คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Feeling 1 :: เชือดสัตว์กินพืช ให้สัตว์กินพืชดู [ 80%]
Feeling 1
“Hunter (นักล่า)?” เสียงหวานทวนคำเสียงสูง หัวคิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ ทั้งๆที่เจ้าตัวยังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาบนโซฟาบุหนังอย่างดีอยู่เลย
“ครับ...ช่วงนี้พวกนักเรียนฮันเตอร์ เริ่มรับภารกิจมากขึ้นด้วยสาเหตุใดมิทราบได้ พวกแวร์วูฟเองก็โดนกวาดไปไม่ใช่น้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับนายน้อย”
“แล้วอะไรล่ะ...ที่เป็นปัญหา...หืม?” เอ่ยเย้าไปอย่างนั้นเองแหละ ใช่ว่าจะสนใจแต่อย่างใด เจ้าหมากินพืชโดนกวาดไปใช่เรื่องที่เขาต้องสนเสียเมื่อไหร่ล่ะ ดีเสียอีก แต่เดิมแวมไพร์ กับเจ้าหมาบ้าพวกนั้นก็เป็นอริกันอยู่แล้ว การที่พวกมันโดนกวาดไปก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
“ปัญหาคือ...พวกฮันเตอร์เริ่มหันมาล่าพวกเราเหล่าแวมไพร์กันแล้วน่ะสิครับ นายน้อย...เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ข่าวจากฮอร์คว่า พวกโฮลเซ่คู่แค้นของนายน้อยโดนนักล่าผมขาวล่าไปแล้ว ยังไงช่วงนี้นายน้อยก็โปรดระวังตัวด้วยนะครับ นายน้อย...”
“โฮลเซ่น่ะหรือ?” ทันทีที่ชื่อของโฮลเซ่ปรากฏดูร่างแบบบางร่างนี้จะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง หนังสือในมือถูกวางลง ขาเรียวขาวไขว้ขึ้นนั่งไขว่ห้าง ศอกทั้งสองข้างวางลงกับพนักที่เท้าแขน แขนตั้งขึ้นนิ้วเรียวสอดประสานกันบริเวณอก ปลายเท้ากระดิกอย่างเร่งเร้าให้เล่าต่อ
ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า...ทุกครั้งที่นายน้อยนั่งท่านี้ทีไร ราวกับบรรยากาศรอบกายสงบลงอย่างน่าแปลก จนน่ากลัว ยิ่งดวงตาสีนิลวาววับนั่นอีก
“ครับ...ทางโรรันได้รับแจ้งจากฮอร์คเกี่ยวกับสมาพันธ์โรงเรียนนักล่า ที่เริ่มจะเข้ามารุกรานล่าแวมไพร์มากขิ้น อย่างเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา รังของโฮลเซ่ได้ถูกฮันเตอร์ผมยาวสีขาวไม่ทราบชื่อ คาดว่าคงยังเป็นแค่นักเรียนที่รับภารกิจให้มาล่าแวมไพร์ป่าวู้ดขอรับ โฮลเซ่ตายสนิทด้วยอาวุธดาบ ส่วนลูกน้อง 150 คนตายไป 68 ที่เหลืมหนีรอดไปได้ครับ” ชายหนุ่มรายงานด้วยความเคร่งเครียดอย่างที่ผู้เป็นนายสังเกตถึงความเครียดนั้นอย่างชัดเจน ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มขึ้นอย่างไม่มีใคร แม้แต่ตัวคุสะเองรู้ความหมาย
“ก็ดีแล้วนี่ น่าจะขอบใจเสียด้วยซ้ำ ที่ช่วยจัดการพวกสัตว์กินพืชงี่เง่านั้นให้...เจ้ากินพืชโฮลเซ่เองมันก็ไร้ฝีมือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยที่จะโดนพวกกินพืชด้วยกันล่าเสียเอง”
ไร้ฝีมือ...? นั่นมันแค่ความคิดของนายน้อยฝ่ายเดียวต่างหาก การจะเป็นผู้นำ มีพลพรรคได้สำหรับแวมไพร์นั้นจะต้องเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าผู้ใต้ปกครองอย่างแท้จริง และโฮลเซ่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่สามารถดันตัวเองให้ถึงจุดที่ตัวเขาต้องการ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสักนิด...
คุสะคาเบะส่ายหัวน้อยๆอย่างหนักใจ แต่ก็นะ...หากนายน้อยจะคิดอย่างนั้นก็คงไม่แปลก ก็ในเมื่อป่าเซนต์วู้ดที่ถือได้ว่าอันตรายที่สุดในบรรดาป่าน้อยใหญ่ของพวกเขานั้น ผู้ที่สามารถพิชิตมาได้ก็คือตัวนายน้อยเอง แถมนั่นก็เป็นเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อนเสียด้วย แต่...นายน้อยคงไม่คิดจะจำหรอก...มั้ง
ปลายนิ้วจรดลงบนริมฝีปากตนเอง ก่อนจะเดาะเบาๆอย่างคนใช้ความคิด ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มบางๆ ดวงตาเหม่อมองไปอย่างไม่มีจุดหมาย ก่อนที่สายลมจะพัดผ่านนำพากลิ่นบางอย่างต้องจมูก แน่นอนว่าตัวคุสะเองก็รับรู้ไดเช่นกัน แม่กลิ่นอายที่สายลมหอบพัดมาจะเบาบางเหลือเกิน คิ้วเรียวของร่างบางเลิกขึ้นน้อยๆก่อนดวงตาวาววับจ้องตรงมายังคนสนิทอย่างชวนให้เสียวสันหลังเล่น ปลายนิ้วหันมาประสานกันอีกครั้ง ริมฝีปากขยับออกคำสั่ง
“ ไปต้อนรับหน่อยสิคุสะ แขกกินพืชโง่ๆอุตส่าห์ท้าทายเข้ามาทั้งที ถ้าไม่ต้อนรับให้ดี เดี๋ยวอาจจะถูกติฉันท์ได้”
น่าสงสาร ไม่น่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเลยแท้ๆ...
อดคิดไม่ได้ แต่ก็...นะ..หลายครั้งหลายคราที่มนุษย์คิดอย่างโง่ๆ เพราะความเบาปัญญาแท้ๆเลยทีเดียว อาจเพราะคำร่ำลือเกี่ยวกับนายน้อยจากแวมไพร์ตนอื่นที่พวกเขาล่ามาได้ถึงมากัน หรืออาจเพราะคิดว่าตนเองมีฝีมือจับแวมไพร์มาได้แล้วตัว 2 ตัว แค่นายน้อยอีกสักตัวคงไม่ยากเกินไปล่ะมั้ง?...ไม่น่าเลยจริงๆ...
คิดแล้วก็เท่านั้น คุสะค้อมกายรับคำสั่ง ก่อนจะค่อยๆก้าวถอยลงไปยังมุมมืดและ หายไป...
ผู้ที่คิดปองร้ายนายน้อย เขามีหน้าที่กำจัดเสียให้สิ้น!! ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม!!!
..
.
ร่างผอมบางหากแต่สูงโปร่งลัดเลาะตามเส้นทางป่าอย่างชำนาญ ใบหน้ากระจ่างติดหวานน้อยๆเผยรอยยิ้มจางๆ กลิ่นอายของเจ้าของถิ่นมันรุนแรงจนกดเก็บความกระหายในการล่าแทบจะไม่ไหว พลางอดคิดถึงเจ้าของถิ่นไม่ได้
ดาวห้าหกแฉกสีทองแวววาว บนเสื้อปกเสื้อคอตั้งแสดงสัญลักษณ์ของความเป็น ‘โกลเด้น’ บอกได้ไม่ยากเลยว่า ร่างผอมบางนี้ก็เป็นหนึ่งในนักเรียนระดับสูงที่คงรับภารกิจมาเหมือนกัน
คุสะคาเบะมองตามร่างโปร่งที่แสนคล่องแคล่วอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะค่อยๆไล่ตามไปอย่างเงียบๆ....แวมไพร์ระดับล่างโผล่เข้ามาจู่โจมร่างเพรียวเป็นๆระยะๆ มีดสั้นที่เหน็บไว้ที่สายรัดขาถูกนำขึ้นมาใช้ชโลมเลือดสีคล้ำน่ารังเกียจของพวกชั้นต่ำครั้งแล้วครั้งเล่า...
ฝีมือใช่ย่อย เฉียบคม และรวดเร็วในทุกๆครั้งที่ลงมีด แต่...
ดวงตาคมของคุสะคาเบะที่จับจ้องทุกๆการเคลื่อนไหวยามฆ่าฟันพวกระดับล่างอย่างเก็บข้อมูล ว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับมนุษย์ สมแล้วที่เป็นโกลเด้น
....ให้เวลาเล่นมาพอแล้ว แม้จะเสียดายฝีมืออยู่นิดๆ แต่ตอนนี้เขาคงต้องทำตามคำสั่งเสียแล้ว ก่อนที่นายน้อยจะอารมณ์ขุ่น หากนายน้อยไม่ได้เป็นพวกอารมณ์แปรปรวน ก็คงจะปล่อยให้สนุกไปอีกสักนิด...
น่าเสียดายจริงๆ..
..
.
“นายมาช้านะ คุสะ” ร่างบางที่ยังคงนั่งไขว้ขาเอ่ย ทั้งๆที่ดวงตายังคงจดจ้องกับหนังสือในมืออีกครั้งไม่เลิก หนังสือที่เขาตงิดๆใจอยู่นิดๆที่เห็นนายเหนือหัวอ่านติดต่อกันได้นานผิดกับเล่มอื่นๆ แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะไม่มีกะใจมาสงสัยเรื่องหนังสือหรอก ในเมื่อความเยียบเย็นจนหนาวไปถึงไขสันหลังแผ่อบอวลไปทั่วห้อง โชคดีที่ร่างผอมบางนี่สลบอยู่ เพราะบรรยากาศที่นายน้อยสร้างขึ้น แม่แต่แวมไพร์ระดับสูงบางตนเมื่ออยู่แล้วยังต้องทรุดลงไปเลย แล้วจะเอาอะไรกับมนุษย์ แม้จะเป็นโกลเด้นก็เถอะ
“ขออภัยด้วยครับ นายน้อย” ก้มหัวอย่างหวาดเสียวร่างของเหยื่อที่สลบไสลไม่ยอมตื่น จากการถูกฟาดลงบนต้นคอของเขาถูกวางไว้ด้านหน้า ตรงแทบเท้าของคนสูงศักดิ์
ดวงตาเรียวคมเหลือบมองก่อนจะหันไปสนใจกับตัวอักษรบนหน้ากระดาษในหนังสือเล่มหนาสีเลือดหมูต่อ ความเงียบโรยรายเข้ามา คุสะคาเบะนั่งคุกเข่าเงียบ รู้ดีว่าหากนายน้อยยังอ่านไม่จบถึงที่ต้องการ จะไม่ยอมหยุดเด็ดขาด และจะเกลียดมากหากมีใครไปรบกวน ขัดจังหวะ...แต่...คงต้องยกเว้นท่านผู้นั้น...ละมั้ง?
นานทีเดียวกว่าร่างบางๆของคนตรงหน้าจะหันมาสนใจกับแขกที่ตนส่งคนให้ไปเชิญมา ริบบิ้นสีแดงถูกนำมาคั่นหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้ ก่อนจะปิดแล้ววางลงบนโต๊ะแก้ววงกลมข้างๆที่นั่ง
ดวงตาวาววับจับจ้องมองแขกผู้มีเกียรติที่นานๆทีตนจะให้ความสนใจไปเชิญมาสักครั้งในรอบปี ปลายเท้าเปลือยเปล่าขาวผ่องดันปลายคางของร่างที่สลบอยู่อย่างพินิจ ก่อนจะใช้แรงเตะปลายคางนั้นอย่างแรง
“อ่อก!!!” ร่างที่สลบไปเบิกตากว้างก่อนจะกระอักเลือดออกมา มือสองข้างจับปาก จับคางตัวเองอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเหลือบตามองผู้ที่ทำร้ายตน
“อ้าว! ตื่นแล้วนี่ โชคดีจังกำลังคิดอยู่เลยว่าถ้ายังไม่ตื่นจะปลุกต่ออีกสักหน่อย เนอะคุสะ?” ริมฝีปากเหยียดยิ้มหวาน ดวงหน้างามเพยิดไปทางร่างสูงที่นั่งคุกเข่าอยู่เป็นเชิงขอความเห็น
“ครับ” ตอบกลับ ก่อนจะลุกขึ้นเมื่อมือเรียวผ่องยกขึ้นบอกให้เขาลุกขึ้น คุสะเดินไปยืนเยื้องกับเก้าอี้ตัวใหญ่ เพื่อที่จะสามารถรับคำสั่งได้สะดวก
เรย์เกน มองร่างงดงามตรงหน้าอย่างระแวง รสเลือดเค็มปร่าในปากทำให้ต้องถุยทิ้ง ของเหลวสีสดไหลออกมาตามมุมปาก ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เขาไม่กล้าประมาทร่างตรงหน้า ท่าทีระแวงนั้นช่างถูกใจ ฮิบาริ เคียวยะคนนี้เสียนี่กระไร จนอดไม่ได้ต้องหลุดคิกออกมา...
“ฮึ...ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้ เดอะ ฮันเตอร์...” เสียงหวานนุ่มเยียบเย็นเอ่ย ดวงตาคมปลาบที่มองสบมา ทำให้เรย์เกนอดเสียวสันหลังไม่ได้ แม้จะพอชื้นใจไปบ้างเพียงเล็กน้อย แต่ประโยคต่อมา รวมถึงจิตสังหารที่แผ่พุ่งโอบล้อมร่างเขา ทำให้ร่างโปร่งทรุดลง
“เพราะสัตว์กินพืชสวะอย่างนาย ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี...”
ความกลัวที่ห่างหายไปนาน ตั้งแต่เริ่มขึ้นชั้นโกลเด้น แทรกลึกเข้ามาจนร่างทั้งร่างสั่นเทาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่ความมืดเข้ามาปกคลุมตัวเขาอีกครั้ง...
ฮิบาริมองร่างที่สลบไปอีกครั้งด้วยความกลัวอย่างเฉยเมย ริมฝีปากขยับออกคำสั่งแย้มละไมอย่างนึกสนุก
“พาไปที่ห้องชั้นเดี๋ยวนี้” คำสั่งที่ได้รับการปฏิบัติแทบจะทันที แม้จะนึกสงสารอยู่บ้าง แต่นายน้อยของเขาไม่ได้ระบายอารมณ์มานานแล้ว ถ้าเหยื่อคนนี้จะมาช่วยดับอารมณ์ของนายน้อยบ้างสักนิด มันก็ไม่เลวนักหรอก...
และนั่นคือเหตุผล ที่คุสะคาเบะไม่คิดที่จะแย้งสิ่งใดออกไปเลย...ดวงตาคู่งามมองตามร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆลับออกจากห้องไปพราวระยับ ที่แฝงไปด้วยความนัยบางอย่าง
ว่าแต่ว่า จะเชือดสัตว์กินพืชตัวนี้ยังไงดีหนอ...
--------------------------------------------------------------------------
เม้นให้กับไรท์เตอร์บ้างนะคะ หากท่านชอบใจเรื่องๆนี้><
ความคิดเห็น