ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic(My​ hero​ academia​x​oc)(MHA)(BNHA) ตัวของตัวเอง ทาคิสึ ฮาจิเมะ & ฮิมิยะ ยามิ

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่14 :ทำไหมถึงต้องยังเป็นเด็ก

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 64


    ถ้าวันนั้นผมไม่บอกไป...

    ถ้าวันนั้นผมหนีออกมา...

    เรื่องเมื่อตอนนั้นคงจะไม่เกิด...

    คุณแม่ก็จะไม่ต้องตายจากพวกเราไป นานาใเองก็จะไม่ต้องร้องไห้ในวันนั้น แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว... ชิโอริก็จะต้องอยู่ที่นั้นตลอดไป อยู่ในที่ที่แผลบนหลังของเธอมันรักษาไม่หายตลอดไป และพ่อผมคงจะไม่ถูกจับและทำให้หลายชีวิตต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้นตลอดไป

    ผมเลือกมันไม่ได้ และไม่รู้ว่ามันจะถูกไหมที่จะเลือกทางแบบนั้นไป...


    ในทางที่ไม่มีแสงให้สาดส่องลงมา ผมได้ออกวิ่งไป วิ่งไปตลอด วิ่งไปไม่รู้จุดหมาย วิ่งไปโดยที่ขาของผมนั้นถูกตรึงด้วยซากมือที่แห้งเหี่ยว ของเหล่าผู้คนมากมายนับร้อยชีวิตที่เกาะผมไปด้วย 

    แบกรับทั้งหมดเอาไว้ด้วยทุกๆอย่าง แบกรับบาปที่ยังไงก็ชดใช้ไม่หมด แบกรับความเคียดแค้ของเหล่าดวงวิญญาณ ที่ต้องตายจากไปด้วยฝีมือของ ยมทูตตัวจริง ที่ชื่อว่า "ทาคิสึ โทคุจิ" พ่อค้าความตายคนนั้นที่เป็นพ่อของผมเอง

    "แฮก ๆ ๆ ๆ...!!"

    ผมเริ่มที่จะหอบเหนื่อย จากการวิ่งครั้งนี้ที่มันกินพลังงานหนักเหลือทน ขาทั้ง2ข้างของผมมันเริ่มที่จะขยับช้าลง แต่ว่าสมองผมกลับสั่งให้วิ่งต่อไป และต่อไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะได้เห็นอะไรบางอย่างที่รอผมอยู่ในที่ไหนสักแห่ง

    มีคำพูดมากมายที่ตามมาอยู่ด้านหลังซากร่างที่เน่าเปื่อยนั้น มันเต็มไปด้วยคำสาปแช่งและเกลียดชังที่มีต่อครอบครัวของผมทั้งหมดเลย แต่ว่ามันไม่ใช่แค่คนตายหรอก

    "...ขอร้องล่ะ...อย่าเอาลูกสาวฉันไปเลยนะ..." คำคำนั้นในวันที่ผมส่งคุณชิอากิกลับบ้านไป คำที่พ่อของเธอพูดออกมากับผมคำนั้น มันยังติดในหัวใจผมอยู่เลย 

    แม้แต่คนเป็นก็ยังรังเกลียดพวกเราอยู่เลย บางทีแล้วคุณเปโกะเองก็เหมือนกัน... เธออาจจะเกลียดผมอยู่ลึกๆในใจของเธอก็ได้ คุณฮิมิยะเองก็ด้วย เค้าคงเกลียดผมอยู่แน่ๆ

    ที่ผมอยากเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ ก็เพราะอยากที่จะปกป้องสิ่งสำคัญ และชดใช้เรื่องทั้งหมดด้วยตัวของผมเอง ผมพยายามที่จะยิ้มออกมาให้ทุกคนรู้สึกดี แต่ว่าที่จริงแล้ว...

    หัวใจผมมันพังไปตั้งแต่ในตอนนั้นแล้ว...

    ผมยิ้มออกมาและหลอกตัวเองว่าผมยินดีกับเรื่องเหล่านั้นไป ทั้งเรื่องน้องสาวที่โตขึ้นแล้วก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเลย 

    ผมได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดลงไปในชีวิตแล้ว มันคงสายเกินไปแล้วล่ะ

    ผมหยุดขาของตัวเองไว้ น้ำใส่ๆเล็ดออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลที่มันเป็นของพ่อของผม ที่สืบทอดมา ตอนนี้ผมยอมแพ้แล้ว ผมเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ผมทรุดตัวลงไปกับพื้นและนั่งลงอย่างหมดแรง

    ยอมแพ้ไปคงจะดีแล้วสินะ...

    ผมหมดกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป เหล่าซากศพของผู้คนที่ต้องตายไปเพราะพ่อผมต่างหัวเราะเยาะออกมากับความรู้สึกของผมในตอนนี้

    แต่ว่า...

    "ฮาจิจังมันยังไม่จบสักหน่อย"

    ผมหันหน้าของตัวเองขึ้นไป ตามเสียงนั้นที่ดังขึ้นมาจากด้านหน้าของผม ร่างของผู้หญิงที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ที่ผมไม่ได้เจอเธอตั้งนาน 

    "คุณแม่..."

    "ฮาจิจังลูกน่ะจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาดนะ!"

    ใบหน้าที่บึ่งตึงของเธอมองมาทางผม เธอได้เดินเข้ามาใกล้ผม และเดินเลยออกไปและนั่งจับข้อเท้าของผมที่มีซากมือแห้งๆของศพที่เกาะขาผมอยู่

    "ปล่อยมือออกจากลูกชายฉันน่ะ!"

    ทันทีที่เสียงของเธอดังขึ้นมานั้น ช่องว่างสีดำก็โผล่ขึ้นมาใกล้มือของแม่ผมและมือศพนับ5มือก็รุมเข้ามาใช้เล็บจิกฉีกหนังมือของแม่ผมจนเกิดเป็นแผล 

    "อึก! "

    แม่ผมจิปากออกมาทนความเจ็บปวดเอาไว้ และส่งแรงทั้งหมดไว้ที่มืออีกข้าง และบีบซากมือศพนั้นจนมือหลุดออกมาจากแขนศพได้

    "อ๊ากกกกก!!"

    เสียงร้องของเหล่าผู้สังเวยดังขึ้นมาด้วยความแค้น 

    ความแค้นที่ไม่มีวันที่จะหลุดพ้นออกไปได้ ความแค้นที่อยากจะทำให้พวกเราเจอกับความมืดมิดชั่วนิรันด์

    "คุณแม่ครับ! ปล่อยผมไปเถอะ! คุณแม่น่ะไม่ต้องมาช่วยผมหรอกครับ! ผมน่ะทำเรื่องผิดพลาดกับคุณแม่ไปแล้วนะ! ผมทำเรื่องไม่ดีกับคุณแม่ไปแล้ว คุณแม่ก็คงจะเกลียดผมไปแล้วนิ!"

    ผมพูดกับเธอที่หอบหายใจออกมาอย่างสั่นกลัวอยู่ ด้วยน้ำตาของผมที่มันพยายามจะบอกให้เธอพอแล้ว

    ไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ไม่อยากเห็นเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว ปล่อยให้ผมได้อยู่แบบนี้ไปเถอะ...ผมน่ะกลับไปไม่ได้อีกแล้ว...ผมเริ่มต้นมันไม่ได้อีกแล้ว...

    "ไม่ใช่หรอก...ลูกน่ะยังเป็นเด็กอยู่นะ"

    "..........!?"

    สายตาผมจ้องไปที่หน้าของเธออีกครั้งนึง เธอคนนั้นมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และไม่คิดโกธรผมอยู่เลย แต่มันกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและกำลังใจมากมายที่ส่งผ่านมาหาผมในตอนนี้

    "ลูกน่ะเป็นเด็กอยู่ จะเริ่มใหม่อีกกี่ครั้งก็ได้...ลูกน่ะถ้าเดินทางผิดก็ยังกลับไปได้ ลูกยังเร็วไปกับคำว่าสายไปแล้วนะ ฮาจิจัง"

    "...คุณแม่..."

    ใบหน้าของผมนั้น และความรู้สึกในตอนนี้ของผมเองก็กลับมาฟื้นฟูได้ด้วยรอยน้ำตา มันเป็นเศษความหวังเล็กๆที่เรียกว่า "ความรัก" ที่ส่งต่อมาทางผม 

    เป็นความหวังที่เอาชนะความเกลียดชังได้ การไถ่บาปที่จะได้รับการให้อภัย มันฟื้นฟูหัวใจของผมที่สลายไปในตอนนั้น 

    "ฮาจิจังลูกน่ะต้องเดินต่อไปนะ แม่จะช่วยลูกให้เริ่มใหม่อีกครั้งนะ"

    ใบหน้าที่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ของคุณแม่นั้นมันทำให้ผมนั้นรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก มือของเธอที่อาบไปด้วยเลือก จับไปที่ขาของผมอีกข้างนึงที่มีซากศพเกาะไว้อยู่

    "ไม่ยอมหรอก~!!"

    เสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้นมาอีกครั้งนึงและแล้ว ก็เหมือนกับครั้งก่อน เหล่ามือที่โผล่ออกมาจากช่องว่างมิตินั้นเข้ามาจับแขนแม่ของผมที่แผลสาหัสอยู่ และพยายามที่จะฉีกแขนแม่ผมให้ออกจากขาผม

    "คุณแม่!"

    ผมร้องออกมาแถบจะทันที ในหัวตอนนี้มีแต่คิดว่าจะต้องช่วยแม่ให้ได้ แต่ว่าผมใช้อัตลักษณ์ไม่ได้ในตอนนี้ ได้แต่มองดูตาสลด จ้องมองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ที่แม่ผมตอนนี้ แขนของเธอนั้นกำลังจะหลุดออกไปแล้ว

    เธอกัดฟันสู้ความเจ็บปวดเอาไว้ เธอนั้นพยายามที่จะช่วยผมให้ๅด้ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงก็ตาม 

    "แม่จะช่วยลูกให้ได้! ไม่ว่ายังไงก็จะช่วยให้ได้! ย๊าาาาา!!"

    เธอออกแรงดึงอย่างสุดกำลังของเธอ ในสภาพแขนแบบนั้นของเธอ จนกระทั้งมันก็ได้ผล 

    ขาของผมเป็นอิสระแล้ว และทันทีที่ผมเห็นแบบนั้น สมองผมก็สั่งการมห้ลุกขึ้นมาในทันที และก็ออกวิ่งตรงไปทันที โดยที่ไม่แม้จะหันหลังกลับมามองด้านหลังอีกเลย

    ขาของผมออกวิ่งไปอย่างสุดกำลัง พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหล่ออกมาไม่หยุด และมุ่งหน้าวิ่งตรงไป และต่อไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆในความมืดมิดแห่งนี้ 

    ความแค้นทุกๆอย่างสลัดออกไปพร้อมกับคราบน้ำตาทั้งหมด ความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหมดที่เก็บไว้เป็น7ปีก็ด้วย ผมทิ้งมันไว้ในที่แห่งนี้ ทิ้งไว้ในโลกที่เต็มไปด้วยความแค้นของผู้คนมากมาย


    ผ่านไป9เดือน...

    "ครอสเวนนิชเชอร์!"

    แสงสีเขียวและสีฟ้ายิ่งออกไป ผ่านจุดตัดเป็นตัวxใส่เหล็กหนา2ฟุตกว้าง45เซนติเมตร และทำลายล่างสิ่งของเหล่านั้นจนไม่เหลือซาก 

    นั้นไม้ตายใหม่ของผมเอง ใช้อัตลักษณ์ทั้ง2อย่างพร้อมกัน โดยให้สีฟ้าเป็นแรงส่งพลักเข้าหา สีเขียวเพื่อสลายซากนั้นให้หายไปในพริบตา โอกาศโดนอยูที่100%

    "สำเร็จ!" 

    ผมตะโกนออกมาอย่างดีใจ และแล้วเสียงปรบมือดัง แปะ ๆ ๆ ๆ ก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของผม

    "เยี่ยมมาก เยี่ยมมากเลยฮาจิเมะคุง "

    ร่างใหญ่ของชายผมสีน้ำตาล ดวงตาสีฟ้าคนนั้นก็กล่าวชื่นชมผมออกมาทั้งแบบนั้น ใช่แล้วผมในตอนนี้ได้ฝึกกับคุณมาตาชิระ ตามที่เค้าสัญญากับผมไว้ตอนนั้น ก่อนที่ผมจะโคม่าไป 3อาทิตย์เต็มๆ

    บอกเลยว่าการฝึกกับเค้าคนนี้นั้นไม่มีอะไรมากหรอกนะ ก็แค่...

    ผมนึกย้อนไปตอนฝึกครั้งแรกกับเค้าหลังจากที่ผมฟื้นมาใหม่ๆ2วันได้ 

    ...เอาล่ะการฝึกเริ่มแล้ว

    ทันทีที่เสียงของเค้าพูดขึ้นมาขณะที่ผมพึ่งจะเข้ามาในสนามฝึกไม่กี่วินาที ร่างของผมก็ร่วงลงไปหน้าฝาดกับพื้นแทบจะทันที จากการโดนจู่โจมด้วยความเร็วขั้นสุดของเค้า 

    และยังไม่หมดแค่นั้น เพราะถ้าหากผมหลบการโจมตีครั้งแรกของวันไม่ได้ผมจะโดน จับมัดและห่อยกลับหัวอยู่บนเครน จนกว่าผมจะนึกได้ว่าผมนั้นแพ้เพราะอะไร

    แถมยังไม่หมด เพราะถ้าผมพลาดแพ้ในมุขเดียวกันอีกครั้งนึงตอนสู้กับเค้า ผมก็จะต้องโดนเค้าซ้อมอย่างหนักจนเรียกว่าทารุนได้เลยละ

    แค่คิดก็น่ากลัวสุดๆเลย...

    "นี่เธอจ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้นทำไหมล่ะ?"

    ใบหน้าของคุณมาตาชิระแสดงออกมาอย่างขุ่นเคือง ผมที่จ้องหน้าเค้าอยู่ก็ ดึงสติของตัวเองกลับมาและส่ายหน้าออกไปอย่างลนๆ

    "ปะ...เปล่านะครับ "

    "อย่างนั้นเองเรอะ ถ้านั้นชั่งเรื่องนั้นไปเหอะ และอีกอย่างฉันคิดว่าคงถึงเวลาเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังแล้วด้วย"

    "เรื่องบางอย่าง?"

    ผมเอียงคอลงอย่างสงสัย ชายที่อยู่ตรงหน้าของผมได้หันไปด้านหลัง และพูดออกมาเบาๆว่า "ตามฉันมาสิ" และจากนั้นผมก็ได้เดินตามเค้าคนนั้นไป จนเดินออกจากโรงฝึก และทำให้เห็นด้านนอกโรงฝึก

    ที่โรงฝึกนี้ห่างจากตัวบ้านของคุณมาตาชิระไกลอยู่พอสมควร ภายนอกมีสระเล็กๆและสพานข้ามไปที่ต้นไม้ ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งของสพาน 

    ผมกับเค้าก็ได้เดินไปข้ามสพานไปและหยุดอยู่ตรงใต้ร่มไม้ใหญ่แห่งนั้น คุณมาตาชิระสร้างจอกขุดดินสีเหลืองสว่างขึ้นมา ก่อนที่จะขุดดินไปและหีนมาคุยหับผมไปด้วย

    "ที่นี่เคยเป็นบ้านฉันมาก่อนน่ะ พอแต่งงานแล้วฉันก็ย้ายไปอยู่กับภรรยากับลูกๆ "

    บ้าน? ผมเล็กคิ้วลงไป ความสงสัยเกิดขึ้นมาในใจของผม เพราะว่าที่ที่ดินนี้มันมีแค่โรงฝึกเท่านั้น และมีที่ดินเปล่าๆว่างๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเคยมีร่องรอยของบ้านหลังใหญ่อยู่ 

    มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ

    "ถ้านั้นบ้านของคุณ..."

    "อ๋อ! โดนไฟไหม้ไปเมื่อ30กว่าปีก่อนแล้วละ"

    ".........!!"

    สายตาของผมตื่นตกใจกับคำพูดที่ไร้ซึ่ง ความเสียใจของเค้าคนนั้น และเวลาเดียวกันนั้นเอง เค้าคนนั้นก็เหมือนขุดจนเจออะไรบางอย่างในดินนั้น และเค้าก็ก้มลงไปหยิบของชิ้นนั้นออกมาจากใต้ดิน ก่อนที่จะปัดฟุ่นออกไปอย่างสบายอารมณ์

    "ยังอยู่ดีสินะ เอาล่ะลองมาเปิดดูกันดีกว่า ถ้าไม่โดนขโมยไปก่อนน่ะนะ"

    สิ้นเสียงที่เล่นๆของเค้าแล้วนั้นเค้าก็หันกลับไปทางผมที่จ้องตาค้างอยู่แบบนั้นก่อนที่จะเปิดกล่อง กล่องนั้นออกมาและสิ่งที่อยู่ในนั้นคือตุ๊กตากระต่าย2ตัวเป็นสีน้ำตาล และสีชมพู ทั้ง2ตัวนั้นดูเก่ามากๆ ตามเวลาปีที่คุณมาตาชิระบอกเลย

    เค้าคนนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย สะท้อนความรู้สึกบางอย่างในดวงตาคู่นั้นของเค้า 

    "นี่คือ...ของดูต่างหน้าของน้องสาวฉันเอง..."

    "น้องสาวเรอะครับ?"

    "ใช่แล้วล่ะ เธอตายไปพร้อมกับพ่อและแม่ของฉันเองน่ะ ในกองเพลิงนั้นพ่อแม่ของฉันตายไป แต่น้องสาวก็รอดมาได้แล้วก็มาตายที่โรงพยาบาลน่ะ"

    "...ว่าไงนะครับ..."

    ผมสลดลงกับสิ่งที่เค้าคนนั้นพูดออกมา แต่ที่หน้าตกใจมากกว่านั้นก็คือน้ำเสียงที่ดูไร้เยื่อยใยใดๆของเค้าที่เปล่งออกมาจากปากของเค้านั้นเอง

    มันหมายความว่ายังไงกัน...

    "ที่ฉันเล่ามาให้เธอฟัง ก็แค่จะบอกว่าฉันไม่อยากให้เธอนั้นพลาดเหมือนกับฉันแค่นั้นเอง ฉันน่ะพลาดที่จะปกป้องครอบครัวเหมือนๆกันกับเธอด้วยนั้นแหละ สำหรับคนเป็นพี่ชาย การปกป้องน้องสาวให้ได้นะคือสิ่งที่พี่ชายควรจะทำใช่ไหมละ? แต่ว่าฉันกลับทำมันไม่ได้เนี่ยสิ น่าเสียดายจริงๆเลยว่าไหม?"

    "...."

    ผมเงียงไป แต่ในใจเองก็ตอบกลับอย่างไม่ลังเลว่า "ใช่"อยู่แล้ว คุณมาตาชิระพอเห็นเป็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างลอยสายตาก่อนที่จะปิดหีบนั้นและเอากลับเค้าที่เดิมไป

     สิ่งที่พี่ชายควรจะทำ ก็คือการปกป้องน้องสาว ผมรู้เรื่องนั้นดี และผมก็ทำมาตลอด แต่ว่า...ถ้าผมปกป้องพวกเธอไม่ได้ละ

    ผมจะยังทำใจได้อยู่อีกเรอะ...

    จะทำเป็นเหมือนคุณมาตาชิระได้เรอะ?

    ถ้าผมพลาดที่จะปกป้องไป ผมยังจทำใจได้อยู่อีกเรอะ

    ผมรู้สึกหนักใจขึ้นมาทุกขณะ สีหน้าของผมนั้นเริ่มที่จะกดดันตัวเองอย่างหนัก จนอาจารย์ของผมสังเกตุได้ก็เลยหันเข้ามาหาผมและใช้มือที่เปื่อนดินจับไปที่ไหล่ขวาของผมไว้

    "ไม่ต้องหนักใจไปหรอกน่า กะแล้วเชียว ที่เจ้าชินจิบอกมาคงจริงสินะ ว่าเธอน่ะชอบฝืนใจตัวเองอยู่บ่อยๆน่ะ ไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะ ถ้ายิ่งคิดมากไปคนที่จะอึดอัดมากที่สุดก็คือคนรอบตัวของเธอนะ "

    "แต่ถึงอย่างนั้น...ผมเองก็..."

    "ฮาจิเมะคุง ถ้ายิ่งกดดันมากเกินไป มันจะกลายเป็นการหวาดระแวง ไปในทุกๆอย่าง เพราะนั้นสิ่งที่เธอควรจะทำคือการทำให้น้องสาวมีความสุขให้ถึงที่สุดให้ได้ ทำแบบในทุกทีก็พอแล้ว"

    "แบบทุกที..."

    ผมเงยหน้าขึ้นมามองเค้า ใบหน้าที่ส่งมาหาผมนั้นเป็นใบหน้าที่ติดเล่นแบบทุกๆทีของเค้า และจากนั้นเค้าก็ได้ตบไหล่ผมไป1ทีก่อนที่จะเดินออกจากตัวผมไป ทิ้งให้ผมได้คิดทบทวนเรื่องในหัวบางอย่าง

    บางอย่างที่ผมนั้นเคยทำมาตลอด

    บางอย่างที่ผมนั้น__มากที่สุด 


    "คุณอาชิโดะไปเดทกันเถอะครับ!"

    ผมพูดคำคำนั้นต่อหน้าเธอและก็เหล่าน้องสาวและเพื่อนๆในห้องของผมในวันต่อมา อย่างจริงจัง 

    สายตาของทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงนั้น ช็อคกันไปตามๆกัน ยิ่งกว่านั้นคุณอาชิโดะที่ฟังผมก็ชี้นิ้วหันเข้าหาตัวเองอย่างเกรงๆ 

    "หา...ฉัน เดท?"

    "ครับ ไปเดทกันวันพรุ่งนี้นะครับ!"

    "หาาาาา....!!?"












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×