คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่6 :ในสายตาของคุณน้าทาเครุ
วันแสนธรรมดาในยามเช้าที่ตื่นนอนขึ้นมา ในบ้านหลังนี้ของผม...
อรุณสวัสดิ์ครับ ฮิมิยะ ทาเครุเองครับ บนที่นอนฟูกกับพื้นอาการบิดขี้เกียจแก้ละเมอผ่อนคลายมาเป็นระยะ ชุดยูดาตะที่ใส่เป็นชุดนอนก็มีหลุดๆหลุ่ยๆ เนื่องด้วยชุดก็ค่อนข้างมีพื้นที่อยู่พอสมควรจนเปิดไหล่เนียนๆขึ้นซะได้
"อรุณสวัสดิ์...ทาเครุคุง"
เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆลืมเบิกเต็มดวง คันซากิ... ยัยนั้นอยู่ในชุดนักเรียน กับมือที่ถือถาดอาหารมาให้ผม
"ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้"
คิ้วขมวดมองที่เธอก็ย้อนสวนด้วยมุมยิ้มเบาๆ
"ก็พวกเราพึ่งสารภาพรักกันไปนิ"
"อย่าคิดเองเออเองสิยัยเบือก ฉันไม่ได้ตั้งใจสารภาพเธอเลยสักนิด"
"แต่ฉันนะ ชอบนายจากใจจริงๆนะ"
"พอที...ฉันจะไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยมากินข้าว"
ผมตัดบทลุกขึ้นไปที่ห้องอาบน้ำ แช่น้ำอุ่รสบายๆทิ้งตัวลงไปเป่าฟองน้ำ ให้ขึ้นมาจากผิวบ่อ ในหัวก็มีแอบคิดอยู่ว่า "เราก้าวก่ายร่างกายของเธอเกินไปรึเปล่า...?"
"มีเรื่องให้คิดมากอยู่เหรอ ทาเครุ"
"...?--...!?"
อาการสะดุ้งตกใจชนิดหัวใจเกิบล้มเหลว หันขวาเห็นคนมีผิวเหมือนผมกับสีผมที่ใกล้เคียง
"เรื่องผู้หญิงคนนั้นสินะ"
ใบหน้าที่ไม่แสดงออกอะไรในตอนนี้แหละที่ทำให้ผมตื่นตระหรก
"...ท่านพ่อ...! มาที่นี้ได้ไง!?"
"ก็กลับมาเมื่อตอนตี2 แล้วแอบมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นนอนกอดกันซะสนิทเลยไม่ใช่?"
"คะ...คือ..."
มันมีคำตอบที่อธิบายออกมาไม่ได้อยู่ในลำคอ
"ช่างเถอะ...พ่อไม่ขอเค้นต่อแล้ว ไงก็ดูแลยัยหนูคนนั้นให้ดี ๆ แล้วกัน"
ว่าแล้วเขาก็ลุกตัวจากบ่อแช่นน้ำร้อนยืนตรงมองผมด้วยดวงตาที่เชื่อหมั่นอย่างลึกซึ้ง
"พยายามช่วยเยี่ยวยาหัวใจเธอคนนั้นให้ได้ นั้นคือสัญญาที่ลูกต้องทำให้ได้ "
"ครับ!"
พยางค์ขานหนักแน่น ใจเบาลงอย่างเห็นผลแล้วเขาก็ได้ลาจากที่ตรงนี้ไปกับผ้าเช็ดตัวที่คลุมร่างด้านล่างของเขน
ที่UA...
"วันนี้ห้อง1Aมีมิชชั่นเข้ามา รายละเอียดก็ถูกส่งบนโต๊ะของพวกเธอด้วย"
จบคำของอาจารย์ผมส้ม จอภาพฉายบนโต๊ะก็ส่องโฮโลแกรมหน้าแผ่นกระดาษให้พวกเราทุกคนหยิบมันออกมาดู จนสุดท้ายผมก็ต้องตะลึงขึ้นมา
"เลี้ยงเด็กที่ศูนย์อนุบาลเนี่ยนะ!?"
"อ้า~...ยุ่งยากชมัด!"
ไอ้เจ้าโดโคโกมะเกาหัวแกรกๆ หน้าอารมณ์หงุดหงิดขึ้น แสดงออกมาอย่างชัดเจนกว่าใครคนอื่นในห้องทั้งนั้น
"ตามที่เห็น นี่ก็ถือเป็นการฝึกในฐานะของฮีโร่อย่างนึง การมอบรอยยิ้มให้ประชาชน และรวมถึงแรงบันดาลใจให้กับเด็กพวกนั้น ที่ก็คือพวกเธอเมื่อครั้งสมัยก่อนไงล่ะ... รถบัสจะออกตอนบ่ายโมงตรง ทำทุระให้เสร็จกันด้วยล่ะ"
จากที่โฮมรูมมาจบอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไปทันที
บรรยากาศของห้องนั้นเงียบครึ่มกัน ต่างส่งเสียงกระซิบคุยกันถึงงานเลี้ยงเด็กที่ได้รับมอบหมายมา
"ฉันว่าเราควรจัดหาอะไรให้ดึงดูดความสนใจของเด็กๆนะ"
ชินเซ็นเมะสึว่าถามเปิดกับกลุ่มหญิงๆที่ต่างลงความเห็นโดยพยักหน้าตอบ "เห็นด้วย"
"แต่ว่าจะเป็นอะไรกันล่ะ?"
คำถามหัวข้อโต ๆ จากปากสาวเขาแพะผิวแทน ให้หลายคนต้องตั้งคำถามตาม
"นั้นสิ...........จะเป็นละคร ก็คงเตรียมการไม่ทัน ถ้าเป็นกิจกรรมแบบลวกๆ ก็ไม่น่าสนใจอีก... จะเอายังไงดีนะ..."
ผู้หญิงผมยาวสลวยสีชมพู ยัยชิโนบิ ช่วยตัดตัวเลือกที่เลวร้ายที่สุดออกไป กับกรอบความคิดทุกคนที่ต้องถูกฝืนเอาออกมาให้มากกว่านี้
"ก็ลองคิดในแบบเด็กๆดูสิ"
หญิงสวมหน้ากาก นานานะพูดท่าทางดูหน้าหมั่นไส้
ผู้หญิงทุกคนที่เข้าวงล้อมกันก็ลดอคติส่วนตนแล้วหันมาลองคิดๆดูด้วยกัน
แต่ฝั่งผู้ชายก็...
"ต้องเป็นการแสดงของฉันอยู่แล้ว"
ยักษ์หัวใจไวยกรณ์เต็มเปี่ยมด้วยอีโก้โตๆ เบียดข้อความคิดเห็นทุกอย่างของเพื่อนชายทุกคน
"เดี๋ยวสิ! โดโคโกมะ! นายจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้นะ!"
ชิโรซาเมะแถบไม่ทนค้านสุดโต่ง
บีสท์คอนดักค์เตอร์ที่เป็นหัวเรือในการเสนอก็ย้อนถามคนที่ถามเขามาเช่นกัน
"แล้วนายมีไอเดียบรรเจิดอะไรอยู่รึไง?...ถ้าไม่มีก็หัดเงียบปากไปแล้วปล่อยให้คนมีฝีมืออย่างฉันซะ"
"ว่าไงนะหมอนี่!"
สติหลุดความโกรธที่ถูกย้ำหน้า แบพุ่งออกไปเปิดเรื่องทะเลาะกัน เคราะห์ยังดีที่คาเสะคิริ เข้าล็อคแขนห้ามสุดกำลัง
"ใจเย็นๆก่อนพวกนายตะมาก่อเรื่องแบบนี้กันไม่ได้นะ!"
"ปล่อยนะ! ปล่อยฉัน!"
ชายผมฟ้าหัวร้อนพยายามดิ้นให้หลุด และสายตาก็ตรงที่คนที่เข้ามาหาเรื่องด้วยสไตล์การพูดและยิ้มหน้ายิ้มตาที่แสนจะอวดดีแบบนั้น
"บันตะ... นายจะหาเรื่องแบบนั้นไปตลอดไม่ได้นะ"
เร็นที่เป็นคนขั้นกลางหันมาว่าเพื่อนร่วมสำนักเดียวกัน ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าหมอนี้มันไม่ฟังอยู่แล้ว
ถึงอย่างนั้นทาคาฮาชิก็ต่างจากคนอื่นๆ เขายืนเข้าดักหน้าผู้หมั่นหน้า
“มีอะไรไอ้คุณหน้ามล”
“นายมีความสามารถมากพอที่จะทำอย่างที่พูดได้รึเปล่า โดโคโกมะ”
“หึ ๆ… นายเนี่ยเห็นหน้านิ่งแบบนี้ก็ใส่ใจในคุณภาพด้วยงั้น? … อย่าได้มาดูถูกอัจฉริยะอย่างฉัน …อย่ามาดูถูกเอสของห้องนายจะดีกว่านะ”
ในเมื่อเจ้าตัวยืนกรานว่ามา คนที่ยืนขวางก็หลับตาลงทำใจยอมรับไว้ได้ ในขณะที่ผู้หญิงเองก็ได้ข้อสรุปเช่นกันว่า “ทำวงดนตรีกันดีกว่า!”
เห้ย…ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรที่เตรียมการยากๆกันเล่า!
หน้าผมว่ามาตามนั้น งงเงิบกับที่ทั้งชายและหญิงต่างเห็นพ้องต้องกัน
“นี่ ๆ หัวหน้าห้อง ผลโหวตต์เป็นเอกฉันท์แล้วนะ”
ฮิงาลิตั้งศอกแทงๆที่ด้านขวาดึงสติผมกลับมา
คือต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าห้องจากการลงคะแนนจากทั้งห้องหลังจบคาบเมื่อวาน และแน่ว่าต้องสำรวมอารมณ์กระแอมออกเล็กน้อย
“ก็ได้…เอาเป็นแบบนั้นแล้วกัน แล้วในที่นี้มีใครเล่นเครื่องดนตรีเป็นบ้าง”
“ฉัน!” มือขวาตั้งยกขึ้น เซ็นริทสุ ชิโรซาเมะ นานานะ คันซากิ ทั้ง4คนเสนออย่างรวดเร็ว ทีท่าว่าพร้อมกันสุดๆ แน่ล่ะว่าใจไม่อยากพูดแต่เพื่องาน ผมหันไปถามผู้ร้อยเรียงทำนอง
“มีเวลา3ชั่วโมงกับนักดนตรีอีก4คน นายไหวอยู่ใช่ไหม?”
“สบายมาก~…แค่นี่เองชั่วโมงเดียวก็จบแล้ว รอดูผลลัพธ์ได้เลย จูออนคุง”
“…!!!!!!!”
เส้นเลือดปูดขึ้นขมับ หน้าบึ้งตึงเกรงยิ้ม ฝืนสุดทน
“เห๊…นั้นก็ขอให้อย่าพลาดแล้วกันนะ ไอ้ยักษ์…!”
หลังว่าเสร็จผมเดินออกจากห้องไปแจ้งอาจารย์โดยที่ทุกคนต่างหลีกทางให้ผม แถมทำหน้ากลัวๆ ผมกันอย่างแปลกๆ ทั้งๆที่ผมยิ้มอยู่แท้ๆ
ที่โรงเรียนอนุบาล…
พื้นทรายกับเครื่องเล่นของเด็กน้อยที่ครบองค์สมบูรณ์ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของหนูน้อยทั้งหลาย จับมือวิ่งเล่นบนเครื่องเล่นไปทั่ว โดยเฉพาะ2พี่น้องที่อายุห่างกันเกิบๆ3ปี
“ชินจัง! ลงมาเลย!”
เด็กสาวผมทองสั้นตัวเล็กอ้าแขนรับ จากทางด้านล่างบนสไลด์เดอร์ทางชันอันเด็กชายที่อยู่บนนั้นกล้าๆกลัวๆอยู่
“เซย์…นะ…จะรับใช่ไหม…?”
“ใช่! ก็เพราะชินจังเป็นน้องชายฉันนิ! พี่สาวต้องรับได้อยู่แล้ว…”
“ถะ…ถ้างั้น…ลงล่ะน๊า~!”
เด็กชายหลับตาลงเคลื่อนร่างลงไปในที่แห่งนั้น เด็กสาววัยแก่นแก้วรับตัวน้องชายคนล่ะแม่ไว้ แต่ด้วยน้ำหนักร่างกายที่ทุ่มลงมาเท้าที่หยั่นไว้อยู่ก็เสียหลักเอนไปด้านหลัง
“ฮะ……”
ดวงตาสีรุ้งที่เบิกขึ้นฟ้า โฟกัสเคลื่อนหงายหลังลงพื้น แต่ก็หยุดชงักไว้ ที่มุมเงยในระดับนึง
เหมือนสิ่งที่สาวน้อยรู้สึกตัวจะทำให้เธอหันหน้ามาดด้านข้างขวา เห็นแขนยาวในชุดนักเรียนสีเทา ของชายผมหัวรถไฟไอน้ำ
“ไม่เป็นไรนะ”
การเห็นคนในชุดแบบนั้นหัวของเด็กหญิงรู้ทันทีว่าเขาคือใครโดยคร่าวๆ เธอรีบลุกขึ้นพร้อมยกน้องชายที่น้ำตาไหล่ปริ่มขึ้นมา
“ค่ะ…ขอบคุณมากนะคะ!”
และเธอก็วิ่งพาน้องชายที่ร้องไห้ออกมาตามภาษาของเด็ก
ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของผมที่เป็นคุณน้าของทั้ง2คนนั้น
“ฟิ้ว~ หวิดไปแล้ว…ไนซ์เซฟ! คามิสาโตะ!”
นิ้วโป้งจากคนหัวรถจักรไอน้ำยกขึ้น เป็นการแทนสัญลักษณ์ว่ายินดี
ใช่แล้วพวกเรารวมทั้งอาจารย์ประจำชั้นมาถึงที่โรงเรียนอนุบาลของเหล่าเด็กๆในที่แห่งนี้ แล้วก็ยังเป็นที่ที่หลานๆของผมเรียนอยู่ด้วย
“ค่อยๆทานกันนะ”
ยัยมังกรร่างสูงเข้าหากลุ่มเด็กๆ ที่ได้รับของหวานอันด้วยทุนของทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ที่ต้อนรับด้วยรอยยิ้มแสนไร้เดียงสา
“ขอบคุณนะ พี่สาวมังกร”
“……!!!!!!!!!????????????”
สติสตางค์หลุดออก หน้าสุกงอมแดงฉาน ที่ได้ยินเสียงผู้ไร้เดียงสาอันแสนน่ารักหน้ากอดเช่นนี้ เอาเธอตัวบิดไปมาเป็นปลาเป็นดาวเลยทีเดียว
เห็นคนในห้องเป็นการเป็นงานกันดีผมก็อดยิ้มที่มุมปากเล็กๆไม่ได้ แล้วข้างๆของผม ผู้หญิงผมสีเขียวที่มานอนที่บ้นก็พูดขึ้นมาอย่างด้วยรอยยิ้ม
"ดูมีความสุขในการส่องดูแลเด็กๆจังนะ คุณหัวหน้าห้อง"
"..."
ผมรีบเก็บยิ้มหันหน้ามองเธอที่ยิ้มผ่อนคลายส่งๆผมหวังให้ใจละลาย
"ไม่ต้องทำเป็นใจเหล็กกล้าก็ได้นิหน่า~"
"เงียบน่า! ฉันไม่ได้ยิ้มซะหน่อย"
"ฉันยังไม่ได้พูดถึงขั้นนั้นเลยนะ จูออนคุง"
เหมือนจะเป็นอย่างนั้น ผมไม่กล้าพูดอะไรนอกจากเชิดหน้าหนีไปทางอื่น
คันซากิยกมือขึ้นปังปากที่อดกลั่นขำ "ฮึ ๆ ๆ..." คล้ายอยากลองหยอดอารมณ์อยู่เรื่อยๆ
"อีกเดี๋ยวจะเริ่มงานแล้วนะ เจ้าภาพต้องไปเตรียมตัวกันให้พร้อมนะ"
"ไม่ต้องบอกฉันก็ไปเตรียมทันอยู่แล้วนะ... ชิ น่ารำคาญจริง"
ประโยคพึมพำต่อท้ายอารณ์บูดๆบึ้งๆ เดินปลีกตัวออกมาจากกระบะทรายที่หลานสาวและหลานชายได้กลับมาเดินเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน เป็นช่วงเวลาที่แสนสำคัญระหว่างทั้ง2พี่น้อง
"ถ้าปีหน้า! ชินจังตอนอยู่ที่โรงเรียนต้องเข้มแข็งขึ้นนะ!"
"อื้ม!"
เด็กชายรับคำจากพี่สาวทั้ง2จับมือกันและกันวิ่งเล่นตามที่ต่างๆ เพราะเซย์นะต้องเตรียมเข้าโรงเรียนปฐมที่ไม่ใช่ในที่นี่ เวลาสำคัญแบบนี้ชินจิต้องเก็บเอาไว้อย่างน้อยก็2ปี
ความคิดเห็น