ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามแห่งอาณาจักร เมียร์

    ลำดับตอนที่ #3 : การมาเยือนของชายแปลกหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 50


    บทที่ 2 การมาเยือนของชายแปลกหน้า Becoming of the unknown men

    "อรุณสวัสดิ์ครับ คุณพ่อวุลฟริก"ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากบ้านหันมาทักทาย เมื่อเขาสังเกตเห็นท่านบาทหลวงเดินมา น้ำเสียงของเขาดูหม่นหมองอย่างที่เขาพยายามจะกลบเกลี่อนแต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าใดนัก

    "อรุณสวัสดิ์ ไนแลฟ"บาทหลวงชราทักตอบด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

    "ลูกชายขงอลูก อาการเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม" คำถามที่เรียบง่ายและสุภาพแต่ก็แฝงความเป็นห่วงไว้ในน้ำเสียงของชายชราเอ่ยถามชายเบื้องหน้า

    "ก็..." เสียงของชายหนุ่มผู้เป็นพ่อตอบด้วยเสียงแผ่วเบาและขาดห้วง "ยังอาการไม่ดีขึ้นเลยครับ คุณพ่อ"

    ใบหน้าของเขาดูเศร้าลงอย่างสังเกตได้ไม่ยาก เขาหันมองข้ามไหล่เข้าไปในบ้าน ซึ่ง เรน่าก็พยามยามเขย่งเท้ามองตาม

    ในบ้านมีเด็กชายคนหนึ่งนอนห่มผ้าห่มอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เหมือนคนที่กำลังมีไข้ขั้นสูง แต่ริมฝีปากกลับซีดเซียว

    "น่าสงสารจัง" เรน่าคิดในใจ พลางเหลือบไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าของเขา หม่นลงมาอย่างมากหลังจากหันกลับมา เขาก้มมองพื้น คิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด

    "ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีครับ คุณพ่อวุลฟริก"ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยริมฝีปากสั่นเครือมือทั้งสองข้างกำแน่น "ทะ...ทำอย่างไรแกก็ไม่ดีขึ้น" สิ้นคำ หยาดน้ำหยดเล็กๆก็หยดลงบนพื้น บ่งบอกถึงความอัดอั้นของผู้เป็นพ่อได้เป็นอย่างดี พ่อผู้ที่ลูกชายต้องทนทรมานกับโรคร้ายที่ยังไม่มีวิธีรักษา

    "อย่างเพิ่งหมดหวังสิคะ"เรน่าพูด เธอเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของชายหนุ่ม ด้วยสีหน้าที่ไม่แตกต่างกันมากนัก หากแต่ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร เธอก็คิดเช่นเดียวกับเขาที่อยากให้เด็กคนนั้นหายป่วย จากความคิดน้ำคำสั้นๆก็เอ่ยออกมา "หากว่าเรายังไม่สิ้นหวัง หนทางยังมีเสมอนะคะ"

    "ความหวังเหรอ ใช่สิ เรายังไม่หมดความหวังนี่นา เราจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร" ความคิดที่ไม่ซับซ้อน แต่แน่วแน่และมั่นคงจากประโยคสั้นๆ คำไม่กี่คำ ที่เตือนให้เขาไม่ยอมแพ้

    "ขอบคุณมากนะเรน่า"น้ำที่ฟังดูเรียบๆและแผ่วเบาดังขึ้นมาจากชายหนุ่มที่ยังก้มหน้า เมื่อสิ้นคำเขาเงยหน้าขึ้นมา ด้วยใบหน้าที่แตกต่างไปจากเดิม จากความเศร้าโศก แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง รอยยิ้มบางเจือบนใบหน้า ตอนนี้เขามีแรงใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายของลูกชายของเขาอีกครั้ง

    ชายชรา มองดูเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม เธอที่เติบโตขึ้นมาก นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เห็น เด็กน้อยที่ชอบร้องไห้งอแง  ตอนนี้เธอเข้มแข็งขึ้น เข้มแข็งขึ้นอย่างอ่อนโยนและมีเมตตา

     "บางทีข้าอาจจะไม่ต้องดูแลเจ้าอีกต่อไปแล้วก็ได้" ชายชราคิด

    "คุณพ่อคะ" เสียงเรียกดังขึ้น เมื่อเห็นผู้ที่ถูกเรียกหันมามองก็เอ่ยต่อ "คุณพ่อไม่ลองใช้เวทย์ของคุณพ่อรักษาล่ะคะ บางที ลูกชายของคุณไนแลฟอาจจะอาการดีขึ้นก็ได้"

    "เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ" ชายหนุ่มตอบปฏิเสธทันควัน "ผมจะลองพยามยาม หาวิธีรักษาลูกของผมด้วยตัวเองอีกสักครั้งครับ"

    "งั้นหรือ" อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ชายชราจึงเอ่ยต่อ "หาก ลูกมีสิ่งใดที่ต้องการความช่วยเหลือ พ่อยินดีช่วยเหลือลูกเต็มที่"

    ไนแลฟได้แต่ยิ้มด้วยความตื้นตันใจ เขารู้สึกขอบคุณ ท่านบาทหลวงอย่างไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดใดๆได้ ไนแลฟ มองดู บาทหลวงกับเด็กสาวที่เดินจากไป พลางนึกย้อนหวนคืนเมื่อครั้งอดีต ที่ชายผู้นี้เข้ามาในหมู่บ้านครั้งแรก

    ฤดูหนาว เมื่อสิบห้าปีก่อน

    ฤดูหนาวที่บาลาแอฟ ได้ขึ้นชื่อว่าหนาวเย็นที่สุด ในอาณาจักรเมียร์ตอนเหนือ ถ้าไม่ได้นับรวม เคแพนเนียเข้าไปด้วย น้อยคนในเมียร์ที่จะทราบได้ว่าที่ เคแพนเนียนั้นอากาศหนาวเย็นเพียงใด บางคนก็บอกว่าที่นั่นเป็นดินแดนต้องสาป ยากที่ใครจะย่างกรายเข้าไปได้ และไม่มีชาวเคแพนเนียคนใดที่เดินทางออกมาสู่โลกภายนอกเลย จึงมีคนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนน้ำแข็งนี้น้อยเต็มที และหลังจากสงครามในครั้งนั้น เคแพนเนียก็เป็นดินแดนปิดที่ไม่มีใครเข้าออกอีก

    บ้านเมืองในช่วงเวลานี้ ยังไม่ค่อยที่จะคึกคักเท่าใดนัก อาจจะด้วยทั้งสภาพอากาศที่หนาวเย็น และข่าวคราวของโรคระบาดที่ลือกันว่าตอนนี้กำลังแพร่กระจายอยู่แถบ ฟรานซ์ แต่เขาจะทำอย่างไรได้ ข้าวของในตอนนี้ก็ราคาแพงเต็มที อาหารก็ต้องอาศัยเมืองบาลาแอฟ กับ ราเฟรเซีย เพราะกว่าจะพัฒนาผืนดินให้สามารถกลับมาเพาะปลูกได้เหมือนแต่ก่อนต้องใช้ระยะเวลานาน แล้วตอนนี้หิมะก็ตกหนักมาหลายอาทิตย์ ท่าเรือที่ช่องแคบเนสก็ต้องปิด เพราะน้ำทะเลกลายเป็นน้ำแข็ง การที่จะได้อาหารมาประทังชีวิตก็ต้องเดินทางเข้าไปในตัวเมือง

    ไนแลฟ กำลังเดินเข้าสู่หมู่บ้านไรน์ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ หิมะที่ตกหนักมาหลายวันทำให้พื้นดินมีหิมะท่วมสูง แทบทุกสรรพสิ่งถูปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน เขาเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากการเดินทางไปยังตัวเมืองบาลาแอฟ การเดินทางค่อนข้างจะลำบาก เพราะหิมะที่ท่วมสูงถึงท่อนขา แต่ด้วยประสบการณ์ที่ได้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนี้มา กว่ายี่สิบปีทำให้การเดินทาง  ก็ไม่มีอุปสรรค์เรื่องเส้นทางมากมายเท่าใดนัก สำหรับทัศนะวิสัยที่ขมุกขมัว อันเนื่องมาจากหิมะตกหนักเช่นนี้

    ไนแลฟกำลังไขกุญแจเปิดประตูเพื่อที่จะเข้าไปในบ้านของเขา ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าหมู่บ้าน ระหว่างนั้นเขาสังเกตเห็น ร่างๆหนึ่งรางๆ บนถนนเข้าสู่หมู่บ้านซึ่งตอนนี้มีหิมะปกคลุมหนา ดูจากความสูงแล้วคนผู้นี้ไม่น่าจะใช่สตรี ภาพของคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาทำให้เขาต้องเอามือป้องใบหน้าและหรี่ตามอง อันเนื่องมาจากสายลมที่กำลังพัดแรง

    ชายแปลกหน้าเดินเขาสู่ตัวหมู่บ้านอย่างช้าๆ ในมือของเขาโอบอุ้มห่อผ้าสีน้ำตาลกำมะหยี่ไว้ในอ้อมแขน ห่อผ้าที่ดูเหมือนว่าห่อหุ้มสิ่งที่ความสำคัญมากสำหรับเขาไว้ภายใน เพราะถึงแม้หิมะจะตกหนัก ลมจะพัดแรง และชายแปลกหน้าผู้นี้ก็มีหิมะจับหนาเหนือผ้าคลุมศีรษะของชุดเดินทาง ปอนๆ ซึ่งไม่น่าจะสามารถปกป้องเขาจากความนาวเหน็บได้สักเท่าใดนัก แต่บนห่อผ้านั้นแทบจะไม่มีหิมะเกาะติดอยู่เลย

                    ชายหนุ่มมองดู ชายแปลกหน้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ จนตอนนี้เขาสามารถเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะสวมชุดคลุมสำหรับเดินทางอยู่ก็ตาม เสื้อคลุมของเขาสะบัดไปตามแรงลม  ชุดที่ แสนจะซอมซ่อนั้น รอยขาดของหมวกคลุมได้ เผยให้เห็นใบหน้าของชายชราที่ผมบนศีรษะมีสีเทาเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับคิ้วและเครายาวที่อยู่ภายใต้ผืนเสื้อ แววตาของเขาดูหม่นหมองราวกับผ่านเรื่องราวนานับประการมาในชีวิต ดวงตาคู่นั้นมองมาทางไนแลฟชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากจะเผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม

    "ข้าขอรบกวนท่านสักอย่างได้ไหม"เขากล่าวกับไนแลฟเมื่อเขาเดินมาถึง ด้วยริมฝีปากที่มีไอออกมาแทบตลอดเวลาเพราะความเย็นของอากาศ แต่ไม่มีท่าทางว่าชายคนนี้จะมีสภาพเหมือนคนทั่วๆไปที่ต้องประสบกับสภาพอากาศและเสื้อผ้าที่ไม่ช่วยป้องกันได้มากเท่าใดในกลางฤดูหนาว

    ไนแลฟมองดูชายผู้นี้ด้วยสาตาพินิจพิเคราะห์อยู่ชั่วครู่หนึ่ง เพราะในปรกติแล้วหมู่บ้านไรน์แห่งนี้ในฤดูหนาวไม่ค่อยมีผู้คนเดินทางผ่านไปมาเท่าใดนัก อีกทั้งในยามที่สภาพอากาศอย่างนี้ด้วยแล้ว

    "ได้สิท่าน มีอะไรให้ข้าช่วยเหลือล่ะ" เขาตอบชายแปลกหน้า ระหว่างนั้นสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นสายสร้อยเส้นเล็กๆ ที่ห้อยออกมาจากห่อผ้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร

    "สงสัยคงเป็นของๆชายคนนี้ล่ะมั้ง"เขาคิดแล้วก็กลับมาสนใจชายตรงหน้า

    "ขอบคุณท่านมาก" ชายแปลกหน้าเอ่ย เขาค้อมหัวเล็กน้อยให้ในแลฟเป็นการขอบคุณก่อนจะกล่าวต่อ "ข้าเพียงอยากทราบว่า โบสถ์ของท่าน บิชอป เบอร์เนล อยู่ที่ใด"

    หัวคิ้วของไนแลฟมุ่นลงเล็กน้อยด้วยความสงสัยในจุดหมายของชายชราแปลกหน้า แต่กระนั้น เขาก็ยังตอบคำถามและบอกทางให้

    "ท่านเดินเข้าไปตามทางเข้าสู่หมู่บ้านนี้ไปเรื่อยๆ"ไนแลฟพูดพลางชี้มือไปยังทางที่อยู่ข้างๆบ้านของเขา "แล้วท่านจะพบโบสถ์ของท่าน บิชอปเบอร์เนล ก่อนถึงหัวมุมถนน"

    "ขอให้ท่านโชคดี" ชายหนุ่มกล่าวคำลาแก่ชายแปลกหน้า ซึ่งเขาก็กล่าวขอบคุณไนแลฟอีกครั้งสำหรับคำชี้แนะเส้นทาง และเริ่มออกเดินไปตามคำแนะนำนั้น เพียงไม่นานร่างของชายแปลกหน้าก็เลือนหายไปในสายลม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×