นิยามความรัก นิยาม๑ - นิยามความรัก นิยาม๑ นิยาย นิยามความรัก นิยาม๑ : Dek-D.com - Writer

    นิยามความรัก นิยาม๑

    เป้นเรื่องสั้นที่แสดงถึงความรักของคนสองคน โดยที่เนื้อเรืองนำมาจาก FW เมลล์ที่นำมาปรับปรุงและเสริมเนื้อเรื่องเข้าไปอีกครับ (เคยให้เพื่อนๆอ่านเขาบอกว่าซึ้งน้ำตาจะไหลเลยล่ะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    427

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    427

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 พ.ย. 50 / 09:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ณ สถานที่ธรรมดาแห่งหนึ่ง ในเมืองหลวงที่แสนแออัด
                      มีหมู่บ้านทาวน์เฮ้าส์ตั้งอยู่
                      บ้านหลังหนึ่งที่ต้นซอย
                      มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่
                      ทั้งคู่แต่งงานกันมาได้5ปี ยังไม่มีลูก
                      ทุกอย่างในชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
                      ไม่มีอะไรหรูหรา
                      ไม่มีการฮันนีมูนต่างประเทศ
                      ไม่มีการฉลองครบรอบงานแต่งงานใต้แสงเทียน
                      สามีเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาที่ต้องไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่
                      กลับบ้านมาก็เย็น
                      ฝ่ายภรรยาไม่ได้ทำงานที่ไหน เธออยู่ดูแลบ้าน
                      ทุกๆวันสามีจะกล่าวอรุณสวัสดิ์เธอตอนเช้าทุกเช้าก่อนไปทำงาน
                      และมากล่าวราตรีสวัสดิ์กับเธอทุกคืน
                      อยู่มาวันหนึ่ง เธอคิดว่าเธอน่าจะสามารถแบ่งเบาภาระของสามีของเธอลงไปได้บ้าง
                      เธอจึงไปหางานทำ
                      หลังจากพยายามอยู่หลายวัน
                      เธอก็ได้งานทำที่บริษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง
                     
                      ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะดำเนินไปได้ด้วยดี
                      แต่แล้ว....
                      สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น...ก็ได้ย่างกรายเข้ามาในชีวิตของเธอ
       
                      หญิงสาวประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงาน
                      ถึงแม้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต
                      แต่เธอต้องสูญเสียตาทั้งสองข้าง
                      หญิงสาวรู้สึกหมดความหวังในชีวิต
                      แต่เขาก็ได้ชายหนุ่มผู้เป็นสามีที่คอยให้กำลังใจเธอ
                      ช่วงแรกๆของการใช้ชีวิต เธอมีความลำบากมาก
                      ทั้งการเดิน การรับประทานอาหาร
                      ทุกๆอย่างจะมีสามีของเธอคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ
                      เวลาผ่านไปหลายเดือน
                      หญิงสาวเริ่มสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้คล่องขึ้น
                      และเธออยากหางานทำ
                      ซึ่งสามีก็พยายามทัดทาน และบอกว่าเขาจะดูแลเธอเอง
                      แต่เธอไม่ฟังและไม่อยากเป็น คนที่ได้แต่แบมือรับอย่างเดียว
       
                      ไม่กี่วัน
                      เธอก็ได้รับคำตอบจากสำนักงานจัดหางาน
                      โดยงานที่เธอได้รับก็เป็นงานที่เหมาะสมกับคนตาบอด และความสามารถของเธอ
                      แต่สถานที่ทำงานนนั้นอยู่ไกลมาก
                      สามีของเธอก็ยืนกรานว่าจะไปส่ง
                      แต่เธอเห็นว่ามันไกลมาก
                      และจะทำให้สามีของเธอไปทำงานไม่ทันเสียเปล่าๆ
                      จึงได้ตอบปฏิเสธ
                      แต่เขาก็ยังจะยืนยันคำเดิม
                      เธอจึงยอมทำตาม โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าเขาเห็นว่าเธอไปเองได้เมื่อใหร่ให้เลิกติดตามทันที
                      ซึ่งเขาก็รับคำ
                      ทุกๆวันสามีของเธอจะนั่งรถเมล์ไปกับเธอ
                      ทั้งตอนไป และกลับ
                      จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน
                      เขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกไปรับ-ไปส่ง
                      จนครั้งหนึ่ง ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง
                      เพราะเธอไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงให้กับเขา
                      เพราะเธออยากจะให้เขาเห็นว่า เธอสามารถอยู่ได้
                      และตอนนี้ เธออยากแสดงให้เขาเห็นว่าเธอสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร
                      ตอนนั้นเธอทำไปเพราะด้วย ฑิฐิ ที่มี
                      จนวันต่อๆมา
                      เธอก็พบว่า สามีของเธอไม่ได้ไปรับ-ไปส่งเธออีก
                      เมื่อเธอกลับบ้านคำว่าราตรีสวัสดิ์ที่เคยมีให้กลับหายไป
                      ทุกสิ่งเป็นเหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตนในชีวิตของเขา
                      หญิงสาวเสียใจมากกับสิ่งที่เธอทำไป แต่เธอก็ยังไม่ได้คุยกับสามีของเธอตรงๆ
                      อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนร่วมงานของเธอ มาบอกเธอว่า
      เห็นสามีของเธออยู่กับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งในร้านขายเครื่องประดับ
                      มันทำให้เธอตกใจและวิตกมาก
                      หลังจากวันนั้น เธอไปทำงาน ครั้งนี้เธอได้พบกับคำกล่าวอรุณสวัสดิ์กับสามีของเธอเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
                      มันทำให้เธอชะงักและคิดจะถามเรื่องที่คาอยู่ในใจ
                      เรื่องที่เขา...ไปมีผู้หญิงคนอื่น...เรื่องที่เขาไม่ได้คอยดูแลเธอ...
                      แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถาม
                     
                      หลังจากเลิกงาน หญิงสาวเดินทางกลับบ้านตามเวลาปรกติ
                       แต่คราวนี้แตกต่างกว่าที่เคย
                      เพราะเธอจะต้องข้ามถนนโดยไม่ได้ใช้สะพานลอย เพราะมันต้องปิดซ่อม
                      แต่เธอก็ไม่รู้สึกเป็นห่วงนักเพราะใกล้ๆกันนั้นมีตำรวจจราจรคอยโบกรถอยู่ไม่ห่าง
                      และคอยส่งเสียงบอกให้ข้ามเมื่อรถหยุดอยู่แล้ว
                      ระหว่างที่เธอกำลังเดินข้ามอยู่กลางถนน เสียง ของล้อยางที่บดถนนดังขึ้นมา
                      รถยนต์คันหนึ่งเกิดเบรกไม่ทำงานและพุ่งตรงเข้ามาหาเธอ
                      เพราะเธอตาบอดจึงได้ยินแค่เพียงเสียงที่ดังบาดแก้วหู
                      และรับรู้ได้เพียงความรู้สึกกระแทกอย่างแรกที่แผ่นหลัง
                      และเสียงกระแทกอย่างแรงของรถยนต์
                      และเธอก็รู้สึกอีกครั้งว่าตนเองนอนอยู่บนพื้นฟุตบาท
                      เธอถูกผลักด้วยมือของใครบางคนอย่างแรงจนเธอล้มไปข้างหน้าและพ้นแนวที่รถแล่นผ่านมาพอดี
                     
                      ผู้ที่สัจจรไปมาเข้ามาดูอาการเธอและพบว่าเธอมีแค่รอยถลอกเล็กน้อย
                      และเธอก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล พลางจะหันไปขอบคุณคนที่ช่วยเธอ
                      แต่รอบๆนั้นก็มีเสียงอึกทึกเกินกว่าเธอจะรับรู้ถึงสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจน
                      เมื่อเธอฟังเสียงนาฬิกา ก็พบว่าเย็นมากแล้วจึงรีบเดินทางกลับบ้าน
                      เมื่อมาถึง
                      ก็พบว่าสามีของเธอยังไม่กลับ
                      เธอรู้สึกแปลกใจเพราะปรกติสามีของเธอน่าจะกลับมาก่อน
                      แต่เธอก็ไม่คิดอะไร
                      เธอนั่งรอสามีของเธอ รอแล้วรอเล่า แต่เขาก็ไม่กลับมาสักที
                      เธอได้แต่น้อยใจ คิดว่าเขาคงไปอยู่กับแฟนใหม่
                      แฟนใหม่ที่สวย ดูแลเขาเป็นอย่างดี
                      ใครจะมาชอบคนตาบอดและเอาแต่ใจอย่างเธอ
                      เช้าวันรุ่งขึ้น สามีของเธอก็ยังไม่กลับมา
                      เธอรู้สึกแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน
                      ความคิดของเธอพาเธอไปต่างๆนาๆ
                      เขาอาจไปอยู่กับผู้หญิง"คนนั้น"แล้วก็ได้
                      เธอคิดวกไปวนมาระหว่างที่นั่งรถเมล์คันเดิมที่นั่งอยู่เป็นประจำทุกวัน
                      "เก็บเงินครับ เก็บเงิน" เสียงของกระเป๋ารถเมล์ดังมาจากทางท้ายรถ
                      เธอควานหาเหรียญเพื่อที่จะจ่ายค่ารถพลางลูบดูหน้าเหรียญเพื่อคำนวณเงินที่จะจ่าย
                      ระหว่างนั้นกระเป๋ารถเมล์ก็เข้ามาทักและพูดคุยด้วย
                      "วันนี้แปลกนะครับ" เขาพูด "ปรกติแล้วผมจะเห็นสามีของคุณนั่งอยู่เบาะข้างหลังคุณแทบทุกวันนี่ครับ"
                      เมื่อเธอได้ยิน ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเองและพยายามซักไซ้กระเป๋าจนได้ความ
                      สามีของเธอจะคอยตามมาดูแลเธอแทบทุกเช้า แล้วเขาก็จะตามมาคอยดูแลเธออีกทุกๆเย็น
                      ทั้งๆที่ เขาก็ทำงานอยู่คนละที่กับเธอ และที่ทำงานของเขาก็ห่างจากที่ทำงานของเธอมาก
                     
                      เมื่อเธอเดินทางกลับบ้าน ก็พยายามใช้โสตสัมผัสหาสามีของเธอ และขอให้กระเป๋ารถเมล์ช่วยมองหา "เขา"
                      แต่ก็ไม่พบ
                      เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าบ้านนั้นปิดสนิท
                      สามีของเธอยังไม่กลับ
                      เขาไม่เคยหายไปนานขนาดนี้โดยไม่ติดต่อมา "ไปที่ไหน" เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมา
                      เธอเริ่มกระวนกระวาย ความเป็นห่วง ความกังวลแล่นเข้ามาอย่างไม่เคยพบมาก่อน
                     
                      ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น มาในความเงียบ
                      ในโทรศัพท์มีเสียงชายคนหนึ่ง พูดอยู่
                      เขาบอกว่าเขา เป็นตำรวจ
                      และสิ่งที่เธอได้ยินนั้น มันทำให้เธอหมดแรง
                      ทางตำรวจได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า สามีของเธอประสบอุบัติเหตุเมื่อวาน ตอนนี้ยังไม่ได้สติ
                      เมื่อเธอถามถึงอาการ เขาก็ตอบได้แต่เพียงว่าตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู
                     
                      เธอรีบเดินทางไปอย่างรวดเร็วที่สุด
                      เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล เธอก็รีบสอบถามถึงห้องไอซียูและเดินทางไปทันที
                      ข้างในห้อง เธอพบกับเสียงพึมพำของคนราวๆ2-3คน
                      พยาบาลได้พาเธอไปที่ข้างเตียงผู้ป่วยและบอกกับเธอว่า นี่คือสามีของเธอ
                      ร่างของชายหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนเตียงราวกับไร้ชีวิต มีแต่เสียงสัญญาณของเครื่องตรวจชีพเท่านั้นที่บ่งบอก
                      ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
                      ข้างๆเตียงนั้นเขาพบว่าชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงนั้น เป็นตำรวจ
                      เธอจึงได้สอบถามเหตุที่เกิดขึ้นกับสามีของเธอ
                      และสิ่งที่เธอได้รับรู้ก็แทบจะทำให้เธอหมดสติ
                      สามีของเธอพุ่งข้ามถนนไปเพื่อช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะถูกรถชน ทำให้เขาเข้ามาปะทะกับรถที่พุ่งเข้ามาอย่างแรง
                      และสถานที่ๆเกิดเหตูก็คือถนนเส้นเดียวกันกับเส้นที่เธอเกือบถูกรถชนนั่นเอง
                      ความคิดของเธอแล่นผ่านเข้ามาเร็วมาก เหตุการณ์ต่างๆปะติดปะต่อกัน
                      สามีของเธอคอยเฝ้าตามดูและเธอตลอดเวลา และตอนที่เธอกำลังจะข้ามถนน เขาเห็นว่าเธอกำลังจะโดนรถชนเลยเข้ามาช่วย
                      เธอไว้...เป็นเขาเองเหรอ...
                      เธอหมดแรงและไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ เธอซบลงไปบนเตียงแล้วร้องไห้ออกมา ให้กับสามีของเธอที่เข้ามาช่วยชีวิตของเธอไว้
                      คนที่เธอไม่แม้จะมีโอกาสได้ขอบคุณ...
                     
       
                      วันรุ่งขึ้นหญิงสาวขอลางาน เธอเดินเข้าไปในห้องของผู้ป่วยหนัก และพบว่า สามีของเธอไม่ได้อยู่บนเตียงคนไข้
                      เธอตกใจเป็นอย่างมากและพยายามสอบถามพยาบาลที่ดูแล
                                      ...สามีของเธอตอนนี้กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด...
                      อาการของเขาทรุดหนักมาก
                      และ จากอาการตอนนี้ ต้องขอให้ญาติทำใจเผื่อไว้ด้วย...
                     
                      เธอได้แต่นั่งรอ...รอ...รอ..
                      เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
                      หลังจากการรอคอยอันยาวนาน
                      เสียงของประตูห้องผ่าตัดก็ดังขึ้น
                      เธอรีบเข้าไปสอบถามอาการทันที
                      แต่สิ่งที่เธอได้ยิน...
                      ทำให้เธอหมดแรง
                      และทรุดลงกับเก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดนั้น
                      "หมอต้องของแสดงความเสียใจด้วยครับ เราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว....แต่....."
                      หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ครั้งนี้เวลาช่างไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
                      เธอนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดนั้นเอง ไร้การตอบสนองใดๆ
                      เพราะตอนนี้ คนที่เธอรักที่สุดได้จากเธอไปแล้ว
                     
                      "ขอโทษนะคะ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาในความเงียบ
                      "คุณเป็นภรรยาของผู้เสียชีวิตใช่ไหมคะ" เสียงนั้นยังถามเธออีก
                      ถ้าใช่แล้วจะทำไม
                      ชีวิตเธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...คนที่คอยให้กำลังใจเธอ...ดูแลเธอ...คนที่เธอรักที่สุด...ได้จากเธอไปแล้ว ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรอีก
                      "ใช่ค่ะ...ฉันเอง" เธอตอบไปเบาๆอย่างไม่ใส่ใจ
                      "ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้หน่อยนะคะ " ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นพลางประคองเธอให้ลุกขึ้นยืนพลางนำเธอไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
                      "สามีของคุณได้ทำการบริจาคดวงตาไว้ เมื่อเขาเสียชีวิต เราต้องทำการผ่าตัดเพื่อ มอบดวงตาของเขาให้แก่ผู้รับบริจาคนะคะ"
                      แล้วยังไงล่ะเขาตายไปแล้วนี่นา
                      "แล้วผู้รับบริจาที่เขามอบให้ก็คือ คุณค่ะ..."
                     
                      หนึ่งปีต่อมา...
                     
                      หญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้มมองรูปภาพรูปหนึ่งบนกำแพงวัด
                      สีหน้าของเธอดูเศร้าหมองราวกับว่าเธอคิดถึงคนๆนั้นที่จากไปราวกับเขาเป็นคนที่สำคัญสำคัญชีวิตของเธอ
                      ใช่....เขาเป็นคนสำคัญ
                      นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ที่เปลือกตามีรอบแผลเป็นเล็กๆยาวจากขอบตาซ้ายไปถึงตาขวา ที่ตอนนี้รอยจางลงไปมาแล้วน้องมองลองไปยังภาพ
                      เล็กๆที่ริมกำแพงอุโบสถ รูปของชายที่เธอรักมากที่สุด ในภาพนั้นเขามีรอยยิ้มที่สดใส
                      รอยยิ้มที่เธอเห็นทุกเช้าๆ รอยยิ้มที่มอบให้แก่เธอยามเธอเข้านอน
                      "มันสวยไหมล่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พลางยกแขนขึ้นมา ให้เห็นสร้อยข้อมือสีเงินที่มีจี้ห้อยน่ารัก
                      "ขอบคุณมาก....นะ...ที่ซื้อให้ "น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ หยาดน้ำเริ่มเอ่อล้นในเบ้าตา พลางพูดต่อไปด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น...
                       "ทั้งๆที่ปรกติเธอก็ไม่เคยเข้าร้านขายเครื่องประดับเลยนี่นา....นี่ถ้าไม่ได้เพื่อนผู้หญิงของเธอมาช่วยเลือกให้ไม่รู้จะได้อันนี้หรือ...เปล่า... "
                      เมื่อพูดจบน้ำเสียงของเธอขาดห้วง พลางมองไปยังสายสร้อย น้ำตาที่อยู่ในนัยน์ตา ก็ไหลออกมาราวกลับจะพยายามดึงทุกสิ่งทุกอย่างให้ไหลย้อนกลับไปในวันนั้น
                      วันที่เขาและเธอยังอยู่ด้วยกัน ทานอาหารด้วยกัน มีรอยยิ้ม และมีความรักที่มอบให้กันและกัน 
                      "มันเหมาะมากเลย...ก็เคยบอกแล้วนี่น่าว่าฉันชอบพลอยสีเดียวกับสีตาของคุณ " เธอพูดอย่างช้าๆปนเสียงสะอื้นไห้ แขนข้างที่ประดับด้วยสายสร้อย
                      ยกขึ้นเช็ดน้ำตา น้ำตาจากดวงตาสีน้ำตาล เช่นเดียวกับพลอยเม็ดเล็กๆบนจี้ ที่ยามนี้ ต้องแสงอาทิตย์ระยิบระยับ
                     
                      วันนี้สินะ
                      วันนี้ที่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ที่เธอต้องสูญเสียสามีของเธอไป วันที่คนที่เธอรักที่สุดต้องจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
                     
                      หญิงสาวหันไปหยิบดอกไม้ที่จัดแต่งขึ้นมาอย่างสวยงามช่อหนึ่งขึ้นมา พลางวางลงไปไม่ห่างจากภาพสามีของเธอนัก
                      เสียงสะอื้นไห้เริ่มจางหายไปแล้ว แต่หยาดน้ำตาก็ยังคงอยู่ในสองเบ้า มือของเธอสัมผัสที่รูปบนแผ่นหินอย่างโหยหา               
                      ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวประโยคสั้นๆ ก่อนที่น้ำตาที่ยังคนไม่จางหาย...
                      ...จะอาบลงบนสองแก้ม...
                     
                      "สุขสันต์...วันครบรอบแต่งงานค่ะ..."    
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×