คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 :คำโกหกที่หวังดี
ในโลกที่พลังพิเศษที่ทุกๆคนในโลกกว่า70%คือผู้มีพลังนั้นเหนือมนุษย์ จนเป็นเรื่องปกติของสังคมโลก ที่สิ่งที่เรียกว่า "อัตลักษณ์" จะเกิดและปรากฎมาตอนอายุราวๆ4ขวบ
ผมทาคิสึ ฮาจิเมะ... ถ้าจะให้พูดละก็ ผมเองก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนนึงที่เกิดมาในโลกใบนี้ พร้อมกับน้องสาวฝาแฝดที่คลานตามกันมาไม่กี่นาที
ผมและน้องสาวมีสีผมสีฟ้าและดวงตาสีน้ำตาลเหมือนกันกับพ่อของพวกเรา
ครอบครัวของพวกเราค่อนข้างที่จะมีฐานะอยู่พอสมควรเลย มีบ้านหลังใหญ่3ชั้น ที่เป็นบ้านหลังเดี่ยว ภายในห้องประดับไปด้วยของหายากจำนวนมากมายที่อยู่ในบ้านนั้น เพราะว่าพ่อของผมเป็นนักทุระกิจรายใหญ่ที่ประสบความสำเร็จพอควร แถมยังเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าหลายแห่งอีกด้วย
"ฮาจิจัง ช่วยเอานี่ไปส่งที่โต๊ะแม่หน่อยนะ เดี๋ยวถ้าส่งแล้วพวกเราจะออกไปด้านนอกนะ"
"ครับ!"
ผมที่อายุ4ขวบวันนี้ได้รับเอกสารที่แม่ผมยื่นมา แล้วก็หันกลับไปด้านหลังแล้วก็เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นของตัวบ้าน คล้านขึ้นบรรไดไปตามภาษาเด็กเนื่องด้วยว่าขาสั้น
"พี่ฮาจิเมะ!"
".........?"
ผมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียกของน้องสาวฝาแฝดที่คุ้นเคย ดวงตาของเธอนั้นจริงจังอย่างมากพร้อมกับยื่นมือขวาของเธอมาทางผม
"เอกสาร หนูเอาไปส่งเองนะ"
"อื้ม!"
ผมพยักหน้ากลับไป มือสั้นๆของผมยื่นกระดาษไปแผ่นนึงจาก2แผ่นให้เธอแล้วพวกเราก็ปีนขึ้นบรรไดไปด้วยกัน จนวางเอกสารบนโต๊ะของคุณแม่ได้สำเร็จ
วันนี้ท่าทีของนานามินั้นดูดีใจผิดแปลกไปจากปกติเล็กน้อย วันนี้เธอดูดีใจเอามากๆแล้วก็ตื่นเต้นแบบสุดๆกับวันเกิดครบรอบ4ปีของพวกเรา
"พี่ค่ะ! วันนี้หนูจะมีอัตลักษณ์แล้วใช่ไหมค่ะ!"
"อื้ม! ใช่แล้วละอยากรู้แล้วสินะว่าจะมีอัตลักษณ์อะไรน่ะ"
"ค่ะ! ฮิ ๆ"
เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงแล้วจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเรียกออกมาจากด้านล่างที่เป็นเสียงของคุณแม่ดังมาว่า "เด็กๆ ลงมาด้านล่างได้แล้วนะ" สิ้นเสียงนั้นพวกเราก็เดินลงบรรไดไปแบบเร่งรีบ เพราะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของผมและก็ของนานามิ
ผ่านไป3ชั่วโมง...
ตอนนี้ผมกับนานามิและก็คุณแม่ได้มานั่งรอผลตรวจอยู่ทางด้านนอก พร้อมกับทำเพลงอย่างสนุกสนาน และมีความสุขด้วยกันกับเพลงที่ร้องไปด้วยกัน
จนกระทั่งหมอได้เรียกให้เข้าไปพบด้านในห้อง เพื่อแต้งผลตรวจให้ทราบพร้อมกันทั้ง3คน และจากนั้นหมอเค้าก็หันมาแจ้งกลับผมอย่างยินดี
"ดีใจด้วยนะฮาจิเมะคุง เธอน่ะมีอัตลักษณ์ที่ดีนะชื่ออัตลักษณ์ก็คืออิเล็คตรอนเลเซอร์นะ"
"อิเล็คตรอนเลเซอร์..."
ผมพึมพำออกมาแล้วเริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าหน้าของผมตอนนี้นั้นมันชาขึ้นมา เพราะว่าชื่อของอัตลักษณ์มันเท่มากจนผมนั้นรู้สึกดีใจแบบสุดๆแบบบอกไม่ถูกเลย
"แล้วคนน้องละค่ะ"
แม่ผมถามออกมาอย่างตื่นเต้นแล้วก็ลุ้นแบบสุดๆ ซึ่งหมอของเค้าก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที มันเต็มไปด้วยความหนักใจกับคำพูดที่จะพูดออกมา และสีหน้านั้นทำเอาผมแล้วก็อีก2คนนั้นใจหายตามไปด้วย
หมอเค้าลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนที่จะนั่งย่อตัวลงกับพื้นต่อหน้าน้องสาวฝาแฝดของผม
"นานามิจังเสียใจด้วยนะเธอไร้อัตลักษณ์"
"...........!?"
แววตาของน้องสาวฝาแฝดผมเบิกกว้างขึ้นพร้อมน้ำตาของเธอกับสิ่งที่โหดร้ายที่ได้รับฟัง
นานามิเป็นในอีก30%นั้น...เธอไร้พลังแต่กำเนิด และมันไม่สามารถเปลี่ยนความจริงนั้นได้
ความฝันที่จะเป็นฮีโร่ของเธอ...
มันจบลงไปแล้ว...
กลับมาที่บ้าน
หลังจากที่ตรวจอัตลักษณ์ไปในวันนั้นแล้ว นานามิก็ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวัน เธอนั้นไร้พลังในโลกใบนี้ เธอนั้นเคยคิดไว้ว่าอยากจะเป็นฮีโร่ แต่ว่าตอนนี้เธอคงทำไม่ได้แล้วละ
ผมได้แต่นั่งลงบนเตียงมองดูน้องสาวฝาแฝดนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงเดียวกันกับผม ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเธอตอนนี้เลยจนกระทั่งเธอได้ทักผมมา
"...พี่ฮาจิเมะ~...หนู...หนู...ไร้อัตลักษณ์...ทำไหม ทำไหมล่ะ?...ฮึก~...ฮือ!!~~...."
"นานามิ...พี่"
ผมพยายามที่จะทำให้เธอดีขึ้นแต่ว่าผมก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไปจากนั้น ได้แต่มองดูน้องสาวของผมเป็นแบบนั้น มองดูน้องสาวที่ตัวเองนั้นรักเจ็บปวดกับความจริงแบบนั้น
ประตูห้องของพวกเราได้เปิดออกมา คุณแม่ได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมกันกับรอยยิ้มที่ส่งผ่านมาทางใบหน้าของเธอ เธอนั้นเข้ามาหาตัวของนานามิที่ยังซึมอยู่
"นานะจังไม่ต้องร้องไห้นะ! อะอันนี้แม่ให้นะ!"
แม่ยื้นอมยิ้มอันนึงให้กับนานามิ เธอรับมันเอาไว้ถึงแม้จะมีน้ำตาไหล่ขี้มูกโป่งอยู่ก็ตาม ผมที่เฝ้าดูอยู่ก็ได้แค่มอง แล้วก็มองดูอย่างเดียว
มองดูแม่ผู้อ่อนโยนคนนั้นปลอบใจลูกสาวของเธอเองไป ถึงแม้มันจะยังไม่มากเท่าไหร่แต่ว่านานามิเองก็เริ่มหายซึมหน่อยๆแล้ว
เวลาที่ใครกำลังร้องไห้แม่ของผมน่ะจะเข้าไปช่วยเสมอ และตลอดมาเธอก็เลี้ยงดูแลผมในส่วนของพ่อที่ไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันกับพวกเราเท่าไหร่นัก ผมนับครั้งได้เลยว่าผมเจอคุณพ่อเดือนละ4ถึง5ครั้งเท่านั้นเอง
แต่แม่ก็บอกผมไปว่า "คุณพ่อเค้านะไม่ว่างหรอก แต่ว่าคุณพ่อเค้านะรักลูกทุกคนเหมือนที่แม่รักลูกอยู่แล้วละ" แบบนั้นตลอด และนั้นมันก็เป็นเหตุผลง่ายๆที่ว่าทำไหมผมถึงไม่ค่อยถามเรื่องพ่อกับแม่อีกเลยว่าท่านจะกลับมาเมื่อไหร่
กริ๊ง~! เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นมา ผมรีบปีนขึ้นไปบนโต๊ะอย่างคล่องตัวพร้อมกับเปิดหน้าต่างออก
ภาพที่สายตาคู่นี้ของผมมองอยู่ก็คือคุณพ่อที่ตอนนี้นั้นเค้ากลับมาที่บ้านแล้ว พร้อมกันกับกล่องเคกวันเกิดครบรอบ4ปีของผมและนานามิด้วย
"คุณพ่อมาแล้ว!"
"ห๊ะ?"
นานามิที่นั้นดูดอมยิ้มอย่างซึมๆอยู่นั้นก็หันควักมาทางผมด้วยใบหน้าที่สลดลงมาเนื่องจากว่าเธอกลัวที่จะบอกเรื่องของวันนี้
คุณแม่อุ้มตัวผมลงจากโต๊ะแล้วเอามานั่งบนไหล่ขวาของเธอ ส่วนนานามิเองก็โดนคุณแม่อุ้มไว้ทางไหล่ซ้าย แล้วจากนั้นเธอก็พาพวกเราลงไปด้านล่าง ไปพบพ่อของผมกับนานามิ
"คุณพ่อครับ!"
ผมลงจากตัวคุณแม่ลงไป พ่อผมรับผมเอาไว้ได้ทันพอดีก่อนที่จะยิ้มส่งมาทางผมและนานามิที่ยังฝืนยิ้มออกมาอยู่
"วันนี้เป็นยังไงบ้างเรอะฮาจิเมะ นานามิ"
คุณพ่อถามออกมาพร้อมกับวางตัวผมลงกับพื้น คุณแม่เกิดลำบากใจขึ้นมา เธอก้มหน้าลงไปนิดนึงพร้อมกับพูดออกมาอย่างเศร้าๆ
"ฮาจิจังมีอัตลักษณ์ แต่ว่านานะจังเค้า..."
แม่เค้าเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา นานามิเองก็ด้วยเธอนั้นเอาแขนสับน้ำตาตัวเองพร้อมกับร้องไห้ฟุมฟาย ด้วยความเสียใจของเธอเอง
"นานามิไร้อัตลักษณ์สินะ..."
พ่อผมพึมพำออกมาก่อนที่เค้าจะตรงเข้าไปหาทั้ง2คนนั้นโดยที่ตัวผมนั้นยื่นตัวแข็งอยู่แบบนั้น ก่อนที่จากนั้นพ่อผมจะกอดทั้ง2คนนั้นด้วยความรักของเค้า
"".........""
"ไร้อัตลักษณ์แล้วมันทำไหม ยังไงซะพ่อก็รักลูกสาวคนนี้ของพ่ออยู่แล้ว...ใช่ไหมล่ะมิกะพวกเรานะรักนานามิไม่เคยเปลี่ยนใช่ไหม?"
เสียงอันแสนที่คล้ายคลึงกับผมพูดออกไปให้กับ2คนนั้น มันเป็นกำลังใจที่ทำให้นานามินั้นหยุดร้องไห้ได้ และมันก็เป็นคำส่งต่อบอกถึงจิตใจที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของคุณแม่อีกด้วย
คุณพ่อเนี่ย...รักพวกเราจริงๆสินะ...ผมคิดออกมาแล้วหลังจากนั้นงานฉลองครบรอบวันเกิดที่มีทั้งความเศร้าและความสุขที่สุดของนานามิและผมจะจัดขึ้นมา
ทั้งวันนั้นไฝคือความสุข ทั้งวันนั้นทุกคนยิ้มออกมาไดเถึงจะมีคราบน้ำตาอยู่ก็ตาม
เช้าวันต่อมาที่โรงเรียนอนุบาล...
"ฮาจิเมะกับนานามินิหน่า!"
เพื่อร่วมห้องอนุบาลของผมทักขึ้นมาพร้อมกับร้อยยิ้มที่พวกเราทั้ง2คนนั้นมาถึงที่โรเรียนอนุบาล แห่งนี้แล้วแต่พอผมก้าวขาออกไปนั้นแหละ
"อิสุคุเนี่ยเดกุจังเลยนะ!"
"คัตจังผมนะ..."
ผมกับนานามิที่จูงมือไปด้วยกันหันไปตามเสียงที่ว่านั้นทันที แล้วก็เห็นเด็กผู้ชายหัวเม่นสีส้มครีมกับแก็งค์ของเค้าอีก2-3คนกำลังแกล้งเด็กผู้ชายหัวสีเขียวทรงสาหร่ายอยู่ทางหน้าห้องของห้องเรียนข้างๆของผม
ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกเพราะว่ามันเป็นแบบนั้นทุกทีอยู่แล้วที่ผมเห็น2คนนั้นอยู่บ่อยๆ แล้วก็ลงเอยแบบนั้น
"นี่คัตสึกิคุง! เลิกแกล้งอิสุคุคุงได้แล้วนะ"
ครูสาวประจำชั้นของพวกเค้านั้นเข้าไปห้ามการกระทำนั้นของเด็กหัวเม่นนั้นทันที ผมเองก็คิดอยู่หรอกว่า"ทำไหมมันวุ่นวายกันจัง" แต่ว่าผมก็ไม่สนใจอะไรก่อนที่จะจูงมือนานามิที่จ้องเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับกัดฟันออกมาด้วยความโกธรเข้าห้องเรียนไปพร้อมกันกับผม
"ฮาจิเมะคุงกับนานามิจังเมื่อวานนี้ก็วันเกิดยินดีด้วยนะ"
"ครับ!" "ค่ะ!"
สิ้นเสียงขาลรับของพวกผมไปแล้วเพื่อนๆในห้องผมหลายคนก็พูดทักขึ้นมา บางคนก็ว่า"ยินดีด้วยนะ"แต่ส่วนใหญ้แล้วจะพูดออกมาว่า "แล้วอัตลักษณ์ล่ะ"
""..........!""
พวกเราที่นั่งข้างๆกันเบิกตาขึ้นมาหันไปรอบๆตัวของพวกเราที่ตอนนี้สายตาของทุกๆคนรวมถึงครูประจำชั้นเองก็ด้วย
ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอ "อึก!"พร้อมกับนานามิที่เริ่มจะเหงื่อตกลงมา แต่ว่าผทเองก็หยิบยางลบก้อนนึงของผมมาวางไว้ที่พื้นอย่างอายๆนิดหน่อย
"เอาล่ะ..."
ผมพูดกับตัวเองก่อนที่ผมจะข่มตาตัวเองลงตั้งสมาธิของตัวเอง...
ปล่อยมันออกมา...สิ้นความคิดของผมนั้นลูกบอลสีเขียวขนากเท่าฝ่ามือผมก็ปรากฎขึ้นมาลอยอยู่บนหัวของผม ทุกๆสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ผมกันหมดรวมถึงนานามิด้วย
ผมจับบอลที่อยู่บนหัวผมมาไว้ที่มือซ้าย และนั้นก็ทำให้เด็กทุกคนในห้องนับสิบคนเข้ามาล้อมรอบตัวผม จนทำให้ผมลนหนักขึ้นไปอีกแต่ก็หลับตาลงไปทำสมาธิแล้วจากนั้นผมก็เลื่อนฝามือข้างนั้นที่ส่องแสงสีเขียวจากบอลอัตลักษณ์ของผม กดทับยางลบก้อนนั้นไปแล้วจากนั้น
กรึบ~! ยางลบนั้นก็ได้กลายเป็นฝุ่นแล้วก็สลายไปในบอลสีเขียวนั้นของผม ทุกๆคนจ้องออกมาอย่างตื่นตกใจกับฃาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทุกสายตาและลมหายใจของทุกคนนั้นพ่นออกมาพร้อมๆกันแล้วคำชื่นชมว่า "สุดยอด!"จะดังออกมาจากปากของพวกเค้า
"ฮาจิเมะนายเนี่ยสุดยอดเลยนะเนี่ย!"
เพื่อนผู้ชายหลายคนพูดออกมาเป็นแนวเสียงเดียวกัน และนั้นก็ทำให้ผมนั้นเขินออกมานิดๆจนเกาแก้มของตัวเองแก้เขินไปแบบลืมตัว
"แล้วนานามิจังละ..."
ครูประจำชั้นผมทักขึ้นมาหาน้องสาวฝาแฝดของผม และนั้นก็ทำให้ผมแถออกไปว่า "นานามิเค้าอัตลักษณ์ยังไม่ตื่นน่ะครับ" และนั้นก็ทำให้ทุกๆคนก็พูอออกมาเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้งว่า "นั้นเรอะน่าเสียดายนะ" ซึ่งมันก็ทำให้ผมนั้นเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย
"พี่ค่ะ..."
นานามิพูดออกมาเบาๆ ผมหันไปหาเธอและนั้นก็ทำให้ผมเห็น...น้ำตาเล็กๆที่เล็ดออกมาจากดวงตาของเธอ
ผมไม่ได้ทำให้เธอร้องไห้หรอกนะ ผมพยายามที่จะปฏิเสธสิ่งนั้นไปแต่ว่าผมนั้นก็รู้ตัวดี ว่าผมนั้นพูดโกหกออกไป พูดโกหกเพื่อมอบความหวังที่เป็นไปไม่ได้ให้กับเธอไป
แต่ว่าผมอยากให้นานามิมีอัตลักษณ์กับคนอื่นบ้าง ถ้าสามารถแลกอัตลักษณ์ได้ผมน่ะยินดีที่จะให้กับน้องสาวเพียงคนเดียวของผมคนนี้
"นานามิพี่ขอโทษ..."
ผมพูดออกไปหาเธอก่อนที่จากนั้นผมและเธอก็จะได้เรียน เล่น กินข้าว นอนกลางวัน เรียน แล้วก็กลับบ้านไปโดยที่วันนี้เองนี่ ผมน่ะคิดไปว่า "นานามิน่ะต้องมีอัตลักษณ์แน่ๆ" ซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งวันนั้น
จนตอนนี้ผมกับนานามิก็ได้เข้ามาอาบน้ำด้วยกัน พร้อมกับคุณแม่ และคุณพ่อที่ดูเหมือนว่าจะกลับมาอย่างเหนื่อยๆเลย
ห้องน้ำของที่บ้านผมจะเรียกว่าโรงอาบน้ำก็ได้ เพราะว่าส่วนให้แล้วมันจะเป็นบ่อแช่น้ำขนาดใหญ่มากกว่า ผมในตอนนี้เองก็ได้คุณแม่มาขัดหลังผมให้เหมือนกันกับทุกที
"ฮาจิจังวันนี้ลูกหาเพื่อนได้กี่คนเรอะ"
"2คนครับ"
ผมตอบคำถามนั้นของแม่ผมไปทุกที มันเป็นคำถามตอนที่แม่จะพูดกับผมตอนอาบน้ำให้กับผมหรือนานามิเองก็ด้วย แต่วันนี้จะพิเศษหน่อยนึงที่ผมได้คุยคนเดียวกับแม่ของผม
"อย่างนั้นเรอะ ฮาจิจังเนี่ยหาเพื่อนเก่งจังเลยนะ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ..."
"ไม่หรอก ฮาจิจังของแม่น่ะเก่งมากเลยนะ"
แม่ชมผมกลับมาแบบนั้นพร้อมกับยกขันอาบน้ำมาราดน้ำผมจนฟองขาวได้ลงไปสู่ท่อระบายน้ำบนกระเบื้องสีส้นอ่อนนี้ แต่ว่าสิ่งที่โดนระบายออกไปนั้นมันไม่ใช่แค่ฟองสบู่นั้นอย่างเดียว
"คุณแม่ผมน่ะโกหกคนอื่นไปน่ะครับ"
"..........?"
คุณเงียบไปพักนึง สีหน้าของผมตอนนี้นั้นรู้สึกผิดมากในตอนนี้ เพราะว่าคุณแม่สอนผมไว้ว่าอย่าพูดโกหก แต่ว่าวันนี้เพื่อตัวของน้องสาว ผมโกหกความเป็นจริงปลอมๆนั้นออกไปให้ทุกคนได้ฟัง
และคนที่เป็นทุกข์มากที่สุดไม่ใช่คนที่โดนโกหกแต่ว่ามันคือ ตัวของนานามิเอง
"ผมน่ะพูดออกไปว่านานามิยังมีอัตลักษณ์อยู่ เพราะว่าไม่อยากให้นานามิต้องเสียใจน่ะครับ แต่ว่ามัน..."
ผมกำมือน้อยๆของตัวเอง ก้มหน้าลงต่ำลงไป ผมไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกอะไรกันแน่ ผมสนใจความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไปจนลดคุณค่าของตัวเองลงอย่างไม่รู้ตัว
"ฮาจิจัง..."
"แต่ว่ามัน...ทำให้นานามิร้องไห้ ทั้งที่ควรจะโล่งใจแท้ๆ "
หยดน้ำที่ร่วงลงมาจากเส้นผมสีฟ้าของผมหยดลงมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของผม มันคือความรู้สึกที่ผมนั้นไม่เคยสัมผัสมันมาก่อนในชีวิต คำว่า"ขอโทษ" ที่พูดออกไปเองนั้นก็ด้วย มันยังไม่หนักแน่นมากพอ
"..........."
คุณแม่พอได้ฟังความในใจของเด็กอายุ4ขวบอย่างผมไป เธอก็ได้เอามือทั้ง2ข้างจับมาที่แก้มน้อยๆของผม ก่อนที่เธอนั้นจะดึงแก้มผมจนยืดออก
"เจ็บ!"
ผมร้องออกมาแบบนั้นก่อนที่จากนั้นแม่ผมจะจับผมหันตัวกลับมาให้เห็นหน้าที่เรียบๆของเธอ ที่ไอน้ำภายในห้องปิดบังร่างกายของเธออยู่
"ฮาจิจัง ลูกน่ะไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูกด้วยที่ทำแบบนั้นลงไปนะ"
"คุณแม่..."
"ลูกน่ะทำไปเพื่อปกป้องนานะจังเค้าใช่ไหมละ? แต่ว่ายังไงลูกก็ไม่ควรที่จะโกหก เพราะนั้นแม่ก็เลยทำโทษลูกลงไปยังไงละ"
คำพูดที่จริงใจของเธอนั้นส่งมาที่ผมอีกครั้งพร้อมกับมือทั้ง2ข้างของเธอที่จับมาที่แก้มของผม อีกครั้งพร้อมกับประโยคสุดท้ายที่พูดมาว่า "ต่อจากนี้นั้นลูกต้องปกป้องนานะจังเค้า ไม่ใช่ในฐานะของพี่ชายแต่เป็นฮีโร่เข้าใจนะ!" แล้วหลังจากนั้นเธอก็ได้ยืดแก้มผมออกอีกครั้งจนน้ำตาร่วงออกมาด้วยความเจ็บแบบสุดๆ
แต่ว่าผมก็ให้สัญญากับเธอไว้เหมือนกัน...
เพราะว่าผมจะเป็นฮีโร่ในส่วนที่นานามิเป็นไม่ได้ แล้วจะปกป้องนานามิด้วยตัวของผมเอง...
____________________________________________________
อัตลักษณ์ : อิเล็คตรอนเลเซอร์
ยิงพลังงานย่อยสลายจากการดึงอิเล็คตรอนออกจากวัตถุที่สัมผัสเกิดเป็น การสลายทางวัตถุทางกายภาพของมิติควันตั้มที่แสดงผลออกมาเป็นสีเขียวสว่างเหมือนแสงหิ่งห่อย
และสามารถยิงบวกประจุพลังงานสีฟ้าเพิ่มแรงหว่างในการควบคุมทิศทางแรง ในสมการการเคลื่อนที่โดยไร้แรงโน้มถ่วง ส่งผลให้เคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่ตั้งค่าเมื่อโดนพลังงานเลเซอร์นี้ โดยไม่สร้างความเสียงหายโดยตรงกับร่างกายเหมือนสีเขียว ปรากฎรูปในพลังงานสีฟ้าสว่าง
ทั้ง2สิ่งจะคงรูปอยู่ในบอลทรงกลมพลังงานสีตามนั้น แล้วแต่ความเร็วที่ตัวเองอยากจะตั้งค่าไว้ แต่ต้องฝึกซ้อมถ้าอยากให้เร็วกว่านี้
โดยที่การแทรงแซงของมวลสารพลังงานของอัตลักษณ์ ไม่สามารถถูกสลายไปได้ในกฎของโลกทางกายภาพ แต่มันเป็นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาให้กลายเป็นรูปลักษณ์นั้นๆ นิยามสั้นๆคือ ประตูที่เปิดออกมารับแรงลมเข้าบ้าน
ข้อเสีย :ยิ่งใช้งานในระดับที่เกินขีดจำกัดของตัวเอง จะเสียประสาทสัมผัสทั้ง5ไป จนถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรเลยเป็นการชั่วคราว หรือถึงขั้นดับสนิทได้เลยก็เป็นไปได้ แต่จะไม่สามารถใช้ในกรณีที่ค่อยๆปลดปล่อยพลังออกมาทีละนิดได้
(พูดง่ายๆคือเวลาใช้แบบท่าใหญ่ทำลายตึกหรือใหญ่กว่านี้ จะโดนผลเสียแบบนี้ แต่ในกรีที่ทะยอยยิงมาจะทำมห้รู้สึกเหนื่อยและชาไปทั้งตัวแทน)
ความคิดเห็น