ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามแห่งอาณาจักร เมียร์

    ลำดับตอนที่ #5 : เฟรย่า นาโทมิส

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 50


    บทที่ 4 เฟรย่า นาโทมิส  Freya Natomiss

     

    ในวันนี้ การดำเนินชีวิตของชาวบ้านในหมู่บ้านก็ยังดำเนินไปเช่นเดิม ผู้คนออกมาดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเรียบง่าย ถึงแม้ว่าประชากรจะไม่มากนัก และในยามสายๆ บนถนนใจกลางหมู่บ้านนี้ก็ยังมีผู้คนที่สัญจรไปมาขวักไขว่ มีเกวียนเล็กๆที่เดินทางไปมาบ้างตามร้านค้าริมทาง

    รถเข็นที่ขนผักจากสวนมาเต็มหลังรถ แล่นผ่านสองเด็กสาวไปยังตลาดกลางหมู่บ้าน เด็กสาวคนหนึ่งหันมองไปทาง ชายที่เข็นรถเข็นที่เพิ่งผ่านไปแล้วหันกลับมายิ้มให้เพื่อนของเธอที่เดินอยู่ข้างๆ 

    นี่ๆ เรน่า เด็กสาวคนหนึ่งร้องเรียกเพื่อนของเธอแล้วตบบ่าเบาๆเป็นเชิงเรียก

    อะไรเหรอ เฟรย่า?เธอหันหน้ามาพร้อมกับเอ่ยถาม

    จำผู้ชายที่เข็นรถผ่านไปเมื่อกี้ได้รึเปล่า?เธอถาม เรน่าพยักหน้าเป็นเชิงตอบ ดวงตาสีน้ำตาลมองมาที่เธอเหมือนจะพอใจกับคำตอบนั้น แล้วพูดต่อ นั่นน่ะพ่อฉันเอง สงสัยจะไปขายของล่ะมั้ง

    นี่ๆ เรน่าเด็กสาวหันมายิ้มให้เธอก่อนเอ่ยถาม ด้วยใบหน้าที่ดูไม่ปรกติ รอยยิ้มของเธอดูมีเลศนัย อะไรบางอย่าง เมื่อตอนเช้า เธอไปทำอะไรมาเหรอ พอถามอะไรก็ไม่เห็นตอบ พอไปถามคุณพ่อวุลฟริก เขาก็บอกอะไรก็ไม่รู้มาอีก

    ใบหน้าของคนฟังที่ปรกติแล้วก็มีสีเรื่อๆอยู่แล้ว กลับมีสีเข้มขึ้นมาอีกด้วยคำถามสั้นๆ นั่นไง ว่าแล้วว่าเจ้าเฟรี่ต้องเอามาแซว แย่จริงเล้ยเรน่าคิด

    ว่าไงล่ะเรน่า ตกลงเป็นอะไรเหรอ คนตั้งคำถามยังคงส่งคำซักมาเรื่อยๆ แต่ผู้ถูกถามก็ยังเงียบ เมื่อเห็นเป็นอย่างนี้ คำเปรยเบาๆ จากเฟรย่าก็ทำให้คนที่หน้าขึ้นสีเรื่ออยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นออกแดง

    สงสัยใครบางคนโดนหนุ่มๆแซวมาอีกแล้ว ใช่ไหมล่ะ  เจ้าเพื่อนตัวดียังคงเอ่ยคำหยอกไม่เลิกเมื่อเห็นว่าได้ผล ระดับที่หนึ่งผ่านไป การแซวระดับสองก็ก้าวเข้ามา เรน่า มีหนุ่มๆมาจีบจ้า เรน่ามีหนุ่มมาจีบ

    จะบ้าเหรอเฟรี่!  ตะโกนซะดัง...อายเค้าเรน่ารีบเข้ามาปรามเพราะตอนนี้สายตาของคนรอบๆเริ่มมองจับมาที่เธอแล้ว   หยุดๆขอร้องล่ะ

    ก็ได้ๆ เฟรย่าเอ่ยตัดบทขึ้นมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยจะสาแก่ใจเธอเท่าใหร่นัก เรน่ามีหนุ่ม...อุ๊บ

     

     

     

     

     

    เสียงที่กำลังจะหันไปพูดประกาศต่อ ก็ต้องหายไปกะทันหันเมื่อมีมือเข้ามาอุดปาก จากเด็กสาวที่กระโดดเข้ามาใส่เธอจากด้านหลัง

    อ้าย อ้าย ไอ้ อ้า แอ้ว อ่อย เออะ (ได้ๆ ไม่ ว่า แล้ว ปล่อย เถอะ) คำที่อู้อี้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องดังขึ้นมาจากปากที่ถูกมืออุดอยู่ มือทั้งสองข้างพยายามดิ้นเพื่อหาอิสรภาพ

    แขนบางค่อยๆปล่อยออกพร้อมๆกับ สียงถอนหาใจเฮือกและคำบ่นเบาๆ จากปากที่เพิ่งจะกลับมาพูดรู้เรื่อง

    ถ้าช้าอีกหน่อยนี่ครบประโยคแล้วนะเนี่ยเธอเปรยเบา และเหมือนกับเจ้าตัวจะได้ยิน ร่างบางตรงหน้าที่กำลังเช็ดมือกับผ้าเช็ดหน้าหันมาจ้องเขม็งเหมือนกับว่าได้ยินเสียงนินทา

    ว่า ไง นะเรน่าเอ่ยเสียงเครียดๆที่ไม่จริงจังเท่าไหร่ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแต่หันมายิ้ม ภายในใจกลับคิดใพล่ไปอีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน

    เรน่านี่หู ปิศาจ

     

    เมื่อเริ่มออกเดินกันอีกครั้งเรน่าก็เอ่ยถามคำถามเพื่อที่จะได้เปลี่ยนเรื่อง จากที่ว่ามีหนุ่มมาจีบเธออะไรนั่นเป็นเรื่องอีกซะที

    แล้วตอนนี้พ่อเธอขายผักอย่างเดียวเหรอ เรน่าถามเพื่อนของเธอ พลางมองไปยังชายวัยกลางคนที่จอดรถเข็นอยู่หน้าตลาดที่ไม่ห่างจากที่ๆเธอยืนกันมากนัก

    ไม่หรอก เด็กสาวตอบแล้วเอามือไปเล่นเส้นผมสีน้ำตาลที่ริมใบหูอย่างเคยชิน ที่บ้านชั้นน่ะ ขายของเยอะแยะของบางอย่างก็เอามาจากป่าใกล้ๆนี่แหละ เอาอย่างนี้แล้วกันเธอเอ่ยขึ้นแล้วมองมาที่เรน่าด้วยท่าทางท้าทาย ถ้าเธอชนะชั้นได้นะจะพาไปดู

    ได้สิ เรน่าตอบ แล้วเริ่มออกวิ่งตามเพื่อน ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็น

     

    ไม่นานทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายของที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ปริมาณสินค้าในร้านไม่ค่อยจะเหมาะสมกับขนาดของร้านสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งของที่อยู่เต็มร้านที่ทั้ง วาง ห้อย ซุก ฯลฯ มากมายหลายที่ ดูเหมอนว่าเจ้าของร้านหาที่ว่างได้ที่ใดก็เอาของวางขายไว้ตรงนั้น ไม่ว่าใครที่มาซื้อของจะต้องยื่นรายการสิ่งของที่ต้องการให้กับหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าร้านเท่านั้น เพราะเธอดูเหมือนว่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถจดจำได้ว่าอะไรวางอยู่ที่ไหน

     

     

     

     

     

    ถึงแม้ว่าระยะทางจากที่พวกเธอยืนคุยกันเมื่อสักครู่จะไม่ห่างจากหน้าร้านมากนักแต่การที่พวกเธอวิ่งแข่งกันมา มันก็ทำให้เธอเหนื่อยไม่น้อย

    เรน่า!!!” เด็กสาวส่งเสียงดัง มือขวากุมหน้าท้องที่ตอนนี้จุกจากการวิ่ง

    ทำไม....ธะ...เธอต้องชนะทุกครั้งเล้ย!!!” เสียงที่ฟังดูขาดห้วงอันเนื่องมาจากผู้พูดยังหอบไม่หาย

    ผู้ฟังได้แต่ยิ้มให้เป็นคำตอบ จริงๆแล้วอาการของเธอก็ไม่ได้ต่างจากเฟรย่าสักเท่าไหร่นัก แต่เนื่องมาด้วยเธอพอจะใช้เวทย์รักษาง่ายๆได้สองสามบท และหนึ่งในนั้นก็รักษาอาการเหนื่อยหอบนี่แหละทำให้เธอชนะ เจ้าหล่อนที่ได้ชื่อว่าเป็นเด็กเท้าไวที่สุดในหมู่บ้าน (รองจากเธอน่ะนะ)

    เอ้าๆ ชั้นเลี้ยงก็ได้ น้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจนักเอ่ยขึ้น แล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าไปในร้านขายของ

    แม่คะ หนูขอน้ำส้มสองขวดนะคะ เด็กสาวพูดกับหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หน้าร้าน หนูเอาเผื่อให้เรน่าด้วยขวดนึง

    หญิงวัยกลางคนหลือบมามองดูเพื่อนของลูกสาวของตน พร้อมกับยิ้มให้ แล้วเอ่ยคำถาม พลางมองดูลูกสาวของเธอที่ทำหน้าเบ้ เรียบร้อยหลังจากได้ยินคำถาม

    ครั้งนี้ใครชนะเหรอหนูเรน่า เธอยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกสาวที่ยืนกอดอกหน้าบึ้ง

    ก็..เรน่า..อีก..น่ะ..สิ..คะ เด็กสาวตอบผู้เป็นแม่แทนเรน่า ที่ตอนนี้ได้แต่ยิ้มแหยๆ ด้วยเสียงลอดไรฟัน

    ผู้เป็นแม่มองดูเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะเดินไปหยิบ ขวดน้ำส้มจากชั้นวางของแล้วยื่นให้ลูกสาว

    เฟรย่ารับขวดน้ำส้มเย็นๆมาแล้วก็หันไปเปิดจุกขวดน้ำส้ม ให้เรน่าซึ่งตอนนี้กำลังมองภาพวาดที่ประดับบนฝาผนังไม่ห่างจากหน้าร้านมากนัก เป็นภาพเด็กชายคนหนึ่งที่ไว้ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กที่ออกจะแก่นๆซนๆเสียด้วย

    นี่เฟรย่า คนนี้น้องชายเธอเหรอในรูปนี้น่ะ เรน่าถามพร้อมกับชี้มือไปยังภาพที่เธอดูอยู่

    บ้า!!” เฟรย่าอุทานออกมาเบาๆ แล้วเอมือทั้งสองข้างปิดหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ

     

     

     

     

     

     

     

     

    อ๋อ...ภาพนี้เหรอจ๊ะ แม่ของเฟรย่าเปรย เมื่อเห็นภาพที่เรน่าถามแล้วหันไปมองดูเด็กสาวที่หน้าแดงด้วยความอาย ก่อนที่จะหันมาตอบเด็กสาวอีกคนที่ยังมีสีหน้างงๆ กับอาการเขินอายของเพื่อน เป็น......

    ชั้นเมื่อตอนเด็กๆเองล่ะ เฟรย่าพูดสวนขวับขึ้นมาแทน ดวงหน้ายังบ่งถึงความเขินอายที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อก่อนนี้ใครๆก็ว่าเหมือนเด็กผู้ชาย ก็ผมชั้นน่ะสิดูไม่เป็นทรงอย่างนั้น แม่นะแม่เก็บรูปนี้ไว้ทำไมก็ไม่รู้

     เสียงบ่นยาวๆที่เจือความขบขันของเด็กสาวที่ใครๆก็คิดว่าเหมือนเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ซึ่งเรน่าก็ไม่ได้มีท่าทีที่แปลกใจมากมายท่าใดนักเพราะเธอกับเฟรย่าก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เรื่องที่ท่าทางของเธอดูเหมือนจะออกไปทางผู้ชายมากกว่าผู้หญิงนั้น นี้วันนี้ก็ได้รับคำเฉลยซะที

    ที่เธอคิดว่าเฟรย่าเพื่อนของเธอเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อนก็คือทรงผมนั่นแหละที่เปลี่ยนไปมากจากตอนเด็กๆ เพราะในตอนนี้เป็นผมตรงสลวยถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะบ่นรำคาญแล้วชอบรวบเอาไว้ก็เถอะ ส่วน แววตารักสนุกนั่นถึงตอนนี้ก็ยังฉายแววอยู่เหมือนเดิม

    เมื่อพยายามลองนึกถึงตอนก่อนที่เธอและเฟรย่าจะรู้จักกัน ก็อดที่จะหัวเราะออกมาอย่างเสียมิได้ ซึ่งเรน่าก็พยายามกลั้นไว้เมื่อเห็นสีหน้ามุ่ยของเพื่อนสาว เพราะเธอลองไปนึกว่าเฟรย่าในตอนนี้เมื่อกลับไปทำผมยุ่งๆแล้วมีนิสัยแก่นแก้วมากกว่าตอนนี้จะเป็นยังไง

     

    เอ้า! ดื่มซะก่อนที่มันจะหายเย็นนะเฟรย่าหันไปเทน้ำส้มใส่แก้วแล้วส่งให้เรน่า ซึ่งตอนนี้ก็พอจะหายเจ็บท้องจากการกลั้นหัวเราะไปบ้าง ก็รับน้ำส้มมา แล้วกล่าวขอบคุณตามมารยาทก่อนที่จะดื่มด้วยความกระหาย

     

    วันเสาร์นี้เธอว่างหรือเปล่า?เฟรย่ากระซิบ เมื่อเห็นว่าเดินออกมาห่างจากร้านของตนพอสมควรแล้ว เรน่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจากคำถามแปลกๆที่ต้องกระซิบกระซาบ

    ว่างสิ ทำไมเหรอ?เรน่ากระซิบตอบ เด็กสาวมองซ้ายมองขวาแล้วบุ้ยใบ้เหมือนกับว่าให้เอียงหูมา ซึ่งเธอก็ทำตาม

    เมื่อวานนี้น่ะนะ เฟรย่าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ชั้นเข้าไปในป่ามา.....ไปหาของป่ากับพ่อน่ะ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิเธอต่อหลังจากเห็นสีหน้าที่เหมือนส่งคำต่อว่ามา ของเพื่อนสาวที่อ่านออกได้ง่ายๆ

    ไม่เห็นชวนเลย

     

     

     

     

    เอาน่าๆ ก็คราวนี้มาชวนไปด้วยแล้วไง เด็กสาวเอ่ยขอโทษขอโพย จะฟังต่อไหมเนี่ย

    ถึงไม่ฟังชั้นก็จะเล่าล่ะเฟรย่าหันพูดด้วยเสียงกระซิบอีกครั้ง ซึ่งเราน่าก็เอียงหูฟังอย่าว่าง่าย ยังไงความอยากรู้อยากเห็นก็ยังเป็นต่อยู่ดี

    ระหว่างที่พ่อของชั้น กำลังเดินหาของป่าอยู่ที่ริมทะเลสาบน่ะนะ   ชั้นก็ไปมองเห็นถ้ำเล็กๆที่อยู่ในริมทะเลสาบล่ะ สวยมากๆเลย พ่อชั้นก็ไปเอาพลอยสวยๆมาจากถ้ำนี้ล่ะเฟรย่าเล่าให้เธอฟังด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยจากแค่เสียงกระซิบที่เบาแทบไม่ได้ยิน แล้วหยิบหินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า

    หินที่หยิบออกมาเป็นหินสีน้ำเงินที่มีความแวววาว เมื่อต้องแดดแสงที่ส่องออกมาดูเป็นประกาย เหมือนผิวน้ำทะเลยามต้องแสงอาทิตย์สวยงาม

    เป็นไง น่าสนไหม? เธอหันมาพร้อมกับถามความเห็นเรน่า ซึ่งเธอก็ส่ายหน้าตอบแบบว่า ไม่อยากเกี่ยวด้วย

    เธอหมายความว่า เธอจะชวนชั้นไปดำน้ำเนี่ยนะ! ไม่เอาด้วยหรอก เสียงปฏิเสธเสียงแข็งดังขึ้น จากผู้รู้ทัน เธอส่ายหน้าแสดงอาการย้ำสิ่งที่พูด เธอก็รู้นี่นาว่าชั้นว่ายน้ำไม่เป็น ไม่เหมือนลูกอดีตนักรบของป้อม เบลเฮม อย่างเธอนี่นา เรน่าตอบกลับพร้อมกับจงใจเน้นในคำบางคำ

                    ไม่เป็นไรๆ งั้นคอยอยู่เป็นเพื่อนชั้นก็แล้วกัน เฟรย่าโพลงออกมา เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคงไม่ยอมแน่ๆ เธอมองไปที่ใบหน้าของเรน่าครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

                    แล้ววันนี้เธอว่างหรือเปล่า?

                    เด็กสาวส่ายหน้าเป็นเชิงตอบคำถาม ก่อนที่จะอธิบาย ไม่ได้หรอกกว่าจะว่างอีกที ก็ต้องวันเสาร์โน่นแหละ 

                    เฟรย่าเอามือขึ้นเล่นผมอย่างเคยชิน ซึ่งเธอก็มักจะทำอย่างนี้เวลา ใช้ความคิด

              อืม...วันเสาร์นี้... วันเสาร์นี้พ่อเราจะเข้าป่าอีกนี่นา โอเคล่ะเฟรย่าคิด เมื่อได้ดังนั้นแล้วก็บอกนัดเวลากับเธอเบ็ดเสร็จ

                    เอาเป็นว่า วันเสาร์นี้ เก้าโมง ที่หน้าร้านนะ ตกลงนะ! บ้ายบาย...

                    เมื่อถูกกล่าวมัดมือชกอย่างนี้แล้ว เธอจะทำอย่างไรได้ เรน่าได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับเพื่อนของเธอ ที่เดินแย้มรอยยิ้มบางกลับไปทางลานพ่อค้า

                    นี่เฟรี่ ไปไหนล่ะเรน่าร้องถามเพื่อนของเธอเมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนเริ่มเดินห่างออกไปโดยไม่สนใจเธอสักนิด เด็กสาวหันมายิ้มกว้างให้เธอ แล้วเอ่ยตอบสั้นๆ

                    ช่วยพ่อขายของจ๊ะ

              แล้วคนอารมณ์ดีก็เดินยิ้มห่างออกไป ปล่อยให้คนที่อยู่เบื้องหลัง ยืนเกาหน้า แกรกๆ ด้วยความสงสัย

                    อ้าว...นี่ตกลงที่ชวนเราออกมจากโบสถ์ ก็มาแค่นี้น่ะเหรอ เรน่าคิดพลางเดินก้าวยาวๆกลับไปตาทางมุ่งหน้าสู่โบสถ์ โดยยังไม่คลายความสงสัย ที่เฟรย่าต้องการจริงๆนั้น เป็นอะไรกันนะ? เธอเปรยเบาๆกับตัวเองก่อนที่จะสละความคิดทิ้งไป

              เอาเถอะ เดี๋ยววันเสาร์ก็รู้เองล่ะน่า

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×