนะข้าจะพาเจ้าไปหาท่านเอลราสเดี๋ยวนี้!!” เขารวบร่างเบาหวิวขึ้นแนบอกก่อนจะวิ่งกลับไปในทิศทางที่ตนเดินเข้ามาในตอนแรก กังวล...กลัว...กลัวเหลือเกินว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป ร่างเล็กๆผู้มีผมสีทองเป็นประกายที่สะกดสายตาเขาตั้งแต่แรกเห็น




    “อดทนไว้นะ...ข้าจะต้องช่วยเจ้าให้ได้!!”




    ...................



    ..............................................




    .......................................................................




    “ท่านเอลราสขอรับ ท่านเอลราสช่วยด้วย”เด็กชายวิ่งเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ เขาถีบประตูเข้ามาในบ้านอย่างรีบร้อน ร้องตะโกนเรียกเจ้าของบ้านดังลั่น ในอ้อมแขนมีเด็กชายผมทองที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เอลราสถลันเข้ามาหาอย่างตกใจ และเมื่อเห็นสภาพของเด็กน้อยที่สลบไสล เขาก็รีบรับเด็กชายเข้ามาอุ้มแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องพยาบาลที่อยู่ด้านข้าง ลอเรนเดินตามเข้าไปด้วยเผื่อว่าจะมีอะไรที่ตนพอจะช่วยได้ ชายหนุ่มประคองร่างเล็กให้นอนบนเตียงสีขาวหลังใหญ่ก่อนจัดแจงห้ามเลือดอย่างยากลำบาก ผ่านไปสักพักเอลราสก็หันมาส่งลอเรนเสียงเรียบ




    “ไปตามหมอที่ชื่อ เลอซัสมาหาข้าเร็วๆเข้า ข้าต้องให้เขาช่วย”




    “ขอรับ”เด็กชายรับคำหนักแน่นก่อนวิ่งออกไปทันที เอลราสถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเริ่มจัดการทำความสะอาดบาดแผลที่หลังอย่างบรรจง บนหลังที่เคยเรียบเนียนปรากฏรอยแผลลากเป็นทางยาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายมาถึงสะโพกด้านขวา เลือดไหลซึมออกมาตลอดเวลาจนเขาต้องร่ายคาถาพื้นพลังขั้นตนหลายครั้งเพื่อห้ามเลือด เหงื่อเม็ดโตไหลซึมออกมาตามไรผมสีทองสว่าง บ่งบอกถึงความหนักหน่วงของบาดแผลที่กำลังรักษา ภาวนาในใจให้เจ้าคนที่ตนตามหา เร่งมาเสียที




    “ช้าจริงโว้ย...” ขณะที่กำลังเอ่ยปากสบถพึมพำ ร่างของชายผู้มีเส้นผมสีดำคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนร่ายเวทย์ควบคุมอาการอย่างถนัดถนี่ เลือดที่ไหลรินหยุดไปสนิทก่อนบาดแผลที่มีจะเริ่มยุบตัวช้าๆก่อนจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นจางๆเป็นแนวยาวตลอดหลัง เอลราสระบายลมหายใจอีกครั้งอย่างโล่งอก ก่อนนะหันไปโวยวายเจ้าคนที่มาช่วยอย่างหงุดหงิด




    “ทำไมถึงมาช้านักหา! เจ้าหมองี่เง่า!!” หมอผู้มีเส้นผมสีดำสนิทหันมามองเพื่อนสนิทของตนเองที่กำลังอะละวาดอย่างโมโหนิด ก่อนยิ้มกวนๆ




    “ข้าก็มานี้แล้วไง เจ้าจะเอาอะไรอีก” เอลราสกำหมัดแน่นอย่างโมโห แค่นเสียงเฮอะอย่างไม่พอใจก่อนจะไปสะดุดตากับเด็กอีกคนที่มีเส้นผมและดวงตาสีดำราวรัตติกาลที่มืดสนิทไร้หมู่ดาวที่กำลังประคองเด็กชายผมทองขึ้นมาป้อยยา คิ้วเรียวๆขมวดอีกครั้งก่อนหันไปถามเจ้าเพื่อนบ้าที่กำลังมองเขายิ้มๆว่า




    “เด็กนี้ใครอ่ะ เลอซัส ไม่เห็นเคยเจอ” เลอซัสยิ้มนิดๆก่อนลากเด็กที่เพื่อนของตนสนใจมานั่งตักแล้วแนะนำเสียงใส




    “ลูกบุญธรรมของข้าเอง เมื่อสี่วันก่อนข้าเห็นเขาสลบอยู่แถวๆแม่น้ำแถมความจำเสื่อมอีก ข้าเลยตั้งชื่อเขาว่า ‘แลนซ์’น่ะ รู้จักกันไว้ก็แล้วกันนะเอลราส”



    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""



    เกลียด...ข้าเกลียดความมืด...เกลียดเหลือเกิน...




    เกลียด...ข้าเกลียดกลิ่นคาวเลือดที่ความมืดมิดนั้นเก็บซ่อนไว้....




    เกลียด...ข้าเกลียดความมืด เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไป...





    “เกรเซียส! หนีไป! หนีไปเร็วเข้า!” ร่างของหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาผลักลูกชายของตนให้พ้นดาบที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้ โอบอุ้มร่างเล็กๆไว้อย่างหวังปกป้อง




    “ท่านแม่!!”คนถูกปกป้องร้องเสียงหลงปานจะขาดใจ พยายามดีดดิ้นเพื่อเข้าไปขวางหน้า แต่แรงของเด็กหรือจะสู้แรงของผู้ใหญ่ได้ ดาบยาวเรียวปักลงที่กลางหลังหญิงสาวจนเลือดไหลอาบ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ดันร่างเด็กน้อยไปอยู่ข้างหลังแล้วกระซิบ




    “หนีไปเร็วเข้า..อึก!”เสียงนั้นขาดหายไปเมื่อ พลังมืดสีดำทมิฬกำลังแผ่ขยายอาณาเขตจากปากแผล ลามไล่มาถึงต้นคอขาว เลือดที่หลั่งไหลออกมาเริ่มเปลี่ยนจากสีแดงสดใสกลายเป็นสีแดงคล้ำๆ ก่อนกลายเป็นสีดำ เธอกระอักไอออกมาอย่างแรง หยาดเลือดสีดำสนิทสาดกระเซ็นมากระทบใบหน้าของเด็กชายที่กำลังร่ำไห้




    “ม่ายยยยย ท่านแม่! ท่านแม่ขอรับ! ฮึก”




    “หะ...หนี...หนีไป..เร็ว..เข้า......”ฝืนใจยกมือขึ้นดันร่างลูกชายออกไปอีกครั้ง เรียวแรงที่มีในตอนแรกมันหดหายออกไปจนหมดสิ้น เพียงขยับตัวเลือดก็ไหลทะลักออกจากปาก สุดท้ายร่างนั้นก็ทรุดลงแน่นิ่ง แววตาที่เคยส่องประกายบัดนี้ไร้วี่แววของการมีชีวิต




    “คิกๆๆๆ ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ มาหาข้ามะ เด็กน้อย คิกๆๆๆ”เสียงใสๆ ดังขึ้นเบื้องหน้า เด็กชายที่ทั้งเนื้อทั้งตัวอาบไปด้วยเลือดสีดำของแม่ เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างตรงหน้าเด็กหญิงตัวเท่าๆกันกำลังส่งเสียงหัวเราะอยู่บนไหล่ของชายวัยกลางคน ผู้มีบาดแผลจากพลังมืดปรากฏอยู่ทั่วร่างกาย ดวงเนตรสีฟ้ากระจางไร้ประกายแห่งชีวิต ร่างนั้นโงนเงนไปมาไม่มั่นคง




    “ท่าน...พ่อ...”เด็กชายร้องเรียกผู้เป็นบิดาทั้งน้ำตา หลับตารอวาระสุดท้ายอย่างเต็มใจ ในเมื่อผู้เป็นที่รักของเขาจากไปแล้ว...ตัวเขาจะอยู่ไปเพื่อการใดเล่า....




    “จัดการซะ!!”




    .....................

    .........................................

    ................................................................




    เฮือก!! ร่างเล็กๆสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ความเจ็บปวดแล่นจากกลางหลัง จนทำให้ใบหน้าเรียบสนิทไม่ส่ออารมณ์ นิ่วลงอย่างเจ็บปวด เผลอส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กชายผมดำที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะตนอย่างสงสัยปนหวาดระแวง ฝืนกายถอยออกไปจนสุดปลายเตียงก่อนจะต้องตัวงอเมื่อหลังเจ็บจนขยับไม่ได้...สุดท้ายก็ต้องเอ่ยปากถามอย่างหวาดกลัว




    “จะ...เจ้า..เป็นใคร..” เด็กชายผมดำยิ้มนิดก่อนขยับเข้าไปใกล้ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อร่างนั้นถอยหนีอย่าวหวาดกลัว เขาจึงทิ้งตัวลงนั่นข้างๆร่างที่สั่นราวลูกนกแล้วแนะนำตัว




    “ข้าชื่อแลนซ์ เป็นลูกบุญธรรมของท่านพ่อเลอซัส...มาช่วยรักษาเจ้า”




    “หมะ...หมอหรอ”เด็กชายถามหวาดๆ อย่างไม่แน่ใจ แลนซ์พยักหน้าซ้ำเป็นการยืนยัน ส่งถ้วยข้าวต้มที่อุ่นรอไว้ ให้เด็กชายผมทองที่ท้องส่งเสียงร้องหาอาหาร หลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อร่างนั้นหน้าแดงฉ่ามองถ้วยข้าวต้มตาละห้อยแต่ยังไม่ยอมเข้าใกล้ จนในที่สุดเขาก็ค่อยๆถอยออกไปหลบตรงมุมห้อง เด็กคนนั้นมองตามเขาอย่างจับพิรุธก่อนจะค่อยเอื้อมมือมาที่ถ้วยข้าวต้มช้า ทั้งที่ยังจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น  เขาจึงได้แต่ส่งยิ้มสบายๆไปให้ ในที่สุดเด็กชายก็ยกข้าวต้มไปละเลียดตักกินในที่สุด ถ้าทีแข็งขืนหวาดกลัวผ่อนคลายลง แลนซ์จึงเดินเข้าไปใกล้ๆอีกครั้งแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนตัวเล็กกว่าหันมามองแวบเดียวก็หันกลับไปสนใจข้าวต้มต่อ เขาจึงนั่งรอร่างเล็กให้กินข้าวต้ม ดื่มน้ำให้เรียบร้อยก่อน จึงอ้าปากถาม





    “เจ้าชื่ออะไรหรอ...” ร่างเล็กหันขวับ ก่อนถอยห่างอย่างระแวง เสียงแหบแห้งถามกลับอย่างไม่ไว้ใจ




    “แล้วเจ้าจะรู้ไปเพื่ออะไรล่ะ” แลนซ์คลี่รอยยิ้มสบายๆอีกครั้งก่อนตอบตรงๆ




    “ก็ข้าบอกชื่อข้ากับเจ้าไปแล้วนี่ ทีนี้เจ้าก็ต้องบอกข้าบ้างสิ” เด็กชายมองเขาอีกครั้งก่อนระบายลมหายใจอย่างหมดทางเลือกก่อนยอมตอบอย่างไม่เต็มใจ




    “ข้าชื่อ เกรเซียส” แลนซ์ยิ้มกว้าง ก่อนยื่นมือออกมาข้างหน้า เกรเซียสมองมือแลนซ์อย่างงงๆก่อนส่งสายตาสื่อคำถามไปให้




    “งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ เกรเซียส”เขารอร่างตรงหน้าคิดอย่างใจเย็น ในที่สุดมือเล็กๆนุ่มนิ่มก็ยื่นมือมาจับตอบ




    “ยะ...ยินดี...ที่ได้รู้จัก”




    ........................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×