ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหาเวทผนึกมาร(JJK)(Jujutsu Kaisen)xOC ความทรมานของคำสาปแห่งโกโจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ความทรมานที่1 เกิดมาเป็นคำสาป

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 65


    ความสัมพันธ์ของลูกสาวของตระกูลโกโจ กับลูกชายของตระกูลคาเงโมะ ได้สร้างตัวตนของผมขึ้นมา

    เด็กทารกตัวน้อยผิวสีขาวสนิทที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวผมสีขาว ขณะที่เธอคนนั้นกำลังอยู่บนหน้าผา ที่ด้านล่างนั้นเป็นแหลมหินกลางทะเล 

    "หม่าม้าขอโทษ..."

    เสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าพร้อมน้ำตาที่ไหล่ลงมาอาบแก้มของเธอคนนั้น

    หญิงสาวจากตระกูลนักไสยเวท ที่แข็งแกร่งที่สุด ฝืนใจตัวเองอย่างหนักกับชีวิตน้อยๆที่แสนจะอ่อนแอในอ้อมแขนของเธอนี้

    ชายผมสีดำที่เดินเข้ามาใกล้กับตัวของเธอคนนั้นเข้ามาโอบกอด เธอจากทางด้านหลังพร้อมทั้งน้ำตา

    "เปโกะ พอเถอะนะ...อย่าโยนเด็กคนนั้นลงไปเลยนะ เด็กคนนั้นคือลูกชายของพวกเรา เธอเองก็คงไม่อยากจะทำมันลงไปสินะ"

    "แต่ว่า...ถ้าไม่ทำละก็..."

    หญิงผมสีขาวยาวฮิเมะคัต เม้มริมฝีปากตัวเอง ในใจเธอนึกเจ็บแค้นอย่างหนักที่เธอนั้นจะต้องลงมือปลิดชีพของเด็กคนนี้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ

    เธอพยายามดิ้นตัวออกไปจากอ้อมแขนของชายที่เธอรัก แต่ตัวเขาก็ได้รั้งตัวเธอไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหน และกอดหลังเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ

    "ขอร้องละ อย่าฆ่าเด็กคนนั้น...อย่าฆ่าลูกของพวกเรา ถ้าเธอไม่ต้องการที่จะทำละก็ ฉันจะพาเด็กคนนี้ไปเลี้ยงเอง ฉันจะดูแลเด็กคนนี้...จะดูแลเด็กคนนี้ให้ดีเอง!"

    "..."

    เธอหยุดดิ้นไปเพราะคำพูดนั้นของชายที่เธอรัก ใบหน้าที่เศร้าหมองนั้นระบายน้ำตาออกมา 

    "แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้น...พวกเราก็จะ..."

    "ไม่เป็นไร...ฉันรู้ดี...แต่เพื่อเด็กคนนี้ เปโกะ...เชื่อในตัวของฉันเถอะนะ"

    และจากนั้นตัวของเด็กทารกคนนั้นก็ได้ถูกนำพาออกมาจากตระกูลโกโจ และมาอยู่ที่บ้านคาเงโมะ พร้อมกับพ่อของตัวเด็กคนนั้น แต่ว่าแม่ของเขานั้นไม่ได้มาด้วย และต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นด้วยความอัปยศอย่างถึงที่สุด ที่ให้กำเนิดตัวของคำสาปอย่างเด็กคนนั้นขึ้นมา


    ทั้งหมดนั้นคือตัวผมเอง...

    คาเงโมะ ยามิ นั้นคือชื่อของผมเอง 

    ผมเกิดมาพร้อมกับพลังประหลาด บางอย่างที่คนทั่วไปนั้นไม่ค่อยมีกัน ผมสามารถมองเห็นวิญญาณพวกผีหรือปีศาจได้ตั้งแต่เด็ก แถมที่สำคัญเลย

     สะสารสีดำไหลเข้าผ่านร่างแขนของผมในวัย7ขวบพลังประหลาดนี้ถูกเรียกว่า "ความมืดว่างเปล่า" เป็นความสามารถที่ทำให้ผมถูกเรียกจากตระกูลโกโจฝั่งแม่ว่า "คำสาปสีดำ" 

    ถึงแม้ว่าผมจะออกมาจากตระกูลของฝั่งแม่ของผมแต่ว่า ตัวของผมและพ่อก็สามารถเข้าเยี่ยมได้ในทุกๆ3เดือน และต้องเป็นวันมงคลของทางตระกูลเท่านั้นด้วย


    อายุ10ขวบ...

    "ยาจัง!"

    แม่ของผมในชุดกิโมโนสีชมพูสลับลายดอกไม้ พุ่งเข้ามากอดผมทุกๆครั้งที่ผมเข้ามาในห้องส่วนตัวของเธอ ที่เป็นทรงญี่ปุ่นโบราณ

    "คิดถึงหม่าม้าไหม? หม่าม้าคิดถึงยาจังที่สุดเลยนะ"

    "หม่าม้า"

    ผมเอามือน้อยๆทั้ง2ข้างนี้ลอดกอดใต้แขนเธอไปตามนั้น 

    อ้อมกอดของแม่ผมเองก็คิดถึงมันเหมือนกัน น้ำตาแห่งความสุขมันไหล่ออกมาทุกๆครั้งที่ได้เจอหน้าของเธอ 

    ผมอยากให้แม่ของผมได้มาอยู่กับพ่อของผมตามเดิมมากๆ สิ่งที่ผมต้องการมีแค่นั้นเท่านั้น

    ขณะที่ตัวของผมนั้นกำลังจะได้คุยกับแม่ได้มากกว่านี้ ชายหัวขาวที่ใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาของตัวเองไว้ก็ขึ้นทักผมขึ้นมาที่หน้าทางเข้าประตู

    "ไงยาจังไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ"

    "คุณอาซาโตรุ?"

    ผมหันหลังกลับไปทักญาติของแม่ผมที่อายุน้อยกว่า10ปีได้ คนคนนี้ถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลโกโจของแม่เป็นคนต่อไป แล้วยังสนิทกับผมอยู่พอควร 

    ตึก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ... เสียงฝีเท้าดังต่อเนื่องแล้วบานประตูก็เลื่อนเปิดขึ้นมาทำให้เห็นกิโมโนชายสีเนื้อส้มขากระโปงสีดำในร่างของเด็กน้อยวัย5ขวบ ซึ่งนั้นก็คือน้องชายของผมเอง

    ดวงตาเปล่งประกายสีดำ เหมือนแร่นิลมองตื้นตันใจมาที่ตัวผมที่หันไปทางเด็กคนนั้นด้วยน้ำตาที่เก็บไว้ไม่อยู่

    "ฟูมะ..."

    "พี่ครับ!"

    น้องชายหัวขาวคนนั้นตั้งท่ารีบวิ่งเข้ามาหาผมกระโจนพร้อมเข้ากอดด้วยความดีใจ "พี่ครับ!" ผมรับน้องชายตัวน้อยที่อายุห่างจากผม5ปีไว้ได้ พร้อมขานเรียกด้วยความดีใจที่ไม่แพ้กัน 

    "ฟูมะ! สบายดีอยู่ใช่ไหม?"

    "ครับ! คิดถึงพี่มากๆเลยด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนิครับ"

    น้องชายที่เกิดมาได้รับการเลี้ยงดูที่ดีผมก็ดีใจมากพอแล้ว ผมยิ้มกลับน้องชายที่นิสัยร่าเริงคนนี้ไป เด็กคนนี้เป็นลูกของแม่แล้วก็พ่อของผมเหมือนกับผม แล้วก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดของโกโจ เหมือนกับคุณอาซาโตรุด้วยคน

    "อะแห่ม! โกโจ ฟูมารุคุงยังต้องมาซ้อมกับคุณอาซาโตรุคนนี้อยู่ครับ"

    "เห่~! คุณอาผมอยากเล่นกับพี่ยามิเขาก่อนนะ ไว้ทีหลังก่อนได้ไหมครับ?"

    "ไม่ได้ ๆ เสียใจด้วยนะสัญญากับท่านตามาแล้วไม่ใช่เรอะ?"

    สิ่งที่ชายในแว่นดำพูดนั้นทำให้น้องชายในวัย5ขวบของผมสะอึกไป แต่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าสัญญาก็ต้องเป็นสัญญาทำให้สำเร็จ

     ใบหน้าเศร้าใจของน้องชายนั้นส่งมาให้กับผม เพราะมันหมายความว่าผมและฟูมะจะไม่ได้เล่นด้วยกันอีกแล้วเป็นเวลา3เดือน

    "พี่ครับ ผมขอโทษนะ"

    "ไม่เป็นไรหรอกน่าฟูมะ พี่ผิดเองแหละที่เลือกมาวันนี้น่ะ"

    "แต่ว่าผม..."

    ใบหน้าหยักขึ้นมาน้ำตาที่ข่มมาเริ่มปลิบออกมา ผมก็เลยเอามือวางบนหัวของน้องชายคนนี้ไป แล้วปลอบใจเด็กน้อยคนนี้ไป

    "พี่เองก็อยากให้ฟูมะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลนะ ถึงวันนั้นพวกเราจะได้กลับมาเล่นด้วยกันทุกวันเลยไงละ"

    คำพูดอวยน้องชายของผมทำให้ตัวเด็กคนนั้นทีกำลังใจมากขึ้นมา แล้วตัดสินใจ พูดกับผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกันไป

    "ผมจะเอาชนะคุณอาซาโตรุแล้วพาพี่กับท่านพ่อกลับมาที่ตระกูลโกโจให้ได้! ผมสัญญา!"

    ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนั้นทำให้ผมนั้นรู้สึกที่จะมีความหวังมากขึ้น แล้วผมก็ฝากความหวังนั้นไปให้กับน้องชายคนนี้ของผม ให้โตขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลตามที่ตัวเองนั้นต้องการ

    จากนั้นตัวผมก็จำใจลาจากน้องชายคนนี้ไปแล้วอยู่คุยกับแม่ของผมไปอย่างเหงาหงอย 


    ส่วนที่โรงเรียนเองก็...

    ผมแต่งตัวปิดสนิท ใส่แมสแว่นดำ สวมเสื้อแขนยาวมีฮูทปิดหน้าสวมถุงมือสีดำครอบเอาไว้ โดยที่พ่อจะบอดว่าผมป่วยเป็นภูมิแพ้อากาศเลยต้องใส่แบบนี้เอาไว้ 

    แน่นอนว่าผมถูกมองในฐานะตัวประหลาดประจำห้องอย่างเลี่ยงสายตาไม่ได้

    "นี่ๆ ยามิทำไหมนายใส่ปิดขนาดนั้นกันละ?"

    เด็กผู้ชายหัวลูกพีชสีเนื้อชมพู ทรงอันเดอร์คัต อิตาโดริ ยูจิเข้ามาทักผมหลังจากที่ชวนผมคุยไปสักพักขณะที่กำลังกินข้าวเที่ยงอยู่

    "ก็เพราะว่าฉันแพ้อากาศไงเล่า"

    ผมก้มหน้าก้มตากินข้าวหลบหน้าตัวของหมอนั้นไป ซึ่งตัวหมอนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วก็กินข้าวไปเงียบๆในโรงอาหารนี้

    ชีวิตในโรงเรียนผมค่อนข้างเหงาเลยถ้าไม่มีหมอนี้มาทัก เพราะมีหลายๆคนชอบมโนไปว่าผมเป็นโรคติดต่อ อาจจะมาแพร่เชื้อได้ทั้งที่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด

    "นี่นั้นมันยูจิไม่ใช่เรอะทำไหมไปคลุกคลีอยู่กับยามิได้ละ ไม่กลัวติดโรครึไง?"

    "นั้นน่ะสิ ฉันไม่เอาด้วยหรอกแบบนั้นน่ะ"

    เสียงนินทามากมายนั้นผมได้ยินมันมาบ่อยจนชินชาไปหมดแล้ว เพราะว่าตั้งแต่ที่ตระกูลโกโจ หรือว่าที่โรงเรียนเองก็ไม่ต่างกัน 

    แค่ผมเกิดมาต่างกับคนอื่น ผมเลยต้องมาลงเอยแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามันปกติที่ผมต้องเกิดมาแบบนี้ เพราะว่าอย่างน้อยๆผมก็ยังพอมีความสุขได้อยู่ดี

    พอทานอาหารเสร็จแล้วตัวผมก็เข้ามาเรียนตามปกติโดยที่ที่นั่งของผมนั้นก็ว่างไม่มีใครมานั่งด้วยเลยสักคนเดียว ทุกคนต่างเว้นที่ว่างนั่งห่างจากผมไว้กันหมด

    ผมโดดเดี๋ยวมาแบบนี้ทุกข์ทนจนไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรอีกแล้ว 

    วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปนั้นผมรู้สึกแบบนี้มาตลอด เหงามาตลอด ทุกๆครั้งที่มีความสุขนั้นก็คือตอนที่ได้ไปเจอแม่แล้วก็น้องชายผมทุกๆ3เดือน

    แต่แล้วก็มีดวงใจเล็กๆที่เริ่มที่จะเต้นขึ้นมา

    "ยินดีที่ได้ร้จักน๊ะ! ฉันเท็นโกคุ ฮิคาริ! จะมาเป็นเจ้าสาวให้กับคาเงโมะ ยามิตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเองค่ะ!"

    หญิงสาวผมยาวสีทองท่าทีติดเล่น เข้ามาทักทายผมที่ปิดเนื้อปิดตัวสนิท ขณะที่ผมกำลังมานั่งเหงาหงอยอยู่ที่โรงฝึกอยู่คนเดียว

    "หา? เจ้าสาว? หมายความว่ายังไง?"

    ผมถามกลับเธอไป แต่ไม่นานนักเธอก็ได้คลานตัวเข้ามาหาตัวผมจ้องหน้าไปมา เอียงคอสงสัยเล็กๆ ทำเอาผมนั้นร้อนตัวจนเผลอไล่เธอไปว่า "ออกไปได้แล้ว!" ซึ่งเธอก็รีบทำตามเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างเรียบง่ายไป

    "ขอโทษนะพอดีว่าฉันรู้สึกตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงในฐานะภรรยา ฉันเรียนรู้มาหลายๆอย่างมากๆเลย รับรองว่าจะทำให้เธอพอใจได้แน่ ฝากตัวด้วยนะยาคุง"

    "เห่อ~..."

    ผมที่อยู่ในสภาพปิดตัวถอนหายใจออกมากับเธอคนนี้ ซึ่งเท่าที่ผมรู้มาก็คือ ทางตระกูลโกโจต้องการผูกสัมพันธ์กับตระกูลของเธอมา แต่ก็ไม่อยากเสียทายาทอย่างฟูมารุน้องชายผม เลยเลือกเป็นผมที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแถน และนั้นก็ทำให้ทางนั้นส่งตัวเธอมาผูกสัมพันธ์ด้วย

    แต่ว่าใช่คำว่าสามีภรรยามันดูเกินวัยไปหน่อย ไหมเนี่ย?

    "ฮะ...ฮะ "

    เธอหัวเราะหน้าตายออกมาแบบนั้น ยังกับเป็นหุ่นเชิดก็ไม่กลายเลย หรือว่าเป็นนิสัยประหลาดของเธอก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆเลยตอนนี้

    ที่ด้านหลังของเธอมีตัวประหลาดขนาดยักษ์มีขนคล้ายลิงสีขาวเผือก ที่ฟันกรามของมันยืดออกมาด้านหน้าพร้อมเขี้ยวอันแหลมคม กับดวงตาดุร้ายอย่างกับเดรัจฉาน จ้องมองมาทางผมคล้ายอยากจะกินเลือดกินเนื้อผมเหลือเกิน

    ผมมีเคล็ดลับอยู่อย่างนึงเวลาเจออะไรพวกนี้ เพราะว่าพวกคำสาปหรือว่าพวกวิญญาณร้ายมันมักจะไม่รู้ว่าเราเห็นมัน เพราะนั้นก็ง่ายๆเลยนั้นก็คือ

    เมิน...

    ผมตั้งโฟกัสทางสายตาไปทางเธอที่กำลังพูดไม่หยุดเกี่ยวกับสรรพคุณในฐานะภรรยาของเธอว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน

    จนบางทีผมก็มีแอบรำคาญยัยนี่เหมือนกัน

    "ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว"

    ผมพูดออกไปแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเพื่อที่จะทำตามคำพูดนั้นของผม 

    "ฉันเตรียมน้ำร้อนไว้ให้แล้วนะ เชิญอาบได้ตามสบายใจเลยนะยาคุง"

    เธอทักขึ้นมาขณะนั่งบนขาตามสไตล์คนมีมารยาทตามชุดกิโมโนลายเนื้อผ้าสีเขียวสลับน้ำเงินแดง 

    ผมหันไปเลี่ยวมองเธอสักพักก่อนที่จะชั่งใจ เดินเข้าห้องน้ำไปแล้วก็พบว่ามันเป็นตามที่เธอพูดไว้ไม่มีผิด 

    ผมถอดเสื้อลงแช่อ่างอาบน้ำไปคิดทบทวนเรื่องต่างๆตลอดนี้มาอย่างเพลียใจ

    ให้ตายสิน่า...













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×