ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #91 : ตอนที่ 91 เก็บสัตว์ประหลาดพรสวรรค์ได้

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 66


        ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ประดับประดาด้วย ดวงดาวเปล่งประกายละลานตา ภายในโพรงไม้แห่งหนึ่งร่างของชายหนุ่มสะพายกระบี่

    กำลังนั่งนิ่งเปลือกตาปิดสนิท เพ่งสมาธิไปยังจุดระหว่างคิ้ว โคจรและฝึกเคล็ดกำหนดจิตกระบี่ ภายในห้วงจริงอันกว้างขวาง เส้นสีฟ้าโปร่งใสหลายสิบเส้น

     

        กำลังบินไปมาอย่างฉวัดเฉวียน ออร่าแสนคมกริบแผ่กระจายออกมาจากพวกมันไม่ขาดสาย ตรงจุดศูนย์กลางคือเค้าโครงจิตกระบี่ ที่กำลังก่อตัวขึ้นด้วยความเร็วอันเชื่องช้า

    หลายอึดใจมันก่อตัวขึ้นมาเพียงเสี้ยวเดียว ห่างไกลจากการก่อตัวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ แม้ประโยชน์จากการฝึกฝนจิตใจในตอนนี้ค่อนข้างเล็กน้อย

     

         แต่ถึงอย่างงั้นยุงก็ถือว่าเป็นเนื้อต่อให้เล็กน้อยเท่าไหร่ก็ตาม หลินมู่นั่งโคจรเคล็ดกำหนดจิตกระบี่ตลอดทั้งคืน โดยแบ่งสัมผัสส่วนหนึ่งออกไปคอยฟังเสียงรอบตัว

    พริบตาเดียวท้องฟ้าอันมืดครึ้มก็ค่อยๆเลือนหายไป ปล่อยให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าปลดปล่อยแสง ขับไล่ความมืดมิดไปตามวัฏจักร

     

         ผิงฮวาที่ตื่นจากนิทราก็งัวเงียใช้หลังมือน้อยๆ ขยี้ตาเบาๆพร้อมหันไปมองรอบตัวอย่างสงสัย เธอเห็นว่าไม่ไกลนักมีชายหนุ่มที่เธอเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์

    กำลังนั่งนิ่งไม่ไหวติงราวกับเป็นรูปปั้นดินเผาก็ไม่ปาน เด็กสาวเกาหลังศีรษะด้วยใบหน้าอันสงสัย นางค่อยๆลุกขึ้นโดยพยายามส่งเสียงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

         ก่อนจะออกจากโพรงไม้ไปดรุณีน้อยก็พับชุดคลุม ของชายหนุ่มวางไว้บนพื้นอย่างเรียบร้อย ก่อนเด็กสาวจะเดินออกจากโพรงไม้ด้วยความลำพองใจโดยไม่ลืม หยิบกิ่งไม้ตามออกมาด้วย

    เธอยืดอกรับแสงแรกของวันอย่างภาคภูมิว่า วิชาตัวเบาของนางขยับกายไร้เสียง จนยอดฝีมือไม่อาจสัมผัสถึง หารู้ไม่ว่าทุกการกระทำตกอยู่ภายใต้ สายตาที่มองไม่เห็นของชายหนุ่มผู้นั้น…

     

       หลังจากลำพองใจอยู่สักพักเด็กสาวก็ตั้งท่าบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆโบกกิ่งไม้ในมือราวกับซ้อมกระบี่ น่าแปลกใจที่การฝึกของนางไม่ได้ทุลักทุเลอย่างที่หลินมู่คิด

    ลมหายใจเข้าออกของเด็กสาวกลับเป็นไปตามธรรมชาติ ราวกับไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำขึ้นมา แม้จะเป็นเพียงท่าฟันง่ายๆที่ไม่ได้ซับซ้อน แต่การจะมาถึงขอบเขตนี้ได้

     

        จะต้องใช้ทั้งเวลาความพยายามมากมาย แม้แต่หลินมู่กว่าจะให้ได้ถึงขั้นนี้ยังต้องอาศัยการเข้าภวังค์ จึงจะเข้าถึงความรู้สึกเช่นนี้

    ชายหนุ่มนั่งนิ่งไม่พูดอะไรสังเกตการณ์ต่อไป หวังจะเห็นอะไรเพิ่มเติมจากเด็กสาวผู้นี้ ไม่กี่ถ้วยชานางก็หยุดฟันอากาศนับรวมแล้ว 100 ครั้งพอดิบพอดี

     

         หลังจากนั้นนางก็เปลี่ยนลมหายใจ ตั้งท่าขึ้นมาอีกครั้งการตั้งเท่าครั้งนี้ ทำให้หลินมู่สนใจไม่น้อยเพราะท่าทางที่นางพยายามเลียนแบบอยู่นั้น

    คือท่ายืนของเขาจากเหตุการณ์เมื่อคืน แม้นศรีระจะไม่ค่อยเอื้ออำนวย แต่เพียงแค่อารมณ์ภายนอกกลับเลียนแบบจนคล้ายคลึงอย่างน่าตกใจ

     

        แต่การกระทำต่อมาของเด็กสาวนามผิงฮวานั้น จะทำให้ชายหนุ่มต้องแข็งค้าง นางขยับตัวฟันกระบี่จากด้านล่างขึ้นมาด้านบนอย่างลื่นไหล

    เสมือนเป็นสายน้ำตามธรรมชาติ ที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วและมั่นคง ถึงตัวกระบี่จะไม่ได้แสดงถึงเจตจำนง และ ปณิธานดั้งเดิม แต่อารมณ์ภายนอกนั้นกลับเหมือนเป็นหลินมู่ ที่เป็นผู้ออกกระบี่

     

         ภายในหัวของเขานั้นว่างเปล่ายากจะหาคำใดมาอธิบายเรื่องตรงหน้า ถึงกระนั้นความตกใจของชายหนุ่มสะพายกระบี่ ก็ไม่อาจหยุดยั้งการลอกเลียนแบบท่าทางของเด็กสาวได้

    เธอยกกิ่งไม้ขึ้นเหนือหัวมือทั้งสองกุมแน่น แล้วจึงฟาดฟันลงมาท่าทางราวกับจะผสานไปกับธรรมชาติ เปรียบเสมือนสายลมอันพลิ้วไหว 

     

         มาถึงจังหวะนี้ชายหนุ่มก็ได้แต่ถามใจตนเอง นี่ตนละเลยการฝึกฝนมากเกินไป? หรือ เด็กสาวผู้นี้คือปีศาจพรสวรรค์? หากครั้งแรกคือความบังเอิญ ครั้งที่สองคือโชคช่วย

    งั้นครั้งที่สามก็หมายความว่านั้นคือเรื่องจริงไม่แหกตา หลินมู่นั่งนิ่งพยายามทำให้ตนเองเปรียบเสมือน รูปปั้นกระเบื้องเคลือบที่ไร้ชีวิต ใช้สายตาพิเศษจับจองการกระทำต่อไปของผิงฮวาน้อย

     

        ไม่ปล่อยให้เขาต้องรอนาน เด็กสาวก็ขยับตัวอีกครั้ง นางถอยหลังหนึ่งก้าวฟาดกิ่งไม้เป็นแนวนอน รวดเร็วและเด็ดขาดไม่มีการลังเลใดๆ 

    อารมณ์ที่สื่อออกมาเมื่อกี้นี้ ราวกับหลินมู่ไม่ผิดเพี้ยน ชายหนุ่มที่ได้เห็นก็ได้แต่ถอนหายใจกับตนเองอย่างเงียบงัน นี้ตนเก็บสัตว์ประหลาดได้แล้วกระมัง 

     

        คนอื่นมีแต่เก็บศาสตราวุธค้ำฟ้า มหาวิชาสยบโลกา แต่ หลินมู่ ดันเก็บได้สัตว์ประหลาดในการฝึกฝนมา

    แม้รากพรสวรรค์สายเซียนจะอ่อนด้อย แต่พรสวรรค์เฉพาะของนางกับท้าทายฟ้าดินยิ่งนัก ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเลยว่านางยังคงไม่ได้ฝึกฝนใดๆ ได้แต่แกว่งไม้อย่างไร้ทิศทางมิมีผู้ใดสั่งสอน

     

        แต่เพียงได้เห็นการออกกระบี่ของหลินมู่เมื่อคืน นางก็สามารถลอกเลียนแบบแสดงถึงอารมณ์ภายนอกได้แล้ว แม้จะขาดแก่นแท้และปณิธานดั้งเดิม

    เพียงแค่อารมณ์ภายนอกก็มากพอจะทำให้นาง กลายเป็นมือกระบี่ผู้แกร่งกล้าได้ไม่ยาก ชายหนุ่มชักเริ่มปวดขมับตุบๆ ไอ้เขาก็พึ่งฝึกได้ไม่ถึงปี ความรู้ก็มีนิดเดียวเท่าหยดน้ำ

     

        ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าอ่อนด้อยเพียงใด ‘หรือจะรับนางเป็นศิษย์แทนอาจารย์ แบบที่ศิษย์พี่ทำกับเราดี…’ ชายหนุ่มเกิดความคิดอันบรรเจิด

    ถึงอย่างงั้นเรื่องนี้ ยังต้องผ่านการไตร่ตรอง แต่หลักๆเลยศิษย์พี่หลัวและศิษย์น้องอย่างเขา จะต้องปรึกษากันในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

     

        ตัวของผิงฮวาแม้จะมีพรสวรรค์แอบแฝงที่สูงส่ง แต่ไม่แน่ว่าอาจารย์อาจจะรับนางก็ได้ ต่างจากหลินมู่ที่หลัวกงฟานเปรยว่าเขามีวาสนากับผู้เป็นอาจารย์

    ดีไม่ดีอาจารย์อาจจะไม่สนนางเลยก็ได้ และอีกอย่าง หลินมู่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของผู้เป็นอาจารย์เลย กว่าการตัดสินใจนี้จะตกผลึก คงต้องรอให้ไปยังภูเขาสุดขอบตะวันออกก่อน

     

        ถึงอย่างงั้นก็เถอะ หลินมู่ก็ดันโยนตัวเองเข้าหล่มโคลน พยายามเคาะด่านถามใจ ไม่อาจขยับตัวตามใจนึกปราถนาได้ จนกว่าเคราะห์ด่านจะคลายออก

    คิดไปคิดมาก็น่าปวดหัวยิ่งนัก หลินมู่เลิกนั่งนิ่งสังเกตการณ์เด็กสาว พยุงตัวลุกขึ้นนั่งใช้เชือกวิเศษเก็บชุดคลุมตัวนอกขึ้นมาสวม บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเท่าที่จะทำได้

     

        “เสี่ยวฮวาเจ้าหยุดก่อน” เขาก้าวออกมาจากโพรงไม้ ปล่อยให้แสงแดดตกกระทบร่างกาย ปลดปล่อยอารมณ์ผ่อนคลายและเป็นมิตรออกมา 

    ดรุณีน้อยที่ยังค้างอยู่ในท่าง้างเตรียมฟันลงไป ก็หันมามองทางต้นเสียงอย่างกระตือรือร้น นางรีบวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมใบหน้าอันสดใส “ท่านอาจารย์ ท่านตื่นแล้ว!?”

     

        นางกระโดดสองสามครั้งราวกับกระต่ายน้อยที่ร่าเริง มาหยุดอยู่ต่อหน้าชายหนุ่ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มอันไร้เดียงสา ภายในส่วนลึกของแววตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง

    ยังไม่ทันจะให้ชายหนุ่มกล่าวสิ่งใด เขาก็คว้าตัวของเด็กสาวมาไว้ในอ้อมแขน สื่อสารกับเชือกวิเศษให้ดึงตนถอยหลังไป พร้อมเอื้อมมือไปกุมด้ามกระบี่

     

        เพล้ง! เพล้ง!! เพียงเสี้ยวพริบตามีดสั้นสีดำทมิฬ ก็ถูกสกัดอย่างง่ายดายทันใดนั้นร่างในชุดคลุมมากมาย ก็ปรากฏตัวขึ้นมาตีกรอบล้อมรอบในรัศมี 100 จั้ง

    ไม่เพียงแค่นั้นพลุสัญญาสีแดงสดก็ถูกยิงขึ้นฟ้า เพียงไม่นานกำลังเสริมของอีกฝ่ายก็จะมาถึง “แหมแหม ท่านราชายุทธ์ ข้าก็คิดอยู่ว่าท่านกำลังทำสิ่งใด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านกำลังเลี้ยงเด็ก ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้”

     

        เสียงสตรียั่วยวนดังขึ้นพร้อม สตรีในชุดนักลอบสังหารก็เดินออกมาจากเงามืด ห่างจากหลินมู่ไป 120 จั้ง ซึ่งมันอยู่นอกระยะการตรวจจับของมุมมองพิเศษ

    “เหมือนข้าจะทำพลาดสินะ…” สตรีผู้นั้นหัวเราะคิกคักพร้อมพูดขึ้นอย่างทรงเสน่ห์ “ก็ไม่มากขนาดนั้น ข้าต้องชื่นชมท่านด้วยซ้ำ ที่สามารถฝึกฝนขอบเขตการขับรู้ได้มากขนาดนี้ แม้แต่ราชายุทธ์บางคนยังใช้เพียงตาอยู่เลย"

     

         หลินมู่ยิ้มเจื่อนตอนนี้เขาโดนล้อมกรอบ ส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการตรวจจับของมุมมองพิเศษ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ปรากฏตัวขึ้นมาให้เขาสัมผัสถึง

    เด็กสาวที่เห็นกลุ่มคนที่นางคุ้นเคย กลุ่มคนที่ทำลายหมู่บ้านพรากครอบครัวไปจากนาง ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในดวงตาของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นเคือง 

     

         พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างสุดกำลัง แต่นางก็ถูกหลินมู่ห้ามเอาไว้เสียก่อน “เหมือนจะจบแล้วสิ ข้าก็อยากจะใช้สถานการณ์ตอนนี้ให้คุ้มค่า แต่เหมือนตอนนี้จะไม่เอื้ออำนวยเสียแล้วสิ…”

    ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเรียบเฉย เปลือกตาค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็น ดวงตาสีหมึกดุจท้องนภายามรัตติกาล ที่ประดับประดาไปด้วยมวลดารา

     

        ประกายคมกริบที่กรีดลึกถึงวิญญาณถูกสำแดงออกมา สันหลังของพวกโจรและนักลอบสังหารเย็นวาบ สัมผัสได้ถึงเค้าลางแห่งความตายที่ไม่อาจหลบเลี่ยง

    พรึบ!! ในจังหวะที่ไม่มีใครคาดคิด ร่างหนึ่งจากนอกระยะสายตาก็พุ่งเข้าหาหลินมู่ พร้อมลมปราณอันบ้าคลั่งที่พร้อมจะบดขยี้ทุกอย่างที่ขวางหน้า

     

       กำปั้นอันใหญ่ยักษ์เล็งเป้าไปยังเด็กสาว ที่อยู่ภายในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตคู่นั้นสะท้อนกับกำปั้นอันไร้ปราณี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร

    หลินมู่ขมวดคิ้วแน่นเปรียบรูปแบบการโคจร ขยับด้วยท่าเท้าอันไหลลื่น เปลี่ยนตำแหน่งพร้อมออกกระบี่ด้วยความเร็วสูง คมกระบี่สีขาวดุจหิมะอันบริสุทธิ์ 

     

       ตัดผ่านร่างของอีกฝ่ายไปอย่างง่ายดาย ราวกับมีดร้อยๆกำลังผ่าเนยก้อนหนึ่ง แต่ใบหน้าของผู้ลอบโจมตีนั้นกลับไม่แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวใดๆ

    เพียงมีแต่ความบ้าคลั่งที่อัดแน่นภายในแววตา ขนาดร่างถูกฟันไปครึ่งท่อนสายตาอันบ้าคลั่งคู่นั้น ยังคงจับจ้องมาอย่างไม่วางตาจนสิ้นใจตายไป….

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×