ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

    ลำดับตอนที่ #2 : Mission 01 : นิยามรักนั้นมันคืออะไร

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 62


    MISSION 01

    นิยามรักนั้นมันคืออะไร



                     ณ  สนามมวยริมหาด

                    สนามแห่งนี้มีศึกวันทรงชัยเกิดขึ้น  เมื่อมีนักมวยก้าวเท้าขึ้นชกบนเวที

                         แต่นักมวยหนุ่มทั้งสองมิใช่มนุษย์

                    พวกเขาเป็นสัตว์ต่างดาวกำลังประลองฝีมือกัน  ตัวหนึ่งเล็ก  อีกตัวใหญ่และร่างกายกำยำล่ำสัน

    .               ใช่แล้ว... นักมวยสองหนุ่มก็คือ สติทช์ 626 กำลังปะทะกับ คิกซ์ 601 ด้วยหมัดมวยแสนดุเดือด  ทั้งคู่กำลังตั้งการ์ดเตรียมรอสัญญาณเรียกชก

                    เต๊ง!

                   คิกซ์เปิดฉากแจกหมัดจากแขนท่อนบนจู่โจมสติทช์  อีกฝ่ายยกแขนป้องกันการโจมตี... แม้รู้ว่าคิกซ์มีสี่แขนที่ได้เปรียบกว่าสองแขนก็ตาม  ความได้เปรียบที่เห็นได้ชัด  คือ... ถึงสติทช์ป้องกันหมัดไม่ให้โดนหน้าได้  แต่หมัดท่อนแขนที่งอกมาจากเอวก็พร้อมจะอัปเปอร์คัทได้ในพริบตา  สติทช์งอกแขนชั้นล่างออกมาจากเอวมาตั้งรับแล้วใช้หมัดคู่พุ่งเข้าชกหน้าท้องของอีกฝ่ายจนร่างเซไปเล็กน้อย  คิกซ์เห็นว่าสติทช์เรียนรู้วิชาการตั้งรับเป็นอย่างดี... จึงงัดท่าโรลลิ่งบอล (Rolling Ball) โจมตีสติทช์  โดยทำท่านั่งกอดเข่าแล้วกลิ้งตัวพุ่งเข้าโจมตีศัตรู  แต่สติทช์ไหวตัวทัน... กระโดดตีลังกาขึ้นไปยืนอยู่บนเสามุมสังเวียน  หลอกล่อเจ้านักมวยให้กลิ้งชนเชือกกั้นจนเด้งไปมา  สติทช์ได้ที... กระโดดข้ามไปวิ่งเล่นบนร่างคิกซ์ที่ยังเป็นบอลยักษ์ด้วยความสนุกสนานราวกับว่าเขาคือลู่วิ่งประจำตัว

                    สติทช์หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งคิกซ์ตอนซ้อมมวยรอถึงเวลาไปรับ ลีโล่ ที่ป้ายรถเมล์ตอนเลิกเรียน  เนื่องจากว่าถึงเธอกับเขาเป็นสายลับค้นหาสัตว์ทดลอง... แต่การสอบไฟนอลในโรงเรียนของลีโล่สำคัญที่สุด

                    สติทช์ก็เลย... หาเวลาเจ๊าะแจ๊ะกับบรรดาพี่น้องสัตว์ทดลองที่ละลายพฤติกรรมไปพลาง ๆ  เหมือนที่เขากำลังฝึกปรือวิชาการต่อสู้จากคิกซ์อยู่

                    แต่ดูเหมือนคิกซ์จะไม่ถูกใจการกระทำของอีกฝ่ายสักเท่าใด

                    เจ้านักมวยสี่แขนตัดสินใจหยุดกลิ้งตัวอยู่ในลักษณะนอนหงาย  สติทช์เห็นท่าไม่ดี... รีบกระโดดหลบไปให้พ้นวิชาอ้อมกอดของคิกซ์โดยเร็ว  เพราะทุกครั้งที่สติทช์วิ่งบนโรลลิ่งบอลของคิกซ์  เจ้านักมวยจะกางแขนคลายตัวเองให้ร่างสติทช์ร่วงลงมาแล้วกอดไว้แน่นหนา  ซึ่งสติทช์จะไม่ยอมตกหลุมพรางคู่ต่อสู้เป็นอันขาด

                    สติทช์ตัดสินใจตั้งการ์ดตามปกติ  คิกซ์ก็ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดเตรียมโจมตีเช่นกัน  คราวนี้สติทช์โฟกัสไปที่แขนชั้นล่างของคู่ต่อสู้  รู้ดีว่าทุกครั้งที่สติทช์โจมตี  คิกซ์จะตั้งรับได้หมด

                    ต้องอาศัยลูกล่อลูกชนสักหน่อย

                    คิกซ์หันไปยังเชือกกั้น... วิ่งตรงไปให้เชือกกั้นเป็นสปริงดีดตัวเองราวกับว่าตัวเองเป็นลูกหินขนาดยักษ์พร้อมซัดสติทช์ให้ร่วงลงจากสังเวียนได้ทุกเมื่อ  ด้วยสมองซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถวิเคราะห์การต่อสู้ของอีกฝ่ายเพียงแค่ตาเห็น... สติทช์รู้ดีว่าคิกซ์จงใจจะใช้วิชาหนังสติ๊กยิงตัวเองพุ่งทะยานมากระแทกตน  จึงอาศัยความว่องไวในการก้มตัวหลบแล้วใช้วิชาอัพเพอร์คัทชกเข้าที่ท้องของคิกซ์เต็ม ๆ หนึ่งหมัด!

                    จากนั้นก็ปิดเกมด้วยการกระโดดออกไปเกาะต้นมะพร้าวนอกสนาม... ปีนขึ้นไปบนยอดแล้วกระโดดเอาอุ้งเท้าเหยียบหลังจนอีกฝ่ายไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

                    การรู้ผลแพ้ชนะบังเกิดขึ้นแล้ว!

                    เมื่อผลแพ้ชนะเป็นที่รู้กัน  การซ้อมจึงเสร็จสิ้น

                    สองหนุ่มนักสู้ทั้งสีฟ้ากับสีม่วงจึงออกจากสังเวียนในโรงยิม  ซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่มาดื่ม  หลังจากที่ทั้งคู่เสียหยาดเหงื่อจากการซ้อมมวยมานาน

                    "นายน่าจะชินบ้างนะกับวิชาลู่วิ่งมหาประลัยที่ฉันคิดขึ้นมา"  สติทช์พูดด้วยความภาคภูมิใจที่เขาทำให้เพื่อนนักมวยกลายเป็นลู่วิ่งได้สำเร็จ

                    "ลู่วิ่งมหาประลัย  เอาคืนที่นายถูกสแลมดังค์เมื่อคราวที่แล้วนะเหรอ"  คิกซ์ขำเมื่อนึกภาพสติทช์กลายเป็นลูกบาสเกตบอลถูกโยนลงห่วง  ต้องโทษ จัมบ้า คนแรกเลยที่บังอาจดีไซน์ให้วิชากลิ้งตัวเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ที่ทำให้ตัวเองเป็นตัวตลกของกันและกัน

                    "โธ่เพื่อน!  ของมันพลาดกันได้น่า  การต่อสู้ไม่ได้มีแค่หมัดมวยเท่านั้นนะ  มันมีการประยุกต์ด้วย  เป็นลู่วิ่งให้ฉันเนี่ย... มันฟินอย่างนี้นี่เอง"  สติทช์ยังภูมิใจไม่เลิก  ทำเอาคิกซ์ค้อนเบา ๆ

                    "เป็นเกียรติมากเลยนะไอ้พี่น้องเจ้าวางแผน  แต่ฉันว่าลูกบาสที่มีชื่อนายเป็นแบรนด์เนม... มันฟินกว่าอีก"  คิกซ์ได้ทีกอดคออดีตจอมทำลายล้างพลางเย้าแหย่คืน  "แถมบ่อจี๊ด้วยนะเออ"

                    "นี่ยังดีนะที่ไอ้โนซี่ไม่เพ่นพ่านมาเห็นฉันเป็นลูกบาสถูกสแลมดังค์  ไม่อย่างนั้น... ฉันสู้หน้าลีโล่ไม่ได้แหง ๆ เลย"  สติทช์พูดถึง โนซี่ 199 ด้วยความขุ่นเคือง  จำได้ว่าไอ้พี่น้องอ้วนปากมากนั่นมีฟังค์ชั่นแค่เป็นคนแฉความลับน่าอาย  ตอนนี้ถูกกักตัวอยู่ในยานของ แกนตู  และที่สำคัญ... สติทช์เก็บเรื่องเสียฟอร์มลักษณะนี้ไม่ให้ลีโล่ได้รับรู้  เกรงว่าความเป็นนักสู้จะเสื่อมถอยลงในสายตาเธอ

                    "มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด  ในสายตาลีโล่... ทุกเรื่องที่นายทำและมีความเปิ่นเวอร์วัง  มีความน่ารักเสมอ  ยกเว้นตอนกัดกินของใช้หรืออะไรก็ตามโดยไม่เลือกหน้าอ่ะนะ"  คิกซ์ปลอบสติทช์ให้คิดในแง่ดี  พูดถึงลีโล่  สติทช์ถึงกับยิ้มหน้าบานในทันตา

                    "เรื่องบางเรื่อง  ฉันก็ไม่ได้น่ารักเสมอไปหรอกเว้ย"  สติทช์ถ่อมตน... เขารู้จักลีโล่ดีว่าเธอชอบความน่ารักที่เขาแสดงออกมา  แต่เขารู้ว่าพฤติกรรมการทำลายล้างแบบเปิ่น ๆ  กินไม่เลือก  หรือไม่ก็แสดงอาการฉุนเฉียวใส่ผู้อื่นในยามที่เขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการ  เป็นพฤติกรรมที่ลีโล่ต้องการให้เขาปรับปรุงตัวสักเล็กน้อย  สติทช์ถึงได้เรียนรู้ที่จะมองตัวเองผ่านการกระทำต่าง ๆ เพื่อให้เขาสลัดคราบอสูรทำลายล้างมาเป็น... บอดี้การ์ดข้างกายเธอจนถึงทุกวันนี้

                    "โอ้ว์... ฉันต้องรีบไปที่ป้ายรถเมล์ก่อน  ป่านนี้ สนูทตี้ รอฉันแย่แล้วล่ะ  ฮ่า ๆ ๆ  อะโลฮ่านะคิกซ์!"  สติทช์คลานสี่ขาวิ่งปร๋อออกไปจากโรงยิมริมหาดในทันทีที่รู้ว่าใกล้ถึงเวลาแล้วที่รถโรงเรียนจะผ่านป้ายรถเมล์

                    "มีผู้หญิงเป็นเพื่อนรักมันดีอย่างนี้นี่เอง  ลีโล่ถึงเป็นที่หนึ่งในใจ"  คิกซ์พึมพำในขณะที่เขามองสติทช์ออกไปจากโรงยิม  ยิ้มอ่อน ๆ ด้วยความรู้สึกดีที่อดีตจอมทำลายล้างอย่างสติทช์มีเด็กมหัศจรรย์อย่างลีโล่ก้าวเข้ามาในชีวิต  และลีโล่เป็นคนที่เข้าถึงหัวใจของสติทช์ได้มากที่สุด  สติทช์ถึงเป็นเพื่อนที่รักและซื่อสัตย์ต่อเด็กหญิงตัวน้อยจนถึงทุกวันนี้

                    ถ้าคิกซ์จะขอบคุณสติทช์ที่ทำให้วิชาหมัดมวยของเขาถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อมนุษยชาติ  เขาก็ต้องขอบคุณลีโล่ที่เป็นกำลังสำคัญที่กำราบเขาจนยืนหยัดที่จะต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างได้

                    มิตรภาพข้ามจักรวาลที่แสนมหัศจรรย์มันดีเช่นนี้

                   "ความรัก" ของสัตว์ทดลองที่อยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสันติสุขจะมีนิยามว่าอย่างไร

                    ต้องดูกันต่อไป



                   สติทช์เดินทางไปจนถึงป้ายรถเมล์  สมทบกับ สนูทตี้ 277 ที่รอรถโรงเรียนมาจอดเช่นกัน

                   แหงล่ะ  สนูทตี้เป็นค้างคาวสีม่วงที่ถูกตั้งฟังก์ชั่นให้ดูดสนูทโธเนี่ยม (Snootonium) เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงตัวเอง  ปัจจุบันเป็นเพื่อนรักที่ดูดซับน้ำมูกจาก วิคตอเรีย  เพื่อนสนิทที่รู้ภารกิจของลีโล่กับสติทช์  เพราะน้ำมูกเป็นสารเคมี่ที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกับสนูทโธเนี่ยม

                   นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญตั้งแต่วิคตอเรียเป็นเพื่อนใหม่ของลีโล่  เพราะวิคตอเรียเป็นคนที่หลงใหลในเรื่องแปลกเหมือนลีโล่  และยืนยันที่จะเป็นเพื่อนลีโล่แทนที่จะเป็นเพื่อนกับยัยแว่นใจแคบอย่าง เมอร์เทิล เอ็ดมันด์  คู่อริที่มองลีโล่เป็นตัวประหลาดอยู่เรื่อยไป

                   สติทช์กับสนูทตี้จึงเป็นคู่หูรอรถโรงเรียนจนถึงทุกวันนี้

                   และแล้ว... รถโรงเรียนคันสีเหลืองก็มาจอดหน้าป้าย  เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงที่อาศัยอยู่ใน โคคาอัวทาวน์ (Kokaua Town) พากันทยอยลงจากรถ  ซึ่งแน่นอนว่า... คนที่สองหนุ่มรอก็ลงมาด้วย

                   ลีโล่กับวิคตอเรีย!

                   ลีโล่กับสติทช์โผเข้ากอดกันด้วยความดีใจที่ได้พบหน้ากันทั้งที่อยู่ด้วยกันแทบ 24 ชั่วโมง  ส่วนสนูทตี้ก็กระพือปีกบินเข้าไปนอนบนอ้อมแขนของเด็กหญิงผมแดงผู้มีใบหน้าตกกระด้วยความดีใจอีกเช่นกัน

                   "เฮ้อ... สอบเสร็จพอดี  กว่าจะออกมาได้ก็เหนื่อยแทบตาย"  ลีโล่พูดออกมาราวกับว่าการสอบไฟนอลดูดพลังชีวิตเธอไปแทบจนหมดสิ้น

                   "เหนื่อยอะไรกันเล่า  ลีโล่ก็พูดเวอร์ไป  เก่ง ๆ แบบเธอ  ต้องไม่เหนื่อยสิจ๊ะ  ถ้าได้คะแนนงาม ๆ สมกับเป็นลูกศิษย์ของอัจฉริยะชั่วร้าย"  วิคตอเรียพูดติดตลกอย่างรู้นิสัยเพื่อนรักดี  ลีโล่ฉลาดเรื่องการศึกษาจุดเด่นของสัตว์ทดลอง... เรื่องเรียนก็ไม่แคล้วไปได้สวยเช่นกัน  ยิ่งมีจัมบ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ร่วมชายคาบ้านลีโล่  คะแนนวิทยาศาสตร์จะหนีไปไหนเสียเล่า

                   "Ih.  Yuuga Bootifa!"  สติทช์เห็นด้วย  ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษ  คือ... ลีโล่เก่งอยู่แล้ว  จะไปกลัวอะไร  ทำเอาลีโล่ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดีขึ้น

                   "ไหน ๆ เราสอบเสร็จแล้ว  ไปหาเจ้า สลัชชี่ กัน!  อุดหนุนสัก... สามสี่โคน"  ลีโล่ชวนเพื่อนไปกินน้ำแข็งไสกัน  วิคตอเรียกับสนูทตี้พยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเล  เพราะรู้ดีว่า สลัชชี่ 523 เป็นคนทำน้ำแข็งไสอร่อยที่สุดในเกาะคาไว

                   แน่นอนว่าร้านน้ำแข็งไสมีลูกค้ามากมายมาอุดหนุน  ซัมเมอร์ใกล้มาถึงทีไร  สลัชชี่ต้องมีลูกมือส่วนตัว  คือ... ดู๊ป 344  สัตว์ทดลองมีรูปลักษณ์เป็นวานรผสมลีเมอร์  สามารถโคลนสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตได้  ดู๊ปจึงโคลนถ้วยน้ำแข็งไสของสลัชชี่ให้มีแคลอรี่ต่ำ

                   ตั้งแต่เหล่าสัตว์ทดลองมีบ้านเป็นของตนเอง  พวกเขาฝึกฝนภาษาอังกฤษไปในตัว  เหมือนที่ลีโล่กับสติทช์เรียนทั้งภาษาอังกฤษและภาษาแทนทา-ล็อก (ภาษาที่สติทช์  จัมบ้า  และผองเพื่อนสัตว์ทดลองมักคุยกัน)  เพื่อใช้ประโยชน์ต่อหาค้นหาพี่น้องที่เหลือ  วิคตอเรียก็ต้องมีสมุดจดคำศัพท์เบื้องต้นเพื่อใช้สื่อสารกับสนูทตี้

                   เมื่อหนุ่มสาวสี่สหายต่างพันธุ์ซื้อน้ำแข็งไสจากสลัชชี่  พวกเขาจึงนั่งพักเท้ากันบนม้านั่งตรงทางไปบ้านลีโล่

                   "ฉันมีเรื่องอยากถาม  เผื่อว่า... เธอจะรู้"  วิคตอเรียเกริ่นนำราวกับว่าเรื่องที่เธอจะพูดเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะพูดได้เต็มปาก

                   "อะไรเหรอ"  ลีโล่เปิดโอกาสให้เพื่อนรักถามสิ่งที่อยากรู้

                   "มันเป็นไปได้ไหม... ที่สัตว์ทดลองกับ... สัตว์เลี้ยงธรรมดา จะตกหลุมรักกันได้"  วิคตอเรียถาม  เป็นคำถามที่ทำเอาลีโล่  สติทช์  และสนูทตี้สตั๊นไปชั่วขณะ  แม้แต่สติทช์ยังสำลักเลย

                   "Gaba?"  สติทช์รู้สึกแปร่งหูกับคำถามที่วิคตอเรียอยากรู้  ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีเรื่องราว

                   "คือ... จีจี้ ที่เมอร์เทิลหวงนักหนาคือ ตัวทดลองหมายเลข 007  มีรูปลักษณ์เป็นหมาชิสุ  แต่ดันมีหมาตัวผู้มาติดพัน  ฉันก็เลยสงสัย... ว่าจีจี้กับหมาบนดาวโลกจะรักกันได้ยังไง"  วิคตอเรียอธิบายเหตุผลที่ทำให้เธอตั้งคำถามประหลาดออกมา  สติทช์ฟังแล้วแอบขำเบา ๆ  นึกภาพเมอร์เทิลหวงจีจี้ไม่ให้หมาตัวผู้หน้าไหนมาใกล้ชิดแล้วฟันธงได้ในทันที... ว่ายัยแว่นสมองกลวงนั่นต้องเหนื่อยเพิ่มอีกเท่าตัว

                   เป็นคำถามที่ทำเอาลีโล่คิดหนัก  เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์ความรักแบบหนุ่มสาวเหมือน นานี่  พี่สาวของเธอที่กำลังคบหาดูใจอยู่กับเดวิด  จากที่เธอกับสติทช์ละลายพฤติกรรมเหล่าสัตว์ทดลอง  ยังไม่มีสัตว์ทดลองตัวไหนที่ตกหลุมรักกันเลย

                   เรื่องสัตว์ทดลองกับสัตว์ธรรมดาจึงเป็นเรื่องที่ลีโล่ไม่สามารถให้คำตอบได้

                   "เอาตรง ๆ นะ  ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่ารักกันได้มั้ย  ตั้งแต่ฉันกับสติทช์ออกค้นหาสัตว์ทดลองด้วยกันมา  ส่วนมากเป็นตัวผู้ทั้งนั้น  ไม่รู้ว่าจาก 626 ตัว  นอกจากจีจี้  บอนนี่  เบลล์  และเจ้าคลิปแล้ว  จะมีตัวเมียทั้งหมดกี่ตัว  และต่อให้มีสัตว์ทดลองตัวเมียที่สวยมีเสน่ห์พอจะดึงดูดชายได้  ก็รักกันไม่ได้"  ลีโล่ตอบตามตรง

                   "ใช่  ญาติกัน  รักกันไม่ได้"  สนูทตี้เห็นด้วย

                   สุดท้าย... ข้อสงสัยก็ได้รับการไขกระจ่าง  เมื่อผู้สร้างผลงานทดลองเป็นผู้ให้คำอธิบายได้ดีที่สุด

                   ดร.จัมบ้า จูคิบ้า

                   "เป็นไปไม่ได้หรอก... ที่สัตว์ทดลองของจัมบ้าจะรักกับสัตว์ธรรมดาบนดาวโลก"  จัมบ้าตอบพร้อมให้เหตุผลอย่างละเอียด  "สรีระและการเจริญเติบโตของสัตว์ทดลองกับสัตว์ธรรมดามีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  มนุษย์และสัตว์ธรรมดาต่างก็มีอายุขัยที่ทำให้ร่างกายหยุดทำงานอย่างถาวร  หากว่าการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงดำเนินมาจนถึงที่สุดแล้ว  ผิดกับสัตว์ทดลองที่ไม่มีอายุขัยและมีการเจริญเติบโตทางกายที่น้อยมาก  เพราะพวกเขาเป็นสัตว์ที่อยู่ได้ด้วยพลังงานที่หมุนเวียนอยู่ในตัว"

                   "นอกจากคุณที่เป็นคนสร้างสติทช์แล้ว  ยังมีคนอื่นอีกรึเปล่าคะ"  ลีโล่ถาม

                   "ก็ไม่ได้มีแค่จัมบ้าคนเดียวที่เป็นอัจฉริยะชั่วร้าย  คนแบบจัมบ้ามีถมเถไปในกาแล็คซี่  แต่ซ่อนตัวในเงามืดก็เท่านั้นเอง  ฮ่า ๆ ๆ"  จัมบ้าตอบแล้วขำเสียเองที่นึกภาพบรรดานักวิทยาศาสตร์ผลิตสัตว์ทดลองผิดกฎหมายพากันหนีตำรวจอวกาศหัวซุกหัวซุน  แต่ก็มีข้อสงสัย  "ถามทำไมรึ"

                   "ในเมื่อสัตว์ทดลองทั้ง 626 ตัวเป็นพี่น้องกัน  ไม่ว่าจะชายหรือหญิง  หนูคิดว่าคุณน่าจะเตี๊ยม ๆ กับเพื่อนที่ผลิตสัตว์ทดลองเพื่อให้มีการ... จับคู่กันเกิดขึ้น  เป็นไปได้มั้ยที่สัตว์ทดลองจะคบหากันได้"  ลีโล่ให้เหตุผล  ซึ่งเป็นเหตุผลที่จัมบ้าฟังแล้วถึงกับขำก๊ากขึ้นมา

                   "ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ  โถ ๆ ๆ ๆ  ยัยหนูเอ๊ย!"  จัมบ้าขำแล้วลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความเอ็นดู  นึกไม่ถึงว่าเด็กจะแก่แดด... คิดเรื่องความรักแบบหนุ่มสาวของสัตว์ทดลองได้  "หนูคิดว่าจัมบ้าสร้างสัตว์ทดลองทั้งหมดจากดีเอ็นเอของสัตว์ต้นแบบเพียงตัวเดียวรึไงห๊ะ!?  กว่าจัมบ้าจะออกแบบจนเป็นตัวเป็นตนได้... มันต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะเอาดีเอ็นเอที่หลากหลายมาเทียบเคียงและผสมผสานกัน  หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... ทุกตัวเป็น พี่น้องบุญธรรม กัน"  จัมบ้าตอบข้อสงสัยก่อนที่จะตัดบททิ้งท้ายอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย  "ส่วนจะรักกันได้มั้ย... เป็นอีกเรื่องที่ยัยหนูต้องโตกว่านี้ก่อน  จัมบ้าถึงจะให้คำปรึกษาได้"

                   ในที่สุด... ข้อสงสัยก็ได้รับการไขกระจ่าง  ลีโล่ได้ข้อสรุปว่าความรักของสัตว์ทดลองเกิดขึ้นได้  เพราะแต่ละตัวมีดีเอ็นเอที่แตกต่างกัน

                   แต่สำหรับสติทช์  รู้สึกได้ว่าเป็นคำตอบที่ "เจ็บ" ที่สุดก็ว่าได้

                   ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้นะเหรอ!?

                   ตั้งแต่สติทช์ผ่านพ้นความตายที่ทำให้บาดแผลในหัวใจลีโล่เกือบถูกกรีดซ้ำจนแทบไม่สามารถเยียวยาได้อีก  ด้วยบทพิสูจน์ที่ว่า... "ความรักมีพลังอานุภาพเหนือกว่าความตาย"  ความรักที่ลีโล่มีต่อเขา  ทำให้สติทช์ฟื้นคืนชีพอีกครั้งราวกับปาฏิหาริย์

                   จากวันนั้นถึงวันนี้... ภารกิจที่ยิ่งใหญ่และความผูกพันดั่งพี่น้องร่วมสายเลือดได้ก่อให้เกิด "สายใยที่มองไม่เห็น" ขึ้นมา

                   สายใย... ที่ทำให้สติทช์มีความรู้สึกที่เหนือชั้นกว่ามิตรภาพและโอฮาน่า

                   สายใย... ที่ถูกเรียกอย่างเต็มปากว่า "ความรัก"

                   แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน... ที่สัตว์ทดลองสุดร้ายกาจจะมีความรักกับเด็กสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักได้

                   สายพันธุ์  สถานะในครอบครัว  และช่วงอายุมีความแตกต่างกันสุดขั้ว

                   เจ็บตั้งแต่ยังไม่เริ่ม... มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

                   จริงอยู่ที่ลีโล่รักสติทช์  แต่คงรักแบบ "พี่น้อง" ซะมากกว่า

                   ต่อให้สติทช์ปกป้องลีโล่ให้พ้นจากภยันตรายในภารกิจมากน้อยเพียงใด... ก็มิอาจล้ำเส้นได้

                   เพราะถ้าล้ำไปแม้แต่ปลายเล็บ  ทุกอย่างก็พินาศ

                   นี่สินะ... นิยามความรักของจอมพลัง 626


    ç=================è       


                            


             

                                              

                                             

            



      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×