คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Mission 05 : เพื่อนใหม่ผู้มาพร้อมเสียงดนตรี
MISSION 05
เพื่อนใหม่ผู้มาพร้อมเสียงดนตรี
วันเปิดเทอมมาถึงแล้ว
เป็นเรื่องปกติที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องประสบพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน การเรียน การบ้าน และการละเล่นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน
แต่จะมีคนบางคนที่รมณ์บ่จอยสุด ๆ เมื่อวันนี้มาถึง
คน ๆ นั้นไม่ใช่มนุษย์
"ไม่ต้องเสียใจหรอกน่าเจ้าปีศาจน้อย ปีนี้ก็เป็นปีที่ 4 แล้วที่นายต้องเฝ้าบ้านเวลาลีโล่ไปโรงเรียนตอนเปิดเทอม ยังไม่ชินอีกเหรอ" พรีคลีย์ปลอบเจ้าสติทช์ที่ทำหน้าบูดบึ้งเพราะไม่ได้อยู่ใกล้ลีโล่เหมือนเมื่อครั้งออกตามหาสัตว์ทดลอง
"ทำใจให้ชินเวลาคู่หูคู่ซี้อยู่ห่างกันทั้งที่ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง มันต้องใช้เวลา เว้นเสียแต่ว่าที่โรงเรียนยัยหนูมีสัตว์ทดลองหลุดมาสร้างความปั่นป่วนน่ะ เจ้า 626 ถึงจะถูกตามไปช่วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ" จัมบ้าขำขันตามประสาอัจฉริยะชั่วร้ายที่รู้ใจผลงานชิ้นโบแดงดี
"แต่บนเกาะนี้ก็มีเพื่อน ๆ สติทช์ไว้คบหาเวลาเหงา น่าจะลดความฟุ้งซ่านลงได้บ้าง ไม่เหมือนปีแรก ๆ ตอนถูกรับเลี้ยง แอบตามจนฉันต้องคุยกับครูแทบไม่รู้กี่ครั้งกว่าสติทช์จะเข้าใจว่าไม่ควรเกาะรถโรงเรียนตามไป... ถ้าไม่จำเป็น" นานี่พูดออกมาด้วยความเป็นห่วง รู้นิสัยสติทช์ดีว่าเขาไม่ชอบอยู่เฉย ๆ เวลาลีโล่ออกไปโรงเรียน ยิ่งเป็นสัตว์ทดลองที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น... นานี่ต้องคุมพฤติกรรมให้อยู่ก่อนที่เขาจะสร้างความปั่นป่วนจนต้องตามเคลียร์ในภายหลังเหมือนปีแรก ๆ ก่อนมีสัตว์ทดลองอีกหกร้อยกว่าชีวิตถาโถมเข้ามา
"ก็ปีนี้พิเศษกว่าทุกปีตรงที่ลีโล่มีมาวินเป็นเพื่อนผู้ชาย นานี่ก็น่าจะสังเกตบ้าง... ว่าเจ้าปีศาจน้อยจะเคืองทุกครั้งที่ลีโล่หลงหรือปลื้มผู้ชายจนออกนอกหน้า" พรีคลีย์พูดให้นานี่นึกถึง คีโอนี่ เจมส์สัน ลูกชายเจ้านายของเธอ เพื่อนรุ่นพี่ที่ลีโล่หลงใหลชั่วครู่ นานี่จำได้... ว่าคีโอนี่เป็นนักกีฬาสเก็ตบอร์ดที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลจนลีโล่แอบฝันหวานจะเป็นแฟน ทำเอาสติทช์ไม่ชอบใจนักที่ลีโล่จะมีเพื่อนผู้ชาย
โดยเฉพาะ... เพื่อนผู้ชายที่ดูท่าจะไม่มีอะไรเทียบเคียงสู้สติทช์ได้
"ลีโล่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบพอกับมาวินสักหน่อย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... ตอนนี้ลีโล่ไม่ค่อยโฟกัสกับเรื่องพวกนี้ เหมือนที่ลีโล่ยืนยันแล้วว่าคีโอนี่เป็นแค่เพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพนับถือกันก็เท่านั้น อีกอย่าง... สติทช์ก็ไม่ได้มีท่าทีขุ่นเคืองอะไรในตัวมาวินเลย" นานี่โต้แย้งออกมาเบา ๆ เพื่อให้พรีคลีย์เพลา ๆ ความคิดเรื่องผู้ชายผู้หญิงในเชิงพัฒนาความสัมพันธ์เกินกว่าเพื่อนบ้าง เพราะเห็นว่าน้องสาวของเธอยังเด็กอยู่
"ลองไม่มีเจ้า 624 เป็นเพื่อนยัยหนูกามเทพสิ เจ้า 626 ได้มองพ่อหนุ่มเป็นคู่อริแหง ๆ" จัมบ้าหยิบยกแองเจิ้ลกับสองพี่น้องโคลแมนมาพูดติดตลก ราวกับว่าสติทช์กำลังหึงลีโล่ประหนึ่งคนเป็นแฟนหึงกันเบา ๆ นานี่ฟังแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอกับคำพูดของอัจฉริยะสี่ตาที่ฟังดูเกินจริงเล็กน้อย
"เชื่อเหอะ สติทช์ไม่มีทางหัวร้อนกับใครง่าย ๆ เพียงเพราะลีโล่ให้เวลากับเขาหรอกน่า ลีโล่รู้ดี... ว่าสติทช์คือเพื่อนคนสำคัญอันดับหนึ่งในใจเสมอ และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด" นานี่เชื่อมั่นในตัวสติทช์... ว่าเขาไม่มีทางแสดงอาการหวงลีโล่จนอีกฝ่ายต้องอึดอัดใจในภายหลัง เพราะสติทช์แยกแยะได้ว่าผู้ชายที่เข้ามาใกล้ชิดลีโล่นั้นดีไม่ดีอย่างไร แต่ของอย่างนี้... มันต้องใช้เวลากว่าจะพิสูจน์ความจริงว่าสิ่งที่สติทช์ตั้งแง่นั้นมันเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
สติทช์แอบยิ้มอย่างมีความหวัง เขาพยายามไม่เข้าข้างตัวเองว่าเป็นคนสำคัญในใจลีโล่ เพราะสติทช์เชื่อมั่นในตัวลีโล่ว่าเธอไม่มีวันทอดทิ้งหรือลืมเขาเป็นอันแน่แท้ แม้ว่าลีโล่จะมีมาวินอยู่ข้างกายก็ตาม
เพราะมาวินมีความมาดแมนคู่ควรกับลีโล่แทบทุกประการ หลงรักทุกสิ่งทุกอย่างที่ลีโล่ทำมาทั้งหมด
เหมือนที่... สติทช์ยังมีใจให้ลีโล่อยู่ แม้ข้างกายเขามีแองเจิ้ลแล้วก็ตาม
หลังจากที่นานี่ออกไปทำงานแล้ว สติทช์ก็ก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อหาเรื่องเจ๊าะแจ๊ะกับพี่น้องสัตว์ทดลองแก้เหงาอีกตามเคย
เพียงแต่ช่วงสายของวันนี้ สัตว์ทดลองตัวแรกที่เขาได้ทักทาย... เป็นนางฟ้าสีชมพูที่ดูท่าจะรมณ์บ่จอยเหมือนกัน จึงพากันไปปรับทุกข์บนเปลญวนนอกบ้าน
"เธอเองก็อยากไปโรงเรียนเป็นเพื่อนมาเรียเหมือนกันสินะ" สติทช์เข้าประเด็นในทันทีที่อ่านสีหน้าของแฟนสาว ซึ่งแองเจิ้ลพยักหน้ายอมรับ
"เหมือนกับพี่... ที่อยากตามไปดูลีโล่ถึงโรงเรียน แต่ก็ไปไม่ได้เพราะกฎห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าไป" แองเจิ้ลอ่านใจสติทช์ออก หัวอกเดียวกัน ห่วงเพื่อนที่เข้าโรงเรียนใจแทบขาด โดยเฉพาะมาวินกับมาเรียเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เพิ่งย้ายมาเกาะคาไวไม่นาน กลัวว่าทั้งคู่จะเข้ากันกับเพื่อนใหม่ไม่ได้ โดยเฉพาะมาเรียที่เคยเจอปัญหาแบบเดียวกับที่ลีโล่เจอ
"พี่เชื่อ... ว่าลีโล่ พี่วิน และคุณพ่ออลันจะช่วยดูมาเรียได้ดีที่สุด" สติทช์กุมมือแองเจิ้ลให้เธอเชื่อมั่นในตัวลีโล่เข้าไว้ "ถึงลีโล่กับมาเรียจะถูกมองไม่ดีหรือประหลาดยังไง แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะจับมือเชื่อมั่นในตัวตนของกันและกันให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอแค่เชื่อมั่นในตัวมาเรีย... ว่ามาเรียดูแลตัวเองได้เหมือนที่พี่เชื่อมั่นในตัวลีโล่... ว่าลีโล่ดูแลตัวเองได้เช่นกัน"
คำพูดของสติทช์ ทำให้แองเจิ้ลรู้สึกดีขึ้น สติทช์เองก็ลดละความคิดฟุ้งซ่านลงได้ดี ตั้งแต่ลีโล่มีเพื่อนใหม่อย่างวิคตอเรียกับมาเรีย... โลกของเธอก็มีสีสันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สติทช์พลอยหายห่วงที่ภารกิจค้นหาและละลายพฤติกรรมสัตว์ทดลองมีส่วนที่ทำให้เขากับลีโล่รู้จักและเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้น ลีโล่ถึงได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจเล่าเรื่องของเธอให้คนที่เธอเรียกว่า "เพื่อน" อย่างสนิทใจจนถึงทุกวันนี้
รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฎบนใบหน้านางฟ้าสีชมพูตัวน้อย เธอคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ตกหลุมรักสติทช์ด้วยหัวใจ อย่างน้อย... เธอต้องขอบคุณลีโล่ที่ทำให้จอมทำลายล้างหมายเลข 626 มีทัศนคติทางด้านความคิดที่ดีขึ้น มองโลกในแง่บวกขึ้น รู้จักคำว่ารักจากโอฮาน่าและมิตรสหายได้ดียิ่งขึ้น
สติทช์พูดถูก เธอควรจะเชื่อใจมาเรีย... ว่ามาเรียดูแลตัวเองได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะลีโล่กับมาวินจะคอยซัพพอร์ทเธอให้เป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า
เธอหวังว่าอย่างนั้น
------------------------------------------------------------------------
วันนี้เป็นวันแรกของปีการศึกษาใหม่ เป็นเรื่องปกติที่นักเรียนเก่าเลื่อนชั้นไปอีกปีหนึ่ง พวกลีโล่กำลังเข้าสู่ Grade 3 ในฐานะนักเรียนเก่า แน่นอนว่ามาวินกับมาเรียเป็นนักเรียนใหม่ ต้องได้รับคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนและอาจารย์
แต่หลังจากที่สองพี่น้องฝาแฝดโคลแมนได้ทำความรู้จักกับลีโล่และเพื่อนร่วมห้องอย่างเป็นทางการ สิ่งไม่ปกติก็เกิดขึ้น
สองพี่น้องฝาแฝดถูกพูดถึงในหมู่แฟนเกมเวอร์ชวลเซเล็บพาวเวอร์
พูดถึงในฐานะ ผู้เล่นท็อปเท็น ของเกม
แน่นอนว่าสติทช์กับแองเจิ้ลต้องถูกพูดถึงในฐานะคู่ดูเอ็ต (duet) ตัวเก็งของโชว์ในเกมนี้!
ทำไมถึงถูกพูดถึงแต่แรกพบนะเหรอ!?
เพราะโรงเรียนนี้มีนักเรียนอายุตั้งแต่ 6-12 ปี และเด็กอายุแรกรุ่นแทบจะทุกคนต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่โหลดแอพพลิเคชั่นเกมเซเล็บพาวเวอร์ ซึ่งเป็นแอพที่เปิดใช้สำหรับติดตามชาร์ตท็อปเท็นของเกมแบบเรียลไทม์ และผู้เล่นที่เป็นหนึ่งในท็อปเท็นของเกมจะถูกพูดถึงกันอย่างล้นหลาม จึงไม่แปลกนัก... ที่ทั้งสองพี่น้องต่างถูกบรรดาเพื่อนร่วมห้องของลีโล่ (ยกเว้นเมอร์เทิลและก๊วนหญิงจ๋าว่าใช่) พากันรุมจีบและขอเป็นเพื่อน ยิ่งรู้ว่าสติทช์ที่เป็นคู่ต่อสู้ของมาวินในเกมเป็นหมาของลีโล่ ลีโล่จึงพลอยถูกพูดถึงไปด้วย
นักเรียนในห้องโฮมรูมของลีโล่ทั้ง 30 ชีวิตพากันเม้าท์เรื่องลีโล่ มาวิน และมาเรียได้ไม่นาน ครูสาวสวยผู้ทำหน้าที่เป็นครูประจำชั้นก็ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
เธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปลาย ๆ เกือบย่างเข้าเลขสาม หน้าตาดูสวยงามใจดีคู่กับชุดทำงานสีขาวที่ดูทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วแบบครูผู้เป็นเวิร์คกิ้งวูแมน (working woman) เด็ก ๆ เห็นแล้วนึกอยากทำความรู้จักแต่แรกพบ
"ทุกคน... ทำความเคารพ!" นักเรียนชายผู้เป็นหัวหน้าห้องของลีโล่เป็นฝ่ายนำเพื่อน ๆ ทักทายคุณครู
"อะโลฮ่าค่ะคุณครู! / อะโลฮ่าครับคุณครู!" ลีโล่และเพื่อน ๆ นักเรียนทุกคนทำความรู้จักคุณครูคนใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน
"อะโลฮ่าจ้ะทุกคน! ยินดีต้อนรับสู่ชั้น Grade 3 แล้วนะคะ ห้องที่พวกเธออยู่ก็คือห้อง 2 ใช่มั้ยคะ" คุณครูคนสวยเกริ่นนำก่อนที่จะแนะนำตัวให้ลีโล่ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ "ครูชื่อ... มีนา ค่ะ มีนา บั๊บเบิ้ลส์ จะเป็นครูประจำชั้นของพวกเธอ"
เพียงแค่ลีโล่ได้ยินนามสกุลครู ถึงกับฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่าครูคนนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณค็อบบร้าในทางใดทางหนึ่ง
แต่ครูมีนาจะเปิดโอกาสให้มาวินกับมาเรียแสดงตนเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียน ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนรู้จักดีตั้งแต่ก่อนคาบโฮมรูมแล้ว
แต่หาได้รู้ไม่... ว่าไม่ได้มีแค่สองพี่น้องฝาแฝดที่เป็นนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาในปีนี้
ครูมีนาผายมือเชื้อเชิญนักเรียนใหม่อีกคนก้าวเท้าเข้ามาในห้อง สร้างความตื่นเต้นให้ลีโล่ วิคตอเรีย และพวกเมอร์เทิลเป็นอย่างมาก อยากรู้ใจแทบขาดว่า "นักเรียนใหม่" ที่ครูพูดถึงนั้น... เป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นคนรวยหรือคนมีฐานะเดียวกันกับเด็ก ๆ ทุกคน
และที่สำคัญ... เด็กคนนั้นจะเป็น "มิตร" หรือ "ศัตรู"
และแล้ว... ว่าที่เพื่อนใหม่ก็ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
เพื่อนใหม่คนที่ 3 เป็นเด็กผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งผสมแทนเหมือนชาวฮาวายเอี้ยนทั่วไป แต่สีผิวของเธอดูอ่อนกว่าลีโล่ระดับหนึ่ง ใบหน้าของเธอดูอวบอูมเล็กน้อย... มีแก้มนิด ๆ ดูน่าทะนุถนอม ไว้ทรงผมบ๊อบสั้น สีหน้าและแววตาของเธอดูเซื่องซึมกึ่งขี้อายเล็ก ๆ ราวกับว่าเธอดูไม่มีเสน่ห์เท่าใดนัก การแต่งกายของเพื่อนใหม่ก็เรียบง่ายไม่เท่าลีโล่ที่เน้นชุดมูมูสีแดงหรือเขียว หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... เธอสวมเสื้อยืดสีเขียวและกางเกงขาสั้นสามส่วนสีกากี
เป็นรูปพรรณสันฐานและการแต่งกายที่ทำเอาเมอร์เทิลถึงกับมองบนในพริบตา คิดว่าเพื่อนใหม่คงต้องถูกจัดเป็นคู่หูคนเพี้ยนของลีโล่เป็นอันแน่แท้
"อะโลฮ่าค่ะทุกคน ฉันชื่อ... คาลิน่า เรียกสั้น ๆ ว่า คาลี่ ฉันย้ายมาจากเกาะลานาอิเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" เพื่อนใหม่ที่ชื่อ "คาลี่" แนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผลที่ได้รับ คือ... ลีโล่และเพื่อน ๆ พากันปรบมือต้อนรับเพื่อนใหม่ มีแต่เมอร์เทิลที่จำใจปรบมืออย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ครูมีนาผายมือส่งคาลี่ไปยังที่นั่งที่อยู่บริเวณกลางห้อง พบว่าคาลี่ได้นั่งข้างลีโล่
"นังโลเลคนเพี้ยนนี่โชคดีได้เพื่อนใหม่อีกแล้ว สงสัยจริงว่านังนี่ใช่คนแน่รึเปล่า ถึงได้มีแต่คนรัก ไม่ใช่แค่คนสิ เจ้าหมาน่าเกลียดและก๊วนมันก็รักแต่นังนี่" เมอร์เทิลบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง นึกอิจฉาลีโล่ที่ได้คาลี่เป็นเพื่อนใหม่ เป็นเหตุให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นทำงานหนักขึ้น คิดว่าคนที่ชื่อคาลี่มีบางอย่างที่เพี้ยน ๆ ซุกซ่อนอยู่
ลีโล่ยิ้มให้คาลี่อย่างเป็นมิตร ในขณะที่คาลี่ดูท่าจะหลบหน้าหลบตาเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ... ที่คาลี่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ หลังจากที่เธอจำต้องย้ายมาอยู่กับญาติที่เกาะนี้อย่างฉุกละหุก
ถ้าจะถามถึงพ่อแม่ของคาลี่ ลืมไปได้เลยว่าจะได้คำตอบ เพราะคาลี่จะเงียบในทันทีที่มีคนถามถึงพ่อแม่ ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรถูกหยิบยกมาพูดเป็นอันขาด... ถ้าไม่สนิทใจกับใครสักคนที่เป็นเพื่อนเธอได้จริง ๆ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นประจำตัวของเธอ คือ... การเป่าฟลุท
ทำไมการเป่าฟลุทถึงเป็นจุดเด่นที่คาลี่ภาคภูมิใจนัก!?
อีกประเดี๋ยวที่มาจะถูกเปิดเผย และการเป่าฟลุทของคาลี่จะเปลี่ยนชีวิตเธอในอีกมิช้า!
------------------------------------------------------------------------
เพราะโชว์ของมาวินกับสติทช์ และโชว์ของมาเรียกับแองเจิ้ลเป็นโชว์ติดอันดับท็อปเท็นของเกมเซเล็บพาวเวอร์นานถึงหนึ่งสัปดาห์เศษ แถมเป็นโชว์ที่ไม่มีใครโค่นจนตกอันดับท็อปเท็นได้ จึงไม่แปลก... ที่คนทั่วเกาะและพี่น้องสัตว์ทดลองต่างพากันพูดถึงไม่มีที่สิ้นสุด
"ดูเหมือนว่า... เกมเซเล็บพาวเวอร์จะทำให้ผู้คนพากันจับตาดูพวกนายทุกฝีก้าวนะ" สโปลดี้เฮด 619 สัตว์ทดลองขนสีส้มมีรูปลักษณ์เหมือนมังกรหกขา เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาในทันทีที่สติทช์ แองเจิ้ล และเพื่อน ๆ สัตว์ทดลองอีก 2-3 ตัวแวะมาบ้านลีโล่ ซึ่งแน่นอนว่าสติทช์กับแองเจิ้ลเป็นประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในหมู่ผู้เล่น
"ช่วยไม่ได้ คนมีของดีอยู่ในตัว... ก็ต้องงัดออกมาให้รู้ซึ้งถึงศักยภาพทางด้านศิลปะการแสดงอย่างแท้จริงสิ ผู้คนถึงจะจับตาดู" สติทช์ยักไหล่คุยโวด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
"น่าเสียดาย... ที่ลีโล่ไม่ได้ร่วมเล่นด้วย ไม่อย่างนั้น... ระบำฮูล่าหรือบทเพลงเอลวิสได้ทะยานสู่ท็อปเท็นเป็นอันแน่แท้" สลัชชี่บ่น เพราะทุกคนบนเกาะรู้ว่าสติทช์เป็นหมาของลีโล่ แต่ลีโล่ไม่ได้ร่วมเล่นเกมเซเล็บพาวเวอร์เป็นเพื่อนสติทช์นี่สิ... มันดูผิดวิสัยคนเป็นคู่หูกันอย่างเห็นได้ชัด
"ลีโล่ไม่ชอบเกมที่ต้องใส่เฮดเกียร์เชื่อม อีกอย่าง... ลีโล่รักการระบำฮูล่าแบบดั้งเดิมมาก มันคงพิลึกน่าดู ถ้าต้องระบำฮูล่าในเกม" แองเจิ้ลชี้แจงเหตุผลที่ลีโล่ไม่ได้ลองเล่นเกมให้เพื่อน ๆ สัตว์ทดลองรับทราบ
"ถึงอย่างไรเสีย... ลีโล่ก็ถูกพูดถึงไม่แพ้มาวิน ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนรักอันดับหนึ่งของสติทช์" คิกซ์พูดให้เพื่อน ๆ วงสนทนานึกภาพตามความเป็นจริง เจ้าสติทช์ถึงกับบางอ้อด้วยความเข้าใจในทันที... ว่าต่อให้ลีโล่ไม่เล่นเกม ลีโล่ก็ดังเพราะโชว์ของสติทช์อยู่ดี
"แต่ฉันเกรงว่า... ความดังที่ปรากฎในเกมจะพาเราเดือดร้อนในภายหลังมากกว่านะ" เบลล์ 248 น้องเหมียวเพศเมียขนสีฟ้าอ่อนร่างเล็กที่ทำหน้าที่ส่งเสียงกรีดร้องแทนนาฬิกาปลุกของนานี่ เอ่ยปากพูดอีกนัยยะหนึ่ง
"มันจะเดือดร้อนยังไงเหรอ!?" สลัชชี่สงสัย
"ฉันก็เห็นด้วยกับเบลล์นะ ตั้งแต่สติทช์กับแองเจิ้ลเล่นเกมจนติดอันดับท็อปเท็น ทุกคนก็พูดถึงกันทั่วเกาะ และที่สำคัญ... มาวิน มาเรีย และลีโล่ก็จะพลอยถูกพูดถึงกันทั่วโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องฝาแฝดที่เป็นดูเอ็ทของพวกนาย และลีโล่เป็นเพื่อนรักของสติทช์ อีกอย่าง... เกมใหม่ที่เพิ่งมาตั้งเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเกมดังทั่วอเมริกา ผู้เล่นไม่ได้มีแค่ในเกาะคาไวเพียงที่เดียว พวกลองของที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากให้โชว์ติดหนึ่งในท็อปเท็นของเกมคงรวมตัวกันลงขันทยอยแห่มาที่นี่เป็นอันแน่แท้" คิกซ์อธิบายจนอีกฝ่ายหมดข้อสงสัย
"แบบนี้ภารกิจค้นหาสัตว์ทดลองก็มีอันต้องถูกรบกวนนะสิ" สติทช์พูดออกมาด้วยความกังวล
"ไม่ต้องห่วงหรอก เรายังมีคอมพิวเตอร์ของจัมบ้าอยู่ ก็แค่เซิร์ชหาสัตว์ทดลองที่เหลือ ถ้าไม่เป็นลูกหินสลักหมายเลขทดลอง ก็ต้องเช็คสถานะการปลุกชีพเพื่อความสะดวกต่อการตามหาและละลายพฤติกรรมพวกเขาให้ได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ภารกิจจะคืบหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น" แองเจิ้ลออกความเห็นก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องนอนของจัมบ้าในทันที สติทช์วิ่งตามไปด้วย
เมื่อสองหนุ่มสาวเข้าห้อง คอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของอัจฉริยะชั่วร้ายจึงถูกเปิด หน้าจอฉายภาพข้อมูลชีวิตทดลองทั้งหมด 627 ชีวิต สติทช์ดูไฟล์ชีวิตทดลองที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ด้วยความคิดที่ว่า... พวกเขาอาจยังกระจัดกระจายตามที่ต่าง ๆ ที่ลีโล่กับสติทช์ยังสำรวจไม่ถึง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพลูกหินสลักหมายเลขหรือปลุกชีพแล้วก็ตาม
และแล้ว... เขาก็พบสัตว์ทดลองตัวที่ถูกระบุว่า ได้รับการปลุกชีพ แล้ว
หมายเลข 145
------------------------------------------------------------------------
ช่วงพักเที่ยง ณ โรงเรียนประถมชื่อดังแห่งเกาะคาไว
ลีโล่และเพื่อน ๆ พาคาลี่ไปทำความรู้จักกับโรงอาหาร แน่นอนว่าอาหารทุกร้านรสชาติดีล้วนน่าสนใจทั้งนั้น สามหนุ่มสาวนักเรียนใหม่ฟังแล้วถึงกับน้ำลายสอ คำนวณเวลาได้ในทันที... ว่ากว่าจะเลือกและต่อคิว คงใช้เวลาราว ๆ 5-10 นาทีกว่าจะได้รับประทาน ทั้งที่มีเวลาพักแค่หนึ่งชั่วโมง
แต่แล้ว... หูของลีโล่ได้ยินเสียงดนตรีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ใดสักแห่งในโรงอาหารที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ซึ่งเป็นเสียงฟลุทที่ไพเราะมาก
ไพเราะเสียจนโลกแทบจะหยุดหมุนในพริบตา
"ที่โรงเรียนมีนักดนตรีมืออาชีพตัวน้อยด้วยเหรอเนี่ย" ลีโล่พึมพำออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง เธอต้องรู้ให้ได้... ว่าคนที่เป่าฟลุทหยุดโลกได้นั้นคือใคร
"เพลงนี้มัน..." คาลี่เงี่ยหูฟังเสียง ค้นหาต้นเสียงที่รู้จักดี "ฟลุท!" เธอเรียกชื่อ ๆ หนึ่งออกมาด้วยความตื่นตระหนกก่อนที่เธอจะวิ่งไปยังต้นเสียงในทันที พวกลีโล่วิ่งตาม ต้องรู้ให้ได้ว่าฟลุทของคาลี่คือใคร
ลีโล่ คาลี่ และเพื่อน ๆ วิ่งตรงไปยังร้านขายแซนด์วิชและเบอร์เกอร์ที่อยู่ใกล้สนามฟุตบอล เพราะเสียงฟลุทดังมาจากร้านนั้น และมีนักเรียนตั้งแต่ชั้น Grade 1-6 พากันมาต่อคิวซื้ออาหารจากร้านเป็นแถวยาว คาลี่พุ่งปรี่ไปที่แผงร้านเพื่อตามหาต้นเสียง
พบว่า... คนเป่าฟลุทไม่ใช่คน
เป็น "สัตว์เลี้ยงประหลาด" ที่คาลี่ตั้งชื่อว่าฟลุท!
ฟลุท เป็นแมวขนสีเหลืองตัวผู้มีใบหูยาวเหมือนกระต่าย มีขนหน้าท้องสีขาว หางสั้นแต่ฟูกว่าสติทช์ มักพกฟลุทติดตัวราวกับว่าเครื่องดนตรีชิ้นนี้เป็นของรักของหวงที่ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้
ทันทีที่ฟลุทกับคาลี่พบกัน ทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างยิ่ง... นึกไม่ถึงว่าจะพบกันต่อหน้านักเรียนนับร้อยแบบนี้
ลีโล่ก็นึกไม่ถึงเช่นกัน... ว่าเจ้าฟลุทที่เป็นเพื่อนคาลี่คือ สัตว์ทดลอง ที่เธอกับสติทช์ออกตามหาอยู่
ไม่ได้มีแค่ฟลุทที่ลีโล่เผชิญหน้า
เธอนึกไม่ถึง
.
.
.
ว่า เจ้า 625 กับ เฟรนช์ฟรายส์ จะเปิดร้านแซนด์วิชกับเบอร์เกอร์ในโรงเรียน!
กลายเป็นว่า... ลีโล่ คาลี่ และเพื่อน ๆ พาฟลุทกับเจ้า 625 มาปิกนิกมื้อกลางวันกันที่แปลงผักหลังโรงเรียน เมนูก็มีแซนด์วิชกับเบอร์เกอร์หลากไส้ และมิลค์เชคของริคเตอร์ที่นำมาขายในโรงเรียน
คาลี่ ฟลุท และเจ้า 625 ต้องถูกซักฟอกยกใหญ่
"ไปไงมาไงถึงได้มาขายแซนด์วิชที่โรงเรียน" ลีโล่ถามเจ้า 625 ด้วยความสงสัย เพราะปกติ... เจ้า 625 จะติดทำแซนด์วิชในครัวยานแกนตูมากกว่าออกมาทำแซนด์วิชขายแบบนี้
"ฉันก็แค่... หาประสบการณ์ มีเจ้าฟลุทหรือจริง ๆ แล้วก็คือ... สัตว์ทดลองหมายเลข 145 เป็นเพื่อนใหม่ก็ดีไปอย่าง เป่าฟลุทเป็นเพลงได้ไพเราะเรียกลูกค้าได้ดีจริง ๆ" เจ้า 625 ลูบหัวน้องฟลุทด้วยความประทับใจ
"ใครจะไปนึก... ว่าบนโลกนี้จะมีนายที่คุยกับเจ้าฟลุทรู้เรื่อง" คาลี่พูดพลางกัดแซนด์วิชรวมมิตรไส้กรอกเข้าปาก "แซนด์วิชนายก็อร่อยใช้ได้เลยนะ"
"ขอบคุณที่ชมนะสาวน้อย นี่แค่เปิดเทอมวันแรก... เด็ก ๆ ต่อแถวเป็นขบวนรถไฟ วันพรุ่งนี้จะขนาดไหนกันเชียว" เจ้า 625 ตอบรับพลางนึกภาพตัวเองทำแซนด์วิชขายจนมีรายได้มหาศาลและจ้างแกนตูที่ปลดแอกจากแฮมสเตอร์วิลล์มาเป็นพนักงานคู่ใจ แค่คิดก็ขำแล้ว... อดีตมือปราบหน้าปลาดุกกลายเป็นเบ๊ของสัตว์ทดลองผู้เป็นเชฟแซนด์วิช
"แล้วแกนตูไม่ว่าเหรอ... ที่แยกตัวออกมาดื้อ ๆ" วิคตอเรียถาม
"ไม่ว่าหรอก แกนตูก็แยกตัวออกมาจากเจ้าหนูเจอร์บิลนั่นแล้วเหมือนกัน" เจ้า 625 พูดออกมาอย่างไม่ยี่หระอะไร สร้างความประหลาดใจให้ลีโล่เป็นอย่างมากกับข่าวล่าสุดที่เพิ่งได้ยินเมื่อไม่กี่วินาทีนับจากนี้
"หมายความว่าไง... ที่ว่าแยกตัวออกมา!?" ลีโล่เอ่ยปากถามอย่างไม่เชื่อหู... ว่าอดีตมือปราบผู้เป็นคู่อริเรื่องการค้นหาสัตว์ทดลองจะยอมตัดขาดจากจอมวายร้ายได้จริง
"ที่แยกตัวออกมา เพราะคำสั่งล่าสุดที่ทำให้อดีตมือปราบต้องถอนตัวนะสิ" เจ้า 625 เกริ่นนำ
"คำสั่งล่าสุด!? มันคืออะไรรึ!?" มาวินถาม ทำเอาเจ้า 625 ถึงกับกระอักกระอ่วนไม่น้อย เพราะรู้ดี... ว่าสาเหตุที่ทำให้แกนตูตัดสินใจถอนตัวจากแฮมสเตอร์วิลล์ขั้นเด็ดขาดนั้นคืออะไร แต่เห็นว่าพวกลีโล่เป็นเด็ก และไม่ต้องการให้เรื่องการเอาชีวิตกันเพื่อแย่งชิงสัตว์ทดลองมาทำให้พวกเธอตื่นกลัวขึ้นมา
"มัวอ้ำอึ้งทำไมเล่า... คำสั่งล่าสุดที่ว่ามานี่คืออะไร!?" มาเรียถามซ้ำจนเจ้า 625 ถึงกับสะดุ้งเผลอทำแก้วมิลค์เชคหลุดมือ
"คำสั่งฆ่าคนเพื่อชิงตัวพี่น้องจากพวกเธอนะสิ!" นักทำแซนด์วิชโพล่งออกมา ทำเอาพวกลีโล่มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูเจอร์บิลโฉดจะกำหนดพวกเธอเป็นเป้าสังหารที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง เพียงเพราะต้องการยึดพวกสติทช์มาเป็นกองทัพของตน โดยใช้แกนตูเป็นเครื่องมือ
ลีโล่ไม่แปลกใจอีกต่อไป... ว่าทำไมเจ้า 625 ถึงตัดสินใจออกมาทำแซนด์วิชขายให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียน แถมลากเจ้าเฟรนช์ฟรายส์มาเป็นหุ้นส่วนและพ่อครัวประจำร้านด้วย
แหงล่ะ หัวอกคนทำอาหารก็อย่างนี้ เรียนรู้ที่จะลองสูตรแซนด์วิชและเมนูใหม่ ๆ เพื่อให้สกิลการทำอาหารอยู่กับพวกเขาชั่วชีวิต
พวกเธอหาได้รู้ไม่... ว่าไม่ได้มีแค่พวกเธอที่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสังหารของแฮมสเตอร์วิลล์
สติทช์กับแองเจิ้ลก็รู้!
สติทช์คาดไม่ถึง... ว่าแค่อยากได้สัตว์ทดลองของจัมบ้าไปสร้างเป็นกองทัพ ถึงกับต้องยืมมือแกนตูฆ่าพวกลีโล่เพื่อแย่งชิงพี่น้องมาเป็นของตนเอง
เห็นที... ภารกิจค้นหาสัตว์ทดลองจะต้องลงเอยด้วยการรับศึกหนักเสียแล้ว
ถ้าไอ้หนูเจอร์บิลนั่นจะเอาชีวิตลีโล่ มันต้องข้ามศพกูไปก่อน!
------------------------------------------------------------------------
อัจฉริยะชั่วร้ายไม่นึกไม่ฝัน... ว่าเขาจะกลับมาเหยียบที่แห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งถูกตั้งอยู่บนดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งในอวกาศ
ที่ ๆ เป็น "จุดเริ่มต้น" ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนลุกลามไปถึงดาวโลก
ใช่แล้ว... จัมบ้ากลับมายัง ห้องปฏิบัติการส่วนตัว บ้านหลังที่เขาได้สร้างและให้กำเนิดชีวิตทดลองทั้งหมดหกร้อยกว่าชีวิต
ซึ่งรวมถึงสติทช์ที่บัดนี้กลายเป็นหมาน้อยของลีโล่ ก็ถูกสร้างขึ้นจากที่แห่งนี้
สาเหตุที่จัมบ้ากลับมายังห้องปฏิบัติการ เพราะข่าวร้ายที่ท่านประธานหญิงแห่งสหพันธ์กาแลคติกได้แจ้งไว้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นข่าวร้ายที่ทำให้เจ้าของสถานที่มิอาจนิ่งเฉยได้
ไม่มีทางเป็นไปได้... ที่จะมีโจรกระจอกหน้าไหนบุกเข้ามาขโมยของในห้องแล็บของอัจฉริยะชั่วร้าย
จัมบ้าจำได้... ว่าตั้งแต่เขาถูกจับกุมเนื่องในข้อหาผลิตสัตว์ทดลองผิดกฎหมาย ห้องแล็บก็ถูกทางสหพันธ์สั่งปิดไม่ให้มีใครมาวุ่นวาย และสหพันธ์เองก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ต่อให้มีโจรบุกเข้าไปได้... ก็ไม่ได้ทรัพย์สินอะไร
เพราะจัมบ้าก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากเท่าแฮมสเตอร์วิลล์
ของติดตัวที่จัมบ้าพกตอนออกตามหาสติทช์ถึงดาวโลก ก็มีคอมพิวเตอร์เก็บไฟล์ชีวิตทดลอง คอนเทนเนอร์เก็บลูกหินชีวิตทดลอง ยานลำสีแดงที่มีห้องปฏิบัติการอยู่ในตัว และปืนพลาสม่าหนึ่งกระบอก
ถ้าให้มีของล้ำค่าที่โจรต้องการจริง ๆ
สมองอัจฉริยะชั่วร้ายระลึกถึงวันที่สติทช์ถูกสร้างเป็นตัวเป็นตน ซึ่งเป็นวันที่ถูกตำรวจจากสหพันธ์บุกจับกุมโดยไม่ทันตั้งตัว
ของชิ้นนั้น... ทำให้จัมบ้าต้องควานหาโดยเร็ว หวังว่าโจรคงไม่ได้ของชิ้นนั้นไปนะ
อัจฉริยะชั่วร้ายค้นหาของที่นึกถึงไปทั่วห้องปฏิบัติการ ผลลัพธ์จากการค้นหา... กลายเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เต็มร้อย
สิ่งที่กลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นจริง
ตัวอย่างเลือด 626 หายไป!
เรือนจำดาวเคราะห์ K-37
เจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตยิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ เมื่อทราบข่าวดีจาก "หุ้นส่วน" เรื่องความคืบหน้าของโปรเจ็คท์ที่จะทำร่วมกัน
โปรเจ็คท์ที่มี "ตัวอย่างเลือดหมายเลข 626" เป็นองค์ประกอบสำคัญ!
"เรียกว่าเป็นข่าวดีที่สุดเลยก็ว่าได้ แล้ว... เรื่องนังเด็กลีโล่ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว" แฮมสเตอร์วิลล์ถามหาความคืบหน้าเรื่องแผนกำจัดลีโล่ตามประสาวายร้ายใจร้อนผู้กระหายผลงาน
[ตอนนี้ คนของกระผมกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการติดตามชีวิตเหยื่ออยู่ครับ พบว่าช่วงเปิดเทอมของเด็ก ๆ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็ว่าได้] หุ้นส่วนที่ชื่อ ดร.พลาเจียส รายงานความคืบหน้าตามความเป็นจริงให้แฮมสเตอร์วิลล์รับทราบ [เพราะเป็นเวลาที่ไม่มีเจ้า 626 เป็นบอดี้การ์ดข้างกายครับ]
"ดี! จะมัวรออะไรอยู่ล่ะ!? จัดการเลยสิ!" แฮมสเตอร์วิลล์ออกคำสั่งในทันทีที่รู้ว่าลีโล่จะเปราะบางก็ต่อเมื่อไม่มีสติทช์ข้างกาย
[กระผมเกรงว่า... ถ้าทำตามที่คุณว่า จะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นนะครับ เจ้า 626 ได้เผยจุดอ่อนทางใจออกมาโดยมิรู้ตัวเสียแล้ว คุณเองก็รู้ว่าเจ้า 626 รักและผูกพันกับเหยื่อมากแค่ไหน การที่จะฆ่าเจ้า 626 ให้ตายทั้งเป็นได้นั้น... แค่ความตายของเหยื่อมันง่ายเกินไป] ดร.พลาเจียสเอ่ยปากแย้งขึ้น ทำเอาผู้ฟังถึงกับหัวร้อนขึ้นมา
"ง่ายเกินไป!? หมายความว่าไงห๊ะ!?" แฮมสเตอร์วิลล์วีนใส่ด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่หุ้นส่วนปลายสายพูดราวกับว่าจะประวิงเวลาการตายของลีโล่
[อย่างที่กระผมแจ้งให้ทราบ... ว่าตอนนี้เลือด 626 ถูกส่งถึงมือกระผมแล้ว กระผมก็เลยคิดว่า... ถ้าเลือด 626 ตอนก่อนที่จะต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างทำให้เหยื่อควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดสูญเสียตัวตนขึ้นมา เจ้า 626 จะทำอย่างไรต่อไป] ดร.พลาเจียสนำเสนอแผนทำลายสติทช์กับลีโล่ให้อีกฝ่ายรับทราบ รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าเจ้าหนูโรคจิตอีกครั้งในบัดดล
ถ้าลีโล่กลายเป็นชีวิตทดลองที่ไร้ความทรงจำและมีพลังทำลายล้างเหนือกว่าสติทช์ ลีโล่ก็จะเป็นกำลังหลักสำคัญที่จะทำลายสติทช์และผองเพื่อนให้สิ้นซากอย่างง่ายดายโดยมิต้องออกแรงแม้แต่กระดิกเท้า
แค่คิด... ก็สนุกแล้วสิ
------------------------------------------------------------------------
== ตัวละครเพิ่มที่จะมีบทบาทสำคัญในบทต่อไป ==
Flute (145)
สัตว์ทดลองตัวผู้ มีฟังค์ชั่นหลักเป็นนักสู้โดยอาศัยพลังงานที่หมุนเวียนในร่างกายเป็นแรงผลักดัน เขาจะได้รับพลังงานก็ต่อเมื่อดูดซับความรู้สึกสงสารหรือชื่นชอบจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องเศร้า หรือไม่ก็ใช้วิธีการเป่าฟลุทเล่นเพลงเศร้าเคล้าน้ำตาหรือเพลงรัก เพราะฟลุทเป็นตัวกลางสื่อสารและสะกดใจผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกสงสารได้ในพริบตา
รูปลักษณ์ภายนอกเป็นแมวหูยาวที่ไม่มีพิษภัย เขาจึงมี คาลี่ เป็นโอฮาน่าผู้มีใจรักเสียงดนตรี และคาลี่รักการเป่าฟลุทเช่นกัน มาดนักสู้จะถูกเปิดเผยก็ต่อเมื่อคนที่เขารักตกอยู่ในอันตราย แต่พยายามไม่กลับคืนสู่ร่างอสุรกาย เพราะทุกครั้งที่ฟลุทคืนร่าง... พลังงานจะสูญเสียไปจนเกือบหมดแรงง่าย
Kalina (Kali)
เด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นเพื่อนรักของฟลุท มีชะตากรรมเช่นเดียวกับลีโล่ตรงที่เธอสูญเสียพ่อแม่ พ่อเสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจตำรวจ และแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ เธอกับฟลุทจึงถูกย้ายไปอยู่กับญาติที่เกาะคาไว แต่ชีวิตก็ไม่ได้สงบสุข เพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวญาติที่เห็นคาลี่กับฟลุทเป็นภาระและตั้งแง่รังเกียจ คาลี่จึงมีสภาพไม่ต่างไปจากคนใช้
ฟลุทเป็นเครื่องดนตรีชิ้นเดียวที่ทำให้คาลี่นึกถึงพ่อแม่ ยิ่งมีเจ้าฟลุทเป็นเพื่อนรักคอดนตรีเหมือนกัน คาลี่จึงยึดเจ้าฟลุทเป็นโอฮาน่าโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นสัตว์ทดลอง แต่พอเธอกับฟลุทเผชิญหน้ากับการสูญเสียครอบครัวและความเห็นแก่ตัวของญาติที่เห็นเธอเป็นขยะ คาลี่กับฟลุทมีความสงสารให้กันและกัน... เปรียบเสมือนยาชูกำลังใจให้ชีวิตดำเนินต่อไป หากมีใครมาวุ่นวายกับเธอจนหมดความอดทนเมื่อใด... เจอพายุอารมณ์เมื่อนั้น
Victoria
เพื่อนสนิทของลีโล่ มีความชื่นชอบและหลงใหลในเรื่องแปลกเช่นกัน ถึงภายนอกดูเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาไม่สวยเลิศเลอมากนัก แต่เธอมีทัศนคติที่ดีต่อคนรอบข้าง มีความห้าวเล็ก ๆ และตรงไปตรงมา
เธอเป็นเพื่อนคนแรกที่รู้ภารกิจของลีโล่กับสติทช์ และเป็นคนที่สอนให้ลีโล่รู้จักคำว่า... "ไว้เนื้อเชื่อใจ" เธอจึงรับเลี้ยง สนูทตี้ เป็นเพื่อน
Mertle Edmonds
คู่อริของลีโล่ มีความทะนงตนเป็นผู้หญิงจ๋าสูง มักมองลีโล่เป็นคนแปลกประหลาดไม่เข้าพวก รวมทั้งสติทช์ที่ถูกมองว่าเป็นหมาน่าเกลียด เธอมีทัศนคติการมองเพื่อนที่แย่พอสมควร ชอบโอ้อวดเพื่อให้ตัวเองดูสูงส่ง อวดฉลาด ชอบเอาชนะในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะอคติของเธอจะก่อให้เกิดการเชื่อคนง่ายโดยไร้วิจารณญาณ อาจส่งผลร้ายต่อลีโล่และเพื่อน ๆ โดยคาดไม่ถึงในภายหลัง
เธอมี จีจี้ เป็นสุนัขพันธุ์ชิสุตัวโปรดที่แก้เหงาเป็นอย่างดี แต่เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำ... ว่าจีจี้คือ สัตว์ทดลองหมายเลข 007
Dr. Plageus
หุ้นส่วนลับที่แฮมสเตอร์วิลล์เลือกติดต่อทำธุรกิจซื้อขายสัตว์ทดลองตั้งแต่ก่อนที่สติทช์จะถูกสร้างขึ้นมา มีความสนอกสนใจในเรื่องการผลิตสัตว์ทดลองเช่นเดียวกับจัมบ้า แต่เป็นการผลิตให้สัตว์ทดลองเป็นทาสไร้ชีวิตชีวาเพื่อก่อสงคราม หรือว่ากันง่าย ๆ ก็คือ... "ผีดิบ" มักทดลองผลิตยาตัวใหม่เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการงานและตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าแฮมสเตอร์วิลล์เป็นไฟที่ถูกจุดขึ้นด้วยความแค้น ดร.พลาเจียสก็เป็นน้ำมันที่เติมเชื้อไฟด้วยแผนชั่วร้ายที่แยบยลยิ่งกว่า มีความโหดเหี้ยมเลือดเย็น รู้ทันหุ้นส่วนทุกคนที่เข้ามาทำธุรกิจ มักเลือกผูกมิตรกับคนที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการงานมากกว่า อย่างเช่นแฮมสเตอร์วิลล์ที่จ้องฮุบผลงานของจัมบ้ามาเป็นของตนเอง แต่ลีโล่เป็นเหตุให้เหล่าสัตว์ทดลองต่อต้านระบบโปรแกรมดั้งเดิม จึงสอนให้แฮมสเตอร์วิลล์ได้รับรู้... ว่าการจู่โจมศัตรูที่ดีที่สุด คือ... จู่โจมที่หัวใจ ลีโล่จึงถูกหมายหัวเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็คท์ลับโดยไม่รู้ตัว
ç=================è
ความคิดเห็น