ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate/The dreammer "คำปรารถนาแห่งความหวัง"

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2 :ชิอาเสะ ไครินะ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 65


    ที่โรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง...

    "หา??? แบบนี้มันจะค้างเกินไปแล้วนะ!"

    ฉันชิอาเสะ ไครินะ ฉันมีผมสีเนื้ออ่อนยาวยาวถึงกลางหลัง และตอนนี้ก็กำลังโวยวายกับการตัดจบของหนังสือการ์ตูนเล่มที่ฉันติดตามมานาน ที่ตัวของนางเอกของเรื่องทำตามเป้าหมายของเธอไว้สำเร็จ โดยการคว้าจอกมาได้ แต่ดันกลับเว้นช่วงคำปรารถนาของเธอไว้ และก็น้ำตาซึมเร่รอนไปแบบนั้น

    บอกเลยว่าจัดจบได้ไม่แคร์คนอ่านเลยสักนิดเดียว

    "เสียดายชมัดเลยทั้งที่เรื่องมันดีแท้ๆเลยเนอะไคริจัง"

    เพื่อนสาวผมสีน้ำตาลทวินเทลที่ผูกด้วยโบสีดำ พร้อมกับดวงตาสีฟ้า โทซากะ ริน นั้นคือชื่อของเธอ ที่เธอก็มายื่มหนังสือมังงะเล่มนี้อ่านไปด้วยคนพร้อมๆกันกับฉัน

    "นั้นสิ...รินจังเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหมละ แบบนี้มันแย่สุดๆเลย แต่ว่าได้ยินว่าจะมีภาคต่อด้วยใช่ไหมละ? คิดว่าจะติดตามต่อไหม?"

    "อื้ม...ไว้ไคริจังแนะนำมาก่อนดีกว่าแล้วกัน"

    "เรอะ อย่างนั้นก็ได้นะ"

    ฉันพยักหน้าตอบรับคำขอของเพื่อนสาวคนนี้ไป และไม่นานนักก็มีคนคนนึงเดินเข้ามาในห้องนี้ เธอมีสีผมและสีตาเหมือนกับรินจังแต่ว่า จะไว้ผมสั้นระดับคอและผูกโบสีแดงชมพูติดเอาไว้ที่หัวด้านซ้ายของเธอ

    "พี่ริน พี่ไครินะไปกินข้าวด้วยกันเถอะคะ"

    น้องสาวของรินจังคนนั้นที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้ๆกัน โทซากะ ซากุระ เข้ามาหาพวกเราด้วยท่าทีที่เรียบร้อยเป็นเอกลักษณ์ของเธอ

    "ได้สิ! ไคริจังไปกันเถอะ!"

    มือที่เรียวบางของรินจังจับข้อมือของฉันและวิ่งพาฉันไปทางที่ซากุระที่รอพวกเราอยู่หน้าทางเข้า ก่อนที่จะพานำไปในห้องที่มีป้ายหน้าจออิเล็คโทนิคเขียนไว้ว่า "ห้องเก็บอาหาร"

    มันเป็นห้องที่คล้ายๆห้องอบซาวหน้าขนาดใหญ่มาก ที่มีทำมาจากไม้และก็มีล็อคเกอร์ที่พอฉันหรือคนในโรงเรียนเข้าไปจะมีหน้าจออินเตอร์เฟสขึ้นมาให้สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งพวกเราก็แนบนิ้วนั้นไว้กับหน้าจอนั้นและแล้ว ล็อคเซฟก็เปิดออกมา เป็นกล้องข้าวของพวกเราที่เก็บเอาไว้ในห้องนี้

    และหลังจากหยิบมาแล้วนั้นพวกเราก็ออกไปทานอาหารด้วยกันในโรงอาหารที่ดูแพงมีราคา มีโต๊ะทรงกลมให้มีที่พอนั้งอยู่12คน แล้วพวกเราก็นั่งกินข้าวด้วยกันไปอย่างสบายใจ

    "ยังโอเคอยู่ไหมนะ?"

    ฉันพูดแอกมาอย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะเปิดฝากล่องของตัวเองเองออกมา และทำให้เห็นด้านในเป็นเนื้อย่างของโปรดที่ยังร้อนและเนื้อช่ำอยู่ ขนาดที่ว่าดีกว่าตอนที่พึ่งออกมาจากกระทะเลย

    "น่าอร่อยมากเลยนะค่ะพี่ไครินะ"

    ซากุระตาเปล่งประกายปลื่มใจน้ำลายยืดออกมานิดหน่อย

    "ถ้านั้นแลกกันไหมละ?"

    ฉันคีบตะเกียบเอาเนื้อย่างชิ้นนึงให้กับเธอไป ซึ่งเธอกับรับไว้อย่างไม่ปฏิเสธ แต่เธอก็คีบเท็มปุระให้กับฉันคืนเป็นการแลกเปลี่ยนด้วย

    "นี่ให้นะค่ะ"

    "ได้สิพอดีอยากได้ของทอดพอดีเลย"

    ฉันยิ้มรับของตอบแทนของเธอไว้ รินจังเองก็นั่งดูพวกเราแลกเปลี่ยนอาหารมือนี้ด้วยกันอย่างเพลินสายตาของตัวเอง ก่อนที่จะนึกสนุกอะไรบางอย่างก็เลยพูดกับน้องสาวของเธอไปว่า

    "ซากุระเนี่ยแอบปลื้มเอมิยะคุงอยู่ละสิท่า"

    "อะ...เอ๋! พี่หนู...น่ะ..."

    ซากุระหน้าแดงหอบแหกๆออกอาการออกมา จนตัวของฉันชักเริ่มที่จะสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วว่ามันเป็นมายังไงกันแน่ กับตัวของเอมิยะคุงคนนั้นที่อยู่อีกห้องนึงน่ะ

    จะว่าไปก็มีคนหลงหมอนั้นอยู่ไม่ใช่น้อยเลยละ แถมยังเป็นดาวเด่นเรื่องการยิงธนูประจำโรงเรียนด้วยสิ แต่จะว่าไปนั้นซากุระก็อยู่ชมรมนั้นกับเอมิยะคุงด้วยสิ สงสัยว่าอยากจะทำแต้มมากเลยจริงๆสินะ

    ในขณะที่สายตากำลังจ้องดูอาการของน้องสาวบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่นั้นมือหยาบๆสีเนื้อของคนที่กำลังจะเป็นหัวข้อสนถนาของพวกเราก็จับไปที่ไหล่ของรินจัง

    "เมื่อกี้เธอเรียกฉันเรอะโทซากะ"

    "...!!!"

    รินจังสำลักน้ำออกมาจนไอออก"แค๊กๆ " ก่อนที่จะจ้องแรงหันกลับไปใส่คนที่เรียกเธอด้วยอาการปรี๊ดแตกระดับ1ของเธอ

    "หึ๋ย~! ใครอนุญาติมาให้แตะตัวฉันแบบนั้นกันละยะ! ฉันตกใจหมดเลยนะอีตาหัวขี้เลื่อย!"

    "อ่ะ โทษที..."

    ชายหนุ่มในชุดเด็กม.ต้นที่มีผมสีแดงส้มที่เสยขึ้นไปด้านบนพร้อมกับดวงตาสีเหลืองน้ำผึ้ง เอมิยะ ชิโร่เอาตามตรงแล้วมันดูคล้ายๆกับตัวละครตัวสุดท้ายที่นางเอกในเรื่องต้องจัดการเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามีแบบมาจากหมอนี้รึเปล่า

    แต่ยังก็เถอะ ซากุระตอนนี้หน้าสุกแดงอ้าปากข้างสั้นยังกับเจ้าเข้า 

    "ระ...รุ่นพี่คะ...คะ...คือว่า..."

    "อ๋อ! ซากุระว่าไงสบายดีสินะ"

    "คะ...ค่ะ!...สะ...สบายดีค่ะ...ระ...รุ่นพี่ละ...ละคะ?"

    ดูท่าว่าจะกล้าๆกลัวๆอยู่นะเนี่ย แบบนี้ต้องปลุกพลัง

    ฉันยิ้มออกมาอย่างมีเล่ห์ใน ก่อนที่หันไปหาเอมิยะคุงคนนั้นที่จ้องหน้ารู้สึกแปลกๆกับซากุระที่ทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น แล้วก็ทักไป

    "พอดีว่าซากุระอยากบอกกับเอมิยะคุงเรื่องนึงน่ะนะ"

    ".........!!!"

    สายตาของซากุระข้างเบิกกว้างไว้แถบจะทันที หลังจากคำพูดฉันจบลงไป เอมิยะคุงก็ทำหน้าเรียบๆปนสงสัยจ้องใส่เธอไป

    "มีเรื่องอะไรเรอะซากุระ"

    "...คือว่าวันนี้...รุ่นพี่ช่วย...ช่วย...ไป...ไป..."

    "...?"

    "ไปเดทด้วยกัน...ไปเดทด้วยกันได้ไหมค่ะ!!"

    เสียงที่เขินอายนั้นเปล่งไปดังทั่วโรงอาหาร จนทุกๆสายตานั้นก็หันควักขึ้นมาทางโต๊ะของพวกเรากันไปหมด จนรู้สึกหนาวสันหลังไปทั่วเลย 

    "..."

    เอมิยะคุงออกอาการเหวอเล็กๆ ที่อยู่ดีๆมันก็เป็นแบบนี้ แถมพวกชนีย์หลายคนก็เริ่มที่จะโวยวายออกหน้าแล้วด้วย

    "โทซากะคนน้องเรอะ? ไม่เข้าหรอกจืดสนิทแบบนั้นเอมิยะคุงเค้าไม่ชอบหรอกน่า"

    "ที่อยู่ติดกับเอมิยะคุงตลอดก็เพราะหวังจะทำแต้มนำก่อนคนอื่นชัดๆเลยนิ"

    เสียงนินทาต่างๆนานาประดังเข้ามาใส่ซากุระจนเธออยากจะหนีออกจากตรงนี้ไป แต่ก่อนที่เธอจะหนีออกไปจากโต๊ะนั้นเอง

    "เดี๋ยวก่อนซากุระ!"

     มือที่ผ่านการซ้อมยิงธนูมานัดต่อนัดของหนุ่มผมแดงส้มก็คว้ามือของเธอไว้ก่อนที่จะหนีจากไป มือที่คว้ามานั้นสำหรับซากุระแล้วนั้นมันทำให้เธอนั้นหยุดที่จะเดินจากไปและค่อยๆหันมาด้วยใบหน้าที่คลอไปด้วยน้ำตาของเธอ

    "รุ่นพี่..."

    "ได้สิไปเดทด้วยกันนะ"

    คำขอของซากุระได้รับการตอบรับแล้ว ใบหน้าของเธอที่คลอไปด้วยน้ำตาเริ่มที่จะปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด ท่ามกลางสายตาของฉันแล้วก็รินจังที่เหวอรับประทาน ที่ไม่คิดว่ามันจะไปได้สวยขนาดนี้ ส่วนพวกหมูตัวเมียทั้งหลายก็แถบจะกรี๊ดออกมาแบบ "รับมิได้ค่ะ!" กันเลย

    แต่เรื่องนั้นก็ชั่งมันเพราะว่าเข้าเส้นชัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องอื่นๆน่ะชั่งมันไปเถอะ


    หลังเลิกเรียน...

    "รินจังทำไหมดูหมองๆแบบนั้นน่ะ"

    ฉันทักเธอที่ก้มหน้าก้มตาเหม่อลอยขณะเอาของเข้ากระเป๋าตัวเองเตรียมจะกลับบ้านอยู่

    "น้องสาวฉันเนี่ยนะกับไอ้บ้าคนนั้นจะเดทกันเรอะ ไม่มีทาง...ไม่มีทางซะหรอกน่า..."

    "...ดูท่าจะอาการหนักเลยแหะ..."

    ปากฉันขยับยิ้มแห้งๆออกมาแบบนั้น

    เธอคนนี้เป็นห่วงน้องสาวก็ไม่ผิดหรอกแต่แบบนี้มันค่อนข้างที่จะเกินไปหน่อยนึง ที่จะขวางความสุขของน้องสาวตัวเองแบบนี้ แถมยังแผ่รังสีมืดมนออกมาอีกซะเนี่ย มันก็ช่วยไม่ได้แหละนะ

    "อีตาหัวขี้เลื่อยที่ไม่รู้จักนิสัยของผู้หญิงแบบนั้นมันจะคู่กับซากุระได้ยังไงละ ใช่ไหมละไคริจัง..."

    "ไหนถึงเกี่ยวด้วยนิ!" นั้นคือเสียงในใจฉันที่อยากจะพูดออกมา ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็รู้แหละว่าเพื่อนคนนี้ของฉันน่ะค่อนข้างจะห่วงน้องสาวมากๆเพราะว่าพ่อของพวกเธอไม่ค่อยจะใยดีซากุระเท่าไหร่ทำให้ซากุระโดดเดียวแต่ก็มีฉันกับรินจังเนี่ยแหละที่ช่วยกันดูแลซากุระจังเหมือนเป็นน้องสาวและเพื่อนในเวลาเดียวกัน จะให้ไปอยู่ดีๆจะไปไกลอ้อมแขนก็พอเข้าใจความรู้สึกแหละ

    "แต่ฉันว่าก็พอได้อยู่ละมั้ง นั้นเอาแบบนี้ไหม! พวกเราไปสอดแนมกันดีกว่าไหมละรินจัง"

    "สอดแนม...?"

    "ใช่แล้วละจะได้ดูไงว่าเอมิยะคุงน่ะจะรับมือกับซากุระได้มากแค่ไหน และเพื่อปกป้องซากุระจังด้วยไงละ"

    ทันทีที่ได้ยินคำว่า "ปกป้อง"เพื่อนสาวทวินเทลสีน้ำตาลดำก็ทุบโต๊ะยืนขึ้นมาพร้อมกับอาการดีใจที่ไอเดียนี้มันได้

    "ดีเลยไคริจัง! นั้นพวกเราเจอกันตอน10โมงนะ"

    "อะ...อ่าได้สิเพื่อซากุระใช่ไหม..."

    ฉันถามออกไปด้วยความไม่แน่นอนซึ่งมันก็ทำให้เธอเล็กคิ้วลงจ้องเขม่งใส่หน้าฉันยังกับว่าฉันไปทำอะไรให้เธอก็มิอาจทราบได้

    "แหงอยู่แล้วสิ เพื่อซากุระอยู่แล้ว ในฐานะพี่สาวฉันจะตามล้างตามเช็ดทุกๆรายเลยคอยดู"

    "ฉันว่าท่าทีแบบนั้นมันไม่ใช่นะรินจัง...ฮะ ๆ..."

    "ไคริจังก็เห็นด้วยใช่ไหมละ"

    เธอดูจะจริงจังเกินไปแล้วนะเนี่ย แต่ฉันก็รู้ดีแหละว่าแผนนี้ฉันเป็นคนเสนอมายังไงก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องเจออะไรแบบนี้

    หลังจากที่ฉันพยักหน้าเหงื่อตกไปหมาดๆรินจังก็กลับสีหน้าตัวเองเป็นยิ้มออกมาให้ตามภาษาเพื่อน และจากนั้นพวกเราก็แยกทางกันกลับบ้านไป เพราะว่าฉันนอนที่หอพักของโรงเรียนในช่วงนี้


    หอพักนักเรียน...

    "ไครินะจังคุณพ่อเธอฝากของมาให้น่ะ"

    "ค่ะ! ขอบคุณนะค่ะคุณไทกะ"

    หลังจากที่รับของที่เป็นถุงกระดาษมาจากผู้หญิงผมสั้นคล้ายผู้ชายสีน้ำตาลไม้แล้ว ฉันก็โค้งให้แล้วก็ขึ้นบนลิฟต์ไป ใช่เวลาแปบเดียวก็มาถึงชั้นที่20ที่ฉันอยู่แล้ว

    "สวัสดีคะนายหญิง"

    เสียงสาวอิเล็กโทนิคผมสีขาวมัดมวยเก็บตาสีแดงทับทิม ดังขึ้นมาทันทีที่ฉันเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวของฉันเพียงคนเดียวที่มัยกว้างมากๆ แถมยังประดับไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆนานและเป็นโถนสีขาวสว่างตาอย่างถึงที่สุด

    "กลับมาแล้วโทโมเอะ งานบ้านยังดีเหมือนเคยเลยนะ"

    "เป็นคำอวยพรที่ดีมากเลยค่ะนายหญิง"

    AIที่สิ่งอยู่ในห้องนี้ก็คือAIแม่บ้านที่คอยทำความสอาดแล้วก็เป็นเพื่อนคุยช่วยคลายเหงาของฉันเลยก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีอยู่แล้วในเมืองนี้ ถ้าเป็นรินจังก็น่าจะเป็น "กรรณะ" ที่เป็นAIที่เงียบๆแต่ก็เฮฮาได้อยู่บ้างนิดหน่อยละมั้ง?

    "พ่อฉันเอาของฝากมาน่ะไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ดูท่าว่าจะหน้าสนใจไม่ใช่น้อยเลยละนะ"

    ว่าให้แล้วโทโมเอะก็เดินเข้ามาทางฉันำร้อมกับสายตาบางอย่างที่วิเคาระห์อะไรบางอย่างไปด้วย 

    "ดูท่าว่าจะเป็นวีดีโอเกมละมั้งค่ะ?"

    "เอ๋! ขนาดโทโมเอะยังตรวจสอบไม่ได้เลยเรอะ?"

    "ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะนายหญิง"

    เธอโค้งก้มลงขอโทษออกมา แต่ฉันก็ไม่สนใจเรื่องนั้นก่อนที่จะหยิบของสิ่งนั้นออกมาจากถุงกระดาษสีน้ำตาลนั้น ก่อนที่จะเอาไปวางไว้บนเตียงและชำแหละกล้องพัสดุนั้นออกมาและฉันก็ได้หยิบของสิ่งนั้นมาดู

    "นี่คืออะไรนะ?"

    สิ่งที่อยู่ในมือฉันคือกระดาแผ่นสีไม้แท้นี้ และก็พอเปิดไปอีกหน้ากลับไม่มีตัวอักษรอะไรเขียนไว้เลยสักนิดเดียว 

    "เป็นภาษาอะไรกันน่ะ?"

    "ภาษาฝรั่งเศษค่ะ แปลว่านี่คือคำเตือน"

    "นี่มันยังไงกันเนี่ย..."

    ฉันจ้องเล็งสิ่งนี้ที่อยู่ในมือต่อไปด้วยอะไรบางอย่างที่มันดึงดูดใจซะเหลือเกิน แต่ในกล่องนั้นก็ทีกระดาษอยู่แผ่นนึงที่เก็บไว้อยู่ มันคือจดหมายที่พ่อฉันมักจะส่งมาให้ทุกๆครั้งที่เค้าส่งของมาให้

    ฉันกลืนน้ำลายลงไปดัง"อึก! " แล้วก็ตัดสินใจเปิดผนึกซองจดหมายนั้นออกมาอ่าน...

    ____________________________________________________

    ถึงชิอาเสะ ไครินะ

    นี่เป็นของที่แม่ของลูกฝากเอาไว้ให้ก่อนที่เธอจะจากไป มันเป็นของที่จะถูกส่งให้ลูกในตอนที่ลูกอายุครบ15ปีในปีนี้ และย้ำเตือนว่ามันสำคัญมากๆ พ่อเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรแต่ว่าพ่อเชื่อว่ามันจะสามารถพาลูกพ้นภัยได้นะ และพ่อจะยังไม่กลับมาเร็วๆนี้ เพราะนั้นพ่อขอโทษนะลูก

    จากชิอาเสะ ไดจิ

    ____________________________________________________

    หลังจากที่อ่านจบแล้วนั้นฉันก็พับกระดาษแผ่นนี้เอาไว้พร้อมๆกันกับจดหมายเตือนฉบับนั้นไปด้วย แล้วก็ยื่นให้กับแม่บ้านAIของฉันไป

    ของจากแม่เรอะ? สารภาพเลยว่าฉันไม่เคยเจอเธอมาตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อบอกว่าเธอจากไปหลังจากที่คลอดฉัน และพ่อก็ไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้ฟังเลยสักนิดเดียว

    ที่แน่ๆคือเธอตั้งใจจะเก็บความลับแบบนี้ไปถึงไหนกัน เพราะตอนที่ฉันอายุได้10ขวบก็มีของบางอย่างคล้ายกับวงจรเวทอะไรซัก ที่ทำมาจากปรอทซึ่งก็ถูกเก็บไว้ที่นี่เหมือนกัน

    "เห่อ~...ทำไหมไม่เคยบอกอะไรหนูเลยละแม่"

    ฉันนอนเอาหน้าแนบกับขอบเตียงด้วยความเหน็ดเหนื่อย โดยที่โทโมเอะก็เอาซีสเค้กมาให้กับฉัน ที่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่

    "สุขสันต์วันเกิดค่ะนายหญิง"

    "อ่า~อย่างน้อยก็มีชีสเค้กมาปลอบใจก็ดีหน่อยแล้วละ น่าเสียดายจริงๆที่รินจังกับซากุระจังไม่ว่างมาน่ะ แบบนี้ฉลองคนเดียวจะไปสนุกยังไงกันละเนี่ย"

    ฉันบ่นยาวออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่จะหยิบซ้อมออกมาทานเค้กที่อยู่ในถาดนั้นคนเดียวไปอย่างเหงาหง่อยในสายตาของAIแม่บ้านของฉันที่ยืนยิ้มอยู่








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×