ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic(My​ hero​ academia​x​oc)(MHA)(BNHA) ตัวของตัวเอง ทาคิสึ ฮาจิเมะ & ฮิมิยะ ยามิ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่8 :คุยกันด้วยใจจริง

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 64


    "เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานฉันขอโทษนะ"

    เธอคนนั้นพูดขอโทษออกมา อย่างไม่เต็มใจนักเท่าไหร่ แจ่ก็ก้มหัวลงมาอยู่ สายตาของผมมองไปทางเธอคนนั้น พร้อมกับส่งยิ้มให้

    "ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ครับ"

    "ไม่ได้หรอก ยิ่งคนแบบนายยิ่งต้องรับเลยละ"

    "...........?"

    ผมทำหน้ามึนงง สิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อกี้ทำให้ผม เธอนั้นกดสายตาตัวเองลง ก่อนที่จะลุกออกไป ทั้งแบบนั้น

    "เดี๋ยวสิ!"

    ".........."

    เธอหันกลับมาหาผมอีกครั้งนึง ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับมองหน้ากลับไปหาเธอ สิ่งที่ผมยังไม่ได้ถามเธอไปตอนนั้น ผมก็ได้พูดออกมา

    "ชื่อของเธอคืออะไร?"

    "...เอ๋!..."

    เธอเกิดหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีรุ้งของเธอมองมาที่ผมอย่างอายๆ ผมไม่เข้าใจอะไรในตัวของเธอเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นแบบนั้น ก็ก็เลยถามกลับเธอไปแบบนั้นว่า "มีอะไรเรอะครับ?" แต่เธอก็ตอบปัดออกไปว่า "ปะ...เปล่าสักหน่อย!"  และจากนั้นเธอก็จะเดินออกไปจากห้องผมทันทีโดยที่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลย

    "เห่อ~! ผมแค่ถามชื่อเองนะ..."

    ผมบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จากนั้นผมจะเองกลังลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งนึง ถ้าจะมีเรื่องให้หนักใจก็คงจะเป็นเรื่องแบบนี้ละมั้ง? 

    เสียงเคาะประตูหน้าห้องผมดังขึ้นมา ผมพูดออกมาบนเตียงนั้นว่า "เชิญครับ"และนั้นก็ทำให้ประตูเปิดออก ซึ่งนั้นก็คือน้องสาวฝาแฝดของผมเอง ที่มาพร้อมกันกับผู้ปกครองของผมอย่างคุณเปโกะด้วย

    "ฮาจิเมะคุงอาการดีขึ้นแล้วรึยังจ๊ะ?"

    เธอคนนั้นถามออกมาอย่างร่าเริง ส่งพลังบวกมาทางผม ผมที่นอนอยู่ก็ตอบกลับไปแบบนั้นตามสภาพว่า "ยังไม่ค่อยดีเลยครับ" ก่อนที่จะพูดกลับตอบไปอีก

    "เรื่องฮิมิยะคุงผมฝากขอบคุณด้วยนะครับ"

    "อื้ม! ได้สิเดี๋ยวฉันจะบอกกับยาจังให้นะ.....ว่าแต่ฮาจิเมะคุงคิดยังไงกับลูกชายของฉันเรอะ?"

    คุณเปโกะมานั่งบนเก้าอี้เฝ้าไข้พร้อมๆกับนานามิ 

    สายตาของผมนั้นจ้องกลับไปที่ตัวของเธอ และก็น้องสาวของผมที่มองมาทางผมอย่างเป็นห่วง ในใจเองผมก็มีเรื่องคาใจเกี่ยวกับชื่อ "AFO"อยู่ แต่ว่าผมว่าไม่ควรจะถามออกไปดีกว่า ผมก็เลยตอบคำถามเธอไปตรงๆเลย

    "ดูเป็นคนใจดี และดูเป็นคนที่สว่างมากๆเลยครับ"

    "ฮิ ๆ แบบนั้นเองเรอะ ยาจังคงจะดีใจไม่ใช่น้อยเลยละน่ะ..."

    หลังจากคำพูดนั้นแล้ว คุณเปโกะก็เปลี่ยนสีหน้าตัวเอง เป็นจริงจังขึ้นมา แล้วเธอก็มองมาทางผมด้วยสายตาแบบนั้นของเธอ

    "มะ...มีอะไรครับ?"

    "ฮาจิเมะคุงอยากรู้เรื่องAFOไหม?"

    ".........!?"

    เธอเดาใจผมออก ผมแถบจะไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ หน้าผมแสดงออกมาแบบนั้น ใจจริงๆของผมเองก็รู้สึกกลัวเรื่องที่จะเกิดต่อจากนี้จนตอบกลับไปเบาๆว่า "มะ...ไม่ครับ"

    "ไม่เป็นไร ฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง"

    "..........!"

    ผมเริ่มลุกขึ้นมานั่ง สายตาของเธอนั้นแสดงออกมาอย่างเอาจริงเอาจัง ผมเองก็เริ่มที่อยากจะอยากรู้เรื่องต่อจากนี้แล้วเหมือนกัน เพราะบางทีมันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อของผมก็ได้

    "ฮาจิเมะคุงเชื่อเรื่องคนที่เป็นอมตะไหม?"

    "อมตะ? "

    นานามิเปิดปากถามออกมสอย่างสงสัย คุณเปโกะที่ได้ยินก็หันมาทางนานามิอย่างเศร้าๆนิดนึง ก่อนที่จะหันมาทางผมที่ตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจฟังแบบสุดๆ

    "คนคนนั้นน่ะ AFOน่ะมีชีวิตอยู่มาเป็นร้อยปีแล้วละ"

    ""ระ...ร้อยปี!""

    เสียงของผมและน้องสาวดังขึ้นมาพร้อมกัน ผมเริ่มที่จะคิดออกมาได้ว่า มันไม่น่าจะมีใครที่อายุยืนได้ขนาดนั้นบนโลกนี้เลย มันปะหลาดมากๆ และยากที่จะเชื่อได้ลง แต่ว่าผมก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงแน่ๆ...

    เพราะว่า...

    สายตาของผมเห็นว่าแขนของคุณเปโกะหยุดสั่นไม่หยุด จนเธอต้องเอาแขนอีกข้างนึงมาจับแขนตัวเองอีกข้างเอาไว้ ผมเห็นอยู่ว่าเธอกำลังกลัวอยู่แน่ๆ แบบนั้นทำให้ผมพยายามจะพูดออกไปกับเธอว่า "ไม่ต้องเล่าก็ได้ครับ!" แต่ว่าผมเองก็พูดออกไปไม่ได้เหมือนกัน

    "คนคนนั้นน่ะครอบครองอัตลักษณ์มากกว่า2ชนิด มีพลังที่สามารถยึดครองโลกได้ด้วยซ้ำ...แต่ว่า สิ่งที่หน้ากลัวที่สุดไม่ใช่ว่าเค้ามีพลัง แต่เป็นแรงดึงดูดที่เค้านั้นสามารถนำพาผู้คนให้ทำตามสิ่งที่เค้าต้องการได้..."

    พลังที่สามารถดึงดูดคนอื่นได้?...

    ผมคิดเรื่องนั้นโดยไม่สนใจอัตลักษณ์ที่เค้ามีอยู่ แต่ว่าพลังแบบนั้นมันเหมือนกันเลย... มันเหมือนกับฮิมิยะคุงเลย มันคืออะไรกันแน่...

    ในระหว่างที่ผมกำลังโยงความเป็นจริงในหัวอยู่นั้นเอง  คุณเปโกะก็เล่าเรื่องต่างๆไปนั้น จนผมสะดุดกับคำพูดของเธอคำพูดนึงเข้า

    "และฉันคือลูกสาวของเค้าคนนั้นเอง..."

    ""หา!?""

    ผมกับนานามิอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงแบบนั้นออกมาอีกครั้ง คุณเปโกะบอกกับพวกเราว่าเธอเป็นลูกสาวของคนคนนั้นที่เธอเล่ามา มันหน้าเหลือเชื่อสุดๆเลย ถ้านั้นมันก็หมายความว่าฮิมิยะคุงเค้า...

    "เด็กคนนั้นไม่รู้หรอกว่าคนคนนั้นเป็นตาแท้ๆ เพราะว่าฉันตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้ พร้อมกับสามีของฉันเอง เพื่อไม่ให้เด็กคนนั้นสับสน ฉันเลยก็ไม่อยากจะเล่าให้เด็กคนนั้นตรงๆ..."

    ผมอ้าปากค้างไว้อย่างไม่อยากเชื่อ แต่ผมก็ดึงสติของตัวเองกลับมาและถามเรื่องนั้นออกไปกับเธอตรงๆเลยว่า

    "แล้วทำไหมถึงเล่าให้ผมฟังล่ะครับ!?"

    "ก็เพราะว่าพ่อของเธอเป็นพ่อค้าให้กับAFOน่ะสิ"

    ""..........!!""

    สีหน้าของพวกเราฝาแฝดช็อคจนไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเธอ ถึงผมจะรู้อยู่ว่าพ่อผมนั้นขายชีวิตของคนอื่นไป แต่ว่าแบบนี้มัน เกินกว่าที่จะรับได้แล้ว เพราะคนที่ถูกส่งกลับไปจะต้องเจอกับชะตะกรรมแบบไหน แต่ว่าที่แน่ๆ

    ผมเองก็ไม่อยากที่จะรับได้เลย...

    เงินที่พวกเราใช่ทุกอย่างเป็นเงินที่ได้มาจากพวกคนเหล่านั้น เป็นสิ่งที่น่ารังเกลียดและน่าสะอิดสะเอียนเกินรับไหว 

    "เพราะว่าพ่อของเธอลักพาตัวลูกชายฉัน และก็ลูกสาวของเพื่อนฉันไปยังไงละ..."

    คุณเปโกะเริ่มมีอาการสั่นที่หนักขึ้น เธอยกมือขึ้นมาปิดตา กลั่นน้ำตาของเธอไว้ สีหน้าที่แสดงออกมาของเธอนั้นมันดูเหมือนกับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายเกินกว่าที่เธอจะรับได้ 

    "คุณเปโกะ..."

    ผมเรียกชื่อเธอออกมาเชิงเห็นใจในตัวของเธอ ผมในตอนนี้เองก็พยายามที่สุดแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเธอยังไงดี

    AFO คนคนนั้นทำอะไรลงไปนั้นผมไม่มีทางรู้ แต่ว่าทางผมเองก็มีส่วนผิดด้วยที่ พ่อของผมปล่อยมันให้เป็นแบบนั้น ผมเองก็ต้องรับผิดชอบด้วย

    "นั้นคุณพ่อของหนู...โหดร้าย..."

    น้องสาวของผมคนนั้นร้องไห้ออกมาด้วยคน ถึงผมจะบอกให้เธอทำใจแล้วก็ตามที แต่ว่า...มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ผมกลับชดใช้อะไรนั้นไม่ได้เลย 

    "...ฮาจิเมะคุง ช่วยอย่าเล่า...อย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอีกน่ะ ฉัน...ไม่อยากให้เด็กคนนั้นต้องมาแบกรับเรื่องอะไรแบบนั้นอีกแล้วละ...ขอร้องนะ..."

    คำขอร้องของเธอนั้น มาพร้อมกับน้ำตาของเธอ 

    ผมไม่อาจจะช่วยอะไรเธอเรื่องนั้นในตอนนี้ได้ก็จริง แต่ว่าผม...

    "ครับ..."

    ผมตอบกลับไปแบบนั้น เพื่อตัวของเธอแล้วก็ฮิมิยะคุงที่ช่วยผมไว้ด้วย ผมตั้งใจที่จะตอบออกมาแบบนั้น

    ทันทีที่ผมตอบกลับเธอไปแล้ว เธอก็พยายามที่จะกลั่นน้ำตาของเธอไว้ และพยายามยิ้มออกมาทั้งแบบนั้น ถึงมันจะเจ็บปวด แต่ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าตอนที่พยายามจะเล่าเรื่องอะไรแบบนั้นออกมา คุณเปโกะต้องทำใจเอาไว้แล้วด้วย เพราะอย่างนั้นผมก็เลยขอตอบรับเธอไปเหมือนกัน

    หลังจากนั้นสักชั่วโมงนึงทั้ง2คนนั้นก็พูดคุยเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ และจากนั้นดูเหมือนว่าอาการของแต่ละคนจะดีขึ้นแล้ว แต่ว่าถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ลบเรื่องแบบนั้นออกจากหัวไม่ได้เลย จนกระทั้ง2คนนั้นก็ออกไปจากห้องนี้ และทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวในห้องของผม

    จนกระทั้งถึงเวลาที่ผมต้องกายภาพบำบัด...

    "ฮาจิเมะคุงเหยีดแขนให้ตรงนะ"

    "ครับ!"

    ผมตอบรับคุณหมอไปแล้วก็เริ่มที่จะทำตามที่เค้าบอก แต่ว่ามันก็เจ็บจนผมส่งเสียงร้องออกมา "อั๊ก!" แต่ผมก็รู้ว่าผมควรจะทำต่อไปตามที่หมอเค้าบอก เพื่อที่จะได้หายไวๆ 

    แต่ในระหว่างที่ผมนั้นก้มตัวงอลงไปเหยียดแขนอยู่นั้นเอง สายตาของผมก็มองเห็นผู้หญิงคนนึง เธอมีอายุและสีผมใกล้เคียงกับคุณเปโกะ เธอมีดวงตาสีเทา ท่าทางดูซึมๆเก็บตัวอยู่ มองมาทางผมด้วยสายตาแบบนั้น

    เธอคนนั้นเป็นใครน่ะ...

    ผมคิดเรื่องนั้นไว้ตลอดอย่างสงสัย และพอหลังจากผมได้กายภาพแล้ว ผมก็เดินไปหาเธอคนนั้นที่นั่งดูผมอยู่ทันที

    "อะ...เอ่อคือว่า..."

    ผมถามออกไปอย่างนั้น สายตาของเธอนั้นหันขึ้นมามองที่ผม ผมไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ว่าที่แน่ๆคือเธอมีเรื่องที่อยากจะระบายออกมาแน่ๆ

    "คุณน้า...มีเรื่องที่อยากจะพูดออกมาใช่ไหมครับ"

    ผมพูดต่อจากวลีนั้น เธอคนนั้นตาเบิกกว้างขึ้นมาสบตากับผม เธอคนนั้นดูเศร้าหมองมาก ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อดี ผมก็เลยเข้าไปนั้งใกล้ๆกันกับเธอคนนั้น

    "น้าน่ะ มีลูกอยู่4คนน่ะ..."

    "..........?"

    ผมหันไปทางขวามือของผมที่มีเสียงของเธอเปล่งออกมา ถ้าให้สังเกตุดีๆเธอนั้นดูเศร้ามากๆเลยด้วย 

    "ลูกคนแรกของน้าชื่อโทยะ เด็กคนนั้นน่ะนะอยากจะเป็นฮีโร่สุดๆเลยล่ะ ตอนเด็กๆก็ฝึกมาตลอดเวลาเลยด้วย แต่ว่า เด็กคนนั้นน่ะตายไปแล้ว..."

    "...........!"

    นัยตาผมบีบจนเล็กลง ผมพูดไม่ออกกับสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา ผมคิดว่ามันคงจะเจ็บปวดแน่ๆสำหรับเธอ

    "แล้วตอนนี้ลูกคนสุดท้องของน้า...โชโตะเองก็เหมือนกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุพอๆกันกับเธอเลยละ เด็กคนนั้นน้ารักมากๆ แต่ว่าน้ากลับ..."

    เธอร้องไห้ออกมา ผมพยายามเข้าไปปลอบเธอถึงแม้ว่ารู้ดีว่าผมเป็นคนนอกที่ไม่มีทางรู้เรื่องลึกๆของเธอหรอก แต่ถ้าให้เดาจากคำพูด ต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับคนคนนั้นแน่นอน 

    ผมไม่รู้เรื่องหัวอกคนเป็นแม่หรอกว่ามันเป็นยังไง แต่ว่าบางทีผมเองก็...

    "คุณน้า ผมเองก็เหมือนกันครับ..."

    "หืม~!?"

    คุณน้าหันหน้ามาทางผมภึงแม้จะร้องไห้อยู่ ผมในตอนนี้เองก็ตัดสินใจเรื่องนึงขึ้นมาได้แล้ว 

    ผมเอามืน้อยๆของตัวเองมาขึ้นไว้บนอก หลับตาลงและลืมตาขึ้น 

    ผมไม่รู้หรอกว่าครอบครัวเธอนั้นเป็นยังไง แต่ว่าถึงอย่างนั้นผมเองก็อยากที่จะพูดออกไป

    "ผมน่ะมีน้องสาว ตอนที่ผมยังเด็กกว่านี้ผมก็บอกว่าผมจะปกป้องเธอให้ได้ ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะเกลียดผมยังไงก็ตาม ผมก็จะปกป้องเธอไปแบบนั้น แต่ว่า...ผมเองก็เคยชกหน้าน้องสาวที่ตัวเองรักจนเธอนั้นปิดใจกับผมไปเลยพักนึง แต่ว่าน่ะครับคุณน้า..."

    ".........?"

    "เพราะว่าผมได้คุยด้วยกันกับเธอ ได้เข้าใจตัวของเธอแล้ว ผมคิดว่าถ้าคุณน้าได้คุยกับโชโตะคุงเค้า คงจะดีน่ะครับ"

    ใช่แล้วละ เวลาที่ผมนั้นไม่เข้าใจ เวลาที่ตัวของใครสักคนที่เจ็บปวด ถ้าหันหน้ามาคุยกันล่ะก็ มันก็จะหายกันได้ เพราะคนที่สอนผมเรื่องนั้นคือชิโอริ คือน้องสาวของผมเอง...

    รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนหน้าของเธอคนนั้น เธอที่กำลังจะเช็ดน้ำตาอยู่ ผมไม่มีวันที่จะเข้าใจคนอื่นได้ทั้งหมดหรอก และไม่เข้าใจว่าทำไหมเธอถึงมองมาที่เด็กปฐมอย่างผม แต่ว่าเธอก็พูดเรื่องนั้นออกมา ถึงมีน้ำตาออกมาอยู่ก็ตาม

    คุณน้าเค้าเนี่ย...

    เป็นคนที่แกร่งมากๆเลยนะ...

    ผมหันหน้ามองเธอพร้อมกับยิ้มส่งให้กันกับเธอ เธอคนนั้นเองก็ยิ้มส่งกลับมาให้ผมด้วย 

    "นี่เธอ...พยายามจะจีบน้าสินะ..."

    "ปะ เปล่านะครับ! ผมไม่ได้ชอบเลยนะครับ!"

    ผมเขินจนหน้าแดงขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายอยู่แล้วที่ต้องเป็นแบบนั้น ใช่แล้วปกติ ปกติแน่ๆ

    ผมไม่ได้คิดอะไร ใช่ผมไม่ได้คิดอะไร

    คุณน้าพอได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเศร้าลงหนักกว่าแต่ก่อนจนปล่อยกลิ่นอายคล้ายๆกันกับนานามิเลย

    "ฮึ~...น้าคงโดนเกลียดสินะ ฮึก~..."

    "อะ...เอ๋! ผมขอโทษครับ!"

    "ล้อเล่นน่า"

    เธอเอานิ้วดีดเข้าไปที่หน้าผากของผม ผมเอามือทั้ง2ข้างจับหน้าผากของตัวเอง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเจ็บ

    "เห~...คุณน้าแบบนี้ผมก็ไม่ไหวนะครับ!"

    "อะ ฮะ ๆ...เธอเนี่ยจะรีบโตไม่ได้นะ ถ้าเกิดว่าทำตัวแบบนั้นเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก"

    "ก็ช่วยไม่ได้นิครับ ผมเองก็ต้องดูแลน้องสาวนิหน่า"

    ผมพูดออกมา ถึงน้ำตามันจะตกอยู่ก็ตาม แต่ว่าในหัวผมเองก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมาแล้ว และคำถามที่คิดในหัวผมอยู่ตอนนี้เองก็มีแค่อย่างเดียว...

    การที่ได้คุยกับคนอื่นและช่วยเค้าได้เนี่ย เค้าเรียกว่าฮีโร่ได้ไหมนะ? แต่ว่าคำตอบนั้นผมเองที่เป็นคนตั้งยังไม่รู้เลย 






    ____________________________________________________

    (คอมเมนต์มาได้นะครับ!)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×