ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #97 : ตอนที่ 97 เกือบจะ

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 66


       ร่างในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่ง ที่ลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน พร้อมปลดปล่อยออร่าอันแปลกประหลาด ปกคลุมและสะกดข่มผู้คนรอบตัวอย่างสิ้นเชิง

    ดวงตาสีหมึกคู่นั้นแม้จะเปล่งประกายพร่างพราว ดุจท้องนภายามรัตติกาลที่ ประดับประดาด้วยมวลหมู่ดาราไร้สิ้นสุดเช่นเดิม 

     

       แต่ปัจจุบันดวงตาคู่นั้นเพียงสบตา ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งคมกระบี่ไร้สิิ้นสุด ความคมกริบที่ส่งตรงมาจากดวงตาคู่นั้นจากภายในส่วนลึก

    เพียงสบตาสัญชาตญาณของทุกคนก็ร้องเตือนเลยว่า อันตราย หัวหน้านักลอบสังหารสาวริมฝีปากสีกุหลาบแดงสดสั่นระริก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก

     

       “เป็นไปไม่ได้…ก็ท่านถูกโต๋วเจิ่งต่อยด้วยหมัดลมปราณ จนสภาพไม่น่าจะลุกขึ้นได้แล้วนิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือดวงตาบ่งบอกว่า นี่ตนกำลังเจอเข้ากับตัวอะไรกันแน่

    โต๋วเจิ่งผู้นั้นคือผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เทียบกำลังกายเพียวๆ ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับราชายุทธ์ดาดดื่นทั่วไป แม้แต่เจ้ายุทธ์หากไม่ใช่ลมปราณ ก็ยังยากจะรับมือกับโต๋วเจิ่งคนนั้น 

     

       ยังไม่ต้องพูดถึงเลยว่าอีกฝ่ายเสริมกำลังด้วยลมปราณ ต่อยเข้ากลางหน้าอกอย่างจัง ความรุนแรงของคลื่นกระแทกและน้ำหนักของหมัดนั้น ต่อให้เป็นราชายุทธ์ที่ฝึกฝนวิชาสายร่างกาย

    ยังต้องมีสะเทือนจนไม่อาจขยับตัวได้ระยะเวลาหนึ่ง แต่นี่มันอะไรกัน!? เห็นโต้งๆอยู่ว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายลงไปนอนกองกับพื้น สภาพตายแหล่ไม่ตายแหล่ มองจากมุมไหนก็กึ่งเป็นกึ่งตาย

     

       แต่ไฉนจึงลุกขึ้นมาเฉยๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!? นี่ยังไม่พูดถึงไอ้กระบี่เล่มนั้น ที่บินไปมาเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตนั้นอีก หลินมู่ขยับมือควบคุมตงหยูที่กำลังบินรอบตัว พุ่งไปยังนักลอบสังหารคนหนึ่งที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่

    ฟิ้ว!! เพียงกระพริบตาคมกระบี่สีขาวดุจหิมะยามเหมันต์ฤดู ก็พุ่งไปกุดหัวผู้โชคร้ายผู้นั้นโดยที่ไม่มีใคร สามารถตอบสนองได้ 

     

       ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เขาขยับมืออีกครั้งเป็นการดึงให้ตงหยูกลับมาบินรอบกายของตน ก่อนจะกวาดตามองรอบตัว

    ริมฝีปากที่เคยซีดขาวเริ่มมีสีเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังฟื้นตัวด้วยอัตราเร็วสูง “เหมือนโชควาสนาของข้า จะไม่ปล่อยให้ข้าตาย…” 

     

       สิ้นเสียงคลื่นพายุก็ระเบิดออกมาโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง สายลมที่แฝงไว้ด้วยความคมกริบ แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ

    ผมสีดำของชายหนุ่มที่เคยยาวเล็กน้อย ก็เริ่มยาวขึ้นด้วยความเร็วที่ตาเปล่าสามารถมองเห็นได้ ภายใต้นัยตาคู่นั้นสะท้อนบางสิ่งคล้ายดวงอาทิตย์สองดวง

     

       กำลังหมุนวนปลดปล่อยพลังงานมหาศาล ขณะเดียวกันภายในห้วงจิตของหลินมู่ จิตกระบี่ที่เคยอยู่ในรูปร่างเส้นสีฟ้าโปร่งใสจำนวนหลายสิบเส้น

    ก็พุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้นมาภายในห้วงจิต พวกมันกำลังหมุนโคจรรอบกันเป็นวงกลม โดยทุกวินาทีจะมีจิตกระบี่พุ่งผ่านพวกมันไป หลังจากจิตกระบี่พุ่งผ่านบางสิ่งที่คล้ายดวงอาทิตย์ไปแล้ว

     

       พวกมันก็จะออกมาในสภาพกระบี่โปร่งใส บินไปมารอบห้วงจิตด้วยความรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้นแม้จิตกระบี่จะถูกกลั่นจนกลายเป็นรูปกระบี่หมดแล้ว

    แต่ใจกลางจุดโคจรของดวงอาทิตย์ทั้งสองดวง ก็มีจิตกระบี่พุ่งออกมาอีกครั้ง เพียงไม่กี่อึดใจทั่วทั้งห้วงจิตก็เต็มไปด้วยกระบี่หลายร้อยเล่ม 

     

       กำลังขับไล่ความมืดมิดขยายอาณาเขตของห้วงจิตออกไป “เอาหล่ะ มาสะสางให้จบได้แล้ว” หลินมู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขยับมือควบคุมให้ตงหยูพุ่งออกไป

    เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย กระบี่ที่มีใบขาวดุจหิมะก็สั่นอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วดุจพญาอินทรีล่ากระต่าย

     

       “ไม่ดีแล้ว!! หลบ!!” หนึ่งในเป้าหมายตะโกนขึ้นอย่างตื่นตระหนก แต่ยังไม่ทันจะให้เขาขยับตัวกระบี่ที่พุ่งมาราวกับภูติผี ก็พุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจก่อนจะตีโค้งไปหาเป้าหมายต่อไป

    “บัดซบ!! ตายซะ!!!” หนึ่งในนักลอบสังหารที่อยู่ใกล้หลินมู่มากที่สุด คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวชักกริชออกจากใต้แขนเสื้อ พุ่งเข้าหาชายหนุ่มหวังแลกชีวิต

     

        หลินมู่เหลือตามองอีกฝ่ายเพียงเสี้ยวพริบตา ก่อนจะละความสนใจไปเขาโบกมืออย่างลวกๆ ส่งกระบี่โปร่งใสสีฟ้าสี่่่เล่ม พุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบเฉย 

    พริบตาเดียวนักลอบสังหารผู้นั้น ก็กลายเป็นเพียงร่างเย็นชื่นไร้ชีวิต ผมยาวสีดำสนิทโบกสะบัดไปตามคลื่นลม ทำให้ผู้ใดที่ได้เห็นไม่กล้าล่วงเกิน ราวกับเห็นเทพผู้ไร้เทียมทาน ไร้ซึ่งอำนาจในการต่อกร

     

       “เป็นไปไม่ได้….นั้นมัน….” หลัวกงฟานที่เห็นหลินมู่โบกมืออย่างลวกๆ ส่งจิตกระบี่รูปร่างกระบี่สังหารศัตรู ก็พูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    “ผู้อาวุโส อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หรือ? แล้วมันคืออะไร?” ผิงฮวาน้อยถามศิษย์พี่หลัวอย่างสงสัย หลัวกงฟานปิดปากเงียบไม่พูดสักพัก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

     

       “โดยทั่วไปแล้วจิตกระบี่ จะคงอยู่ในรูปร่างริ้วคลื่นคล้ายผ้าบาง แต่นั้นไม่ใช่รูปร่างดั้งเดิมแรกสุด ปรมาจารย์คนแรกหรือในนาม เซียนกระบี่ต้ากวน ได้สร้างเคล็ดวิชาที่สามารถกลั่นจิตใจเป็นกระบี่…”

    อีกฝ่ายเว้นระยะหันไปมองชายหนุ่ม ที่บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ กำลังพุ่งเข้าห้ำหั่นกับโต๋วเจิ่ง และ มือเกาทัณฑ์ทมิฬที่ฟื้นขึ้นมาอย่างดุเดือด

     

        “โดยรูปร่างดั้งเดิมก็คือกระบี่ตรงตามตัวอักษร แต่เคล็ดวิชาอาศัยพรสวรรค์และการตรัสรู้มากไป ผ่านไปอีกหลายศตวรรษ ชนรุ่นหลังก็ปรับแก้ให้มันฝึกฝนง่ายขึ้น ทำให้นิกายเซียนกระบี่ถือกำเนิดขึ้นอย่างมากมาย แม้รูปร่างดั้งเดิมจะเปลี่ยนไป แต่อนุภาพของมันก็ไม่ได้ลดหย่อนลงเลย นี่จึงเป็นที่มาของเซียนกระบี่ ผู้ถือครองอำนาจการโจมตีสูงที่สุดในหมู่เซียนด้วยกันเอง”

    ผิงฮวาที่รับฟังอยู่ก็แสดงหน้ามุ่ย ก่อนจะพูดออกมาอย่างหงุดหงิด “ผู้อาวุโส ท่านกำลังเล่าพงศาวดารอะไรกัน ที่ข้าถามคือมันคือสิ่งใด ทำไมมันจึงเป็นไปไม่ได้ แต่เหตุใดท่านจึงเล่าประวัติยาวเหยียด จนข้าแทบผลอยหลับกัน?”

     

       หลัวกงฟานที่ได้ยินน้ำเสียงของเด็กสาว ก็มุมปากกระตุกถี่ยิบหางตาแทบกระโดดได้ ‘บัดซบ!! ศิษย์น้องไปเก็บยัยเด็กนี่มาจากใดกัน เหตุใดจึงพูดแต่ละคำก็เข้าประเด็น โดยไม่คิดให้ข้าพูดสาธยายเพิ่มเติมเลยล่ะ!?’

    แม้ในใจจะบ่นอุบอิบแต่ปากก็เปล่งเสียง เข้าสู่ห้วงจิตของเด็กสาว “คืออย่างงี้นะสาวน้อย แม้จิตกระบี่ จะชื่อจิตกระบี่ แต่รูปร่างของมันก็ไม่ใกล้เคียงแม้แต่น้อย แต่มันจะมีคนจำพวกหนึ่ง ที่สามารถปลุกเศษเสี้ยวดั้งเดิมขึ้นมา จนจิตกระบี่แปลงสภาพเป็นรูปแบบดั้งเดิม หรือเรียกกันว่า จิตกระบี่ดั้งเดิม หรือ จิตกระบี่แท้…”

     

       หลังจากได้ยินคำอธิบายแบบลวกๆจากชายชรา เด็กสาวก็ดวงตาเปล่งประกาย ‘ท่านอาจารย์ต้องสุดยอดมากแน่นอน!!’ แม้นางจะไม่รู้ก็เถอะว่าจิตกระบี่คืออะไร หรือ เทพเซียน เซียนกระบี่คืออะไร

    แต่นางรับรู้แค่ว่าอาจารย์ของนางแข็งแกร่ง แม้ในหมู่ของคนที่แข็งแกร่งมากๆ ในระหว่างที่เด็กสาวกำลังตาลุกวาว

     

       ศิษย์พี่หลัวที่ครุ่นคิดอยู่กับตนเองอยู่ ก็พึมพำออกมาพร้อมยิ้มแห้งๆ “ไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องจะสามารถ ทำให้จิตกระบี่กลับสภาพดั้งเดิมได้ แม้แต่ในหมู่เซียนกระบี่ที่มาจากสำนักดั้งเดิม จากแดนเทวะยังหาได้ยาก ความเข้าใจและจิตใจของเขาช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

    ราวกับเขาแก่ลงหลายปี แรกสุดข้อมูลเรื่องนี้เขาไม่ได้บอกกับอีกฝ่าย เพราะคิดว่าอย่างไรศิษย์น้องคงไม่อาจปลุกจิตกระบี่ดั้งเดิมได้ แม้แต่อาจารย์ยังทำได้เพียงสัมผัสถึง แต่ไม่อาจไปถึง

     

     

        ศิษย์น้องคนนี้อธิบายได้แค่ว่า สัตว์ประหลาด แม้พรสวรรค์จะตื่นเขินร่างกายไม่อาจฝึกเซียน แต่ความเข้าใจและจิตใจของเขาเรียกว่าอยู่ในระดับสัตว์ประหลาด

    ยังไม่ต้องพูดถึงร่างต้นกล้าอมตะ แม้จะไม่รู้ว่าระดับเท่าไหร่ แต่มันก็มอบสิทธิ์การตรัสรู้และเข้าภวังค์เพื่อทำความเข้าใจวิชา โดยได้รับการหนุนเสริมจากมหามรรคา นี้มันยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดแล้ว แทบจะเป็นปีศาจพรสวรรค์อยู่แล้ว

     

       หากศิษย์น้องตนไม่ได้มีร่างกายผิดปกติ อาจจะ….อาจจะมีพรสวรรค์เทียบเท่าองค์เทียนโฮว จักรพรรดินีผู้ปกครองสรวงสรรค์ ถือครองอำนาจสูงสุด ผู้แข็งแกร่งที่สุดใน 3 ภพ 2 แดน แค่คิดเขาก็เสียวสันหลังวูบวาบ

    ราวกับมีดวงตาเรียวงามคู่หนึ่งจ้องมองจากจากท้องฟ้า ภายในความว่างเปล่าโดยจ้องมองมาที่ตน แต่นั้นเพียงความรู้สึกที่เขาคิดไปเอง

     

       หากไม่เจาะจงเรียกชื่อหรือนึกถึง ก็ยากที่ผู้แข็งแกร่งขอบเขตนภาจะสัมผัสถึง โดยเฉพาะหลัวกงฟานที่แค่ได้รู้จากปากอาจารย์มาอีกที

    จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะสนใจ ยังมีความจริงที่ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่สนใจ สิ่งมีชีวิตระดับมดปลวกที่แค่นางถอนหายใจ ก็ทลายวิญญาณจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก

     

     

     

    *3 ภพ 2 แดน มีดังนี้ 

    3 ภพ

    ภพมนุษย์ , ภพปีศาจ หรือ ภพรกร้าง , ภพเทพ หรือ ภพศักดิ์สิทธิ์

    2 แดน 

    แดนสวรรค์ , แดนนรก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×