คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Mission 03 : ไออุ่นที่ได้สัมผัสอีกครั้ง
MISSION 03
ไออุ่นที่ได้สัมผัสอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
หน่วยค้นหาเฉพาะกิจที่จัดเตรียมไว้มารวมพลกันที่ประภาคารของสปาร์คกี้ แน่นอนว่าพวกเขากำลังรอข้อมูลสำคัญจากอดีตซีไอเอที่พร้อมช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตนอกโลกด้วยหัวใจ
เขามาพร้อมกับแล็ปท็อปเก็บข้อมูลคนที่ชื่อ "มาเรีย" ผู้หลงใหลเสียงดนตรี ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ จัดให้ไม่มีตกหล่นแม้แต่ชื่อเดียว
เป็นเพราะแองเจิ้ลที่ทำให้การทำงานของคุณค็อบบร้าง่ายขึ้น และคนชื่อมาเรียที่อยู่ฮาวายก็มีน้อย การค้นหาระดับเบื้องต้นจึงใช้เวลาแค่ไม่นาน
เพียงแค่ลีโล่ใช้แล็ปท็อปเปิดรูปมาเรียที่ทำอาชีพเกี่ยวกับดนตรีให้แองเจิ้ลดูทุกรูป แองเจิ้ลจะนึกได้ด้วยตัวเอง... ว่ามาเรียผู้เป็นโอฮาน่าคือใคร
รูปมาเรียที่ลีโล่นำเสนอจะมีแค่ผู้ใหญ่สัก... 4-5 คนและเด็กเพียง 2-3 คน แองเจิ้ลส่ายหน้าให้รูปมาเรียผู้ใหญ่ทุกรูป เหลือแค่รูปเด็กที่เป็นความหวังสุดท้ายของภารกิจนี้
ซึ่งเป็นความหวังที่ไม่สูญเปล่าไปเสียทีเดียว
เพราะมาเรียรูปสุดท้ายได้ดึงดูดใจนางฟ้าสีชมพูตัวน้อยเสียแล้ว
มาเรีย โคลแมน เป็นเด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลีโล่ หน้าตาและผิวพรรณสีชมพูอ่อนระเรื่อดูน่าเอ็นดูเข้ากับแววตาน่ารักที่แฝงความซนเล็ก ๆ ภายใต้ใบหน้าเรียบอ่อนโยนมีรอยยิ้มจริงใจ ผมสีดำอมน้ำตาลของเธอถักเปียยาวจรดบริเวณหน้าอก เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูและกางเกงยีนส์ขายาว ดูคล่องตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดราวกับเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่ดูเกินวัยไปนิด
จากประวัติการศึกษา พบว่ามาเรียมี มาวิน เป็นพี่ชายฝาแฝด มีคุณพ่อเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่น และคุณแม่เป็นแม่บ้าน มาเรียแข่งขันเปียโนจนได้แชมป์จูเนียร์เมื่อครั้งเข้าเรียนชั้นเกรดหนึ่ง เธอใช้บทเพลง Colors of The Wind จากดิสนีย์เรื่อง Pocahontas แสดงตัวตนอย่างชัดเจน
ถึงเธอเป็นผู้หญิงหวานในสายตาผู้คน แต่เธอรู้ตัวดี... ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงจ๋าดั่งเจ้าหญิงในปราสาท
"เทียนทิวา" แองเจิ้ลพึมพำคำสามพยางค์ออกมาเบา ๆ สร้างความงุนงงให้ลีโล่ สติทช์ และผองเพื่อนสัตว์ทดลองเป็นอย่างยิ่ง
"อะไรนะ!?" สปาร์คกี้งุนงงกับคำที่แองเจิ้ลพูดออกมา
"เป็นคีย์เวิร์ดของเพลง ฉันลองเซิร์ชดูตามคลื่นวิทยุแล้ว... เป็นเพลงที่แองเจิ้ลแต่งขึ้นมากกว่า เธอพึมพำคำสองคำนี้มาแต่เช้า" สติทช์อธิบาย ผองเพื่อนสัตว์ทดลองจึงพยักหน้าทำความเข้าใจว่าแองเจิ้ลคงมีพรสวรรค์เรื่องเล่นเสียงดนตรีและเล่นคำเพื่อใช้ประกอบการแต่งเพลง
"คำว่าเทียนก็คือเทียนที่จุดไฟ แต่คำว่าทิวานี่สิ... มันคืออะไร" สไปค์ถึงกับหน้าฉงน
"แปลว่ากลางวัน" ค็อบบร้าตอบ แต่เป็นคำตอบที่ชวนงุนงงมากกว่าเดิม
"เทียนกลางวัน ?" ไฟน์เดอร์นำคำศัพท์ง่าย ๆ สองคำมารวมกัน "มันจะเป็นเพลงได้ยังไงกัน"
"เป็นคำตอบที่เราต้องค้นหากันเอาเอง" ลีโล่สรุปก่อนที่จะหันหน้าจอแล็ปท็อปให้มอร์โฟโลมิวจดจำรูปลักษณ์ของมาเรียคนนี้ เพื่อใช้ประกอบการค้นหา เพราะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ทำให้หน่วยค้นหาเฉพาะกิจต้องทำงานหนักขึ้น
โอฮาน่าของมาเรียย้ายบ้าน!
ข้อมูลส่วนนี้ทำให้แองเจิ้ลถึงกับหน้าเสีย สติทช์เห็นแล้วอดห่วงไม่ได้... กุมมือเธอเพื่อช่วยทำให้เธอใจเย็นลง
"Heegata no feebee, Angel. โอฮาน่าของเธออาจย้ายมาที่เกาะนี้ก็ได้นะ" สติทช์ให้กำลังใจนางฟ้าสีชมพูผู้ถูกหมายมั่นว่าจะเป็นว่าที่คนรัก เธอมองสติทช์อย่างมีความหวัง
"Gatshi nosty?" แองเจิ้ลถาม ต้องการยืนยันจากอีกฝ่ายว่าสิ่งที่สันนิษฐานนั้นจะเป็นความจริง
"Ih." สติทช์พยักหน้ายืนยัน เขาต้องการให้เธอเชื่อมั่นในโชคชะตา... ว่าเธอกับโอฮาน่าที่ชื่อมาเรียจะได้พบกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม แองเจิ้ลเชื่อคำยืนยันแล้วรอยยิ้มแห่งความเชื่อมั่นก็ปรากฎบนใบหน้า
เธอพร้อมแล้ว... ที่จะกลับบ้านที่แท้จริงสักครั้ง
บ้านหลังที่จะฟื้นฟูความทรงจำให้เธอเป็นอิสระจากแกนตูอย่างถาวรสักที
ภารกิจค้นหา "มาเรีย โคลแมน" จึงเริ่มต้นขึ้น!
กลุ่มคนที่ลีโล่ได้สอบถามเป็นกลุ่มแรก คือ... เหล่าสัตว์ทดลอง เพราะมาเรียเป็นเด็ก จึงไม่แปลกที่เธอจะเลือกซื้อขนมนมเนยหรือไม่ก็เล่นกีฬาด้วยกันอย่างสนุกสนาน และที่สำคัญ... ช่วงนี้คือปิดเทอม เด็ก ๆ คงวิ่งเล่นกันสนุกสนานเหมือนทุกวันนี้
เจ้ามอร์ฟแปลงร่างเป็นมาเรีย พวกสติทช์จะซักถามสลัชชี่ด้วยภาษาของพวกเขา ถามว่ามาเรียคนที่มอร์ฟแปลงร่างเป็นลูกค้าหรือไม่ สลัชชี่ได้แต่ส่ายหน้า บ่งบอกได้ในทันทีว่าไม่เคยเห็นและจดจำเฉพาะลูกค้าประจำ
ริคเตอร์ 513 แองกลีโอซอรัสตัวสีม่วงที่มีหางทุบพื้นดินก่อให้เกิดแผ่นดินไหว ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานเขย่ามิลค์เชค ริคเตอร์ก็ไม่เคยเห็นมาเรียคนที่ถามหาเหมือนกัน จดจำเฉพาะลูกค้าประจำอีกเช่นเคย
เฟรนช์ฟรายส์ 062 สัตว์ทดลองตัวสีเทาติดหนวดประหนึ่งผู้ดีจากยุโรป มีหัวเป็นหมวกเชฟ สี่แขน ในมือถือตะหลิวและปลายหางเป็นมีดสปาตู-ล่า ถูกออกแบบมาทำอาหารจนเหยื่อชิมแล้วตัวอ้วนกลมก่อนจะเชือดเหยื่อเป็นอาหารในภายหลัง ปัจจุบันมีร้านอาหารเฮลตี้เป็นของตนเอง เฟรนช์ฟรายส์ก็ตอบแบบเดียวกับสลัชชี่และริคเตอร์
แน่นอนว่าลีโล่ไม่ลืมข้อมูลของพี่ชายฝาแฝดที่ชื่อมาวิน สอบถามคิกซ์แล้วก็ได้คำตอบแบบเดียวกับสัตว์ทดลองสายบริการอาหารและเครื่องดื่ม คิดว่าคนที่ถามหาอาจเป็นครอบครัวที่เพิ่งย้ายบ้านมาหมาด ๆ
"นี่นายจะบอกว่า... เห็นรถบรรทุกย้ายบ้านผ่านมาทางนี้เหรอ!?" ลีโล่ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หัวใจแองเจิ้ลก็พลอยพองโตไปด้วย
"ใช่ เห็นว่าตรงไปแถวบ้านวิคตอเรียน่ะ" คิกซ์ยืนยัน
"Bootifah!" สปาร์คกี้ตบหลังสติทช์อย่างแรงด้วยความดีใจเกินเหตุจนอีกฝ่ายถึงกับชักกระตุกเพราะไฟช็อต สติทช์ถลึงตาใส่เจ้าตัวผลิตไฟด้วยแววตาขุ่นเคือง ทำเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มแหย ๆ ก่อนจะกล่าวขอโทษ "Zoka, couzin."
จากนี้ไป... เป็นหน้าที่ของไฟน์เดอร์ที่ต้องตามรอยรถบรรทุกย้ายบ้านตั้งแต่บ้านวิคตอเรียจนถึงบ้านใหม่ของมาเรีย แน่นอนว่าวิคตอเรียกับสนูทตี้ร่วมติดตามไปด้วย แม้ว่าแรก ๆ มีตั้งแง่กับแองเจิ้ลเพราะห่วงสนูทตี้ว่าจะถูกร่ายบทเพลงปีศาจกล่อมเขาไปทำร้ายคนอื่นก็ตาม
สุดท้าย... เสียงแตรก็ดังขึ้น
หมายความว่า... ภารกิจ "ส่งนางฟ้ากลับบ้าน" กำลังจะลุล่วงในอีกมิช้า!
รถบรรทุกย้ายบ้านจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง มีสองชั้นด้วยกัน บรรดาคนงานพากันทยอยขนของเข้าบ้าน ซึ่งแน่นอน... ว่าครอบ-ครัวเจ้าของบ้านต้องดูความเรียบร้อยจนกว่าการขึ้นบ้านใหม่จะเสร็จสิ้น
เป็นโอกาสดีที่ลีโล่กับวิคตอเรียจะเซอร์ไพรส์เพื่อนบ้านใหม่ของพวกเธอ
แรกเริ่ม... วิคตอเรียและพ่อแม่ของเธอจะทำความรู้จักกับสองสามีภรรยาตระกูลโคลแมน ซึ่งลีโล่มั่นใจได้... ว่าพวกท่านเป็นพ่อแม่ของมาเรีย
มิโอกะ โคลแมน หญิงอายุราว ๆ สามสิบกว่า ผมสีดำขลับยาวจรดหลังคอ แววตาและรอยยิ้มเป็นมิตรที่ปรากฎบนใบหน้าของท่าน ทำให้ลีโล่กับวิคตอเรียรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย... ที่ท่านเป็นคนรวยที่ไม่ถือตัวนัก การแต่งกายของท่านดูเรียบง่าย แต่บ่งบอกถึงความเป็นแม่บ้านที่มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
อลัน โคลแมน ชายสวมแว่นอายุราว ๆ สามสิบกว่า ร่างสูงใหญ่ ดูมีความเป็นหัวหน้าครอบครัวสูง หน้าตาดูหนุ่มกว่าวัยเล็กน้อย... แต่เข้มจนเชื่อสนิทว่าเขาคือพ่อของมาเรีย บัดนี้กำลังคุยกับคนงานในบ้านเรื่องการจัดตำแหน่งข้าวของตามที่ต้องการ
"สวัสดีค่ะ! พวกคุณคงเป็นเพื่อนบ้านใหม่ ฉันชื่อมิโอกะนะ พวกคุณมีชื่อว่าอะไรคะ" คุณมิโอกะเป็นฝ่ายทักทายครอบครัววิคตอเรีย
"หนูชื่อลีโล่ค่ะ อะโลฮ่า!" ลีโล่แนะนำตัว
"และหนูชื่อวิคตอเรีย นี่คือของขวัญต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่ค่ะ" วิคตอเรียยื่นสร้อยดอกชบาให้เพื่อนบ้านใหม่
"ขอบใจมากนะ! เดี๋ยวน้าจะเรียกลูกแฝดชายหญิงมานะ อายุเท่าพวกเธอพอดี... น่าจะเป็นเพื่อนกันได้" คุณมิโอกะเห็นเจ้าสติทช์แล้วอดหน้าสลดไม่ได้ "เราเคยมีหมาแบบหมาของเธอมาก่อน"
"คุณแม่คุยกับใครอยู่ครับ!?" เสียงเด็กผู้ชายดังออกมานอกรั้วประตู ลีโล่หันไปทางต้นเสียง... พบว่าเป็นเด็กผู้ชายมีอายุเทียบเท่าลีโล่ก้าวเท้าออกมาจากบ้านที่ประดับประดาด้วยดอกไม้หลากชนิด
เขาเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาที่ขาวและดูหล่อเหลาละมุนเกินวัย มีเค้าโครงใบหน้าดูเป็นเอเชี่ยนเล็ก ๆ จนลีโล่เชื่อสนิทใจ... ว่าเขาคือลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นตามข้อมูลที่ลีโล่ได้รับ สไตล์การแต่งกายก็ดูดีมีมาดเท่ห์กึ่งละมุนจนรู้สึกได้... ว่าถ้าใครอยู่ใกล้แล้วจะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
เพียงแค่เขาสบตาลีโล่ โลกก็หยุดหมุนในพริบตา ราวกับว่าลีโล่เป็นผู้หญิงคนพิเศษที่รู้สึกถูกชะตาแต่แรกพบ
"นี่คือ... มาวิน ค่ะ ลูกชายคนโตของน้าเอง" คุณมิโอกะผายมือแนะนำตัวลูกชายให้ลีโล่กับวิคตอเรียทำความรู้จัก ก่อนที่จะหันหน้าไปคุยกับลูกชาย "ทักทายพวกเขาหน่อยสิลูก อีกเดี๋ยวจะได้เป็นเพื่อนกันแล้วนะ" คุณแม่เห็นลูกชายนิ่งไป จึงยกมือแตะบ่าลูกชายเบา ๆ เพื่อเรียกสติ มาวินได้สติขึ้นมาในฉับพลัน
"คอนนิชิวะ ลีโล่ซัง วิคตอเรียซัง" มาวินโค้งคำนับ ลีโล่รู้ในทันทีว่าครูอลันสอนญี่ปุ่นให้ลูก ๆ ตัวเองด้วย ลีโล่กับวิคตอเรียจึงโค้งคำนับตาม
แองเจิ้ลแอบมองดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยความสนอกสนใจ เห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยปรากฎบนใบหน้ามาวินแล้ว... ถึงกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยความดีใจที่โอฮาน่าของเธอปลอดภัย
ดีใจเสียจนเป็นลมสลบต่อหน้าพวกสปาร์คกี้ ความวุ่นวายจึงมาเยือน
"เฮ้ย... แองเจิ้ล!" สปาร์คกี้รีบคว้าตัวแองเจิ้ลไว้ในอ้อมแขนในทันที กลายเป็นว่า... มาวินล่วงรู้เรื่องความลับสัตว์ทดลองอีกหกร้อยกว่าชีวิตบนเกาะโดยปริยาย แองเจิ้ลจึงถูกพาตัวเข้าไปในบ้านหลังใหม่เพื่อดูอาการโดยเร็ว
หวังว่าการวูบของเธอในครั้งนี้จะนำพาสิ่งดี ๆ เข้ามาในอีกมิช้า
เวลาผ่านไปราว ๆ สองชั่วโมง
แองเจิ้ลกะพริบตา ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ไม่เต็มที่นัก เพราะแสงสีขาวจากหลอดไฟบนเพดานรบกวนนัยน์ตาเธออยู่ จึงทำได้แค่ยกมือบังแสงที่เข้าตาก่อนจะเลื่อนตัวเองลุกขึ้นนั่ง
พบว่าเธออยู่ในห้องนอนของบ้านหลังใหม่ ไม่ได้มีแค่เธอตัวเดียว
"เป็นไงบ้าง... แองเจิ้ล!?" เสียงเด็กผู้หญิงดังเข้าหู ฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่แค่คุ้นหู น้ำเสียงนั้นคือเธอ
"มาเรีย!?" แองเจิ้ลเรียกชื่อของเด็กผู้หญิงคนที่เธอพบหน้าเป็นคนแรกหลังฟื้นขึ้นมา ทันทีที่แองเจิ้ลเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยบนใบหน้ามาเรีย ความรู้สึกเก่า ๆ ก็ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เด็กชื่อมาเรียโผเข้ากอดเธออย่างแน่นหนาจนถึงที่สุด
กอด... ให้สาสมกับเวลาที่ "เพื่อนรัก" ได้สูญเสียไปกับการพลัดพรากที่ไม่ควรเกิดขึ้น
"ฮึก ๆ ในที่สุด... เธอก็กลับมาหาฉันแล้วจริง ๆ" มาเรียพูดออกมาด้วยความตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง เธอฉีกรอยยิ้มทั้งน้ำตาซบลงบนหัวแองเจิ้ลที่กอดตอบพลางหลับตาพริ้มด้วยความปลื้มปีติเช่นกัน... ที่ได้สัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคย
ไออุ่น... ที่เป็นความทรงจำล้ำค่ามากที่สุดในชีวิต
ความทรงจำล้ำค่าที่ทำให้น้ำตาของเธอไหลรินออกมาจากดวงตานางอสูรสีชมพูตัวน้อย
การพบกันอีกครั้งของสองเพื่อนรักต่างสายพันธุ์... กลายเป็นภาพประทับใจที่ลีโล่ สติทช์ มาวิน และผองเพื่อนต้องจดจำมิรู้ลืม
"โดโมะอาริกาโตะ" มาวินจับมือลีโล่พร้อมกล่าวขอบคุณเธอที่พาแองเจิ้ลกลับมาหามาเรีย เขากวาดตามองสติทช์และพวกสปาร์คกี้ด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง "ที่แองเจิ้ลว่ามาทั้งหมด... ก็เป็นความจริงนะสิ!"
"ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ" ลีโล่ยืนยันก่อนที่จะเอ่ยปากถามมาวินเรื่องแองเจิ้ล "แล้วนี่... มาวินกับมาเรียไปรู้จักแองเจิ้ลตั้งแต่ตอนไหน"
"ตั้งแต่ก่อนย้ายบ้านมาเกาะนี้แหละ เรื่องมันก็สัก... เดือนเศษ ๆ ก็ว่าได้" มาวินเล่าเรื่องราวให้ลีโล่ได้รับฟัง
หนึ่งเดือนที่แล้ว... มาเรียซื้อลูกหินไว้ใช้ทำตุ๊กตาทำมือจากร้านประจำ ซึ่งลูกหินที่ได้รับนั้นเป็นลูกหินสีชมพูสลักหมายเลข 624 เธอไม่รู้ว่าลูกหินลูกนั้นเป็นเม็ดสัตว์ทดลอง เมื่อสัมผัสถูกน้ำ... จากลูกหินจะแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ทดลองตัวเป็น ๆ พร้อมสร้างความหายนะได้ทุกเมื่อ
มาเรียหลงใหลทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแวมไพร์หรือการ์กอยล์ ทำให้เธอเข้ากันกับเพื่อน ๆ ผู้หญิงจ๋าไม่ได้ เธอถึงได้กระวนกระวายใจ... กลัวว่าย้ายบ้านแล้วจะไม่มีคนเข้าใจเธอ เพียงแค่คิด... น้ำตาเธอก็ไหลจนหยดลงบนลูกหินหมายเลข 624
น้ำตาของเธอ... ได้ก่อให้เกิดมิตรภาพที่แสนมหัศจรรย์
ทันทีที่แองเจิ้ลปรากฎตัว สองพี่น้องตกใจและไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องเหนือธรรมชาติจะเกิดขึ้นจริง แต่มาเรียรู้สึกถูกชะตากับแองเจิ้ลมาก เข้าใจว่าเธอเป็นหมาที่มีความสามารถไม่เหมือนใคร พูดภาษาเอเลี่ยนได้และยืนสองขาได้ แน่นอนว่ามาวินเคลือบแคลงใจในตัวแองเจิ้ลว่าลูกหิน 624 มีที่มาอย่างไร
คำศัพท์คำแรกที่แองเจิ้ลรู้จัก คือ... โอฮาน่า แปลว่า "ครอบครัว" ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์สักครั้ง แน่นอนว่าเธอรู้เรื่องที่โอฮาน่าของมาเรียกำลังจะย้ายบ้าน ในหนึ่งเดือนที่เป็นเพื่อนกับมาเรีย เธอรู้มาว่ามาเรียรักการเล่นเปียโน และมาวินรักการเล่นกีต้าร์ ซึ่งนั่นทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งสำคัญเกี่ยวกับตัวเอง คือ... การรักษาความสมดุลระหว่างความดีกับความชั่วร้าย
มีสิ่งใดมาดลใจให้เธอคิดอย่างนี้นะเหรอ!?
เพลง Reflection จากภาพยนตร์เรื่องมู่หลานเป็นจุดประกายความคิด
"เดี๋ยวนะมาวิน แองเจิ้ลยังไม่รู้ภาษาอังกฤษ แล้วเข้าใจเพลงที่มาเรียเล่นได้ยังไง" ลีโล่ถามแทรก
"ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก... ว่าทำไมแองเจิ้ลถึงสนใจเพลงนี้ แต่ที่แน่ ๆ ความหมายของบทเพลงที่มาเรียร้องออกมาตอนเล่นเปียโน คือ... มันบ่งบอกถึงตัวมาเรียกับแองเจิ้ลอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งพี่ได้รู้ความจริง" มาวินเล่าพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแฟ้มแล้วส่งให้พวกลีโล่ดู
พบว่าเป็นภาพวาดที่บอกเล่าที่มาของ "หมายเลข 624" ให้สองพี่น้องโคลแมนรับทราบ
เริ่มต้นที่รูปเอเลี่ยนหน้ากลมสี่ตา (จัมบ้า) ต่อมาเป็นรูปแล็บของจัมบ้าที่ทำให้เธอ (แองเจิ้ล) ถือกำเนิดขึ้น รูปต่อไปก็คือใบหน้าของเธอตอนเป็นนางปีศาจ มีขีดแผนผังให้ครอบครัวโคลแมนรับทราบถึงฟังก์ชั่นดั้งเดิมที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายล้างโดยเฉพาะ
"คุณพ่อยังชมเลย... ว่าคนที่ชื่อจัมบ้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะสร้างแองเจิ้ลขึ้นมาได้" มาวินพูดถึงคุณพ่อคุณแม่ของเขาแล้วอดขำไม่ได้ทุกที "คุณแม่ที่รู้เรื่องก็ตาเขียวปั๊ดใส่พ่อ แต่พ่อก็ยังสวีทกับแม่เหมือนเดิม บอกว่าถ้าแองเจิ้ลทำแบบนั้นจริง... ก็แค่แก้ไขในทางตรงกันข้ามซะ ทุกอย่างก็จบ"
"แล้วพี่มีวิธีสื่อสารกับแองเจิ้ลยังไงล่ะ" สติทช์ถาม
"ฉันเขียนเนื้อเพลงภาษาของฉันให้มาเรียดู เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด" แองเจิ้ลตอบ มาเรียจึงควักสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วส่งถึงมือลีโล่ เพื่อให้พวกลีโล่รับทราบ... ว่าสองพี่น้องโคลแมนค้นคว้าความหมายของเนื้อเพลงภาษาของแองเจิ้ลได้มากน้อยเพียงใด
Chi-meeto igatta no mootah, nagga to nala itume tidooka.
Chi-meeto = ฉันได้ตัวคุณแล้ว
igatta แผลงคำจาก ikata = คำสั่ง
nagga แผลงคำจาก naga = ไม่
nala = ต้องการ
"Bootifa!" สนูทตี้ออกปากชมให้กับความพยายามของสองพี่น้องโคลแมน
"มันทำให้ฉันนึกถึงไซเรนที่ขับกล่อมพวกโจรสลัดให้หลงเคลิ้มจนแทบเอาชีวิตไม่รอด" วิคตอเรียเปรียบเทียบ ถ้าเนื้อเพลงของแองเจิ้ลได้ชื่อว่าชั่วร้าย ก็คงเป็นออกคำสั่งให้อยู่ภายใต้อาณัติของตน
"แต่สติทช์รอดนะ" ไฟน์เดอร์พูดแล้วอดอิจฉาไม่ได้ที่สติทช์กับเจ้า 625 ถูกสร้างทีหลัง
"พูดถึงการแก้ไขในทางตรงกันข้าม มันเหมือนเงาสะท้อนอย่างเห็นได้ชัดนะ" ลีโล่ประเมินจากเรื่องเล่าที่สองพี่น้องโคลแมนประสบพบเจอ "ฉันอยากฟังเพลงนี้เต็มทีแล้ว คงไม่ว่ากันนะ ถ้าจะรบกวนเธอสักนิด แต่เอาไว้ย้ายบ้านเสร็จแล้วนะ"
"Okietaka!" แองเจิ้ลตอบรับด้วยความยินดี รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเก่า ๆ มาเยือน แต่เพิ่มเติมที่โอฮาน่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
กว่าครอบครัวโคลแมนจะย้ายบ้านเสร็จสิ้น ก็ใช้เวลานานจนพวกลีโล่พามาวินกับมาเรียไปทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารใน โรงแรมวิหคสวรรค์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ คุณเจมส์สัน เจ้านายของพี่นานี่ แน่นอนว่าคนที่เป็นเจ้ามือก็คือคุณพ่ออลันกับคุณแม่มิโอกะ
ทำไมถึงต้องเป็นโรงแรมวิหคสวรรค์เหรอ!?
เพราะลีโล่กับสติทช์รู้... ว่าในร้านอาหารมีดนตรีสดให้เล่นเพื่อสร้างความบันเทิงให้ลูกค้า
แน่นอนว่าเป็นโอกาสดีที่มาเรียกับแองเจิ้ลจะแสดงความสามารถทางด้านดนตรีให้พวกลีโล่ได้รับฟัง มีจัมบ้ากับ พรีคลีย์ คู่หูตาเดียวของเขาตามมาดูความคืบหน้าของภารกิจ "ส่งนางฟ้ากลับบ้าน" ด้วยตาตัวเอง แอบส่งสัญญาณให้ลีโล่รับรู้อยู่ห่าง ๆ พรีคลีย์ยังตื่นเต้นที่จะบันทึกชีวิตรักของสติทช์กับแองเจิ้ลต่อ ยิ่งรู้ว่าแองเจิ้ลมีโอฮาน่า... และเธอชักนำเพื่อนผู้ชายมาทำความรู้จักลีโล่ ถึงกับมโนจนจัมบ้าทำหน้าเพลียจิต... ที่พรีคลีย์พูดราวกับว่าเจ้า 626 กับ 624 จะเป็นกามเทพจับคู่ให้เพื่อนรักใกล้ชิดสนิทสนมกัน
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างถึงเวลาเหมาะสม สองคู่หูนักค้นหาสัตว์ทดลองจึงเปิดโอกาสให้มาเรียกับแองเจิ้ลก้าวเท้าขึ้นเวที ทำเอาแขกทุกคนพากันจับจ้องมองคู่หูสองสาวหน้าใหม่แห่งเกาะด้วยความสนอกสนใจ
ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเท้าขึ้นเวที ซึ่งมีเปียโนตั้งตระหง่านอยู่ สองสาวจึงแยกย้ายกันทำหน้าที่
"นักร้อง" และ "นักดนตรี"
มาเรียเริ่มต้นบรรเลงเปียโนด้วยบทเพลงที่พี่ชายฝาแฝดพูดถึงเมื่อบ่าย ซึ่งเป็นท่อนอินโทรที่พาผู้ฟังดิ่งลงไปยังสตอรี่ของสองคู่หูในอีกมิช้า
เพลง Reflection จะกล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถูกประทินโฉมให้ดูงดงามแบบลูกผู้หญิงทั่วไปที่ทุกคนรู้จัก แต่พวกเขาหาได้รู้ไม่... ว่าผู้หญิงที่รู้จักนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก ใครกันเล่าจักเข้าถึงเนื้อแท้ในหัวใจได้
Who is that girl I see, staring straight back at me? Why is my reflection someone I don't know?
Somehow I cannot hide who I am, though I've tried. When will my reflection show, who I am, inside?
เนื้อเพลงส่วนนี้จะถูกร้องถึง 3 ครั้งด้วยกัน มันบ่งบอกถึงความคับข้องใจในตัวเองใน 2 ครั้งแรกที่นักร้องได้ขับขานออกมา ส่วนครั้งที่ 3 โทนเสียงดนตรีจะมีความแข็งแกร่งขึ้น จะสื่อความหมายดี ๆ ให้ผู้ฟังได้รับรู้
ตัวตน จะมีความเด่นชัดเป็นรูปธรรมได้นั้น... ต้องแสวงหา เพราะมันไม่สามารถสะท้อนผ่านกระจกหรือสิ่งอื่นออกมาได้
หากผู้ฟังได้ฟังแองเจิ้ลขับขานบทเพลงนี้ จะเห็นว่าแองเจิ้ลเป็นหมามีพรสวรรค์เหลือล้นเหมือนสติทช์ของลีโล่ ส่วนมาเรียที่บรรเลงเปียโนอย่างไพเราะก็โปรยเสน่ห์ไปในตัว
เสน่ห์ที่ปราศจากบทบาทผู้หญิงที่ทุกคนคาดหวังให้เป็น กลายเป็นว่า... เสน่ห์ของคนอยู่ที่ตัวเรา สามารถเรียนรู้และแสวงหาด้วยใจตัวเองผ่านการใช้ชีวิตประจำวันให้คุ้มค่า เริ่มต้นที่เด็ก
ซึ่งทำให้จัมบ้าที่ไม่ค่อยอินกับบทเพลงลักษณะนี้ มองออกได้ในทันที... ว่าถึงมาเรียมีพ่อแม่และพี่ชายอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ขาดเพื่อนที่รู้ใจเหมือนลีโล่ตอนก่อนรับเลี้ยงสติทช์ และแองเจิ้ลก็มาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ บทเพลง "เงาสะท้อน" จึงสอนให้แองเจิ้ลเรียนรู้วิธีค้นหาตัวตนที่เหนือกว่าเป็นแค่สัตว์ทดลองผู้ขับกล่อมบทเพลงปีศาจทำลายล้าง แองเจิ้ลเป็นเพื่อนคนสำคัญที่มองเห็นตัวตนข้างในมาเรียอย่างแท้จริง
พูดง่าย ๆ ก็คือ... มาเรียกับแองเจิ้ลจะประคับประคองตัวตนของกันและกันได้นานเท่าใด
------------------------------------------------------------------------
ในขณะที่พวกลีโล่กำลังอิ่มเอมใจกับบทเพลงที่แองเจิ้ลขับร้องอยู่นั้น... มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นในคฤหาสน์ของ สปุ๊กกี้ 300 สัตว์ทดลองมีลักษณะเป็นมอร์ฟร่างอ้วนสีเขียว สามารถแปลงกายเป็นสิ่งที่ศัตรูกลัวที่สุด ซึ่งบัดนี้... สปุ๊กกี้เปิดบ้านให้สปาร์คกี้กับสไปค์พาใครคนหนึ่งเข้ามาสอบสวนอย่างเงียบ ๆ
เจ้า 625
นักทำแซนด์วิชถูกเหวี่ยงเข้าไปในคฤหาสน์ร้างอย่างแรง เขาลุกขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในวงล้อมของพี่น้องสัตว์ทดลองที่พร้อมรุมสกรัมได้ทุกเมื่อ จำได้ว่าเจ้า 625 ทำงานร่วมกับแกนตูเพื่อส่งสัตว์ทดลองให้แฮมสเตอร์วิลล์
"เบา ๆ หน่อยสิพวก เห็นมั้ยเนี่ย... ว่าฉันไม่มีอาวุธ!?" เจ้า 625 โวยใส่
"ไม่มีอาวุธ ก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะหมดพิษสงนี่" สปาร์คกี้เปิดฉากกล่าวหาเจ้า 625 "ฉันเห็นแกด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวห้องอาหาร ตั้งใจจะส่งข่าวให้แกนตูใช่มั้ย!?"
"เฮ้ย! กูนะเหรอ... เป็นสปายให้แกนตู!?" เจ้า 625 ตกใจที่ถูกกล่าวหา
"ถ้าไม่ได้เป็นสปาย แล้วไปทำอะไรที่โรงแรม หาแซนด์วิชใหม่ ๆ ไปแกะสูตรเหรอ" สไปค์ถาม ไม่มีวันเชื่อเป็นอันขาดว่าเจ้า 625 จะปฏิเสธ
"กูแค่ดักทางแกนตูไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น... การสูญเสียครั้งใหญ่ได้สร้างความหายนะอย่างใหญ่หลวงแน่!" เจ้า 625 โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งเป็นน้ำเสียงที่เหล่าสัตว์ทดลองไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะรู้แค่ว่าเจ้า 625 มีดีแค่ตีฝีปากกับแกนตูไปวัน ๆ
"การสูญเสียครั้งใหญ่!? หมายความว่าไง!?" สปุ๊คกี้ฉงนกับคำพูดของอีกฝ่าย
เจ้า 625 จึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกสปาร์คกี้รับรู้และเตรียมรับมือกับศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อคืน... หลังจากที่แกนตูออกไปตามหาแองเจิ้ล เขาแอบเข้าไปในห้องแคปซูลเก็บสัตว์ทดลองเพื่อสอบถาม โนซี่ 199 เจ้าวอมแบ็ตกึ่งหมูอ้วนที่รู้ความลับของคนทุกคนที่อยู่รอบตัว ได้ความมาว่า... แองเจิ้ลถูกลักพาตัวมาจากโอฮาน่าและทำการรีเซ็ตเธอเป็นนางอสูรร้ายเพื่อแย่งชิงสติทช์ด้วยบทเพลงปีศาจของเธอ แฮมสเตอร์วิลล์มีลางสังหรณ์ว่า... ถ้าแองเจิ้ลถูกกระตุ้นจนความทรงจำกลับคืนมา แผนที่วางไว้ก็พังหมด
โอฮาน่าที่ชื่อ... มาเรีย โคลแมน ต้องถูกกำจัด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมโดยเร็ว แผนชิงตัวสติทช์ถึงจะดำเนินต่อไป!
เป็นความจริงที่ทำเอา 625 ตกใจแทบสิ้นสติ คาดไม่ถึงว่าแฮมสเตอร์วิลล์จะสั่งฆ่าเด็กที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัตว์ทดลองอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะต้องการหลอกใช้แองเจิ้ลให้ทำตามแผน
จากการเป็นคู่หูไร้ประโยชน์ของแกนตู ทุกครั้งที่แกนตูออกล่าสัตว์ทดลอง... เขาจะตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับลีโล่และสติทช์ เจ้า 625 รู้ดีว่าอดีตมือปราบร่างใหญ่อย่างแกนตูไม่ต้องการให้การจับสัตว์ทดลองต้องลงเอยด้วยการคร่าชีวิตผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เหมือนที่เขาเกือบพรากลีโล่ไปจากดาวโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้เขาถูกปลดประจำการจนถึงทุกวันนี้
625 จำได้ว่าถูกสร้างก่อนสติทช์ และสติทช์มีพละกำลังเทียบเท่าตน แขนชั้นล่างจึงงอกออกมาจากเอว เขาพร้อมแล้ว... ที่จะขัดขวางมิให้แกนตูหลงผิดทำตามคำสั่งแฮมสเตอร์วิลล์อีก จึงแอบไปที่ห้องเก็บอาวุธ... เอาปืนหลากชนิดและแคปซูลจับสัตว์ทดลองออกไปนอกยาน หวังว่าอดีตมือปราบจะฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันท่วงที
ซึ่งแน่นอนว่าวีรกรรมของ 625 สร้างความไม่พอใจให้แกนตูเป็นอย่างมาก
"แกกล้าดียังไง... ขนของที่จะต้องจับ 624 ออกไปนอกยานแบบนั้น!?" แกนตูแผดเสียงใส่ด้วยความโกรธจนถึงที่สุด
"ฉันรู้แล้วกันล่ะน่า... ว่านายไม่ได้ออกไปจับแองเจิ้ลอย่างเดียว นายคิดจะออกตามหาเด็กที่ชื่อมาเรียแล้วฆ่าเธอด้วย!" 625 ขึ้นเสียงใส่ ทำเอาอดีตมือปราบชะงักไม่ทันตั้งตัว ไม่คาดคิดว่าคู่หูไร้ประโยชน์จะกล้าขึ้นเสียง
"แกรู้ได้ไง!?" แกนตูถามด้วยความตกตะลึง
"อย่าลืมสิ... ว่าในยานลำนี้มี จอมปากสว่าง กับ เครื่องจับเท็จ อยู่ และเรื่องที่รู้มาก็เป็นความจริง!" 625 เตือนความจำ
"บ้าเอ๊ย!" แกนตูสบถออกมาก่อนที่จะเถียงต่อ "แต่ฉันไม่คิดจะฆ่าเด็กนั่นหรอกนะ ฉันนึกไม่ถึง... ว่าแฮมสเตอร์วิลล์จะให้ฉันลงมือฆ่า ฉันก็เลยคิดว่าจะพาเธอมาลบความจำ เรายังมี เจ้า 303 อยู่ แค่ลบความจำก็รักษาชีวิตเด็กให้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มเติมที่ลืมเรื่อง 624 ไปชั่วขณะ"
"เด็กคงจะยอมอยู่หรอก ถ้าอีกฝ่ายจำหน้านายได้" 625 โต้กลับ แกนตูถึงกับนิ่งไป... จำได้ว่าเคยปรากฏตัวต่อหน้ามาเรียมาแล้ว
"แล้วแกจะให้ฉันทำไง!?" แกนตูย้อนถามเสียงแข็ง
"ง่าย ๆ เลย ในฐานะที่นายเคยเป็นมือปราบที่ตามล่าสติทช์มาก่อน ฉันขอให้นาย... ถอนตัวจากคำสั่งซะ" 625 ให้คำแนะนำด้วยความใจเย็น หวังว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง
[ฉันเกรงว่า... คงไม่มีวันนั้นหรอกนะ] หน้าจอห้องปฏิบัติการของนายฉายภาพแฮมสเตอร์วิลล์ขึ้นมาเสียก่อน แกนตูกับ 625 จึงหันไปคุยกับวายร้ายที่อยู่ในเรือนจำดาวทูโร่ในทันที
"แฮมสเตอร์วิลล์!" สองคู่หูตกใจที่เจ้าหนูเจอร์บิลจอมวายร้ายติดต่อมา
[พวกแกคิดเหรอ... ว่าฉันจะปล่อยให้เด็กคนเดียวที่รักนัง 624 มากเข้ามาทำลายแผนฉันได้!? แค่นังเด็กจุ้นจ้านเป็นเพื่อนกับ 626 มาวุ่นวายก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ถ้ามีเด็กจุ้นจ้านเพิ่มอีก... มันจะไม่เป็นผลดี นัง 624 เป็นไพ่ตายที่จะดึงตัว 626 ได้ในพริบตา ฉันจะไม่ยอมให้นังเด็กอีกคนเข้ามาวุ่นวายอีกเป็นอันขาด ต่อให้นังนั่นต้องตาย... นัง 624 ต้องอยู่ในมือเราให้ได้!] แฮมสเตอร์วิลล์ยืนยันเสียงเหี้ยม ต้องการให้แผนดำเนินต่อไปจนสำเร็จอย่างรวดเร็ว แม้ต้องฆ่าคนที่เกี่ยวพันกับสัตว์ทดลองอีกสักกี่คนก็ตาม
ซึ่งเป็นคำสั่งที่ก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนชีวิตของอดีตมือปราบโดยสิ้นเชิง
สปาร์คกี้ สไปค์ และสปุ๊คกี้ฟังความจริงจาก 625 แล้ว อดกังวลไม่ได้ นึกว่าแฮมสเตอร์วิลล์จะมีดีแค่ออกคำสั่งทั้งที่อยู่ในเรือนจำ แต่นึกไม่ถึงว่าจะยื่นใบสั่งให้แกนตูกำจัดมาเรียราวกับว่าอดีตมือปราบเป็นมือปืนล่าหัวคนยังไงยังงั้น
"ถึงแกนตูไม่ทำ มันก็มีวิธีอื่นที่จะกำจัดมาเรียให้ได้อยู่ดี" 625 พูดราวกับว่าแฮมสเตอร์วิลล์มีแผนอื่นสำรองไว้ เพราะรู้ดีว่าแกนตูไม่มีวันฆ่าเด็กได้ลงคอ
"จะบอกอะไรไว้อย่างนะ ถึงแองเจิ้ลทำให้สติทช์หลงได้ แต่บทเพลงปีศาจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี" สปาร์คกี้พูดเป็นนัยยะบางอย่างให้อีกฝ่ายรับทราบ
"อะไรทำให้แกยืนยันอย่างนั้นวะ" 625 สงสัย
"เพราะจัมบ้าบอกว่าแกกับสติทช์ถูกสร้างทีหลัง สติทช์ถึงไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของเธอ" สไปค์ไขข้อสงสัยให้อีกฝ่ายจนอีกฝ่ายถึงกับบางอ้อ
"ทีนี้... แกจะปล่อยฉันได้รึยัง!? อยู่ที่นี่แล้วขนลุกซู่อ่ะ" 625 กวาดตามองพลางเอามือลูบตัวเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กับบรรยากาศในคฤหาสน์ผีสิง เห็นหน้าสปุ๊คกี้ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าแปลงร่างเป็นอะไรในตอนนี้เลย
"ถ้าฉันปล่อยแกไป แกรับปากไว้อย่างหนึ่งได้มั้ย" สปุ๊คกี้ถาม
"จะให้รับปากเรื่องอะไร" 625 สงสัย
"เรื่องนี้จะรู้กันแค่เรา 4 คนเท่านั้น แน่นอนว่ารวมแกนตูด้วย ฝากบอกเขา... ว่าขอบคุณที่ยังมีจิตวิญญาณมือปราบแห่งสหพันธ์กาแลคติกอยู่ หวังว่าเรื่องของแองเจิ้ลกับมาเรียจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นนะ" สปาร์คกี้ยิ้มพลางวางมือทั้งสองข้างลงบนบ่าของนักทำแซนด์วิช ประหนึ่งว่าเขาเชื่อใจเพื่อนใหม่ได้... ว่าที่อดีตลูกสมุนเจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตคงได้รับบทเรียนครั้งสำคัญที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต
ในเมื่อคำสั่งล่าสุดของจอมวายร้ายได้บีบพวกเขาให้พบกับ "จุดเปลี่ยน" อย่างรวดเร็วถึงเช่นนี้
------------------------------------------------------------------------
เรือนจำดาวเคราะห์ K-37
สถานที่คุมขังนักโทษแห่งนี้ พึงควรเป็นแหล่งคุมขังนักโทษตามความผิดที่ก่อไว้ในกาแล็คซี่ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์
รวมถึงคดีผลิตสัตว์ทดลองผิดกฎหมาย แน่นอนว่าในเรือนจำแห่งนี้มีวายร้ายเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคิดแผนชั่วร้ายทั้งที่ยังถูกจองจำอยู่
ดร. แจ็ค วอน แฮมสเตอร์วิลล์ นักโทษในนามอดีตหุ้นส่วนของจัมบ้า ผู้เป็นเจ้าของห้องขังที่ถูกตกแต่งเป็นห้องแล็บลับขนส่งสัตว์ทดลองจากยานของแกนตู กำลังหัวเสียอย่างแรง และครั้งนี้จะรุนแรงยิ่งกว่า
กำปั้นหนูเจอร์บิลจอมโฉดทุบแผงควบคุมอย่างแรงด้วยความโกรธแค้นถึงที่สุด ทั้งชีวิตนี้... ไม่เคยมีใครหน้าไหนขัดใจมาก่อน
นอกจากจัมบ้าที่แยกตนเองมาสร้างสติทช์ อดีตมือปราบหน้าปลาดุกยังกล้าแข็งข้อ... ปฏิเสธคำสั่งฆ่ามาเรียเพื่อชิงตัวแองเจิ้ลมาใช้ประโยชน์ในการฮุบสัตว์ทดลองมาเป็นของตนเอง
แฮมสเตอร์วิลล์คิดว่าบนดาวโลกมีลีโล่คนเดียวที่สื่อสารกับสัตว์ทดลองจนถึงขั้นต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างได้ นึกไม่ถึงว่ามาเรียจะเป็นมนุษย์ที่กล้าเผชิญหน้ากับแองเจิ้ลอย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายเป็นนางอสูรผู้ขับกล่อมบทเพลงปีศาจ เหมือนที่ลีโล่เผชิญหน้ากับสติทช์ในสภาพจอมทำลายล้างอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย และการเผชิญหน้าก็ทำให้สติทช์ต่อต้านโปรแกรมหลักได้ด้วยตัวเอง
มันต้องมีหนทางกำจัดเด็กพวกนั้นไปให้พ้นสิน่า!
แกนตูกับไอ้ 625 ก็เทแล้ว สมองจอมวายร้ายจึงนึกถึงคนที่เป็น "หุ้นส่วน" อีกคนที่มั่นใจได้ว่าจะช่วยเคลียร์เรื่องนี้
หุ้นส่วน... ที่คาดหวังว่าผลงานของจัมบ้าจะเป็น "สินค้าเกรดพรีเมี่ยม" มาตลอด
สินค้า... ที่สามารถใช้ประโยชน์ในการครอบครองกาแล็คซี่โดยปราศจากข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย
นึกถึงหุ้นส่วน เจ้าหนูเจอร์บิลจึงเปิดหน้าจอค้นหารายชื่อคน ๆ หนึ่งเพื่อติดต่อเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับสัตว์ทดลองให้อีกฝ่ายรับทราบโดยเร็วที่สุด
ดร.พลาเจียส
ทันทีที่แฮมสเตอร์วิลล์เห็นชื่อคนที่เขาต้องการติดต่อ ถึงกับยิ้มร้ายด้วยความปลื้มปีติ ราวกับว่าหุ้นส่วนคนนี้จะเป็นความหวังสุดท้ายที่แม้แต่ทางสหพันธ์กาแลคติกก็มิอาจขัดขวางได้อีกต่อไป
การติดต่อจึงเริ่มต้นขึ้น
"มึงแส่หาเรื่องเองนะ ไอ้แกนตู คอยดูผลลัพธ์จากการปฏิเสธก็แล้วกัน"
ç=================è
ความคิดเห็น