ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #94 : ตอนที่ 94 ไม่อีกแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 66


       เปรี้ยง!! เสียงสายฟ้าอัสนีกัมปนาทดังขึ้น ทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องหยุดชะงักพร้อมใบหน้าเปลี่ยนสี 

    ร่างสองร่างด้านบนต้นไม้สูง ภายในฝุ่นควันเข้าโรมรันกันอยู่สักพัก ก่อนจะมีร่างหนึ่งถอยออกมาจากม่านควัน

     

       พร้อมพาดลูกเกาทัณฑ์เตรียมง้างสายยิงออกไป แต่เหมือนอีกคนจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจนึก ชายหนุ่มชุดคลุมเทาพุ่งออกมาจากม่านควัน

    พร้อมฟาดฟันคมกระบี่สีขาวดุจหิมะยามเหมันต์ฤดู เข้าใส่ลำคอของมือเกาทัณฑ์ ประกายแสนคมกริบสัมผัสกับลำคอ ที่แข็งดุจตนไม้โบราณ ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

     

       ฟิ้ว!! แต่เหมือนโอกาสจะยังมาไม่ถึง มีดสั้นสีดำเล่มหนึ่งถูกปาขึ้นมาทางหลินมู่ด้วยความเร็วสูง หากดื้อดึงจะสังหารพลสอดแนมผู้นี้ ตนจะต้องเจ็บหนักจากมีดสั้นเล่มนั้นแน่นอน

    ชายหนุ่มใช้ร่างของอีกฝ่ายเป็นแท่นส่งตัว ดีดตัวกลับไปยืนบนกิ่งไม้ พร้อมปลดปล่อยจิตกระบี่ออกไปขัดขวางการโจมตี เพล้ง! เพล้ง!!

     

       ทั้งลูกเกาทัณฑ์ที่พึ่งออกจากสาย และ มีดสั้นที่กำลังพุ่งขึ้นมาถูกสกัดไว้จนหมด ร่างของมือเกาทัณฑ์ที่ฟื้นคืนจากความตาย ล่วงหลนลงไปยังเบื้องล่าง

    ดวงตาไร้ชีวิตคู่นั้นจับจ้องหลินมู่ที่ยืนนิ่งดุจเสาค้ำฟ้า ไม่หวั่นเกรงศัตรูที่รายล้อมทั่วสารทิศ ร่างนั้นพาดลูกเกาทัณฑ์ไว้บนสายก่อนจะง้างแล้วยิงออกไป

     

       โดยไม่สนเลยว่าตนกำลังอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ลูกเกาทัณฑ์ที่ถูกปล่อยจากสายพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ตรงเข้าหาร่างในชุดคลุมเทาที่ยืนอยู่ด้านบน

    ปราณหยินคละคลุ้งรอบลูกเกาทัณฑ์ ราวกับเป็นศรแห่งความตายจากยมโลก พุ่งตรงขึ้นมาหวังเด็ดและเก็บเกี่ยวชีวิต ชายหนุ่มที่เห็นเช่นนั้นทำเพียงเอียงตัวเล็กน้อย

     

        เพื่อหลบลูบเกาทัณฑ์อย่างง่ายดาย พร้อมมองลงไปยังเบื้องล่างที่ร่างนั้นร่วงลงไป “….” ไม่รู้เหตุใดเขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มอยู่ ทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้

    ซากศพจะมีความรู้สึกนึกคิดได้เช่นไร? นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายเปิดปัญญาแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า พออีกฝ่ายกลายเป็นผีดิบก็จะเป็นแม่ทัพผีดิบหรอกหรือ

     

         แม้จะสงสัยแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่จังหวะเหมาะจะหาคำตอบ ดวงตาสีหมึกนั้นก้มลงมองสำรวจบริเวณรอบต้นไม้ ก็พบว่าตนเองถูกรายล้อมไว้อย่างหนาแน่น 

    “เหมือนพาตัวเองมาติดกับดักยังไงก็ไม่รู้” ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตนเองด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ดรุณีน้อยนามผิงฮวาที่ถูกห้อยตุ้งติ้งราวกับตุ๊กตายัดนุ่น

     

         ใบหน้าของนางซีดเผือดดวงตาสั่นระริก แต่ไม่นานนักดวงตากลมโตคู่นั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เธอแหงนหน้ามองชายหนุ่ม ที่ตนเรียกว่าอาจารย์ด้วยความเคารพ

    ‘สักวันข้าจะเป็นยอดฝีมือเช่นอาจารย์ให้ได้!!’ เธอตั้งปณิธานอย่างมุ่งมั่น หากเธอมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ ในอนาคตก็จะไม่มีใครกล้าตอแยหรือรังแกเธออีก

     

         ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นก่อนจะคลายออก เป็นอย่างงี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ราวสามสี่ครั้ง ดวงตาสีหมึกคู่นั้นเหมือนเปล่งประกายด้วยมวลดาราไร้สิ้นสุด

    “เสี่ยวผิง เกาะไว้แน่นๆ” พูดจบชายหนุ่มก็ไม่รอรับคำตอบใดๆ ทิ้งตัวดิ่งลงมาเป็นแนวดิ่ง เหมือนจงใจฆ่าตัวตายอย่างไรอย่างงั้น นักลอบสังหารสาวที่เห็นภาพนี้

     

        ดวงตาก็เบิกกว้างสมองพยายามคิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร เธอส่ายหน้าอย่างแรงก่อนจะร้องตะโกนออกมา “โจมตี!! โอกาสนี้แหละ ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศไม่ได้!!”

    สิ้นเสียงของนางเหล่าโจรและนักลอบสังหาร ก็โคจรลมปราณส่งการโจมตีของตนเอง ขึ้นไปด้านบนตรงเข้าหาร่างที่กำลังดิ่งลงมานั้น

     

        กลางอากาศชุดคลุมของอีกฝ่ายโบกสะบัดพริ้วไหว มือขวากุมกระบี่แน่นดวงตาเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ ผิงฮวาที่ถูกสั่งให้เกาะแน่นๆ ก็โอบเอวผู้เป็นอาจารย์

    ราวกับเป็นสล็อตตัวน้อย เชือกวิเศษที่พลางตัวอยู่ตลอดก็คลายออก เลื้อยรัดไปตามตัวราวกับอสรพิษ มาพันอยู่บริเวณแขนซ้ายของชายหนุ่ม

     

         เป็นจังหวะเดียวกันที่การโจมตีนับร้อยพุ่งขึ้นมาถึง เพียงเสี้ยวพริบตาเส้นสายราวกับริ้วคลื่น ก็พุ่งออกมาจากดวงตานับสิบสาย เข้าโรมรันสกัดการโจมตีมากมายจนฟ้าเปลี่ยนสี

    ร่างของอีกฝ่ายพุ่งผ่านสมรภูมิไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงระยะเขาก็ใช้เชือกวิเศษผูกกับต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด ดึงตนเองไปทางนั้นด้วยความเร็วสูง เหล่าโจรที่อยู่บริเวณนั้นแสดงท่าทีทำอะไรไม่ถูก

     

        กว่าจะตอบสนองคมกระบี่ก็ตัดผ่านลำคอของพวกมันไปแล้ว “อ๊าก!!!” แต่ก็ยังมีคนที่ไหวตัวทันในจังหวะสุดท้าย หลบเลี่ยงโทษตาย โดยแลกกับแขนหรือมือบางข้าง

    ร่างนั้นพุ่งหายเข้าไปในป่าดุจภูติผี พร้อมมีเส้นสายสีฟ้าบินตามราวกับข้าราชบริพาร ปล่อยให้เหล่าโจรและนักลอบสังหาร ยืนอ้ำอึ้งทำสีหน้าไม่ถูก

     

         ถึงแม้สถานการณ์จะดูเหมือนเกินควบคุม แต่นักลอบสังหารสาวกลับแสดงสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน กลับกันเธอกลับแสดงรอยยิ้มเย้ายวนออกมาแทน

    ดวงตาของเธอราวกับเปล่งแสงสีแดงอันอำมหิต “ตามไป” เธอสั่งคำสั่งเพียงสองคำ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดตามไปโดยทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายพอสมควร

     

        หลินมู่ที่ตีฝ่าวงล้อมออกมาได้อีกครั้ง กำลังใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามกิ่งไม้ มุ่งหน้าออกจากป่าให้เร็วที่สุด โดยมีผิงฮวาน้อยที่เกาะแน่นพร้อมปิดตาแน่น

    แม้จะขยับตัวค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่กระทบการต่อสู้เท่าไหร่นัก แต่ในจังหวะนั้นเอง มีดสั้นเล่มหนึ่งก็ถูกปามาด้วยองศาที่ไม่น่าเชื่อ โค้งเข้าหาชายหนุ่มจากทางด้านหลัง

     

       พร้อมกับมีร่างหนึ่งพุ่งมาจากระยะใกล้ บดขยี้ต้นไม้ใบหญ้าที่ขว้างทางจนแหลกเป็นจุล ร่างนั้นสาวหมัดเข้าใส่ผิงฮวาแทนจะเล็งไปทางหลินมู่ 

    โต๋วเจิ่งที่โจมตีอย่างกระทันหัน แสดงสีหน้าโหดเหมือนยิ้มแยกเขี้ยว พร้อมปลดปล่อยลมปราณอันบ้าคลั่ง สร้างเป็นคลื่นลมกระจายไปทั่ว

     

        ดวงตาของหลินมู่หรี่ลงเล็กน้อย หากเขาเลือกจะหลบผิงฮวาที่เกาะเขาอยู่ ก็จะถูกโจมตีจากทางใดไม่ก็ทางหนึ่ง เพียงเสี้ยวพริบตา 

    เชือกวิเศษก็มาม้วนตัวรอบร่างดรุณี ดึงนางออกไปด้วยความรวดเร็ว “ท่านอาจารย์!!” ผิงฮวาตะโกนขึ้นอย่างตื่นตระหนก ดวงตากลมโตคู่นั้น เห็นอาจารย์ของนางฟาดฟันกระบี่สวนกับกำปั้นของอีกฝ่าย เส้นสายสีฟ้าจำนวนสามเส้น พุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่าย

     

        พร้อมเอี่ยวตัวหลบมีดที่ถูกคว้างมา แม้จะหลบไม่พ้นทั้งหมดแต่ก็เป็นเพียงแผลเล็กๆเท่านั้น คมกระบี่สีขาวฟาดเข้าใส่กำปั้นของโต๋วเจิ่ง หวังฝันอีกฝ่ายเป็นสองท่อน

    สาดประกายคมกริบเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมา อีกฝ่ายขยับตัวด้วยท่วงท่าสุดแปลกพิสดาร เอี้ยวตัวหลบจิตกระบี่อยู่เฉียดฉิว พร้อมทั้งข้อต่อหักพับจนหมัดที่อัดแน่นไปด้วยลมปราณนั้น

     

        หลบเลี่ยงคมกระบี่พุ่งตรงเข้ายังบริเวณทรวงอก ปัง!!! ร่างของชายหนุ่มลอยละลิ่วดุจว่าวสายป่านขาด ร่างของเขากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงอยู่ครั้งสองครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป

    “ท่านอาจารย์!!” ผิงฮวาน้อยวิ่งเข้าหาร่างของชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ด้วยน้ำตานองหน้าเมื่อพลิกร่างของอีกฝ่ายขึ้นมา ก็เห็นว่าชายหนุ่มกำลังกระอักเลือดสีแดงสดออกมา

     

        ดวงตามีสายเลือดหลั่งไหลดุจสายน้ำ ดวงตาสีหมึกคู่นั้นเผยให้เห็นความเจ็บปวดเหนือคณานับ แต่มือยังคงกุมกระบี่แน่นไม่คลายออก แม้แววตาจะมุ่งมั่นพยายามลุกขึ้นมา แต่กลับไม่ตอบสนอง

    ปึง!! ร่างของโต๋วเจิ่งกระแทกลงบนพื้น มองที่ข้อมือตนเอง ที่ถูกคมกระบี่ปาดเฉือนด้วยใบหน้าชื่นชม ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากจิตกระบี่ เด็กสาวที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ตัวจะสั่นเทาแต่ก็ลุกขึ้นยืน

     

       กุมกิ่งไม้แน่นดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา “แม่หนูน้อยยอมแพ้เสียเถอะ เก็บกิ่งไม้ของเจ้าไว้ซะ” เสียงของสตรีดังขึ้นมาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนมาก 

    พากันเดินออกมาจากป่าล้อมรอบบริเวณนี้เอาไว้ แม้แต่มือเกาทัณฑ์ผู้นั้นยังปรากฏตัวบนกิ่งไม้ ยืนมองลงมาด้วยสายเฉยเมย เด็กสาวเม้มปากแน่นหันไปมองชายหนุ่มที่นางเรียกว่าอาจารย์

     

        เธอกัดริมฝีปากจนเลือดสีแดงเริ่มไหลออกมา นางทิ้งกิ่งไม้ลงพื้นก่อนจะตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้า พรากทุกอย่างไปจากข้า พ่อแม่พี่น้องลุงๆป้าๆของข้า แต่ครั้งนี้จะไม่มีอีก ไม่มีอีกแล้ว!!…ข้าจะไม่เสียใครอีก!! ข้าจะไม่เสียคนสำคัญให้พวกเจ้าอีกแล้ว!!” นางคำราม พร้อมเอื้อมมือไปคว้าด้ามกระบี่สีดำ

    เคร็ง!!! เสียงเหล็กดังกึกก้องไปทั่วผืนป่า คลื่นคมกริบราวกับพายุคลั่งพัดไปทั่วบริเวณ บังคับให้คนเหล่านั้นถอยหลังกลับไป นักลอบสังหารสาว มองด้วยสายตาตกตะลึงปนความไม่อยากจะเชื่อ

     

         ร่างของเด็กสาวที่ยืนใช้มือสองข้างกุมด้ามกระบี่สีดำสนิท ตัวอักษรสีทองเปล่งประกายบนใบกระบี่ เฮ่ยซาน ภูเขาทมิฬ 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×