ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : chapter : 5
    “มาร์ค โดนทำโทษเหมือนกันเหรอ”
    ดูเหมือนลิซมันจะตื่นเต้นที่พี่ตัวเองก็โดนทำโทษเช่นเดียวกัน
    “ว่าแต่พวกเธอเป็นไงบ้างเมื่อคืน”
    มาร์คเปิดฉากถาม ในขณะที่ฉันกับนายโจอี้กำลังมองหน้ากันอย่างดุเดือดดูเหมือนจะมีประกายไฟอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับมัน
    “ก็โดนสั่งให้นั่งคุกเข่าอยู่ในโบสถ์ถึงเช้า แล้วก็อย่างที่เห็นนี่แหละ”
    สองพี่น้องคุยกันอย่างไม่รู้ว่าฉันอยากจะกระโดดชกหน้าไอ้หน้าหล่อตรงหน้านี่สักหน่อย
   
    “โจอี้ นายเป็นอะไร”
    “ฮะ เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก”
    “โยริเป็นไรมั้ย”
    ลิซสะกิดถามฉันเบาๆ ฉันก็ส่ายหัวตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร
    “เอางี้เราแยกกันทำนะ ลิซเธอมากับฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ แล้วโจอี้ไปกับโยริ”
    แปลกแฮะที่นายมาร์ครู้จักชื่อฉันด้วย แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้นะโยริ ปัญหามันอยู่ที่ว่าฉันต้องทำงานร่วมกับนายโจอี้น่ะเส่ะ
    “ฉันขออยู่กับลิซไม่ได้เหรอ”
    “ไม่ได้ เพราะฉันมีเรื่องจะคุยกับลิซ โจอี้นายไม่มีปัญหาใช่มั้ย”
    มาร์คหันหน้าไปถามโจอี้ซึ่งหมอนั่นก็นิ่งไม่ตอบ แล้วมาร์คก็ลากลิซไปอีกทางนึง ลิซหันหน้ามามองฉันด้วยความเป็นห่วงฉันมองหน้าลิซไปกำลังจากไปจนลับตา
    “รู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าฉัน แต่ถ้าเราไม่ช่วยกันทำงานวันนี้ทั้งวันก็ไม่เสร็จแน่”
    “ไม่ต้องมาสอนฉันหรอกย่ะ”
    ฉันสะบัดหน้าใส่นายโจอี้แล้วเดินหนีมา ก่อนจะเริ่มลงมือหยิบชุดนักเรียนพวกนั้นใส่เครื่องซักผ้าทีละชิ้น
    “บ้านเธอสิ ! ใครเค้าใส่ผงซักฟอกทีละครึ่งถังซักผ้าแบบนี้”
    นายโจอี้ดึงผงซักฟอกจากมือฉันไป ไม่ยักรู้ว่านายนี่มันก็ทำอะไรเป็นกะเค้าเหมือนกันนี่นึกว่าบ้านรวยๆ อย่างนี้จะสำออยทำอะไรไม่เป็นสักอย่างซะอีก
    “ก็บ้านฉันใส่อย่างนี้นี่ ทำไมมีปัญหารึไง”
  “มานี่ฉันทำเอง เธอไปรอตรงโน้นเลยไปฉันจะซักเธอตากเข้าใจมะ”
    “ชิ ! ”
    ฉันไม่ตอบอะไรปล่อยให้นายโจอี้เอาชุดนักเรียนใส่เครื่องซักผ้าที่มีเกือบ 100 เครื่องด้วยความเมามันส์ สงสัยวันนี้แม่บ้านของ ร.ร. รู้ว่านักเรียนโดนลงโทษให้ซักผ้า ถึงว่าล่ะไม่เห็นอยู่แถวนี้สักคน
    “เอ้า ! เอาไปตากซะ”
    นายโจอี้ยกตะกร้าเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วมาให้ฉันแล้วเดินกลับไปที่เดิมเอาผ้าที่ยังไม่ได้ซักใส่เครื่องซักผ้าอีกครั้ง ฉันลากตระกร้าแสนหนักนั่นมาตรงราวตากผ้าแล้วสะบัดๆด้วยความชำนาญ คริคริ เรื่องแบบนี้กุลสตรีอย่างฉันทำได้อยู่แล้ว แต่ว่า ..
    “โอ๊ย ! ทำไมมันสูงอย่างนี้ แล้วใครที่ไหนมันจะไปเอื้อมถึงกันล่ะ”
    ฉันกำลังจะเอาตัวหนีบไปหนีบเสื้อเพื่อไม่ให้มันปลิวตก แต่ว่าตอนตากเสื้อมันทำได้แต่พอจะหนีบทำไมมันสูงกว่าเมื่อกี้นะ
    “เอามานี่ ยัยเตี้ย ! ทำแบบนี้ 10 ปีจะเสร็จมั้ย”
    นายโจอี้ดึงตัวหนีบจากมือฉันไปแล้วทำเสร็จอย่างง่ายดาย ฉันแอบมองโจอี้ซึ่งทำงานอย่างชำนาญตรงข้ามกับที่คิดไว้ว่าหมอนี่มันต้องทำอะไรไม่เป็นแน่นอน เพราะคงมีคนทำให้หมดทุกอย่าง ก็ดีเหมือนกันนะผู้ชายแบบนี้เวลาตกอับคงช่วยตัวเองได้ อ้าว .แล้วฉันมายินดียินงามอะไรกะหมอนี่ล่ะ ทั้งๆที่ฉันออกจะเกลียดนายแท้ๆ ไม่เอาออกไปนะออกไปจากสมองฉันเดี๋ยวนี้ ชิ่วๆ
    “ชิ ! นึกว่าสูงมากนักรึไง นี่น่ะมาตราฐานแล้วย่ะ”
    “มาตรฐาน คนแคระ น่ะสิ”
    “กรี๊ดๆๆๆ ไอ้บ้า ฉันสูงตั้ง 160 เชียวนะย๊ะ ”
    หน็อย ! มาหาว่าฉันเป็นคนแคระไม่ยอมๆ แต่ถึงฉันจะสูง 160 ยังไง ฉันก็รู้สึกเหมือนหัวฉันอยู่ตรงไหล่ของหมอนี่อยู่ดี เฮ้อ น่าสงสารตัวเอง
    “พูดมากน่า รีบส่งเสื้อกับตัวหนีบมาให้ฉันสิ ‘ยัยเตี้ย’ ”
    ฉันเชิ่ดหน้าใส่โจอี้ พร้อมกับสะบัดๆเสื้อผ้าแล้วส่งให้เขากว่าจะหมดก็ใช้เวลาพอสมควร ฉันมองเห็นลิซวิ่งวุ่นไปทั่วแล้วมาร์คก็กำลังงงว่าเครื่องซักผ้ามันใช้ยังไง
    “นี่ช่วยหยิบผงซักฟองที่วางตรงนั้นให้ฉันหน่อย” นายโจอี้เช็ดบอกฉันแล้วเช็ดเหงื่อไปด้วย
    “ไม่”
    “นี่ ! ฉันว่าเราต้องคุยกันหน่อยนะ”
    “คุยเรื่องไร ไม่เห็นต้องคุยนี่”
    “ก็ที่เธอทำท่าทางอย่างนี้ใส่ฉันไงล่ะ ฉันงงมากเลยนะฉันไปทำอะไรให้เธอรึไงทำไมต้องทำท่าทางรังเกียจฉันขนาดนั้นด้วย”
    “ไม่มีไรหรอก ฉันแค่เกิดไม่ชอบขี้หน้านายขึ้นมา ก็เท่านั้นแหละ”
    “ไม่จริง ทั้งๆทีก่อนหน้านี้เธอออกจะชอบฉัน”
    พอนายโจอี้พูดประโยคนี้ออกมามันก็แทงใจดำฉันอย่างแรง ยิ่งมันยิ้มกวนๆใส่ฉันด้วยอยากจะต่อยหน้าชะมัดเลย ไอ้หลงตัวเอง
    “ไม่ใช่ ! ฉันไม่เคยชอบนายไม่เคยแม้แต่จะคิด จำไว้ ถึงจะมีผู้หญิงมากมายที่ชอบนายแต่ฉันไม่ใช่ 1 ในนั้น ฉัน .ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว  ซึ่งคนๆนั้นไม่ใช่นายแน่นอน จำใส่สมองเน่าๆ ของนายไว้ด้วย อ้อ .แล้วอีกอย่างนะ ฉันขอบอกเอาไว้ตรงนี้ว่าฉันเกลียดนาย เกลียดมากๆ รู้ไว้ซะ”
    นั่นแหละ ให้มันได้อย่างนี้สิโยริ พูดไปเลยพูดไปแบบนี้แหละ จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับฉันอีก พอฉันพูดจบนายโจอี้ก็นิ่งอยู่สักพักแล้วเดินกระแทกเท้าไปหยิบผงซักฟอกแล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากเราสองคนอีกเลย
    “เฮ้อ เสร็จซะที”
    ฉันบิดขี้เกียจอย่างลืมตัว นายโจอี้ทำหน้าประมาณว่าอยากฆ่าคนแล้วเดินหายไปไหนไม่รู้ ฉันเดินไปหาลิซ ที่นั่งหน้ามืดอยู่ตรงนั้น
    “โยริ แล้วโจอี้ล่ะ”
    มาร์คถามฉัน
    “ตายไปแล้ว”
    ฉันตอบกวนอารมณ์เมื่อได้ยินชื่อโจอี้ ก็ได้ยินชื่อหมอนี่เมื่อไหร่ฉันก็ต้องคิดถึงหน้าตากวนๆ ของมันทุกที ให้ตายสิ ! เกลียดชะมัด
    “มาร์คไปก่อนนะ เอาเป็นว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะเรื่องเมื่อคืนน่ะ”
    “ไว้เจอกันลิซ”
    “นี่ลิซ ตกลงพี่เธอไม่ใช่เป็นคนเงียบขรึมหรอกเหรอ”
    ฉันถามลิซในขระที่เราสองคนเดินมาได้ไกลจากตรงนั้นพอสมควร
    “อดีตน่ะฉันก็เคยคิดเหมือนเธอ แต่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ฉันว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ เอ่อ .แล้วเธอเป็นไงบ้างกับโจอี้น่ะ”
    “ฉันประกาศสงครามกับหมอนั่นจริงๆแล้วล่ะ”
    “ล้อเล่นน่า เธอก็รู้ว่าโจอี้เป็นคนยังไง”
    “ไม่ฉันไม่รู้ ฉันลืมทุกอย่างเกี่ยวกับหมอนั่นไปแล้วต่อไปนี้ฉันจะประกาศสงครามกับหมอนั่นจริงๆ คอยดูนะลิซ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น