ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic(My hero academia / Boku no hero academia x oc)(MHA)(BNHA) นามขานของความกลัว ฮิมิยะ ทาเครุ

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่9 :ก็แค่ได้ยินเธอเรียก

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 65


    "ไคโฮ..."

    เสาเพลิงสูงเทียบฟ้าพุ่งพรวดขึ้นมาจากพื้น 

    แรงกดดันมหาศาลกับอุณหภูมิสูงเช่นนี้ เอาขวัญกำลังลดลงไปช่วงขณะ

    เวลาที่แสนสำคัญต่อชีวิตคนอื่นแบบนี้ ในฐานะอนาคตผู้ปกป้อง ก็ต้องช่วยไว้ให้ได้!

    ผมฮิมิยะ ทาเครุ ตั้งท่าตั้งตัวโถมกลับด้วยสะสารทมิฬที่เข้าล้อมรอบเป็นอาณาเขตวงกลมสีดำ

    สนามรบพร้อม เร็นรวมพลังวอร์มอัพขึ้นเปิดด้วยการตบอนุภาคสีเขียวด้วยความโกรธ

    "เจโนไซด์แฟลช!!"

    ระเบิดรังสีกระจายสูงเท่าเสาไฟโถมใส่อย่างรุนแรง เสาไฟเพลิงหดตัวกระทันหันก่อนถูกกลืนไปในรังศีขแรงระเบิดที่คลื่นสะสารดำกลืนแรงระเบิดพวกนั้นไม่ให้มีผลกระทบกับคนในบริเวณนอก

    "ไม่ถูกตัวเลยสักนิด"

    ผมคาดไว้แบบนั้นเอาแขนยักษ์ที่สร้างจากพลังของตนจับอาลาโนะและคันซากิขึ้นมาไว้ที่มือของตนเอง 

    "จัดการซะ"

    คำสั่งจากปากกับปีกทมิฬที่กลางหลัง โยนส่งร่างของทั้ง2ขึ้นไป โดยที่ร่างปีกดำก็ทะยานขึ้นไปเป็นดาวหางจากบนฟ้า ที่มาพร้อมกันกับคมเคียวยาวที่ยกขึ้นสูง ฟันเจาะลงไปที่ผลึกเพลิงที่ห่อหุ่มร่างนั้นให้แตกออกมา

    "นี่สินะ...พลังของสะสารดำที่กลืนกินได้ทุกสิ่ง"

    "...???"

    เกิดความสกิดใจในคำพูดเมื่อครู่ 

    สัญชาตญาณร้องเตือนขึ้นมาขณะที่มีเสียง ""ย๊า!!"" ของ2เพื่อนร่วมห้องที่พร้อมจะเอื้อมมือเข้ามาจู่โจมหลังจากผลึกเพลิงได้หายไป

    อย่าเข้ามา! 

    "...!!"

    ช้าไปที่จะพูดความลังเลช่วงนึง ผลักให้ร่างกายนี้เอาแขนเข้ารัดตัวเพื่อนทั้ง2ให้หลบหนีไปช่วงขณะ ที่ตรงนั้นเร็นก็สังเกตุมันได้เริ่มง้างหมัดที่อบอวนด้วยแสงสีเขียว

    "สตาร์ดัสท์~!"

    ช่วงไม่กี่วินาทีก็ลงล็อค พุ่งหมัดตรงที่ปล่อยละอองดาราสีเขียวกับชื่อพูดเต็มที่ต่อว่า "ฟิคชั่น!"  พุ่งดั่งดาวตก ที่วิ่งขึ้นบนฟ้าระเบิดหลายนัดกลางอากาศ โดยที่ผมก็หันมาด้านหลังกับสีหน้าที่พยายามหวังผล

    "สำเร็จไหม!?"

    แล้วก็ต้องตกใจเพราะว่า...

    "หายไปแล้ว?! -- คึ๊ก!"

    ตาสีเลือดเบิกค้างเสียงร้อง "ไม่น๊ะ!!!" ของเธอที่อยู่แบนซ้ายก็ร้องมา...

    ไทรเดนเพลิงแดงแทงเข้าที่กลางลำตัว ทะลุคมแหลมสีส้มออกเป็นแผลใหญ่ของของมีคมที่ทะลุร่าง

    ร้อน...เครื่องในคงโดนเผาไปแล้ว...

    "หน่อยแก!"

    อาลาโนะเหวี่ยงขาเข้าที่เอวของวิลเลินที่ร่างเพลิงไหม้ทั้งตัว ที่รับไว้ด้วยแขนซ้ายที่ตั้งยกไว้ 

    "นี่คือร่างที่แท้จริงของพวกเรา เดอะรูนส์"

    เปลือกเพลิงได้กระเทาะออกมา ปักษาสีเพลิงร่างผสมระหว่างมนุษย์กับพลังนั้น ดวงตาที่ร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์มองหาเหยือที่ถูกแทงเข้าที่กลางอก ส่งเท้าถีบที่หลังดึงอาวุธที่เสียบอยู่ที่ร่างออกมา สร้างแผลเพิ่มอีกอย่างรุนแรงจน ร่างนั้นกระอักเลือดออกมาท่วมคาง "อั๊ก~...!!"

    "ทาเครุคุง!!!"

    เสียงอวดคราวญทั้งน้ำตาจบด้วยร่างซีดเผือกร่วงลงมาจากฟ้าสู่พื้นดินที่ ไม่อาจรั่งอะไรไว้ที่แขนได้ ซึ่งปีศาจนกอัคคีก็ใช้กงเล็บจิกเอาตัวทั้ง2หลุดออกมาจากผู้ที่ปกป้องพวกเขา

    ดวงตาที่มืดสนิทของร่างที่กำลังร่วงลงไปนี้ มันเหมือนภาชนะเปล่าๆที่น้ำแห่งชีวิตรั่วออกไปเรื่อยๆ รอยร่าวรอยรั่วที่มีอยู่เต็มไปทั่ว ไม่อาจโอบอุ้มสิ่งใดได้

    "...ฉันบอกไว้แล้วนิ..."

    มือคู่นี้เอื้อมไปบนฟ้าที่กำลังห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ที่ฝั่งนั้นคันซากิ เอื้อมมือส่งมาร้องหาความช่วยเหลืออยู่

    "ช่วยด้วย~!!" 

    เสียงที่เปล่งออกมาอย่างสิ้นหวังของหญิงสาว ก้องดังในหู ถึงตอนนั้นเองความมืดก็เข้าย้อมดวงตาคู่นี้จนดำสนิท

    ปล่อยให้สัญชาตญาณได้ลงมือ...

    ฟ้าสดใสที่เต็มด้วยแสงสว่าง พริบตาเงามืดก็ปกคลุมไปทั่ว ชีวิตที่อยู่ใต้เงาอย่างเธอก็ได้เหมือนถูกปลอบโยนขึ้นมา

    ส่วนแสงเพลิงที่เจ้าผลาญทำลายก็จง...

    "...!"

    หน้าปีศาจเพลิงตะลึงตาค้าง ที่มองอยู่นั้นคือเงาดำมืดที่ส่องตาสีเลือดแสนสว่างและแสนรุนแรงในเงานั้น อันเป็นแสงเพียงหนึ่งเดียวที่จะมอบให้แก่คนบาปหนา

    "หายไปซะ..." คำเขียนอักษรสลักในวิญญาณของผู้อุอาจ ขวัญกระเจิงเหมือนถูกความตายคลืบคลานเข้ามา ปล่อยเหยือที่จับได้หลุดออกมา

    "ไม่ปล่อยให้หนีหรอก!"

    ชายผมหน้าม้าโค้งที่พอถูกปล่อยตัวออกมา หันตัวกลับไปบนฟ้านั้นโยนบางสิ่งที่โปรงใส่โดนปีกเพลิงถ่วมของตัวแทนแห่งเพลิง เสียทรง ร้องเสียงของนกที่ถูกยิง"คร๊อก!!!" ให้ทั่วรีบหันหลังให้ศัตรูที่หารู้ไม่ว่านั้น คือความหมายของความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อยู่ด้านหลัง

    "............!!!!!!!!!"

    ดวงตาขยิกเบิกเต็มดวงอันเงาดำได้คลืบคลานเข้ามาที่หน้าด้านซ้ายของเจ้าของพลังผิวซีดเผือก 

    ขนวิหกร่วงลงกลางความว่างเปล่า มือใหญ่ยักษ์จับร่างของวิลเลินที่ไม่ต่างจากลูกนกในกำมือทั้งในความหมายจริง และความหมายโดยนัย

    สติของร่างเพลิงหายไปโดยสมบูรณ์ เรียกชื่อของคนที่คาดว่าเป็นหัวหน้า 

    "โอดิน! โอดิน! โอดิน! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!"

    มือที่จับบีบแน่นและแรงขึ้นจากเสียงร้องขอความช่วยเหลือกลายเป็นเสียงร้องสลดก่อนทันตาเห็นของ เพื่อนของปีศาจคนนี้ทั้ง2คนที่ถูกรับเอาไว้ด้วยทรงกลมสีดำ กับคนนึงที่รออยู่ด้านล่าง

    "ทาเครุ...นี่นาย..."

    หน้ามองสลดกับความโหดร้ายของสัญชาตญาณดิบที่ไร้ความปราณี ทรมาณคนบาปด้วยวิธีรุนแรง โดยที่หน้านั้นยังนิ่งอยู่ทั้งอย่างนั้นไม่รู้สึกอะไรแม้กระทั่งความผิดบาป

    เสาแสงสีทองตระหงาดฟ้า โฉบเอาตัวเหยื่อในเนื้อมือออกไปอย่างอ่อนนุ่มและอ่อนโยน

    "นั้นมัน...อะไร...?"

    "กระผมนั้นคือ โอดิน"

    "...!??"

    คิซากิตาเบิกกว้างมองไปที่ต้นแสงนั้นที่มีร่างของพญาเพลิงกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ผมสีแดงเพลิงกับดวงตาจากสีส้มเพลิงกลายเป็นสีทอง

    "เราคือผู้แสวงหาสันติ...ก็อยากจะพูดเช่นนั้นอยู่ แต่มนุษย์ทุกคนนั้นมีบาปหนาที่มิอาจลบเลือนได้อยู่ข้อประการนึงที่ไม่สมควรเป็นอยู่แต่แรกแล้ว มันคือพรสวรรค์ที่เรียกว่าอัตลักษณ์นั่นเอง"

    ระหว่างที่พูดๆอยู่นี้ขีดจำกัดของปีศาจก็หยุดลง ร่างกายเดิมที่มีบาดแผลก็ย้อนสะภาพด้วยสารทมิฬ แล้วสลบไปกลางอากาศโดยก่อนหน้านั้นก็วาง2 คนนั้นไปที่พื้นก่อน

    "ทาเครุคุง!"

    สาวผมเขียวเข้าไปรับร่างที่หล่นมาที่พื้นอย่างอ่อนนุ่มผิดกับความผิดปกติที่แสดงท่าทางลนลานขนาดหนัก 

    "ทำใจดีๆไว้นะ! ทาเครุคุง! ทาเครุคุง!!"

    "พวกเรารูนส์ จะลงมือเปลี่ยนแปลงโลก นี่ด้วยการลบบาปนั้นให้หายไปจากโลก และทีนี้โลกนี้จะกลายเป็นแดนสุขาวดี"

    จบการพูดแสงนั้นและร่างนั้นก็หายวับไปกับฟ้าหนีลำแสงเขียวที่ยิงจากพื้นไปได้ก่อน

    "บ้าเอ้ย...หนีไปจนได้!"

    สายตาของหนุ่มผมเซอเขียวเจ็บใจอย่างแรง จนในสายตาของแฟนสาวก็รู้สึกหมองซึมขึ้นมา

    "เร็นคุง..."


    ที่บ้าน...

    อึก~..."

    ความอ่อนล้าที่ดวงตาปลุกให้ตัวเองฟื้นขึ้นมาในภาพเลือนลาง ของแสงสว่างที่อบู่ด้านบน ใช้เวลาสักพักในการปรับจูนโฟกัสให้ลงรูป 

    หยดน้ำบางอย่างลงบนแก้มที่เป็นสีเผือกขาว

    ลองๆดูอีกทีในด้านขวามุมเงย หน้ามืดตึงที่เล็ดน้ำตาออกมา... ของหญิงผมสีเขียวยาว ที่เนื้อตัวมอมแมมไปหมด

    "ทำไหมนายถึงฝืนตัวเองแบบนั้นกัน~..."

    ริมฝีปากเม้มขยับสั่นๆ มากับหยดน้ำตาที่ลงพื้นที่นอนของผม ที่กำลังตะลึงพอจับใจความอยู่ให้พอสังเขป

    "ก็เล่นร้องซะดั่งเองเลยนิ"

    มือที่สากและหยาบสีเผือกยื่นมือไปหาแสงสว่างบนนั้น ป้องแสงให้เงาได้ปิดใบหน้าที่อ่อนล้านี้บ้าง

    "ว่า ช่วยด้วย...น่ะ..."

    นั้นคือที่พูดออกมา สาวผมเขียวตะลึงขึ้นกับเพียงเพราะเหตุผลแค่นั้นของผม ถึงอย่างนั้นมันก็อดกลั่นน้ำตานั้นไม่ได้

    "ตาบ้า~...ฮึ๊ก~!--อึ๋!...ฮือ ๆ...--ฮ๋า~...!!!"

    หน้าที่มืดสนิทคลายออกมาเป็นเธอที่ร้องไห้ให้กับผู้ชายที่ครั้งนึงเคยไล่เธอและปฏิเสธหัวใจอย่างเต็มที่ ตอนนี้ได้ปล่อยให้เธอระบายความเศร้าหมองทั้งหมดนั้นมา

    ที่ภายนอกนั้นผมเห็นร่างผมขาวในชุดยูกาตาชายอยู่ นั้นคงเป็นพ่อของผมเอง เขาคงจะแอบฟังแสดงหน้ายิ้มเล็กๆ แล้วเดินจากตำแหน่งที่ยืนไป

    "นี่คือรักของหนุ่มสาวสินะ"









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×