ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dino crisis

    ลำดับตอนที่ #2 : สู่อนาคต

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 50


    วันที่ 15 กันยายน 2548 
    วันนี้อากาศสดใส เมื่อไหร่จะอายุ 18 สักทีนะ ฝึกมาเหนื่อยมาก อาบน้ำ กินข้าว ฝึก แล้วก็นอนที่ห้อง
                เป็นบันทึกสั้นๆของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งเขาก็เหมือน นักเรียน ม.ปลาย ทั่วๆ ไปที่ขนาด ความสูงพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงวัยนี้
                เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อ สามารถ ขุนศึก เพื่อนๆของเขามักเรียนเขาว่า "เส" เพราะเขามีความเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าใช้ได้ทีเดียว สำหรับนักเรียนในช่วงวัยนี้ อาจจะเป็นเพราะ ยศ นรต. ปี3 ของเขา เขาจึงได้มีรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่แตกต่างจาก เด็กในช่วงวัยเดียวกัน
                "เส" เป็นนักเรียนเตรียมทหารได้ด้วยการอุปการะของทหารชั้นนายพันผู้หนึ่งชื่อว่า พันโท วิเชียร ที่ เส เคารพรักเสมือนพ่อของเขาเอง เพราะว่า เสเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ พ่อของเสเสียชีวิตตั้งแต่เส 9 ขวบในสงคราม อิรัก แม่ของเขาก็เสียชีวิตก่อนหน้านั้นไม่นาน พันโท วิเชียร เลยนำเสมาเลี้ยง เพราะผู้พันไม่มีลูกและก็นับถือพ่อของเสมานานแล้ว
     
                ศูนย์การฝึกนักเรียนเตรียมทหาร...จังหวัดนครนายก
     
                 ในวันนี้ เสได้ทำการฝึกมาตั้งแต่เช้าจรดเย็น หลังจากมีสัญญาณให้นอน เสก็ล้มตัวลงไปที่เตียงของเขา ที่นี่มีเตียงให้นักเรียนแบบหยาบๆนั่นล่ะเป็นเตียงสี่เสาแข็งๆ สองชั้น เขาล้มตัวลงนอน แล้วเขาก็เหลือมองไปที่หัวเตียงแล้วก็แย้มรอยยิ้มนิดๆที่เจือความเศร้าหมองก่อนที่จะเอื้อมมือไปที่ปลายเตียงสองชั้นแล้วหยิบภาพถ่ายของพ่อแม่ที่ถ่ายคู่กับเขามาดูด้วยความคิดถึง
                ในภาพมีพ่อของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กในสวน กับแก้วกาแฟที่มีควันกรุ่น ตั้งอยู่บนโต้ะหินอ่อนเข้าชุดกัน ข้างๆมีหญิงสาว ที่ในมือถือเหยือกกาแฟอยู่ แล้วยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ...ใช่แล้วนั่นแม่ของเขานั่นเอง ส่วนตัวเขาในรูปน่ะรึ กำลังวิ่งไปเพื่อจะเข้าไปอยู่ในกรอบภาพนั่นไง เพราะรูปนี้เขาเป็นคนถ่ายเอง แต่คราวนั้นวิ่งมาช้าไปหน่อยเลยเห็นรูปเขาลื่นล้มที่หน้าโต๊ะพอดี
                เส ยิ้มรอยยิ้มนิดๆถึงเรื่องราวเปิ่นๆของตัวเองแล้วก็เอื้อมเอารูปไปวางไว้ที่เดิม หอนอนไฟปิดแล้วตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มครึ่ง เพราะถึงเวลาเข้านอนแล้ว ภาพใบนี้เป็นภาพที่เขาเก็บไว้ตลอดเวลา
                 และแล้ว ชายหนุ่มในทรงผมเกรียนตามธรรมเนียมแบบทหาร ก็ผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการฝึก โดยไม่ทันได้สังเกตว่า มีภาพของคนๆหนึ่งในรูป...
                กำลังค่อยๆจางหายไป เสมือนว่าเขากำลังจะถูกลบไป...
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
     เส ตื่นขึ้นมาใน ห้องๆหนึ่ง รอบๆห้องนั้น มีสิ่งต่างๆ วางอยู่มากมาย เสมองไปรอบๆ แล้วก็เริ่มสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว เท่าที่ความรู้ของเสมีเขาคาดว่าคงเป็นห้องสื่อสาร ของสถานีใดสถานีหนึ่งเพราะมีทั้งตู้วิทยุแบบแปลกๆ คอมพิวเตอร์ แต่เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ นั้นเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
    "ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย" เขาตั้งคำถามกับตัวเองแล้วก็มองไปรอบๆอย่างกระวนกระวาย แล้วก็พยายามตั้งสติ
    เมื่อ เส ตั้งสติได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ชันตัวลุกขึ้นยืน และเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง จับนู่นหยิบนี่พยายามหา "อาวุธ" เพื่อ            ป้องกันตัวเอง ตามวิชาทหารที่ได้ฝึกมา
                ระหว่างที่เขากำลังสำรวจอยู่นั้นเองก็มีคน เดินเข้ามา 
                "ใครน่ะ "เสถาม เขาตกใจมากเพราะลักษณะท่าทางของ ผู้ที่เดินเข้ามานั้นเหมือนกับเพิ่งจะไปรบในสงครามมาไม่มีผิด             เพราะมีทั้งปืนกล ปืนพก ชุดเกราะ ครบครัน
                แล้วเขาก็เดินมาหา เสอย่างช้าๆ เส ค่อนข้าง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะทหารคนนั้นสวมใส่ชุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
                ‘มนุษย์ต่างดาวหรือเปล่าฟะ’ เสคิด เพราะดูอย่างคร่าวๆแล้วไม่เคยเห็นทหารที่ไหนแต่งตัวแบบนี้ มาก่อน เหมือนเป็นมนุษย์ต่างดาวยังไงยังงั้น
                แล้วทหารคนนั้นก็พูดกับเสเป็นภาษาอังกฤษ แต่เสฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะหน้ากากที่ทหารคนนนั้นใส่ไว้ ทำให้เสียงอู้อี้ ฟังค่อนข้างลำบาก
                "ผมชื่อ สามารถ ขุนศึก ยศ นรต. หมายเลขประจำตัว 25041" เสบอกทหารคนนั้นเป็นภาษาอังกฤษ (เพราะตามสนธิสัญญาเจนีวา ทหารที่ถูกจับเป็นเชลย จะสามารถ บอกได้เพียง ชื่อ ยศ และ หมายเลขประจำตัวเท่านั้น และ เพราะว่าเสกำลังคิดว่า ตัวเองกำลังถูกจับตัวอยู่ )
                แล้วทหารคนนั้นก็เงียบไป แล้วก็พยักหน้าช้าเหมือนกับเป็นการแสดงออกว่าเข้าใจที่เสพูด หลังจากนั้น เขาก็เอาปืนสั้นของเขาวางไว้ที่ โต๊ะข้างๆ แล้วก็ถอดหน้ากากของตัวเองออก เส มองเหลือบไปที่ปืนเล็กน้อยก่อนที่จะ...มองไปที่ใบหน้าของทหารคนนั้น
                ตอนนี้เสเหมือนกับถูกตรึงไว้ด้วยเชือกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ความคิดที่จะ ฉวยโอกาสไปขโมยปืนมา จางหายไปในอากาศเสียหมด เพราะคาดไม่ถึงว่า ทหารที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะนี้   จากที่เสคิดว่า น่าจะเป็นทหารที่จับเขามา
                 จะมีผมยาว สีน้ำตาลสลวย และมีนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยเป็นประกาย
                และสิ่งที่ทำให้เสตกตะลึงเสมือน ถูกเชือกตรึงอยู่นั้นก็คือ
                ใบหน้าหวานๆของทหารคนนี้ ซึ่งเขาเป็นผู้หญิงและดูหมือนจะมีอายุ ราวๆเสนี่เอง
                 แค่เพียงเท่านี้เสก็ตกใจจนตะลึงงันแล้ว แต่มันก็ไม่มีเพียงแค่นั้น เธอคนนี้ยังสามารถพูดภาษาไทยได้ด้วย เพราะจู่ๆเธอก็เอ่ยถามเส
                "นี่นายเป็นทหารไทยเหรอ" เธอถามเสเป็นภาษาไทยพร้อมกับยิ้มมุมปากนิดๆ
                " โอ้ พระเจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย เราฝันไปหรือเปล่า ทั้งถูกพามาในที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งทหารใส่ชุดแปลกๆที่เพิ่งจะโผล่มา ห้องสื่อสารแปลกๆนี่อีก ทหารหญิงด้วย พูดไทยได้อีก โอ้...จะบ้าตาย "เสตะโกนก้องในหัวตัวเอง
                "ที่นี่ที่ไหน" เสรีบชิงจังหวะถามคำถามทันที "ผมมาที่นี่ได้ยังไงอธิบายมา" "ทำไมผมจำไม่ได้เลยว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"เขารัวคำถามใส่เป็นชุด ซึ่งเพราะตอนนี้เขาเริ่มจะหายจากอาการตกใจแล้ว
                "อย่ารีบนักเลยพี่ชาย" "ช้าๆก็ได้" "นั่งก่อนๆ" เธอพูดด้วยเสียงเรียบๆ แล้วชี้ให้เสนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังเส เธอใช้แขน วางเท้าไว้กับแผงควบคุมบางอย่างที่สูงประมาเอวของเธอแล้วก็คนนั้นมองมาที่ เสซึ่งตอนนี้ย้ายไปนั่งบนเก้าอีกเรียบร้อยแล้วแล้วถามเสว่า
                "นี่นายอยากรู้มั้ยว่าปีนี้ปีอะไร" เธอถามเสด้วยเสียเรียบๆอย่างเคย แต่ในดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็ยังแฝงความสงสัยอยากรู้อยากเห็น
                 เสก็ไม่เข้าใจว่า จะถามไปทำไม ว่าปีนี้ ปีอะไร '
                'ก็ปี 2005 ไง' 'มันบ้าสิ้นดีที่จะมาคุยอะไรไร้สาระอย่างนี้' เสคิด เขาเลยตอบไปอย่างส่งเดช
                "ไม่รู้" เสตอบ
                แล้วเสก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า ทหารหญิงคนนี้เธอน่าจะเป็นคนอังกฤษหรืออเมริกันเพราะจากหน้าตา และ สำเนียงของเธอ
                เธอจึงยิ้มน้อยๆเหมือกับว่าได้รับคำตอบที่คาดหวังไว้
                "ถ้าไม่รู้ ก็ดีแล้วจะได้พูดกันง่ายหน่อย" ก่อนที่จะเสริม "เพราะว่าถ้าเธอรู้ก็แปลกล่ะ" เธอยิ้มนิดๆขณะที่พูด เธอพูดเหมือนกำลังคุยเรื่องตลกอยู่
                "ตอนนี้ไม่ใช้ปี ค.ศ2005 อย่างที่เธอคิดหรอก" หล่อนพูดเหมือนอ่านใจเสออก"นายเคยอยู่ใน ค.ศ นั้นใช่มั้ยล่ะ?" เธอถาม
                ซึ่งเสก็ไม่เข้าใจกับคำพูดของเธอที่ว่า “เคยอยู่”
                "หมายความว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ใน ปี 2005เหรอ" เสถามเชิงสงสัยแล้วก็ขมวดคิ้วน้อยๆ
                เธอหัวเราะอย่างสนุกสนานหลังจากได้รับคำตอบของเส
                เมื่อเสถูกเธอหัวเราะใส่ เส รู้สึกไม่พอใจและตอนนี้ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
                " โทษทีๆ "เธอรีบขอโทษเสพร้อมกับเอามือขวากุมท้อง มือซ้ายก็พลางไปปาดน้ำตาที่ออกมาจากความขบขัน เพราะสังเกตเห็นสีหน้าของเสที่บ่งบอกได้ว่า
                "ไม่-ตลก-เลย"
    ---------------------------------------------------------------------------
                "ปี ค.ศ เลิกใช้ไป ราวๆ 100 ปีมาแล้ว" เธอรีบเข้าเรื่องหลังจากหยุดหัวเราะแล้วแต่น้ำเสียงของเธอก็ยังเจือเสียงหัวเราะนิดๆ "หลังจาก ปี ค.ศ ครบ 4000 ปี ก็ได้ยกเลิกใช้ปี ค.ศ. ตอนนี้เป็นปี GSY 100" "ซึ่งเป็นปีที่นับตามการเดินทางของกาแลคซีเปลื่ยนไป เราจึงไม่สามารถใช้การโคจรของดวงอาทิตย์ในการกำหนดปีได้" เธออธิบายมายาวเหยียดเหมือนกับเป็น อ.ที่บรรยายในมหาวิทยาลัยไม่มีผิด
                "เรื่องบ้าๆน่า เข้าใจคิดนี่"เสคิดว่าเธอล้อเขาเล่นแน่ๆ
                เธออ่าน สีหน้าไม่เชื่อของเสออก เพราะเธอหยุดการบรรยายแล้วหันไปเปิดเครื่องมือชนิดหนึ่ง ที่เธอล้วงมันออกมาจากการเป๋าเป้ของเธอ มันมีลักษณะเป็นเหมือนเครื่องฉายสไลด์แต่ไม่มีฉากรับ พอเธอเปิดเครื่องนั้นขึ้นมา เสจึงได้เข้าใจว่ามันคืออะไร
                "มันคือทีวีไฮโลแกรม" เธออธิบาย "ที่สามารถฉายภาพใส่อากาศได้โดยตรง" เธออธิบายต่อเพราะเห็นสีหน้า งงๆของเส
                แต่ตอนนี้เสไม่ได้สนใจที่เธอพูดแล้ว เสหันไปสนใจเรื่องที่เธอให้เสดูมากกว่า เรื่องที่ฉายนั้นเป็นลักษณะคล้ายสารคดีประวัติศาสตร์ จากเรื่องที่เธอเปิดให้เสดูนั้นเธอได้อธิบายเป็นช่วงๆให้เสฟังพอเข้าใจ (เพราะเธอรู้ว่าเสเป็นคนไทยที่ไม่รู้อะไรเลย) แต่ถึงเธอไม่แปลเสก็เข้าใจแล้วว่าตอนนี้ลักษณะของชั้นบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป ทำให้อุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เกิดเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วราวๆ65ล้านปีนั้น กลับมาขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนมนุษย์ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ผลก็คือ ไดโนเสาร์ได้เข้าทำลายเมืองต่าง ๆ หลายแห่งทั่วโลก
                มหานคร ที่ "เคย" เจริญรุ่งเรื่องก็ถูกปล่อยทิ้งร้างให้กลายเป็นบ้านของไดโนเสาร์ เหล่าเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ต้องตั้งตัวเป็นเมืองป้อมปราการ และมีหน่วยลาดตระเวนอยู่ทั่วเมืองเพื่อคอยสอดส่องดูแล การเคลื่อนที่ของกลุ่มไดโนเสาร์เพื่อปองกันการบุกเข้าจู่โจมเมืองของไดโนเสาร์ที่หิวโหย…
                พอเรื่องที่เธอให้เส ดูจบลงเธอก็แนะนำตัวเอง
                 “ ฉัน ชื่อ ซาร่า” “ซาร่า แกลมอร์ เป็นเชื้อสายของคนอังกฤษในสมัยของเธอน่ะนะถ้าจะพูดให้เธอเข้าใจง่ายหน่อย" เธอพูดอธิบายตัวเองมายาวเหยียด "แล้วเธอมาจากไหนล่ะ"  ซาร่าถามเส
                "ผม มากจากประเทศไทย จังหวัดนครนายก ผมไม่รู้ด้วยว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" แล้วเสก็เล่าเรื่องของยุคที่เสเคยอาศัยอยู่ให้ซาร่าฟัง (ซึ่งเป็นในอดีตของเธอ) บอกถึงลักษณะความเป็นอยู่จังหวัดที่เสอาศัยอยู่ ลักษณะประชากร นายยกรัฐมนตรีในยุคที่เสอยู่คือใคร จำพวกนี้ที่เสพอที่จะจำได้
    แล้ว ซาร่าก็เล่าให้เสฟังว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นไม่บ่อยนักเพราะสนามแม่เหล็กของกาแลคซี่อื่นที่ใกล้เข้ามาทำให้เกิดช่องว่างของสนามแม่เหล็ก ที่นำพา คนหรือสิ่งของมายังยุคนี้
    เสยังไม่อยากอยู่ในยุคนี้เท่าใหร่จึงถามวิธีที่จะกลับไปในยุคของเสกับ ซาร่า 
    เธอส่ายหน้าแล้วตอบว่า “มันไม่มีวิธีที่จะสามารถกลับไปได้หรอก พวกเราในยุคนี้ไม่มีอุปกรณ์พอที่จะเครื่องย้อนเวลาได้เพราะอุปกรณ์และสิ่งของต่างๆได้สูญหายระหว่างการหลบหนีไดโนเสาร์หมดแล้ว” “ที่หลงเหลืออยู่ส่วนมาก ที่สามารถนำมาใช้บ่อยๆและจำเป็นมากๆคือไอ้นี่แหละ“เธอพูดพร้อมๆกับชกปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาด้วย แล้วก็ยื่นให้เสดู(คนละกระบอกกับที่วาง      ไว้ที่โต๊ะนะ)
                เสรับปืนของเธอมาแล้วก็เริ่มสำรวจ
                            "ปืนของในยุคนี้ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใหร่นี่นา เท่าที่ความรู้ด้านอาวุธของเรามี คือปืนของเธอทำด้วยพลาสติกเบาน่าจะเป็นพลาสติกทนต่อสภาพอากาศทุกสภาวะนะ" "อืมและบางส่วนเป็นโลหะเบาด้วยแฮะ เฮ้ยแต่น้ำหนักของมันเบาอย่างน่าเหลือเชื่อ กระสุนบรรจุได้ครั้งละ15-20นัดขึ้นอยู่กับลักษณะของลูกกระสุนและกระสุนของเธอมีลักษณะคล้ายกับกระสุนขนาด 5.56 มม บ้างนิดหน่อย" (ที่ใช้กับ เอ็ม 16 น่ะ) เสสำรวจแล้วก็คิดตามไปด้วย
                แต่ของเธอสามารถยิงในน้ำได้และกระสุนทำงานด้วยระบบสารเคมีไม่ใช่ระบบดินปืนเหมือนสมัยของเส บรรจุ 15 นัดเป็นกระสุนสำหรับยิงกระจายรัศมีเล็กๆ สำหรับยิงไดโนเสาร์บินได้ ส่วนกระสุนเจาะเกราะ ไว้สำหรับยิงไดโนเสาร์ทั่วไปที่มีหนังหนาและมีเกล็ดหนา กระสุนแบบนี้จะส่งกรดรุนแรงออกมาเมื่อฝังเข้าเนื้อของไดโนเสาร์ได้ด้วย ชนิดของกระสุนสามารถเปลี่ยนได้เองตามคำสั่งเสียง (อันนี้ซาร่าอธิบายให้เสฟัง)
    พอเสดูปืนของเธอเสร็จแล้วเสก็ส่งปืนคือไปให้ซาร่า เธอก็นำปืนไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วเสก็หันไปดูสภาพห้องอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับถามว่า
    "นี่เป็นเป็นบ้านของเธอเหรอ" เสถามเพราะหลังจากวาดสายตาสำรวจอย่างคร่าวๆก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน
    "เปล่าหรอกนี่เป็นคลังที่เก็บอาวุธเก่า" "ฉันได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบที่นี่ เพราะอยู่ในบริเวณตรวจสอบของฉันเอง" เธอตอบมาพร้อมบอกหน้าที่มาครบ หลังจากเก็บปืนสร็จแล้ว
    "นี่นายคิดว่าสถานที่โทรมๆนี่เป็นบ้านฉันเหรอไง !!" ซาร่าคิด
     เสเริ่มงงกับคำที่เธอบอว่า “ได้รับคำสั่ง”กับคำว่า “ตรวจสอบ” จึงถามเธอว่าเธอเป็นคนของหน่วยงานราชการเหรอ
    "อุ๊ย!" "ขอโทษที" "ลืมบอกไปว่าฉันทำงานอยู่กับ หน่วยลาดตระเวนตรวจสอบไดโนเสาร์ และ ลาดตระเวนดูการเคลื่อนย้ายฝูงเพื่อการทำลาย (TACTICS OF reconnoiter the dinosaur and destroy) (T.O.R.T.D.A.D) เธอกล่าวอย่างภูมิใจในหน่วยของเธอ พร้อมกับเอียงใหล่มาให้เสเห็นตรารูปไดโนเสาร์ชัดๆ
    " แล้วเธอมาที่นี่เพราะอะไรเหรอ" คนมากคำถามยังคงถามต่อไปอีก
    "ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละจากชื่อหน่วยของฉัน หน้าที่ก็คือต้องค้นหาสถานที่ๆ คาดว่าสามรถเป็นที่อยู่ของไดโนเสาร์และทำลาย" คนอารมณ์ดีก็ยังคงตอบคำถามเจือเสียงหัวเราะเช่นเคย
    "แล้วที่นี่ถูกปล่อยทิ้งร้างมากี่สิบปีแล้วล่ะ" เสผู้มากคำถามก็ยังคงถามเธอต่อ 
    “ไม่ใช่เป็นสิบปี ราวๆ2000ปีแล้วมั้ง” เธอตอบผมแบบสบายๆ ตอนนี้เริ่มยิ้มนิดๆอีกแล้ว
    ตั้ง2000 ปี! เธอรู้ได้ยังไงล่ะ?”เสอุทานออกมาอย่างตกใจ
    “ก็ดูจากอาวุธพวกนี้น่ะสิ” เธอพูด พร้อมชี้ให้ดูปืนที่วางอยู่ข้างๆ เส (ทำไมตอนแรกไม่เห็นหว่า?) เสก็รู้ทันที ก็เพราะนี่เป็นปืน G36C รุ่นที่หน่วยพิเศษสหรัฐฯ ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้นั่นแหละ
    ”มันสามารถอยู่มาถึงยุคนี้ได้ยังไงน่ะ” เสถามเธอต่อ
     “มันถูกเก็บอยู่ในห้องกึ่งสุญญากาศน่ะฉันไปเจอมันด้านล่างนี่แหละก่อนที่จะขึ้มมาเจอนาย" ซาร่าตอบ สีหน้ายังคงมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ” ซึ่ง อาจเป็นคลังอาวุธเก่าของประเทศที่เคยล่มสลายก็ได้”
    ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ ก็มีสัญญาณวิทยุของเธอเข้ามาคั่นจังหวะการสนทนา
     ”นี่ ซาร่า เกลมอร์” ซาร่าพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างรัวเร็วหลังจากที่เธอเปิดเครื่องมือสื่อสารของเธอแล้ว (ผมใส่โปรแกรมแปลภาษามาในเรื่องให้ด้วยแล้ว ทุกๆ ท่าน จะเห็นเป็นภาษาไทย ^o^)  
    “โอ ซาร่า” เสียงในวิทยุตอบกลับมาเป็นลักษณะชายคนหนึ่งอายุประมาณ 35-40 ปี (วิทยุของเธอมีจอภาพด้วย) “ฝูงไดโนเสาร์ได้เข้าโจมตีศูนย์บัญชาการ ตอนนนี้เรามีกำลังไม่พอ!!!” เสียงของเขาฟังดูตื่นตระหนกอย่างมาก
    "เราคงต้านได้ไม่นาน ลูกกลับมาที่นี่......" ” ซ่าาาาา….. แล้วสัญญาณวิทยุก็ขาดไป ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มและน้ำเสียงปนอารมณ์ขัน หายไปแล้ว
    “ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะมีฝูงไดโนเสาร์เข้าโจมตีศูนย์บัญชาการย่อย”น้ำเสียงที่เคยมีเสียงหัวเราะเจืออยู่เสมอเปลี่ยนเป็น กระแสแห่งความเครียด “ที่นั่นคือบ้านของฉันเอง!!” เธอพูดอย่างรัวเร็ว
    ”ฉันได้ยินแล้ว”   เสตอบ
    เสหยิบปืน G36C ขึ้นมา พลางมองดูที่ปืน
    “นี่มันไม่มีแม็กกาซีนนี่หว่า” เสพึมพำกับตัวเอง พลางมองหากล่องใส่แมกกาซีน
    ซาร่าอ่านอาการลุกลี้ลุกลนหาของของเสออก โดยไม่ต้องถามว่าเสหาอะไร
    “เอ้า! ซาร่าโยนแม็กกาซีนจำนวน 5-6 อันกับเสื้อ เวสมาให้ ( เสื้อ เวส คือเสื้อสำหรับใส่ซองกระสุนหรือระเบิดมือ )กับระเบิดมืออีก2-3ลูก
    “นายยิงปืนเป็นรึเปล่า? ป้องกันตัวเองด้วยนะ การที่ไดโนเสาร์จู่โจมแสดงว่ามันเริ่มหาอาหารกินแบบปกติไม่ได้จึงเข้าโจมตีมนุษย์” ผู้มีความรู้มากเป็นฝ่ายถาม
    “คงยิงเป็นนะ เป็น นรต.นี่” (นรต. นักเรียนเตรียมทหาร)
    “เดี๋ยวฉันลงไปติดตั้งระเบิดที่ห้องใต้ดินก่อนนะ ฝากดูแลด้านบนนี้ด้วยล่ะ”เธอพูดประกอบท่าทางออกคำสั่ง
    แล้วเธอก็ลงไปตั้งเวลาระเบิด ภายในห้องใต้ดิน….
     
    ระหว่างที่ผมกำลังรอเธออยู่ผมก็ได้ยิงเสียงแปลกๆ จากข้างนอกบังเกอร์ ขณะที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันคือเสียงอะไรกันนะคำตอบก็เฉลยออกมาในทันที
     ปัง มีไดโนเสาร์ขนาดปานกลางตัวหนึ่งพังประตูบังเกอร์เข้ามา มันคือ ไดโนเสาร์พันธุ์แร็พเตอร์ 
    เปรี้ยง!!! เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นจากปืน G36C ของเส หลังจากกระสุนนัดแรก เขาก็รัวกระสุนใส่มันอีกอย่างไม่ยั้ง กระสุนราวๆ10-15 นัดหมดไปอย่างรวดเร็ว กระสุนขนาด 5.56 มิลลิเมตร ที่ทรงประสิทธิภาพ
    ในอดีตที่มนุษย์เคยใช้เข่นฆ่ากันในสงคราม บัดนี้ต้องมาใช้ต่อสู้กับไดโนเสาร์ “เกราะ”ที่ทำมาเพื่อป้องกันกระสุนยังสามารถทะลุได้เมื่อเจอกับกระสุนชนิดนี้ นับประสาอะไรกับไดโนเสาร์ที่มีแต่เกล็ดแข็งๆ
    หลังจากมันล้มลงไปแล้วเสก็ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    ระหว่างนั้นข้างนอกมีเสียงดังแปลกๆ เหมือนเสียงกิ่งไม้ไหว เขาไม่กล้าออกไปดูเพราะเท่าที่รู้มาไดโนเสาร์พันธุ์แร็พเตอร์ไม่ออกล่าลำพังตัวเดียว
    “เกิดอะไรขึ้น” ซาร่านั่นเอง เธอวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากชั้นใต้ดิน
    “ไดโนเสาร์ตัวนั้นเข้ามาได้ยังไงกันน่ะ”เธอถามพลางชี้ไปยังไดโนเสาร์ตัวที่เสเพิ่งยิงไปเมื่อสักครู่
    “มันพังประตูเข้ามาน่ะสิตกใจแทบแย่”เสพูดอย่างกระอักกระอ่วน เขายังตื่นเต้นไม่หายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
    “วางระเบิดเสร็จรึยังล่ะ แล้วเรา..."
    ”เสร็จแล้ว” ซาร่าพูดตัดบท
    ”รีบไปเถอะ” เธอเดินนำเสออกมา แล้วเธอก็หันมาพูดกับเขา
     “เตรียมอาวุธให้พร้อมนะระวังตัวให้ดีด้วย”เธอเตือนเส
    ในชั่วเวลาไม่กี่วินาทีที่ซาร่าหันมาบอก เส นั้น หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่ามีไดโนเสาร์อีกตัวหนึ่งย่องมาอยู่ด้านหลังของเธอ เสชะงักไปและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขารู้สึกเหมือนว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
    แล้วในขณะที่ไดโนเสาร์ตัวนั้นมันกำลังจะฝังเล็บลงบนร่างของเธอ
    เปรี้ยง!!!!!!!
    เสก็ฉวยปืนขึ้นมาได้ทันและเล็งไปที่หัวของไดโนเสาร์อย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่เคยเรียนวิชาทหารมา
    กระสุนพุ่งเข้าที่หน้าของมันอย่างจัง ทำให้มันผงะไปชั่วครู่ กระสุนของเสโดนเข้าที่ตาของมันพอดีทำให้มันมองไม่ถนัด ระหว่างที่มันกำลัง มองสอดส่ายไปมาอยู่นั้น ซาร่าไม่รอช้า เธอใช้ปืนของเธอระเบิดหัวไดโนเสาร์ตัวนี้ทันที
     มันผงะเซถลาและสิ้นชีวิตลงไป พร้อมด้วยเศษเนื้อที่กระจายไปทั่ว
    “ขอบใจนะที่ช่วยชั้นไว้” เธอหันมาขอบคุณเส พลางเดินไปเช็คไดโนเสาร์
     “เธอใช้ปืนได้เก่งเหมือนกันนี่”เธอพูดกับเส
     ”หา อะไรนะ!” เสถามงงๆ
     “ ยิงแม่นดีนะนายน่ะ” เธอชมเสเรียบๆ
     “เคยฝึกมาบ้างน่ะ”เสพูดพลางมองไปที่ใบหน้าของเธอ 
    พร้อมกับคิดในใจว่า ซาร่านี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ เสมองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง
     “มองอะไรเหรอนายน่ะ” “มีอะไรติดอยู่ที่หน้าฉันหรือไง”
     “เปล่าไม่มีอะไรหรอก” เสเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจือนๆ
    ดุเหมือนกันแฮะ เสได้แต่ต่อความให้ในใจ
    “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ “ พอเสเปลี่ยนแม็กกาซีนเสร็จแล้วเธอก็ให้สัญญาณว่าเธอจะนำออกไปนะ เสพยักหน้ารับ แล้ว เธอก็นำออกไปอย่างระมัดระวัง
     
    ...................................................................................
     
     
    ความหวาดหวั่นใจปกคลุมไปทั่วร่างของเส มือที่แตะไกปืนนั้นสั่นริกๆ อยู่ตลอดเวลา มันเป็นผลจากการขาดประสบการณ์จริงในสนาม
    มันก็น่าจะเป็นเช่นนี้เพราะว่า เส นั้น นอกจากการยิงปืนที่เป็นความสามารถพิเศษส่วนตัวที่เขาสามารถยิงได้อย่างแม่นยำแล้ว เสก็เหมือนกันกับ นรต.(นักเรียนเตรียมทหาร) คนอื่นๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ การรบจริง เลยสักครั้ง การที่เขาต้องมาเผชิญกับสภาพที่ว่าจะมีไดโนเสาร์ พุ่งตัวทะลุหมู่ไม้ออกมาได้ทุกขณะนั้น มันก็ทำให้ เขาหวาดหวั่นได้ไม่น้อย
                ตอนนี้เขาได้อยู่เบื้องหน้าทางเข้าป่าที่แน่นทึบ แสงอาทิตย์ที่ส่องลอดแนวหมู่ไม้ออกมานั้น เหมือนกับแสงไฟสายเล็กๆที่สอดส่องออกมาจากหมู่ไม้ใหญ่
                “ นี่ นาย คอยระวังหลังกับทางขวาไว้นะ “ ซาร่าหันมาสั่งหลังจากสอดส่องสายตาไปรอบๆ
                “ ....”ไม่มีเสียงตอบจากเส เขาได้แต่เพียงหยักหน้ารับเท่านั้น
    “งั้นไปกันเถอะ” หล่อนออกคำสั่ง
     
    การเดินทางเป็นไปอย่างเรียบร้อยกว่าที่เสคิดเอาไว้มาก เพราะเขาคิดไว้ว่า ทุกๆการเดินไม่กี่ก้าวก็น่าจะเจอไดโนเสาร์โผล่ออกมาจากแนวพุ่มไม้ เสก็ได้ถามข้อข้องใจของเขานี้กับซาร่า เมื่อเขาหาที่พัก ที่เหมาะๆ และปลอดภัยได้
    “ อ๋อ “คำอุทานอย่างไม่ค่อยคิดจะเบาเสียงเท่าใดนักดังออกมาจากผู้ที่ถูกถาม “มิน่าล่ะ นายถึงดูเกร็งๆ ตลอดเวลา “
    เธอเปลี่ยนอารมณ์ได้ดีมาก จากที่ขรึม ๆระแวดระวังภัยตอนที่อยู่ในป่า จนเขาแทบจะอดอิจฉานิดๆ ไม่ได้ว่า พวกเขาฝึกหล่อนยังไงกันทำไม เธอไม่กลัวไดโนเสาร์เลยหรือไงกันนะ หรือว่าเธอสบายใจแล้วที่ตอนนี้ได้มาอยู่บนหอสังเกตการณ์ที่สูงจากพื้น เกือบๆ สามสิบเมตรนี่
    “นี่นายรู้ไหมว่าไดโนเสาร์ตอนนี้น่ะมันฉลาดพอตัวล่ะ” ผู้รู้กว่าเริ่มอธิบาย “มันจะไม่โจมตีมนุษย์ที่ถืออาวุธหรอก” เธออธิบายต่อ “มันชอบมาโจมตีที่พักหรือตอนเราหลับนั่นแหละ”
    “อ้าว...ง้านเหรอ” เสพึมพำแบบไม่ใสใจคนฟังเพราะตอนนี้เขาหงุดหงิดหน่อยๆ”แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก”
    ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่ค่อยเครียดเท่าใหร่ ทั้งๆที่เพิ่งจะมีวิทยุมาบอกว่าทางศูนย์บัญชาการถูกโจมตีก็เถอะ แล้วจะไม่หัวเราะได้ยังไงเล่า เพราะตอนที่ขึนลิฟท์มาบนหอสังเกตการณ์นี่ เสตะโกนร้องซะลั่นป่า ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่านายคนนี้จะไม่เคยขึ้นไฮสปีดลิฟท์
    ซาร่ามากลับมาที่ใบหน้าของเสพลางหุบรอยยิ้มไปอย่างรวดเร็วเมื่อเสจ้องกลับมา พลางกลั้นหัวเรอะคิกคักๆอย่างอดไม่ได้ ผู้ชายอะไรตะโกนเสียงดังเป็นบ้า
    "จะออกเดินทางไปกันเมื่อใหร่ล่ะ"เสเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ ซาร่ากลั้นหัวเราะได้แล้วก็หันกลับมาตอบคำถามของเส
    "อืมก็น่าจะออกเดินทางกันได้แล้วล่ะ แล้วนายน่ะพร้อมหรือยัง?"
    เสยิ้มให้ซาร่าเป็นการตอบ ระหว่างที่กำลังขึ้นลูกเลื่อนปืน "พร้อมตั้งนานแล้ว"
     
    "แต่...มีทางลงทางอื่นหรือเปล่า..."
     
     
    ป่าที่ทางเดินเริ่มที่จะทึบขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่มีทางเดินให้พออุ่นใจ หากแต่ตอนนี้ สองข้างทางนั้นมืดทึบไปด้วยหมู่ไม้... ในความสงบเงียบ เสียงแกรกของใบไม้ที่แสนแผ่วเบา ก็สามารถกระตุ้นให้ประสาทสัมผัสตื่นตัวได้อย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วกำแน่นรอบด้ามปืน มันกระตุกเบาๆทุกครั้งที่เกิดความตึงเครียด
    เมื่อครู่...เธอยังคุยเล่นสนุกสนาน แต่ตอนนี้นแตกต่างออกไป สายตาที่คอยสอดส่องข้างทาง มือเรียวบางที่แหวกหมู่ไม้ด้วยความชำนาญ โดยที่อีกข้างก็กระชับปืนไว้แน่นพร้อมที่จะเหนี่ยวไกยิงได้ทุกเมื่อ ทำให้เสที่เดินตามอยู่ไม่ห่าง อดนึกไปไม่ได้ว่าเพราะอะไรกัน ที่ทำให้เด็กสาวอายุเพียงเท่านี้ต้องกลายมาเป็นทหารเกือบเต็มตัวๆ ทั้งๆที่ในบางครั้งเธอก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วๆไป ที่น่ารักสดใส
    มืดทึบกลายเป็นสว่าง ร่องรอยอารธรรมที่เคยหลงเหลืออยู่ก็เผยออกมาให้ได้เห็น ตัดกับเส้นขอบฟ้ายามเย็นที่เป็นสีส้มแดง บ้านเรือนหลังเล็กหลังน้อยรูปทรงแปลกมีอยู่ดาษดื่น หากแต่ไม่มีความน่าอยู่อาศัยแม่น้อย คราบดินโคลนและและไม้เถาขึ้นอยู่ปกคลุมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมว่าป็นเช่นไร
    เสได้แต่หยุดมองดูสภาพ "เมือง" ในอนคตที่ไม่น่าจะเรียกว่าเคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์ได้ มันแหลกสลายไปหมด เหมือนกับทุกสิ่งกลายเป็นสีเขียวขจีของพืชพรรณไม้ หากแต่...
    ซาร่าไม่ได้หยุดมองภาพที่ไม่ชวนพิศมัยอย่างเส เมื่อพ้นแนวป่า เธอรีบวิ่งตรงเข้าไปตามทางเดินเข้าสู้แนวซากปรักหักพังอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะร้องเรียกเส เพราะเธอจะมามัวรีรออีกไม่ได้แล้ว
    เสที่เหมือนจะรู้สึกตัว ก็รีบวิ่งตามเธอไปอย่างติดๆระหว่างที่วิ่งตามไปอยู่นั้น เบื้องหน้า ที่ตั้งหน่วยบัญชาการ บ้านของซาร่า ควันสีเทาหม่นได้ลอยตัวขึ้นสู่ฟากฟ้า เหมือนกับเป็นสัญาณบอกเหตุ ที่เขาและเธอจะต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน
     
     
    เสียงฝีเท้าที่ลนลาน ควันจากฝุ่นทรายที่คละคลุ้งล่องลอยไปตาสายลม ไม่นานนักเสียงการก้าวเดินก็หยุดลง ร่างบางในชุดทหารทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง มือที่เคยกำปืนแน่น บัดนี้ไร้กำลัง อาวุธปืนประจำกายถูกปล่อยลงสู่งพื้นดินอย่างไม่มีเยื่อใย ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้าโดยไม่แม้แต่จะกระพริบ น้ำตาใสๆเอ่อล้นสองเบ้า สายน้ำแห่งความเศร้าโศกอาบลงบนสองแก้มของเด็กสาว ที่ครานี้ เธอต้องมาพบกับเหตุการณที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต
       " พ่อ!!!!!!!!!!!!! " เด็กสาวตะโกนเรียกบุคคลที่ให้กำเนิดเธอ คนที่เลี้ยงดูเธอ สอนเธอยิงปืน ให้ความรัก ความอบอุ่นแก่เธอ บุคคลที่เติมเต็มให้เธอ แต่บัดนี้...
    ร่างของผู้เป็นพ่อทอดกายอยู่บนพื้นดินเบื้องหน้าของลูกสาว ลำตัวเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ เขาถูกไดโนเสาร์ทำร้ายในขณะที่ยังไม่ได้สวมเกราะป้องกัน สีเลือดทาทับพื้นทางเดินสีน้ำตาลหม่นให้กลายเป็นสีแดงเข้ม ถัดไปไม่ไกลนัก มีร่างไร้ชีวิตอีกหลายร่าง "ร่าง"ที่ถูกไดโนเสาร์กัดกินจนไม่เหลือสภาพความเป็นมนุษย์
    เสได้แต่ยืนมองภาพน่าสยดสยองของ"สนามรบ"ที่มนุษย์เป็นผู้แพ้ มันไม่เหมือนในละครหรือในภาพยนตร์ เสียงร้องโหยหวนที่ลอยมาตามลมของคนเจ็บ รอยเลือดที่กระเซ็นไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดเหม็นชวนอาเจียน เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขาทั้งสองข้างแข็งทื่อ มือทั้งสองสั่นระริก
    "เย็นไว้เส...เย็นไว้" เขาพยายามปลอบตัวเอง ใช้ความกล้าเข้าข่มความกลัว ขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขาเดินไปหาซาร่าที่นั่งอยู่เคียงข้างพ่อของเธอ
    "เสียใจด้วยนะซาร่า" เสพูดขึ้นมาเบาๆเมื่อเขานั่งลงข้างๆเธอ เขาเข้าใจดีถึงการสูญเสียครอบครัว เพราะพ่อของเสก็เสียชีวิตตั้งแต่เสยังเล็กในสงคราม
    "......" ไม่มีเสียงตอบใดๆจากเด็กสาวที่ยังคงก้มหน้ามองดูร่างของผู้เป็นพ่อ หยาดน้ำตา หยดลงผืนดินหยดแล้วหยดเล่า
    ระหว่างที่เสกำลังจะพยายามปลอบซาร่าอยู่นั้นเอง เสียงกรวดกระทบพื้นก็ดังขึ้นเบาๆทางด้านหลังของทั้งสอง เสหันขวับไปทันที และภาพที่เห็นก็ทำให้เขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
    แร็ปเตอร์ สามตัวเดินอาดๆมาตามทางเดิน ในปากของมันเต็มไปด้วยสีแดงของเลือดสดๆ เมื่อเห็นทั้งสอง มันก็อ้าปากอวดเขี้ยวขาวที่ยังไม่หมดสีโลหิตเพื่อจะทำการล่าอีกครั้ง...
    เสรีบจับปืนในท่าเตรียมยิง พลางใช้หัวแม่มือปลดห้ามไก ในขณะนั้น ซาร่าก็ได้ชันตัวยืนขึ้นช้าๆปืนสั้นคู่กายกลับมาอยู่ในมือขวา ใบหน้าที่ยังไม่จางหายจากหยาดน้ำตา ใบหน้าที่เสได้เห็นถึงความสนุกสนานและรอยยิ้มเกือบตลอดเวลา บัดนี้แข็งกร้าว ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเผยอขึ้น ตามด้วยเสียงร้องที่กราดเกรี้ยว
    " แก!!!!!! "
    ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แทบจะพร้อมๆกัน กระสุนนัดแรกจากปืนในมือเล็กบางถูกลั่นออกไป กระสุนจากอาวุธสงครามในอดีตก็เช่นกัน ตามมาด้วยการกราดยิงที่ยาวนาน กระสุนหลายนัดถูกยิงออกไปใส่ร่างของสัตว์เลื้อยคลานสีเขียว ถึงแม้ร่างนั้นจะไร้ชีวิตไปแล้ว กระสุนนัดแล้วนัดเล่าจากเด็กสาวก็ยังถูกยิงใส่อย่างไม่หยุดยั้ง...
    "แกฆ่าพ่อของฉัน" ซาร่ากระหน่ำยิงใส่ซากของไดโนเสาร์ด้วยความโกรธแค้น เสมองไปยังเด็กสาวที่ยังกราดยิงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พลางเดินเข้าไปไปหาเธอ
    "พอเถอะ..." เสจับข้อมือของซาร่าอย่างนุ่มนวล แล้วลดปืนของเธอลงช้าๆ "พอเถอะซาร่า"
    กลิ่นของดินปืนและสารเคมีคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ไดโนเสาร์แร็บเตอร์ที่ไม่เหลือสภาพความเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่นอนตายอยู่ตรงที่มันเดินออกมา และไม่ห่างกันนัก ร่างบางที่เริ่มร้องไห้ ก็โผเข้ากอดเสแล้วปล่อยน้ำตาและเสียงร้องไห้ออกมา เสียงของเธอดังเข้าไปถึงจิตใจของชายหนุ่มอย่างเส ความสูญเสีย ความเศร้า ทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามา ถูกสื่อออกมาทางเสียงร้องไห้และน้ำตา การโผกอดของเธอทำให้เสทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อได้มองดูเด็กสาวเบื้องหน้าของเขาแล้ว เสก็ถอนหายใจเฮือกยาวพลางยกมืนขึ้นลูบหลังของเธอเบาๆ ในตอนนี้สิ่งที่เขาทำให้เธอได้ก็มีเพียงเท่านี้ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเยียวยาความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียได้ นอกจากกาลเวลา 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×