คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่9 :ก็แค่ได้ยินเธอเรียก
"ไคโฮ..."
เสาเพลิงสูงเทียบฟ้าพุ่งพรวดขึ้นมาจากพื้น
แรงกดดันมหาศาลกับอุณหภูมิสูงเช่นนี้ เอาขวัญกำลังลดลงไปช่วงขณะ
เวลาที่แสนสำคัญต่อชีวิตคนอื่นแบบนี้ ในฐานะอนาคตผู้ปกป้อง ก็ต้องช่วยไว้ให้ได้!
ผมฮิมิยะ ทาเครุ ตั้งท่าตั้งตัวโถมกลับด้วยสะสารทมิฬที่เข้าล้อมรอบเป็นอาณาเขตวงกลมสีดำ
สนามรบพร้อม เร็นรวมพลังวอร์มอัพขึ้นเปิดด้วยการตบอนุภาคสีเขียวด้วยความโกรธ
"เจโนไซด์แฟลช!!"
ระเบิดรังสีกระจายสูงเท่าเสาไฟโถมใส่อย่างรุนแรง เสาไฟเพลิงหดตัวกระทันหันก่อนถูกกลืนไปในรังศีขแรงระเบิดที่คลื่นสะสารดำกลืนแรงระเบิดพวกนั้นไม่ให้มีผลกระทบกับคนในบริเวณนอก
"ไม่ถูกตัวเลยสักนิด"
ผมคาดไว้แบบนั้นเอาแขนยักษ์ที่สร้างจากพลังของตนจับอาลาโนะและคันซากิขึ้นมาไว้ที่มือของตนเอง
"จัดการซะ"
คำสั่งจากปากกับปีกทมิฬที่กลางหลัง โยนส่งร่างของทั้ง2ขึ้นไป โดยที่ร่างปีกดำก็ทะยานขึ้นไปเป็นดาวหางจากบนฟ้า ที่มาพร้อมกันกับคมเคียวยาวที่ยกขึ้นสูง ฟันเจาะลงไปที่ผลึกเพลิงที่ห่อหุ่มร่างนั้นให้แตกออกมา
"นี่สินะ...พลังของสะสารดำที่กลืนกินได้ทุกสิ่ง"
"...???"
เกิดความสกิดใจในคำพูดเมื่อครู่
สัญชาตญาณร้องเตือนขึ้นมาขณะที่มีเสียง ""ย๊า!!"" ของ2เพื่อนร่วมห้องที่พร้อมจะเอื้อมมือเข้ามาจู่โจมหลังจากผลึกเพลิงได้หายไป
อย่าเข้ามา!
"...!!"
ช้าไปที่จะพูดความลังเลช่วงนึง ผลักให้ร่างกายนี้เอาแขนเข้ารัดตัวเพื่อนทั้ง2ให้หลบหนีไปช่วงขณะ ที่ตรงนั้นเร็นก็สังเกตุมันได้เริ่มง้างหมัดที่อบอวนด้วยแสงสีเขียว
"สตาร์ดัสท์~!"
ช่วงไม่กี่วินาทีก็ลงล็อค พุ่งหมัดตรงที่ปล่อยละอองดาราสีเขียวกับชื่อพูดเต็มที่ต่อว่า "ฟิคชั่น!" พุ่งดั่งดาวตก ที่วิ่งขึ้นบนฟ้าระเบิดหลายนัดกลางอากาศ โดยที่ผมก็หันมาด้านหลังกับสีหน้าที่พยายามหวังผล
"สำเร็จไหม!?"
แล้วก็ต้องตกใจเพราะว่า...
"หายไปแล้ว?! -- คึ๊ก!"
ตาสีเลือดเบิกค้างเสียงร้อง "ไม่น๊ะ!!!" ของเธอที่อยู่แบนซ้ายก็ร้องมา...
ไทรเดนเพลิงแดงแทงเข้าที่กลางลำตัว ทะลุคมแหลมสีส้มออกเป็นแผลใหญ่ของของมีคมที่ทะลุร่าง
ร้อน...เครื่องในคงโดนเผาไปแล้ว...
"หน่อยแก!"
อาลาโนะเหวี่ยงขาเข้าที่เอวของวิลเลินที่ร่างเพลิงไหม้ทั้งตัว ที่รับไว้ด้วยแขนซ้ายที่ตั้งยกไว้
"นี่คือร่างที่แท้จริงของพวกเรา เดอะรูนส์"
เปลือกเพลิงได้กระเทาะออกมา ปักษาสีเพลิงร่างผสมระหว่างมนุษย์กับพลังนั้น ดวงตาที่ร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์มองหาเหยือที่ถูกแทงเข้าที่กลางอก ส่งเท้าถีบที่หลังดึงอาวุธที่เสียบอยู่ที่ร่างออกมา สร้างแผลเพิ่มอีกอย่างรุนแรงจน ร่างนั้นกระอักเลือดออกมาท่วมคาง "อั๊ก~...!!"
"ทาเครุคุง!!!"
เสียงอวดคราวญทั้งน้ำตาจบด้วยร่างซีดเผือกร่วงลงมาจากฟ้าสู่พื้นดินที่ ไม่อาจรั่งอะไรไว้ที่แขนได้ ซึ่งปีศาจนกอัคคีก็ใช้กงเล็บจิกเอาตัวทั้ง2หลุดออกมาจากผู้ที่ปกป้องพวกเขา
ดวงตาที่มืดสนิทของร่างที่กำลังร่วงลงไปนี้ มันเหมือนภาชนะเปล่าๆที่น้ำแห่งชีวิตรั่วออกไปเรื่อยๆ รอยร่าวรอยรั่วที่มีอยู่เต็มไปทั่ว ไม่อาจโอบอุ้มสิ่งใดได้
"...ฉันบอกไว้แล้วนิ..."
มือคู่นี้เอื้อมไปบนฟ้าที่กำลังห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ที่ฝั่งนั้นคันซากิ เอื้อมมือส่งมาร้องหาความช่วยเหลืออยู่
"ช่วยด้วย~!!"
เสียงที่เปล่งออกมาอย่างสิ้นหวังของหญิงสาว ก้องดังในหู ถึงตอนนั้นเองความมืดก็เข้าย้อมดวงตาคู่นี้จนดำสนิท
ปล่อยให้สัญชาตญาณได้ลงมือ...
ฟ้าสดใสที่เต็มด้วยแสงสว่าง พริบตาเงามืดก็ปกคลุมไปทั่ว ชีวิตที่อยู่ใต้เงาอย่างเธอก็ได้เหมือนถูกปลอบโยนขึ้นมา
ส่วนแสงเพลิงที่เจ้าผลาญทำลายก็จง...
"...!"
หน้าปีศาจเพลิงตะลึงตาค้าง ที่มองอยู่นั้นคือเงาดำมืดที่ส่องตาสีเลือดแสนสว่างและแสนรุนแรงในเงานั้น อันเป็นแสงเพียงหนึ่งเดียวที่จะมอบให้แก่คนบาปหนา
"หายไปซะ..." คำเขียนอักษรสลักในวิญญาณของผู้อุอาจ ขวัญกระเจิงเหมือนถูกความตายคลืบคลานเข้ามา ปล่อยเหยือที่จับได้หลุดออกมา
"ไม่ปล่อยให้หนีหรอก!"
ชายผมหน้าม้าโค้งที่พอถูกปล่อยตัวออกมา หันตัวกลับไปบนฟ้านั้นโยนบางสิ่งที่โปรงใส่โดนปีกเพลิงถ่วมของตัวแทนแห่งเพลิง เสียทรง ร้องเสียงของนกที่ถูกยิง"คร๊อก!!!" ให้ทั่วรีบหันหลังให้ศัตรูที่หารู้ไม่ว่านั้น คือความหมายของความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อยู่ด้านหลัง
"............!!!!!!!!!"
ดวงตาขยิกเบิกเต็มดวงอันเงาดำได้คลืบคลานเข้ามาที่หน้าด้านซ้ายของเจ้าของพลังผิวซีดเผือก
ขนวิหกร่วงลงกลางความว่างเปล่า มือใหญ่ยักษ์จับร่างของวิลเลินที่ไม่ต่างจากลูกนกในกำมือทั้งในความหมายจริง และความหมายโดยนัย
สติของร่างเพลิงหายไปโดยสมบูรณ์ เรียกชื่อของคนที่คาดว่าเป็นหัวหน้า
"โอดิน! โอดิน! โอดิน! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!"
มือที่จับบีบแน่นและแรงขึ้นจากเสียงร้องขอความช่วยเหลือกลายเป็นเสียงร้องสลดก่อนทันตาเห็นของ เพื่อนของปีศาจคนนี้ทั้ง2คนที่ถูกรับเอาไว้ด้วยทรงกลมสีดำ กับคนนึงที่รออยู่ด้านล่าง
"ทาเครุ...นี่นาย..."
หน้ามองสลดกับความโหดร้ายของสัญชาตญาณดิบที่ไร้ความปราณี ทรมาณคนบาปด้วยวิธีรุนแรง โดยที่หน้านั้นยังนิ่งอยู่ทั้งอย่างนั้นไม่รู้สึกอะไรแม้กระทั่งความผิดบาป
เสาแสงสีทองตระหงาดฟ้า โฉบเอาตัวเหยื่อในเนื้อมือออกไปอย่างอ่อนนุ่มและอ่อนโยน
"นั้นมัน...อะไร...?"
"กระผมนั้นคือ โอดิน"
"...!??"
คิซากิตาเบิกกว้างมองไปที่ต้นแสงนั้นที่มีร่างของพญาเพลิงกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ผมสีแดงเพลิงกับดวงตาจากสีส้มเพลิงกลายเป็นสีทอง
"เราคือผู้แสวงหาสันติ...ก็อยากจะพูดเช่นนั้นอยู่ แต่มนุษย์ทุกคนนั้นมีบาปหนาที่มิอาจลบเลือนได้อยู่ข้อประการนึงที่ไม่สมควรเป็นอยู่แต่แรกแล้ว มันคือพรสวรรค์ที่เรียกว่าอัตลักษณ์นั่นเอง"
ระหว่างที่พูดๆอยู่นี้ขีดจำกัดของปีศาจก็หยุดลง ร่างกายเดิมที่มีบาดแผลก็ย้อนสะภาพด้วยสารทมิฬ แล้วสลบไปกลางอากาศโดยก่อนหน้านั้นก็วาง2 คนนั้นไปที่พื้นก่อน
"ทาเครุคุง!"
สาวผมเขียวเข้าไปรับร่างที่หล่นมาที่พื้นอย่างอ่อนนุ่มผิดกับความผิดปกติที่แสดงท่าทางลนลานขนาดหนัก
"ทำใจดีๆไว้นะ! ทาเครุคุง! ทาเครุคุง!!"
"พวกเรารูนส์ จะลงมือเปลี่ยนแปลงโลก นี่ด้วยการลบบาปนั้นให้หายไปจากโลก และทีนี้โลกนี้จะกลายเป็นแดนสุขาวดี"
จบการพูดแสงนั้นและร่างนั้นก็หายวับไปกับฟ้าหนีลำแสงเขียวที่ยิงจากพื้นไปได้ก่อน
"บ้าเอ้ย...หนีไปจนได้!"
สายตาของหนุ่มผมเซอเขียวเจ็บใจอย่างแรง จนในสายตาของแฟนสาวก็รู้สึกหมองซึมขึ้นมา
"เร็นคุง..."
ที่บ้าน...
อึก~..."
ความอ่อนล้าที่ดวงตาปลุกให้ตัวเองฟื้นขึ้นมาในภาพเลือนลาง ของแสงสว่างที่อบู่ด้านบน ใช้เวลาสักพักในการปรับจูนโฟกัสให้ลงรูป
หยดน้ำบางอย่างลงบนแก้มที่เป็นสีเผือกขาว
ลองๆดูอีกทีในด้านขวามุมเงย หน้ามืดตึงที่เล็ดน้ำตาออกมา... ของหญิงผมสีเขียวยาว ที่เนื้อตัวมอมแมมไปหมด
"ทำไหมนายถึงฝืนตัวเองแบบนั้นกัน~..."
ริมฝีปากเม้มขยับสั่นๆ มากับหยดน้ำตาที่ลงพื้นที่นอนของผม ที่กำลังตะลึงพอจับใจความอยู่ให้พอสังเขป
"ก็เล่นร้องซะดั่งเองเลยนิ"
มือที่สากและหยาบสีเผือกยื่นมือไปหาแสงสว่างบนนั้น ป้องแสงให้เงาได้ปิดใบหน้าที่อ่อนล้านี้บ้าง
"ว่า ช่วยด้วย...น่ะ..."
นั้นคือที่พูดออกมา สาวผมเขียวตะลึงขึ้นกับเพียงเพราะเหตุผลแค่นั้นของผม ถึงอย่างนั้นมันก็อดกลั่นน้ำตานั้นไม่ได้
"ตาบ้า~...ฮึ๊ก~!--อึ๋!...ฮือ ๆ...--ฮ๋า~...!!!"
หน้าที่มืดสนิทคลายออกมาเป็นเธอที่ร้องไห้ให้กับผู้ชายที่ครั้งนึงเคยไล่เธอและปฏิเสธหัวใจอย่างเต็มที่ ตอนนี้ได้ปล่อยให้เธอระบายความเศร้าหมองทั้งหมดนั้นมา
ที่ภายนอกนั้นผมเห็นร่างผมขาวในชุดยูกาตาชายอยู่ นั้นคงเป็นพ่อของผมเอง เขาคงจะแอบฟังแสดงหน้ายิ้มเล็กๆ แล้วเดินจากตำแหน่งที่ยืนไป
"นี่คือรักของหนุ่มสาวสินะ"
ความคิดเห็น