คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่4 :เรียนรู้ซะผู้พ่ายแพ้
ออร่าดำโผยพุ่งทั่วสนาม มันคมฉาบและเหลวไม่คงรูป อยู่งคนล่ะฝั่งตรงข้ามของสนามกรีฑาที่มีโดมเหล็กขึ้นมาปิดพื้นที่หลายตรางเมตร
ประกายดำ ไหล่ผ่านช่องว่างแคบที่มีคนยื่นเรียงกันดั่งภาพหยุดนิ่งลงกระมั่ง
"มาเริ่มกันเถอะ"
ตัวผมฮิมิยะ ชิคุโระ หรือก็คือเดโวลเอจในชื่อฮีโร่ คือแสงทมิฬนั้นที่ต้านกับความมืดสีดำ ที่ใจกลางนั้นคือ ทาเครุ ญาติตัวขาวของผมที่มองว่าเป็นน้องชาย ตั่งหน้าตั้งตาเอาจริงพร้อมปล่อยสัญชาตญาณที่แสนลึกลับออกมา
"พวกฉันไม่แพ้หรอกนะ! ถ้าฉันอยู่ตรงนี้! จะไม่มีใครอาการสาหัสเด็ดขาด!"
คำขาดที่หนักแน่นกับเจตนาที่แรงกล้า คุณสมบัตินั้นงอกผมออกมาอย่างงดงาม คือสัญชาตญาณของปีศาจที่ตื่นขึ้นย้อมดวงตาสีเลือดให้มืดดำ
วินาทีที่นั้นออร่าทมิฬหุ่มครอบครองร่างของทั้ง20ชีวิตตรงหน้าผม
ตามข้อมูลที่อิโชโดหรือฟลูเพลสให้มา ผู้หญิงผมดำยาวหน้าม้าปิดที่พุ่งตัวนำฝ่าตรงกลางออกมา
"ฮ๊าาาาาา!!"
ชิโนบิ ยาริคุง อัตลักษณ์สลับบุคลิก พลังหมัดทางกายภาพโหดที่สุดในห้องสินะ
แต่ว่า...
"..."
คอขวาเอียงหลบหมัด แขนซ้ายยกดันข้อพับของสาวน้อยผมดันเบนวิถีห่างออก เค้าเตอร์กลับหมัดขวางัดคางขึ้นด้วยหมัดอาภรสีทมิฬ
"คั๊ก!"
ต่อมาทั้งซ้ายและขวา ฮิมิละคุง และ คันซากิคุง พุ่งเข้าพร้อมมือขวาที่พยายามจะขอสัมผัสร่างนี้แบบเอาจริงเอาจัง ในการทำงานอัตลักษณ์ของทั้ง2
ทางบนฟ้าแผ่นดิสท์หนา1.5เซนติเมตร อยู่เหนือหัว สังเกตุจากรอยยิ้มและคำพูดว่า "เสร็จล่ะ!" ของชิราโซเมะคุง ก็เดาว่าเป็นเขาแน่
ในหัวนี้มีข้อมูลและจุดอ่อนของทุกคนเต็มไปหมดจากหนึ่งในอัตลักษณ์ ที่ถูกแย่งชิงมาจากAFOในร่างกายนี้
แฟลชทมิฬวาบจากพื้นอย่างเจิดจ้า แม้มืดดำ 0.00000001 วินาที เท้าขวาถีบท้อง หมัดซ้ายถูกท้อง และศอกขวาดันเข้าลิ้นปี่ พร้อมกันในการขยับครั้งเดียว
ฮิมิละคุง คันซากิคุง ชิราโซเมะคุง ล้มลงไปตามลำดับการโจมตีที่เรียงไว้
"ลุยต่อให้สุดไปเลย!"
บันตะคุง ท่าที่เห็นแล้วคงเป็นเอสของห้องในปีนี้ เรียงร้อยคำกับมือที่กวักร้อยบททำนองสนามรบ ดึงปีศาจของชายที่เร็วที่สุดในห้องออกมา
แฟลชสีทองวิ่งตรงตีขนานกัน ผู้ชายผมน้ำตาล ดวงตาสีฟ้า กับอีกตัวเขาในร่างปีศาจผิวเทาดวงตาสีแดง ฟุจิมารุคุง ตรงหน้าหมั่นหน้าด้วยความเร็ว
"ฉันเร็วกว่าคุณอยู่แล้ว" เสียงในใจที่ผมได้ยินในช่วงไมโครวินาที
ซึ่งมันก็จริงที่เขาเร็วกว่า...
แต่นั้นหมายถึงตอนที่ใช้งานแค่ดาร์คกรีมน่ะนะ
เสี่ยวเวลาในส่วนเรียกว่าไม่สามารุให้นิยามถึงข้อจำกัดนั้นมนการเดินทาง แฟลชสีดำที่ผสมปนเปกับออร่าสว่างสีฟ้า วิ่งชนมองเห็นสปีทที่ช้ากว่าตัวเองอย่างมาก
"ฉันยอมรับในความเร็วของเธอ......"
ปัก! จบการชื่นชมหมัดขวาอัดที่กลางอกของปีศาจความเร็ว สันมือซ้ายสับต้นของของร่างต้น สังเกตุว่าฟ้าในจุดหลาย10เมตร มือหัวเลื่อยยนต์กระโจนตั้งท่าจะฟาดลงมา
ฮิงาลิคุงสินะ เวลาที่ยิ่งกว่าคำว่าหยุดเดินถูกเติมเต็มทิวทัศน์และเวลาว่างให้เห็นรอบทิศ
ทั้งหญิงร่างมังกรไฮบริคที่บินบนฟ้า สาวมือที่ไม่เคาะกลองจะได้ลงถึงเป้าหมายที่จะตีเพื่อทำงานความสามารถ หนุ่มผมน้ำตาลหน้าม้าโค้งคาเสะคิริคุง ที่วิ่งตีคู่มากับรถไฟไอน้ำสีแดง หญิงที่มือทั้งคู่จับเขาแพะผมบ็อบทาจิบานะคุง
ทั้งหมดทุกคนต่างมีสายตาที่จะมาสู้กับผมคนนี้กันหมดทุกคน
เมื่อ4 ปีก่อนสายเลือดในอกนี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ และผลที่รับมาคือ พลังในการ"กำราบอัตลักษณ์" กำราบของตัวเองในการฝืนขีดจำกัดที่ถูกกำหนดกรอบโดยสิ่งเร้าอื่น คือขีดจำกัดที่แข็งแกร่งที่สุด... แต่มันอาจจะไม่ใช่ที่สุด
และผมก็เชื่อแบบนั้นว่าสักวัน...
ดวงตาแดงเลือดสดหันมอง ที่หน้าญาติอายุน้อยที่เห็นเป็นน้องชายพยายามเบ่งออร่าส่งสารทมิฬออกไปคลุมร่างผู้บาดเจ็บที่เข้ามาก่อนหน้านี่ผลางกับส่งมาโจมตี และป้องกันเพื่อนร่วมห้องของตัวเองไปในตัว
"สักวันนายจะเจอสิ่งนั้นเอง คำตอบในสายเลือดของพวกเราน่ะ"
ยิ้มอ่อนๆมอบในเวลาที่ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาได้........ ปลายเท้าสะกิดเคาะพื้นเบา ๆ ดั่งหยดน้ำที่หยดลงบนผิวน้ำที่คลื่นจะกลายจายตัวออก
ตู้ม!!!!! แรงพินาศสั่นทั่วทั้งโดมสนามที่ค่อยๆเปิดออกมา กลุ่มควันเลือนลางลง เหล่าผู้จะเป็นยอดฝีมือในอนาคต หมดสภาพกันหมดทุกคน...ไม่สิ พูดให้ถูกเลยมีคนที่ไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยอย่าง ทาเครุ
"ไรน่ะ..."
ตาค้างตึงกับสีหน้าหวาดหวั่นรุนแรงสีเลือดของเรือนผมสีขาว ทาเครุสะอึกช่วงอึดใจ
"...!!"
ปลายแหลมของแทงสีดำใกล้คอในช่วงพริบตา จนหน้าของผู้ที่บอกว่าจะปกป้องทุกคนนั้นซีดหนักกว่าสีหน้าดั่งเดิมของตน
"อาดิว"
ประโยคสั่งลาที่ประกาศมาซึ่งชัยชนะลอยออกไปกับอาวุธที่สลายไปจากมือข้างนี้
เหมือนมีคนตาในท่ายืนตรงหน้านี้ที่ถูกย้อมดวงตาอย่างสิ้นหวังกับพลังที่ต่างชั้นเกินกว่าฟ้าและเหว ทาเครุกับความหมั่นใจที่ถูกบดละเอียด คอตกทรุดเข่าลงไปกับพื้นอย่างหดหู่
"...แพ้แล้ว...ราบคาบเลย..."
"ทั้งหมดเคารพ"
อาจารย์ประจำชั้นสั่งพวกเราที่พึ่งแพ้ โค้งให้กับคนที่มาช่วยชี้แนะด้วยความสิ้นหวังสุดกู่
"ชอบพระคุณที่ช่วยชี้แนะ!" ทั้งห้องโค้งตัวพูดมาเป็นพิธี ในตอนนี้ผมฮิมิยะ ทาเครุ รู้ตัวกว่าใครว่า "คนที่ผิดหวังมากที่สุดคือผมเอง" แากบอกว่าจะปกป้องแต่สุดท้ายก็ทำมันไม่ได้
ความเก็บกดเจ็บใจที่ไม่สามารถแสดงออกทางสีหน้าระบายทุกข์ ออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบเหมือนจิตโล่งที่ปล่อยให้รอบด้านนำพาไป
ฝักบัวราดน้ำลงมาที่ร่าง ใบหน้าที่ดวงตานั้นอมทุกข์ น้ำตาที่ไหล่มากับสายฝักบัวหมายถึงแผลใจอันใหญ่หลวง
"ก็สมกับเป็นฮีโร่อันดับ1นะ! คุณเดโวลเอจน่ะ!"
"นั้นสินะ! แต่ไฟฉันมันยิ่งลุกขึ้นกว่าเดิมซะแล้วสิ!"
ฮิงาลิกับเร็นเสียง2คนนั้นดูไม่ได้ทุกข์เท่าไหร่... ก็นะ ผมมันมูฟออนยากนิ เจอเรื่องช็อคแบบนั้นจะให้มาทำใจได้มันก็...
"บัดซบเอ้ย! ฉันอยากจะสู้ให้นานกว่านี้อีกจริงๆ!"
เสียงโวยวายของผู้ชายผมฟ้าว่าให้กลางกลุ่มของผู้ชาย ที่บางคนก็กำลังล้างเหงื่อเสร็จออกมาเช็ดตัวด้วยผ้าข่นหนูกัน
"ชิโรซาเมะ ถึงนายสู้ต่อไปคงไม่เกินเสี่ยววินาทีหรอก"
ฟุจิมารุที่กำลังเช็ดผมว่าตอกใจย้ำซ้ำอก แน่นอนว่าเขาก็ไม่ทนตะหวาดกลับมา
"ก็ไม่ลองจะรู้ได้ไงล่ะ!"
"อัตลักษณ์ที่แทรกแซงไม่ได้ ยังไงผลก็ออกมาเห็นชัดตั้งแต่ยังไม่สู้กันแล้ว"
ชายผมฟ้าแต่อ่อนกว่าทรงอันเดอร์คัต เจ้าทาคาฮาชิ ตัดความหวั่งโดยสิ้นเชิงซึ่งก็มีคาเสะคิริ ที่กำลังสวมกางเกงอยู่ให้ความเห็นในแนวทางเดียว
"พลังที่แกร่งที่สุดคือพลังที่ตนเองมีสิทธิ์มากที่สุด การใช้อัตลักษณ์ทุกอย่างอยู่ที่การฝึกซ้อม ที่เดโวลเอจให้พวกเราสู้ก็เพราะอาจจะให้รู้ถึงขีดจำกัดก็ได้"
"ใช่! อย่าพึ่งคิดมากกันสิ! เขาเป็นฮีโร่นะ! ไม่ได้เป็นวิลเลินระดับตัวเป้งสักหน่อย"
ร่างหัวรถไฟจัดสายเข็มขัดให้เข้ากับตัวพอดี ทางนั้นโดโคโกมะ เจ้าหมอนั้นที่แต่งตัวเสร็จก่อนคยแรกพูด "ฉันขอตัวก่อน" แล้วเดินออกมาซะเลยจากห้องแต่งตัว
แน่นอนว่าอีกคนที่เจ็บใจก็คือหมอนั่นด้วยอีกคน...
"บันตะ..."
เร็นมองเพื่อนชายที่จากจากห้อง ขณะนั้นร่างขาวเผือกก็ได้เดินออกมาขากห้องโซนพักตัวใจขณะไปน้ำอุ่นๆปิดล้อมรอบไว้
"เรื่องนี้ฉันกล้าพูดตรงๆว่า พวกเราแพ้ราบคาบทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ "
ที่จะพูดมีแค่นั้นแล้วหันมาแต่งตีวกลางสายตาคนหลายคนในห้องที่งงว่า "มันพูดอะไรของมันวะ" เพราะบริบทมันไม่ควรจะพูดในตอนนี้ หรือจะถูกก็คือความเกริ่นมาก่อน
การเรียนการสอนตามปกติของวิชา ก็จะมีคาบภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นที่ก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก และก็ไม่มีอะไรหวือหวาเป็นพิเศษ
คาบคณิตศาสตร์ที่ผมไม่ค่อยจะลงลึกได้ดีเท่าที่ควรก็รับกรรมไปเต็มๆ คือหลับคาห้องซะเลย กลับกันคือวิทยาศาสตร์นั้นตั้งใจตอบมาให้หมดทุกคำถามที่อาจารย์สอนมา "ทิศทางตรงข้ามครับ!"
หลังจากยัดวิชาสามัญมาเต็มที่ ก็มาถึงช่วงพักกลางวัน...
ที่โรงอาหารผมแยกมานั่งกินคนเดียว เพราะยังดิ่งกับเรื่องเมื่อเช้าอยู่
"ขอนั่งด้วยคนสิ ทาเครุคุง"
"..."
ช้อนที่กำลังตักข้าวขาวเข้าปากหยุดลง หน้สเงยขึ้นมา และหน้าก็แสดงอารมณ์เสียที่ได้เห็นเธอคนนั้น
"นี่เธออีกแล้ว? คันซากิ"
"คือฉันเข้ากับพวกเธอไม่ค่อยได้เท่าไหร่น่ะ"
สาวผมเขียวหน้ายิ้มวางจานถาดอาหารบนโต๊ะในฝั่งที่หันหน้ามาชนกับผม
"ถ้าเข้าไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้แหละน่า..."
บ่นงึมง่ำปั้นหน้าฝืนทน ไม่มองตาหวานสีน้ำผึ้งที่มองตรงมาทางนี้ เพราะนิสัยยัยนี้ผมก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง
"คุณเดโวลเอจนี่สุดยอดไปเลยเนอะ พวกเรา20คนบางคนเนี่ยแทบไม่ขยับอะไรก็แพ้ไปแล้วเลยน่ะ"
"จะมาพูดเพราะเรื่องนั้นเนี่ยนะ...นี่เธอคิดอะไรอยู่กันแน่"
ผมถามไปตรงๆ เธอก็ไม่ได้แยแสอะไรใช้ตะเกียบคีบเนื้อทอดส่งมาให้ผมที่ไม่ไว้ใจในตัวเธอมากนัก
"ก็แค่น้ำใจเล็กน้อยเอง"
"กับคนที่ตะเพิดเธอคนนี่เนี่ยนะ"
"ใครสนเรื่องนั้นกันล่ะ ตอนนี้ก็เพื่อนร่วมห้องกันแล้วฝากตัวด้วยนะ!"
ไอ้ท่าทางเป็นมิตรเกินเหตุแบบนั้น ยิ่งไม่น่าไว้ใจมากกว่าเดิม ความอึดอัดอัดอั้นในอกและสมอง ส่อแววกับคิ้วที่กระตุกขึ้น
"บอกไว้ก่อนว่า ถ้าทำอะไรแผลงๆแบบเมื่อตอนอยู่ที่บ้าน... ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ขอบอกไว้ว่าศพไม่สวยแน่--!"
ระหว่างที่ขู่ไปที่ด้านหลังก็รู้สึกเหมือนว่าไฟกับลังท่วมอยู่ด้านหลังเลยหันควักไปโดยสีหน้าเช่นนั้น เห็นเรือนผมสีขาว ที่สวมหน้ากากเชกเช่นสีผมเดินนำถาดอาหารไป จำไม่ผิดเหมือนว่าจะชื่อ... "นานา..." สักอย่างเนี่ยแหละ ว่าแต่ทำไหมถึงจำชื่อเต็มไม่ได้ก็ไม่รู้
"นานานะจังสินะ ไม่รู้ทำไหมเหมือนกันแต่ตอนที่สู้เมื่อเช้า เธอกลับทำตัวทำท่าเหมือนปลงแล้วเลย"
ศอกชวาตั้งมือดันหน้า สายตาของยัยผมเขียวมองเหมือนว่าหงุดหงิดอะไรสักอย่างอยู่ สิ่งที่ผมเชื่อตอนนี้คือ "ยัยหน้ากากนั้น บรรยากาศเสียๆ ที่ปล่อยออกมาโดยไร้สาเหตุแบบนั้น มันหน้าหงุดหงิดชมัด"
คาบบ่ายในวันนี้ก็คือคาบของวิชาชีพที่มีเฉพาะสาขาวิชาเรียนนี้เท่านั้น
มันคือคาบ "ฮีโร่" แต่ว่าเรียนในห้องเรียนกำกับการดูแลโดยอาจารย์ประจำชั้น
"ในคาบนี้เรื่องที่จะสอนคือเรื่องกฏหมายของผู้มีพลังพิเศษ และประวัติศาสตร์ฮีโร่ไปในตัวด้วย...."
การบรรยายของอาจารย์กับหัวข้อที่นำเสนอมา ทุกคนตั้งใจบ้างไม่ได้ตั้งใจบ้าง ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องของผู้ลงทะเบียนพบเห็นการตื่นของพลังพิเศษเมื่อ2ศตวรรษก่อน แล้วต่อมาเรื่อยๆจนมาสะดุดกับเรื่องที่ว่า "มหาราชันย์ผู้ปกครองในยุคมืดของผู้มีพลังพิเศษ AFO "
"...........!!?"
ตอนนั้นอยู่ๆพอได้ยินชื่อนั้นในใจก็เต้นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกในคาบบทเรียนนี่มาก่อน จากที่ไม่สนใจ ผมก็กลับมาตั้งใจฟังอย่างเต็มตัว
"เขาเป็นวิลเลินผู้ที่สามารถแย่งชิงอัตลักษณ์ได้ แล้วมีชีวิตอยู่ยืนยาวจวบจน เมื่อ35ปีก่อนเขาก็ถูกพบกลายเป็นศพในฐานทัพลับในสภาพถูกแทงอย่างรุนแรงบนรถเข็น ส่วนผู้ลงมือคือสายเลือดของเขาเอง..."
น้ำลายกลืนลงคอ "อึก!" ฟังผู้ที่สามารถกำราบผู้ที่เป็นดั่งฝั่นร้ายของยุคสมัยเมื่อครั้งอดีต ทุกคนเองก็เหมือนกัน... ตั้งใจที่จะฟังว่าใครที่ฆ่าสัตว์ประหลาดตนนั้นได้
สายตาของอาจารย์ผู้นิ่งครึมมองตรงมาที่ผมเหมือนจะส่งคำบางอย่างออกมาให้ แล้วเขาก็ได้ขานชื่อนั้นมา
"ฮิมิยะ ยามิ"
"...!!!!!" ทุกคนในห้องช็อคขึ้นแม้กระทั่งผม ทุกคนหันมองมาที่ผมคนนี้ที่มีชื่อต้นเหมือนกับคนคนนั้น... ใช่ คนคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องเป็น "ลุง" ของผมเอง หรือก็คือ... พ่อของฮิมะกับจิคุ
"อาจารย์ค่ะ! ถ้านั้นฮิมิยะก็เป็นเหลนของAFOใช่ไหม!?"
สาวผมหน้าม้าฮิเมะสีเงิน...ชิเซ็นเมะสึว่ามาอย่างตื่นตระหนกแทนทุกคนที่ไม่กล้าออกเสียงพูด
อาจารย์ผมส้มไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยางค์เดียวว่า "ใช่" แล้วความแตกตื่นก็ประดังทั้งห้องเข้ามาที่ตัวผมที่ไม่รู้เรื่องนี้แม่แต่อย่างใด
เสียงทุกคนที่รุมเข้าถามผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น โฟกัสในหัวคิดถึงเหตุผลต่างๆนานาว่าทำไหมพ่อผมถึงปิดบังมันไว้
อย่าว่าเลย...ประวัติศาสตร์แบบนี้ไม่มีสอนในห้องเรียนธรรมดาอยู่แล้วนอกจากจะเป็นห้องเรียนฮีโร่แบบนี้... ไม่สิ! ไม่ไม่น่าถูกหยิบยกมาเล่าสอนแต่แรกอยู่แล้วด้วย!
หรือว่า...!?
หัวนึกได้ขึ้นมา ถึงใบหน้าของคนที่คาดว่าจงใจให้ผมได้รับรู้มัน...
"...จิคุ..."
____________________________________________________
ไม่ต้องกักเอาไปเลยสะเทือนไตกันนิดหน่อย ช็อคสำหรับคนที่ไม่ได้อ่าน2ภาคก่อน แล้วให้รู้ว่าความโกงของพระเอกภาค2อย่าง "จิคุ/ชิคุ" แมร่งเทพเกิน~! 20รุมแค่เคาะพื้นทีเดียวก็ร่วงกันแล้ว ไหนจะการเข้าถึงการ "กำราบ" ที่มีผลให้อัตลักษณ์ไม่ถูกแทรกแซงอีก ไม่พอพี่แกยังเป็นAFOคนปัจจุบันด้วยอีก คูณความโกงไปอีกหลายต่อหลายช่วง อยู่คนละโลกกับพวกเด็กๆเลย
และที่แน่ๆเลยความหน้าหมั่นไส้และเท่ รวมอยู่ที่จิคุหมดแล้ว
คือความเร็วของจิคุที่ใช้เพียงอัตลักษณ์ที่ตัวเองติดตัวมาแต่เกิดคือ ความเร็วแสง แต่ปัจจุบันมีอัตลักษณ์ของภรรยาผู้ล่วงลับ "ผู้หญิงที่ควบคุมขีดจำกัดจนทำให้พ่อสปีทเตอร์กลายเป็นเต่าในสายตาของเธอได้น่ะ" กลายเป็นเร็วจนหลุดออกจากมิติที่เวลาไปไม่ถึงได้แล้ว
ซึ่งมันคือพลังที่ยังไม่เอาจริงด้วยซ้ำ "มรึ่งมันปีศาจรึไงวะชิคุ" แต่อย่างว่าพวกตัวเทพๆผมจะไม่ได้เอามาออกบ่อยหรอก อย่างคนที่เทพสุดในภาคก่อนก็กลายมาเป็นอาจารย์ประจำชั้นภาคที่แล้วด้วย
ก็มีแค่นี้แหละ หวังว่าจะแจกความเท่าเทียมให้นะ "เละกันทุกคนเลย" โดยเฉพาะทาเครุที่ใจสลายสิ้นหวังในทันตา ยังไงก็คอมเมนต์พูดคุยมาได้นะ ขอตัวก่อนละ!
ความคิดเห็น