ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic(My hero academia / Boku no hero academia x oc)(MHA)(BNHA) ผู้ทรนง ฮิมิยะ เคย์

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่4.5 : หัวใจแตกร้าวที่ฟื้นฟู

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 67


    ในอดีตหลายปีก่อน...

    "ฮิรูมิอยากเป็นฮีโร่รึเปล่า?"

    แม่ที่มีผมสีดำแบบเดียวกับฉันเอง ตอนนั้นเหมือนว่าตอน6ขวบฉันมาที่บ้านโทโดโรกิของคุณตาและคุณยาย 

    ดวงตา2สีข้างสีเทาน้ำตาล และ เขียวอมฟ้า เหมือนกับพี่ชายของฉันในวัยใกล้8ขวบ ที่ชโงกหน้าขึ้นมาดูฉันจากทางข้างหลังของแม่ของพวกเรา

    "ก็ต้องเป็นฮีโร่อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ!? ก็เพราะว่าพี่กับเซย์นะก็จะเป็นฮีโร่ ...ป๊ะป๋ากับหม่าม้าเองก็เป็นฮีโร่กันด้วย ยังไงพวกเราก็ต้องเป็นฮีโร่อยู่แล้ว"

    "แต่แม่ก็ไม่เกี่ยงหรอกนถ้าลูกจะไม่เป็นฮีโร่ เพราะว่าแม่น่ะอยากให้ลูกเป็นอย่างที่ลูกอยากเป็นมากกว่านะ"

    คุณแม่เขายิ้มให้อย่างอบอุ่นทุกที 

    ในห้องทรงญี่ปุ่นโบรานแบบนี้กับโต๊ะโคทัดสึ นอนแนบตักของคุณแม่ไปพร้อมกับขมิบเกรมมุมปากตอบไร้ความหมั่นใจไปทั้งแบบนั้น

    "อื้อ...อยากเป็นฮีโร่เหมือนคุณแม่..."

    ไม่คิดเลยว่าที่ตัวเองตอบไปนั้นจะมาทำร้ายตัวเองแบบนี้

    ฉันมันยัยโง่ที่คิดว่าทุกคนเป็นได้ตัวเองก็ต้องเป็นได้


    ปัจจุบัน...

    "กลับมาแล้วค่ะ..."

    ไหล่ตกมาแต่หน้าทางเดินระเบียงบ้าน 

    "กลับมาแล้ว? มาลองทานข้าวเย็นฝีมือพี่ก่อนนะฮิรูมิ"

    "ค่ะ...พี่สาว..."

    นิ้วสอดคลายรองเท้าออก ตัวเองมุงไปที่ห้องรับประทานอาหารล้างมือตัวเอง ดวงตาก็ยังกดลงผูกใจกับเรื่องของวันนี้

    ไม่ว่าจะเป็นการสลัดตัวออกจากคุณโนรุโกะก็ลำบากพอสมควร 

    "เสร็จแล้วจ๊า~! เป็นทาโกะยากิของหวานตบเป็นชูครีมแบบที่หม่าม้าชอบทำนะ"

    แล้วมันก็มาอยู่ตรงหน้าตามที่พี่สาวฉันว่า และถ้าลองสังเกตุดูดี ๆ เองก็เห็นได้ชัดว่าที่หน้าท้องของเธอนั้นดูใหญ่ขึ้นมาระดับนึงด้วย

    "พี่สาว...แบบนั้นดีแล้ว? ที่ท้องลูกอีกคนนึงน่ะ..."

    ฉันถามเธอ ซึ่งแน่ว่าเจ้าขิงดวงตาสีรุ้งผู้มากความสดใสนั้นก็รับมันด้วยรอยยิ้ม

    "อะไรกัน~? พี่น่ะนะตั้งใจจะให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้วน่า ก็เพราะว่าความรักของพี่น่ะ กับทั้งอามุคุงหรือว่าเด็กอีกคนคนนี้ที่อยู่ในท้อง... ถึงจะเป็นคุณแม่มือใหม่อายุ18ปีแต่ก็จะ พยายามดู"

    พยายาม... มักจะเป็นคำแสดงตัวตนของพี่สาวได้ดีเลย 

    เธอเป็นถึงอัจฉริยะในรอบ100ปี แข็งแกร่งกว่าใครหน้าไหนทั้งนั้นเมื่อครั้งยังถึงช่วงพีคที่สุดในรุ่นเดียวกัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่สาวน่ะ เป็นคนที่มากด้วยพรสวรรค์เสียจริง

    และก็เพราะอย่างนั้นฉันถึงอยากให้เธอช่วยปรึกษา

    "พี่สาวค่ะ..."

    "ว่าไง?"

    "คือหนูน่ะ...อยากย้ายแผนกเรียน"

    มาตรงนี้รอยยิ้มเริ่มหุบลงตอนนี้เธอซีเรียสขึ้นมาแบบจริงจัง

    "เอาจริงงั้น?"

    "ค่ะ...หนูว่าหนู ไม่เหมาะค่ะ... จะเป็นฮีโร่อะไรเนี่ยหนูมัน ไม่มีพรสวรรค์เลยค่ะ"

    ใช่...โลกในตอนนี้น่ะทุกคนเกิดมาตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมาตั้งแต่เกิดแล้ว

    ฉันมันไม่มีความสามารถมากพอที่จะพัฒนาตัวเหรือรับแรงกดดันได้เหมือนทั้งที่พี่สาวหรือว่าพี่ชายเป็นเหมือนกีบคุณพ่อและคุณแม่

    ฉันมาผ่าเหล่าเกินไปจะเหมือนกับพวกเขา

    มือที่แนบหน้าตักมองอาหารลงอยู่ตรงหน้ามันแน่นขึ้นเสียว่า มันจะทนไม่ได้ซะอย่างนั้น

    พี่สาวผมทองนั้นวางแก้วน้ำในมือลงหลังดื่มเสร็จ ไม่บอกก็รู้ว่าใบหน้ามืดตึงอึมครึมแบบเธอตอนนี้ก็คงจะโกรธอยู่

    "ทำไหมถึงต้องยึดติดกับพรสวรรค์พันธ์นั้นกันละ...! ฮีโร่ที่ไร้พรสวรรค์มันก็ยังมีอยู่นะ"

    "หมายถึงคนคนนั้นที่ตายไปแล้วน่ะเหรอค่ะ"

    เพราะปากของฉันพูดหลบหน้าแบบไม่คิด ฝ่ามือหนัก ๆ เลยลอยมาตบฉาบจนหน้าหันขวาไปตามมือนั้นหาเสียมิได้

    "............!"

    ยังช็อคขั้นรุนแรง ความรู้สึกฉาแบบนี้ในแก้มมันพาให้น้ำตาตกเล็ก ๆ

    พี่สาวเขาหายใจยาวตัวสั่นขึ้นลงไปเพราะความโกรธ แม้ว่าเธอตอนนี้ยังมีชีวิตนึงที่ต้องดูแลในท้องอยู่ตอนนี้ เธอที่ต้องรักษาอารมณ์เอาไว้ ก็เลยมองมาทางฉันด้วยดวงตาที่เปี่ยมอารมณ์โมโห

    "ฮิรูมิ ถึงเป็นน้องสาว...แต่ถ้าเธอมาว่าอาจารย์ของพี่ละก็พี่ไม่ยอมเธอแน่!!"

    "พี่...สาว..."

    "ฟังนะ! อาจารย์เขาน่ะเป็นที่โหล่ของชั้นปีตอนเขาเรียน! เป็นคนที่อัตลักษณ์อ่อนแอที่สุดในรุ่นนั้น! แต่ว่าเขาก็พยายามหลายอย่างจนทดแทนข้อบกพร้องนั้นได้! คนที่น่สเคารพแบบนั้นแท้ ๆ แต่น้ำหน้าอย่างเธอ! บังอาจมาหยามหน้าแบบนั้น ฉันคนนี้ไม่ยอมอภัยให้เธอเด็ดขาด!!"

    ตอนนี้คำขอโทษอยากพูดออกไปตรง ๆ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่อยู่ในความรู้สึกที่จะขอโทษ อย่างมากเลยลุกออกจากที่นั่งของตัวเองไปโดยไม่ทานข้าว และเดินกลับห้องไป

    แตาการกระทำของเธอมันก็ไม่ได้เสียเปล่า ที่ตบหย้าฉันมันทำให้ฉันคิดได้เมื่อตอนที่ลำตัวแนบติดเตียงไปแล้ว

    หน้าที่ยังแดงอยู่จากการตบ ตอนนี้มันเริ่มที่จะพึมพำตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่า

    "ฉันไม่อยากเป็นฮีโร่จริง?... ตอนนี้ฉันต้องการอะไรกันแน่?"

    และน้ำตาเล็ก ๆ ที่กลั่นมันอยู่ ความเครียดที่ฝั่งในอกมันก็ระบายออกมาซบหมอนคู่ใจ ให้ปลดปล่อยความโศกานี้ให้หมด และนี่ก็เพื่อค้นหาตัวเองอีกทางว่า

    "... ถ้าไม่อยากเป็นฮีโร่จริง ๆ ... ทำไหมฉันถึงยังยึดติดกับพวกเขากัน~..."


    สุดท้ายชีวิตฉันก็สักตายไปวัน ๆ 

    ไปโรงเรียนเหมือนเอาจิตวิญญาณลอยไปที่อื่น มันเกิด2อย่างที่ไม่อยากยอมรับกันและกันได้

    สู้ต่อ และ หนีซะ 

    มันเป็นแค่เรื่องสมัยเด็ก กับ เรื่องที่ได้เจอ

    ความหลังนั่งตางอ ความขมก็ฉโลมเหงื่อเหนี่ยวให้ชื้น ความมลดำที่แทรกซึม มันทำความสดใสทั้งมวลหายไป

    จนหลายครั้งมานั่งสงบตนในร้านของหวานนั่งทาน เหม่อกับโลกที่ไม่ได้สวยหรูในทางที่ฉันเป็นตอนนี้

    "แบบนี้ชีวิตเรา มันแย่จังนะ"

    "นี่เธอเอเลเมนท์มาสเตอร์ ฮิมิยะ ฮิรูมิ!"

    "?"

    ตอนเหม่อเห็นเงากระจกผมดำหันไปหาเขา เขาก็พุ่งเข้าชี้หน้าตัวเองถาม

    "นี่จำได้รึเปล่า?"

    "เอ่อ... คือคุณ... คือใครเหรอค่ะ--"

    ชะงักเมื่อตัวเองมีคีย์เวิร์ดเรื่องที่เคยเป็นอดีตของตัวฉันในรายการแข็งขันเด็กพลังสายธาตุ เขาคนนี้จำในส่วนลึกตอนเด็กได้

    แต่รูปร่างหน้าตา ผมสีดำเจาะหูดูทรงร็อคนี้ทั้งเสื้อคอไหนสีน้ำตาลนี้ เป็นคนดังในสายงานดนตรี ชื่อก็

    "ฮิวกะ มิสึยะคุง...?"

    "อ๊ะ ฮ้ะ ๆ ๆ น่าจะรู้จักชื่อนั้นมากกว่าชื่อจริงฉันสมัยแข่งกับเธอสินะ"

    แต่เราเคยรู้จักกันในสถานะผู้เข้าแข่งขันมาก่อน แต่มาเจอกันตัว ๆ เช่นนี้ก็มีเหว่อหายมึนกันบ้าง

    "คะ คะ คะ คือ ขอโทษที่จำชื่อจริงไม่ได้ค่ะ!"

    รีบโค้งขอโทษเขาไป 

    แต่เขาไม่ติดใจ และกลับกันดันถอนหายใจตัวเองลงแล้วขอสิ่งนึง

    "ขอนั่งทานด้วยกันได้รึเปล่า?"

    "เอ๊ะ?"

    หน้าดิฉันคือสั่น เขามือโบยไปเรื่อย ๆ พูดท่านั้นไม่ให้ฉันกลัวว่า

    "แบบว่าพอดีมันมีโปรโมชั่น2ที่นั่งน่ะ ถือว่าขอทีเถอะนะ"

    เขาดูน่าเวทนา

    แต่ว่าจุดนั้นฉันก็ให้ความสนใจกับเขา 

    มันคงเป๋นเรื่องแบบว่าคสที่นิสัยใกล้เคียงกันไปด้วยกันได้ กระมั่ง?


    และหลัง ๆ มานี้ฉันก็ได้เจอเขาบ่อยขึ้นพอสมควร และมันบ่อยจนกระทั่ง...

    เราลองเปิดใจกันและกันจริงจังมากขึ้น

    และอาจจะมากขึ้นได้อีก จนการจับมือกันคงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับ "พวกเรา"

    และหัวใจฉันเองก็ได้พูดกับเขาโดยไม่ปิดบัง

    "มิสึยะคุง"

    "?"

    "เราลอง...คบกันดูไหม?"

    คือความใสสื่อหนึ่งอย่างที่เขากลืนน้ำลายลงหันมาทางนี้เลือกดูลำบากใจอยู่พักนึง

    "ฉันเองลองคิดดูแล้ว อยู่กับเธอก็สนุกดี เพราะงั้นลองดูก่อน....... ก็ได้นะ"

    แค่เขาตอบแม้จะไม่หมั่นคงมันก็ปลดล็อคตัวฉันได้แล้ว มันปลดล็อคตัวฉันให้อิสระ ระบายความทุกข์ให้เขาฟังได้เหมือนมีที่พึ่งอีกทางนึงและลองเข้าไปกอดกับเขาเป็นครั้งแรก

    "ขอบคุณที่ตอบรักนะ~"




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×