ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามแห่งอาณาจักร เมียร์

    ลำดับตอนที่ #2 : หมู่บ้าน ไรน์

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 50


    บทที่ 1 หมู่บ้านไรน์  Rines Village

     

               

    พระผู้เป็นเจ้า...ลูกไม่เคยอ้อนวอนขอสิ่งใด...ลูกของเพียงแต่ให้เขา...กลับมาคำอ้อนวอนต่อผู้ทีเป็นทางเลือกสุดท้ายดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จากริบฝีปากอันสั่นเครือ ใบหน้านวลถูกย้อมไปด้วยสีเลือดที่กระเซ็นสาดใส่ เลือดจากคนที่เธอ ไม่เคยพานพบที่ไหน บุรุษที่เธอเทหัวใจให้ ชายที่เธอรัก ที่แม้ตอนนี้จะเหลือเรี่ยวแรงเพียงแต่ลืมตาดูเธอในวาระสุดท้าย นัยน์ตาสีฟ้ามองดูเธอแวบหนึ่งแล้วค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆพร้อมกับอีกชีวิตหนึ่งที่จากไป

     

    สองปีก่อน. . .

     

    แสงแห่งรุ่งอรุณเริ่มจับขอบฟ้า นกน้อยเริ่มขับขานบรรเลงเสียงเพลงบนกิ่งไม้ริมหน้าต่างบานเล็กๆของโบสถ์สีขาวที่ดูสะอาดตา ที่ซึ่งแม้จะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก และที่ผนังก็มีต้นไม้เถาไต่ขึ้นมาจับจองที่บนฝาผนังบ้างตามกาลเวลา แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ๆพึ่งทางใจที่ดีของคนในหมู่บ้านเล็กๆในชนบทอันห่างไกลนี้

    ประตูไม้สีน้ำตาลด้านหน้าของโบสถ์ถูกแง้มเปิดออกมาอย่างช้าๆร่างบางในชุดกระโปรงยาวเรียบๆสีขาว ก้าวออกมาแล้วหันกลับไปปิดประตูอย่างเบามือ เสมือนว่าเธอไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดเสียงใดๆรบกวนผู้ที่อยู่ภายใน

    เด็กสาวยืนอยู่หน้าประตู พร้อมด้วยไม้กวาดที่อยู่ในมือขวา เธอมองสำรวจดูพื้นหินสี่ดำที่ปูเป็นลานเล็กๆ

    หินที่มีความสวยงามมาก หากไม่มีใบไม้เกลื่อนกลาดบนพื้นมากขนาดนี้

    ใบหน้าหวานถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มลงมือกวาดพื้น พร้อมกับพึมพำบางอย่างกับตัวเอง

    พายุนี่ก็มาบ่อยจัง นี่เพิ่งจะเข้าฤดูฝนเองน้า

    ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงกวาดพื้นต่อไป พร้อมด้วยรอยยิ้มบางบนดวงหน้า ดวงหน้าที่ถ้าเดินผ่านแล้วต่อให้เป็นใครก็ต้องหยุดมอง

    สายตาของเหล่าหนุ่มๆที่ชอบมองมาที่เธอ บ้างก็หลงใหลไปกับริมฝีปากรูปกระจับที่สวยงามได้รูป บ้างก็ด้วย นัยน์ตาคู่โตที่มีสีเขียวมรกต ซึ่งเมื่อรวมเข้าด้วยกันกับ ใบหน้านวลอมชมพู กับ เรือนผมสีดำขลับที่ยาวประบ่า ยามเมื่อแย้มรอยยิ้ม ใบหน้าหวานกับเรือนผมที่ปลิวไสว  ก็หลอมหัวใจชายให้ละลายเป็นสายน้ำ...

     

    ประตูโบสถ์เปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างของชายชราที่ก้าวออกมาช้าๆ ชายชราซึ่งแม้จะอายุมากแล้ว ผมบนศีรษะซึ่งเดิมเป็นสีดำก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาตามอายุขัยที่ล่วงเลยมานานแสนนาน แววตาอันอ่อนโยนของเขา มองดูไปยังเด็กสาวเบื้องหน้าที่กำลังกวาดพื้นอยู่อย่างขมักเขม้น

     

    เจ้าขยันแต่เช้าเลยนะ เรน่า ชายชราเอ่ย

    เสียงกวาดพื้นหยุดลง ผู้ที่ถือไม้กวาดอยู่ก็หันมองไปทางต้นเสียง แล้วแย้มรอยยิ้มให้แก่ชายชราที่สวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีน้ำตาลทับเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีดำตามแบบของชุดบาทหลวง

    สวัสดีค่ะคุณพ่อเด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

    เอ่อ...หนูทำให้คุณพ่อเสียสมาธิหรือเปล่าคะเธอเอ่ยถามพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดหม่นลงมาเล็กน้อย

    ไม่หรอกเรน่า เจ้าก็ชอบคิดว่าตัวเองทำผิดอยู่เรื่อยคำตอบของบาทหลวงชราที่ให้ความรักและความเอ็นดูแฝงเข้ามาในทุกๆถ้อยคำของคำพูด ซึ่งเมื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดน้ำเสียงนี่ล่ะที่ ปลอบประโลมให้กำลังใจเธอมากว่าสิบห้าปี

    เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ ได้ท่านบาทหลวงเลี้ยงดูเอาไว้ตั้งแต่ยังเล็ก ตั้งแต่จำความได้เธอก็ได้มาอยู่ที่หมู่บ้าน ไรน์ แห่งนี้ ที่โบสถ์นี่

                    เรน่าเสียงเรียกชื่อของเธอปลุกเธอขึ้นมาจากห้วงความคิด

                    คะ

                    เจ้าช่วยไปเดินเยี่ยมชาวบ้านเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้ไหมชายชราเอ่ยถาม ไม่ต้องใช้เวลานานในการคิดคำตอบ เด็กสาววางไม้กวาดพิงกำแพงไว้แล้วตอบด้วยเสียงสดใส

                    ไปสิคะ

     

                    หมู่บ้านไรน์ หมู่บ้านชนบทเล็กๆที่ชาวบ้านอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข ถึงจะมีประชากรไม่มากเท่าใดนัก และตั้งอยู่เหนือสุดของบาลาแอฟ หนึ่งในเก้าอาณาจักรบนทวีปเมียร์อันกว้างใหญ่ พื้นที่ที่อยู่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ก็ไม่ได้ส่งผลถึงความรักใคร่ปรองดองกันของคนในหมู่บ้าน ที่มีความรักความห่วงใยกัน คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันฉันท์พี่น้อง...

                   

                    รอยยิ้มสดใสยังคงแต่งแต้ม บนใบหน้าหวานขณะที่เดินไปรอบๆหมู่บ้าน ภาพที่ บาทหลวง กับเด็กสาวเดินเยี่ยมเยียนชาวบ้าน เป็นภาพที่ชินตาของ ผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งใครที่มองดูแล้วก็อดที่จะมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าไม่ได้ เพราะด้วยใบหน้าที่น่ารักและร่างเริงของเด็กสาว กับแววตาที่อ่อนโยนของบาทหลวงชรา ที่มองดูชาวบ้านทุกๆคนเสมือนดังญาติพี่น้องของตนอง

                    ในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองมากจากที่ไหน ชายชราที่ชาวบ้านมารู้ที่หลังว่าเป็นบาทหลวง มีชื่อว่าวุลฟริก และได้เข้ามาทำหน้าที่ แทนท่านบาทหลวงเบอร์เนลที่เสียชีวิตไปสิบกว่า

    ปีก่อน แล้วก็ท่านไม่ได้ทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง ยามที่ท่านเดินเยี่ยมเยียนชาวบ้านในทุกๆเช้า ท่านจะให้คำพูดที่ห่วงใยและคอบปลอบประโลมชาวบ้านในยามที่ทุกข์ใจ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด

    ยากเย็นเพียงไหน ขอเพียงแค่เอ่ยปาก ท่านบาทหลวงก็ไม่เคยที่จะตอบปฏิเสธ ทำให้ผู้คนนับถือท่านเป็นจำนวนมาก แต่ในบางครั้งท่านก็ทำให้ผู้คนตกใจไม่น้อย เพราะด้วยวัยของท่าน ที่ให้ใครมาเดาก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าจะต่ำกว่า แปดสิบปีจะมีพลังเวทย์ที่กล้าแข็งขนาดยกเกวียนบรรทุกของลอยขึ้นจากพื้นได้สบายๆ

             

              เรน่าก้าวยาวๆไปตามถนนสีน้ำตาลหม่นของหมู่บ้านเคียงข้างบาทหลวงชรา เธอเพิ่งจะเดินผ่านชายหนุ่มสองคนที่กำลังจะเดินทางไปหาของป่า ชายทั้งสองเข้ามาทักทายตามมารยาทก่อนที่พวกเขาจะเดินไปตามทางที่ออกจากหมู่บ้าน แต่ชายหนุ่มที่ท่าทางจะมีอายุน้อยกว่าอีกคนก็ยังหันกลับมามองใบหน้าของเธอแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเดินจากไปแล้วหันไปกระทุ้งศอกใส่เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะเบาเท่าไหร่

                    เฮ้ย...น่ารักจริงๆด้วย    ซึ่งชายอีกคนก็หันกลับมายิ้มให้อย่างผู้ที่มีภูมิเหนือกว่า ก็บอกแล้วไงว่าสวย          

                   

                    เรน่าหันขวับหลบสายตา ใบหน้าหวานเริ่มมีสีแดงระเรื่อ ใช่ว่าเธอจะเพิ่งจะเคยเจอสายตาแบบนี้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เธอเริ่มโตเป็นสาว เธอก็เจอสายตาแบบนี้มองมาไม่น้อย แต่โดนหนุ่มๆมองบางครั้งเธอก็รู้สึกอายบ้างเหมือนกัน

                   

              เรน่า...เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นจากด้านหลังของเธอทำไห้เธอต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองข้างๆตัว อ้าวนี่คุณพ่อหายไปไหนแล้วเนี่ย!!

              เรน่ามองไปรอบๆตัว นี่เธอเดินเหม่อลอยจนมาถึงที่หน้าลานพ่อค้าเลยเหรอ ก็นายคนนั้นไม่น่าพูดให้เธอเขินเลยนี่นา แล้วทำไมคุณพ่อไม่เรียกเธอไว้นะ

                    เจ้ามองหาใครอยู่รึ? ...เรน่า น้ำเสียงที่ฟังคุ้นหูดังขึ้นข้างๆตัว เมื่อเธอหันไปก็พบชายที่หาตัวอยู่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

              โธ่คุณพ่อ!...หนูก็นึกว่าคุณพ่อหายไปไหนซะอีกเสียงบ่นอย่างโล่งอกดังขึ้นจากเด็กสาวที่ตอนนี้ก็ยังตกใจไม่หายกับการเดี๋ยวไปเดี๋ยวมาของชายชรา      

    เมื่อครู่เฟรย่าเพื่อนของเจ้าเดินมาทักทายแต่เจ้าก็ไม่ได้ทักตอบ เอาแต่เดินก้มหน้า เพื่อนของเจ้าเลยถามพ่อว่าเจ้าเป็นอะไรไปหรือเปล่า ชายชราอธิบาย

                    แล้ว...แล้วคุณพ่อบอกเฟรี่ว่า...น้ำเสียงอ่อยๆจากเด็กสาวซึงตอนนี้คิ้วหม่นลงมาอย่างไม่ไว้ใจในคำตอบ

              พ่อก็ตอบไปว่า เจ้าเริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว เท่านั้นเองชายชราเอ่ยต่อ สีหน้ายิ้มแย้ม

                    เรียบร้อย!! คราวนี้เจ้าเฟรี่ได้มีเรื่องมาล้อเธออีกแน่ๆ คุณพ่อนะคุณพ่อ จะบอกทีก็บอกเป็นปริศนาซะชวนสงสัย เร่นาบ่นขรมในความคิด

                   

                    ระหว่างที่เรน่าคิดถึงเรื่องที่ เฟรย่าเพื่อนของเธอพอจะเดาไปได้จากคำพูดแปลกๆของคุณพ่อของเธอ ก็มีเสียงเร่ขายของดังขึ้นเรียกความสนใจ

                    สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง วันนี้เรามีสินค้ามามากมายคร้าบ เรน่ามองไปตามเสียงแหลมๆ แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่บนเกวียนบรรทุกของแล้วตะโกนป่าวประกาศเรียกลูกค้า

                    อืม...เด็กสาวเหลือบมองไปที่ร้านขายของแวบหนึ่งก่อนที่จะเหลือบมองไปทางบาทหลวงชรา เอ่อคุณพ่อคะหนูขอไปดูของก่อนได้ไหมคะเรน่าพูด น้ำเสียงฟังดูตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น

                    ไม่แปลกเท่าใดนักที่เธอจะมีอาการอย่างนี้ เพราะ หมู่บ้านที่อยู่ไกลปืนเที่ยงอย่าง หมู่บ้านไรน์ การที่นานๆ ครั้งจะมี ขบวนรถของพ่อค้าจากทางใต้มาแวะที่หมู่บ้าน ก่อนที่จะเดินทางไป ฟรานซ์ อาณาจักรที่อยู่ทางตะวันออกของบาลาแอฟ

                    ซึ่งก็น้อยขบวนที่จะเลือกผ่านทางนี้ เพราะการเดินทางที่ค่อนข้างลำบากเพราะต้องเดินทางผ่านช่องเขาเนส ที่ถูกขุดขึ้นมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน แล้วตอนนี้ก็มีเพียงชาวประมงที่ยังใช้เส้นทางนี้ในการเดินทาง

                     ขบวนพ่อค้าเล็กๆนี้จึงแทบจะเป็นจุดสนใจของชาวหมู่บ้านไรน์ เพราะจะมีสินค้าแปลกๆ จากราเฟรเซีย และ ไรเบอรอส ติดมาด้วยเสมอ ไม่เว้นแม้แต่เด็กอย่างเธอ ในวันนี้ตลาดของหมู่บ้างจึงดูแน่นไปถนัดตา จากคนที่มาจับจ่ายซื้อของ ซึ่งก็ส่งผลดีต่อพ่อค้าชาวหมู่บ้าน ไรน์ เองด้วยที่ มักจะขน พืชผลทางการเกษตรมาขาย ตามร้านรวงต่างๆจึงคึกคักเป็นพิเศษ

                    เชิญเลยคร้าบๆเสียงแหลมยิ่งดังขึ้นอีกเมื่อพวกเธอเดินมาใกล้ๆร้านของชายคนนี้ ดูจากชุดก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพ่อค้าที่มาจาก อัลเบอตุส เพราะผิวสีเข้มที่มาจากการกรำแดดบนเรือเป็น

    เวลานาน แล้วก็สร้อยคอนำโชคที่ชาวเรือชอบใส่กัน เขากำลังสาธยาย สรรพคุณของสินค้าด้วยเสียงดังแหลม ซึ่งเรน่าก็คิดว่ามันยิ่งทำให้พ่อค้าคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือมากกว่าจะเรียกลูกค้า

                    ระหว่างที่เธอกำลังดูสินค้าที่วางอยู่บนโต๊ะ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็น ลอคเกต สีเงินอันหนึ่งที่วางล้อมรอบด้วยของชิ้นอื่นๆ

                    ขอโทษนะคะ อันนี้...เรน่าถามพลางชี้ไปยังของที่วางอยู่กลางโต๊ะ

                    อ้อ อันนี้เหรอครับ พ่อค้าเสียงแหลมหันขวับมาทันที แล้วเอ่ยต่ออย่างรัวเร็ว เป็นของที่พิเศษมากๆครับคุณหนู แหมตาแหลมจริง ๆ

                    อันนี้นะครับ เขาหยิบมันขึ้นมาให้เห็นชัด ๆแล้วเริ่มอธิบายสรรพคุณ ลอคเกตอันนี้ทำจาก เงินบริสุทธิ์ แท้ๆนะครับ พ่อค้าหนุ่มเน้นเสียงเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่เชื่อของลูกค้าบางคน แล้ว อธิบายต่อ ตัวลอคเกตเป็นงานที่ประณีตมากๆจากฝีมือของ ช่างในเมืองราเฟรเซีย ลงเวทย์จากผู้ใช้เวทย์มือดีจาก ไรเบอรอส ทำให้มันมีความพิเศษมากๆเลยล่ะครับ

                    แล้วเขาก็ยังไม่หยุดอธิบาย เสียงที่ดังแหลมของเขาเรียกความสนใจจากผู้คนทั่วไปได้ดีไม่ว่าจะคนสนใจหรือคนที่รำคาญก็ตาม

              ความพิเศษของมันอยู่ที่ว่า ถ้าเราอยากจะบอกอะไรใครหรืออยากจะเก็บความทรงจำดีๆไว้ ลอคเกตอันนี้ สามารถใช้ได้ดีกว่าภาพวาดมากนะครับ เพราะเราสามารถเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวเสมือนเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆอีกครั้งเลยล่ะครับ

                    เมื่อการอธิบายสรรพคุณ เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นมา สักครู่ก็มีเสียงแหลมๆดังขึ้นแทรก คุณหนูสนใจหรือเปล่าครับ การใช้งานก็ง่ายมาก แค่เพียงเปิดออก แล้วคิดถึงเรื่องที่เราอยากเก็บไว้แล้วปิดมันลงไปแค่นั้นเองครับ ราคาไม่แพงครับ ถ้าเทียบกับความพิเศษของมัน ผมกล้ารับรองว่าในเมียร์นี้ มีของแบบนี้อยู่ไม่เกินสิบเอ็ดชิ้น คำสำทับสรรพคุณยิ่งทำให้เสียงกระซิบการซาบและเสียงคุยกันยิ่งดังขึ้นอีก จากเดิมที่ก็ดังอยู่แล้ว

                    แล้วราคาเท่าไหร่เหรอคะ เรน่าเอ่ยถามถึงเรื่องสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการซื้อของ ซึ่งก็ทำให้ เสียงรอบๆ เบาลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับว่าผู้คนรอบๆก็รอฟังคำนี้อยู่เหมือนกัน

                    ไม่แพงครับ สองเดอน่า กับอีก สิบห้าเวียร์เท่านั้น

                    สิ้นคำประกาศราคา ฝูงชนบางส่วนที่มารุมล้อมก็สลายไปแทบจะในทันที พร้อมด้วยเสียงบ่นพึมพำ

                     สองเดอน่า กว่าๆ เฮอะๆ แพงโว้ย ชายคนหนึ่งที่เพิ่งจะเดินออกไปสบถอย่างไม่คิดที่จะออมเสียง

              พ่อๆ เดอน่า นี่คืออะไรเหรอ เด็กชายตัวเล็กๆที่ยืนดูอยู่กระตุกขากางเกงผู้เป็นพ่อแล้วเงยหน้าถาม

                    ก็ เงินในอาณาจักรเรานี่แบ่งเป็นสามราคานะ ที่ลูกรู้จักก็คือ เหรียญทองแดง ที่เราเรียกว่า เซนต์ ห้าเซนต์ ก็จะเท่ากับหนึ่งเวียร์ หรือหนึ่งเหรียญเงิน ชายผู้เป็นพ่ออธิบายให้ลูกชายของเขาฟัง พร้อมๆกับหยิบเหรียญจากกระเป๋าหนังออกมาให้ดู

                     แล้วเหรียญทองล่ะคับ พ่อเด็กน้อยยังคงซักต่อ

                    เหรียญทองบ้านเราไม่มีหรอกลูก เพราะกว่าจะได้เหรียญทองเหรียญนึง หรือที่เรียกว่า เดอน่า น่ะ เท่ากับเงินตั้ง ห้าสิบเวียร์เขาอธิบายต่อ ด้วยน้ำเสียงฟังดูไม่สบอารมณ์ พลางมองไปยังลอคเกต ที่ตอนนี้กลับไปวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิมแล้ว

                    มันก็แน่อยู่ล่ะ  สอง เดอน่า กับอีก สิบห้าเวียร์นี่ เป็นราคาที่ไม่ใช่น้อยๆ เพราะขนาด ว่าผักที่ชาวบ้านปลูกกันในหมู่บ้าน อย่างแพงที่สุดก็ราคาเกวียนละ เกือบๆ หนึ่งเดอน่า  แล้วอันนี้ตั้งสองเดอน่ากว่า แล้วอย่างเธอจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อได้ล่ะ

                    คิดแล้วก็ต้องถอนใจ พลางบอกปัดความต้องการซื้อไป ซึ่งพ่อค้าผิวสีแทนคนนั้นก็ดูมีสีหน้าที่ผิดหวังเล็กน้อย เมื่อเธอบอกว่าไม่มีเงินพอที่จะซื้อ

                   

                    เด็กสาวเดินออกมาจากตลาด เมื่อถึงรั้วด้านหน้า เธอหยุดดูรอบๆเพื่อ มองหาคุณพ่อของเธอ  ตามที่เขาบอกเธอไว้ว่าจะรออยู่แถวๆนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีร่างสูงๆของเขายืนอยู่

                    เรน่ากำลังมองหารั้วเตี้ยๆเพื่อที่จะนั่งคอย แต่ก็ยังไม่ทันได้นั่ง เพราะ บาทหลวงวุลฟริก ที่เธอมองหากำลังเดินออกมาจากตรอกเล็กๆข้างตลาด

                    ไม่ไปเดินดูของแล้วรึเรน่า ชายชราทักด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มเจือนๆ พร้อมๆกับส่ายหน้า แล้วเอ่ยตอบ

                    ไม่หรอกค่ะ คนเยอะ เดินแล้วเบียดกัน เรน่าตอบ แล้วถามกลับ

                    แล้วคุณพ่อไปไหนมาเหรอคะ ไม่เห็นรอหนูที่หน้าตลาดเลยคำถามกับคำที่ดูเหมือน จะไม่ใช่คำถาม ถูกส่งมาจากเด็กสาว ที่ตอนนี้หัวคิ้วมุ่นลงมาเรียบร้อย

                    พ่อไปคุยกับชาวบ้านมา เรื่องลูกชายของไนแลฟ แล้ววันนี้พ่อก็ว่าจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย ชายชราตอบเสียงเรียบๆ ในใจก็ยังคงรู้สึกยินดีกับการที่ เธอโตขึ้นกว่าตอนที่ยังดูเป็นเด็กๆ แต่ท่าทางแสงงอนนี่ เจ้าลดๆบ้างก็จะดีนะ เรน่า เขาคิดก่อนที่จะเอ่ยถามเด็กสาวที่เริ่มหายงอนแล้ว

                    เจ้าจะไปเยี่ยมบ้าน ไนแลฟกับพ่อ...ชายชราเว้นช่วงเล็กน้อยแล้วพูดต่อ หรือว่าจะกลับโบสถ์ก่อน

                    โธ่คุณพ่อเรน่าร้องขึ้นมา หนูก็ต้องไปด้วยสิคะ เมื่อกี้หนูล้อเล่น เธอรีบพูดต่อถึงแม้เธอยังไม่เคยเห็น คุณพ่อของเธอโกรธ แต่มันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ที่จะต้องเดินกลับไปโบสถ์คนเดียวนี่นา

             

              เมื่อเห็นว่าแผนแก้ความเจ้าแง่เจ้างอนของเขาได้ผล ชายชราก็ก้าวยาวๆ ออกจากตลาดไปด้วยรอยยิ้มบาง ตามมาด้วยเด็กสาวที่รีบวิ่งตามมาเดินอยู่ข้างๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×