คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 เมืองหลิวบรรพต
รุ่งสางเมื่ออรุณสาดส่องในหุบเขาเมฆา หลินมู่ที่พึ่งตื่นนอนกำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าขบคิด
เขาคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องที่จะตามมาหลังจากนี้ดี แม้คืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่า วันถัดๆไปหรือหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ต้องทำอะไรสักอย่าง…..” หลินมู่พึมพำก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมชั้นนอกสีเทามาสวม และเดินออกไปอย่างรีบร้อน
เมืองการค้าอรุณรุ่งเรืองบริเวณทิศใต้เยื้องไปทางทิสทิศตะวันตก เมื่อยามเช้ามาถึงเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ทำงานค้าขายภายในเมืองก็เมื่อลุกขึ้นมาเปิดกิจการตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน
เมื่อยามเช้ามาเยือนราตรีจากไป ย่านโคมแดงที่เหล่าชายโสดหรือผู้ฝึกวรยุทธ์์พเนจร มักจะเข้าไปผ่อนคลายกับเหล่าสตรีดื่มกินสุรากับสตรีที่คอยพูดหวานหู ก็พากันปิดลง
นี่คือวัฏจักรของมนุษย์ธรรมดา ณ ทวีปแห่งนี้ แม้แต่ผู้ฝึกวรยุทธ์พเนจรที่อ่อนแอ การใช้ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดามากนัก ต่างแค่พวกเขามีกำลังมากพอจะออกสิทธิ์ออกเสียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตู้ม!!! ในระหว่างที่ร้านค้าหลายร้านกำลังเริ่มทำธุรกิจ ก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากโรงเตี๊ยมแห่งนึง ปะทะเข้ากับร้านขายแป้งที่ยังไม่แม้จะเปิดร้าน ข้าวของกระจัดกระจายฝุ่นตลบอบอวบ
ร่างของชายฉกรรจ์ผิวคล้ำแต่งตัวมอซอสะพายดาบไว้ข้างเอว นอนจมอยู่ในฝุ่นแป้งกำลังไอค๊อกแค๊กสีหน้าค่อนข้างเจ็บปวด
พรึ่บ! ร่างอรชรในชุดคลุมเขียวสายรัดเอวสีเขียวเข้มลักษณะคล้ายใบหลิว ร่อนลงหน้าโรงเตี๊ยมเพียงมองเรือนร่างที่ร้อนแรงนั้น ก็ทำให้บุรุษหรือสตรีด้วยกันจินตนาการนึกถึงใบหน้าที่สวยงาม
แต่น่าเสียดายสตรีในชุดเขียวใช้ผ้าปิดหน้าครึ่งบนเอาไว้ จึงเห็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งลงมาริมฝีปากสีแดงเชอรี่ ผิวขาวนวลรอยยิ้มที่ยกน้อยๆ ทำเอาผู้คนแถวนั้นใจสั่นไม่น้อย
“ที่โดนแม่นางท่านนี้ซัดลอยไป ใช่พยัคฆ์ภูเขารึไม่?” ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นพูดขึ้นอย่างสงสัย โดยรอชมความครึกครื้นจนแน่นขนัดเต็มสายถนน
“ใช่นั้นคือพยัคฆ์ภูเขา ข้านั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมได้เห็นมันโดนแม่นางชุดเขียว ใช้ขาเรียวงามของนางเตะมันลอยออกมาราวกับว่าวสายป่านขาด จุจุจุ คงเจ็บหน้าดู”
ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่สนิทชิดเชื้อกับชายคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาทุกคนที่ได้ยินยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก ว่าพยัคฆ์ภูเขาไปทำอะไรให้แม่นางชุดเขียวท่านนี้โกรธเคือง
ถึงได้โดนเตะลอยออกมาด้วยสภาพน่าสังเวชแบบนี้ เจ้าของร้านแป้งหน้าโรงเตี๊ยม ที่พึ่งเดินกลับมาหลังจากกินอาหารเช้า เมื่อเห็นสภาพร้านตัวเองก็ถึงเข่าทรุด
เหตุไฉนร้านของเขาจึงเป็นสถานที่ต่อสู้ล่ะ? ถึงอยากจะถามเอาความจากแม่นางชุดเขียวก็กลัวจะโดนเตะเหมือนพยัคฆ์ภูเขา
จะให้เอาความกล้าไปเอาความจากพยัคฆ์ภูเขาความกล้าก็ไม่พออีก ก็อย่างว่าเทพเขาตีกันมนุษย์ปุถุชนวุ่นวาย
“ใครคือเจ้าของร้านแป้ง!!?” ไม่คาดคิดว่าจะเป็นแม่นางชุดเขียวจะถามหาเจ้าของร้าน ทำเอาทุกคนในที่นั้นเงียบกริบ
หันไปมองยังชายร่างอ้วนเตี้ยที่นั่งเข่าทรุดอยู่ จังหวะนั้นเขาจะตอบปัดก็ไม่ได้แล้ว “ขะ…ข้าเป็นเจ้าของร้านเอง…”
เขาภาวนาให้สายตรวจของเมืองโผล่หัวมาสักที แต่ยิ่งหวังเหมือนยิ่งห่างไกลสายตรวจและกองปราบที่ควรจะออกมา ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
แม่นางในชุดเขียวมองไปยังเจ้าของร้านแป้งที่แสดงท่าทีไม่เป็นสุข ก็ควักตำลึงทองออกมาจากถุงห้าตำลึง โยนให้เจ้าของร้านแป้งอย่างไม่คิดมาก
เจ้าของร้านแป้งที่เห็นตำลึงทองห้าตำลึงลอยมาทางตนก็ดวงตาเปล่งประกาย รีบคว้าไว้ทันทีเงินจำนวนนี้มากพอจะให้มันซ่อมแซมร้าน และไปดื่มที่ย่านโคมแดงหลายวันเลย
นี่มันโชควาสนาหลังเคราะห์ภัยของแท้ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่มามุงดูเหตุการณ์ก็อดจุปากด้วยความอิจฉาไม่ได้
ชายร่างอ้วนเตี้ยใช้ฝันกัดตำลึงทองก่อนจะหัวเราะอย่างชอบใจ “ขอบคุณท่านหญิง ขอบคุณ!” เขาพูดขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แม่นางชุดเขียวพยักหน้าก่อนจะหันไปมองที่ร้านแป้ง “เจ้าจะทำเป็นตายอีกนานไหม?” สิ้นเสียงพูดของนาง
ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นน่าสยดสยองบนในหน้าก็เดินออกมาจากร้านแป้ง เขาคือพยัคฆ์ภูเขาที่คนในเมืองนี้เรียกกัน
“ลูกเตะของเจ้าแรงไม่เบา ข้าล่ะชอบจริงๆสตรีพยศเช่นเจ้า” พยัคฆ์ภูเขาพูดพร้อมเช็ดเลือดจากมุมปาก เขาเผยรอยยิ้มกว้างมองไปทางแม่นางชุดเขียว
“หึ่ม! เจ้ายังจะปากดีได้อีกไหมเมื่อโดนข้าเตะอีกรอบ!!” สิ้นเสียงอันเดือดดาล พื้นถนนในจุดที่นางยืนอยู่ก็ปริแตก
ก่อนร่างอรชรสีเขียวจะพุ่งเข้าหาพยัคฆ์ภูเขาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง พยัคฆ์ภูเขาหุบยิ้มลงในบัดดลตั้งท่าเตรียมรับมือ
ปัง!! ร่างของพยัคฆ์ภูเขาลอยเคว้งไปอีกฝั่งราวกับว่าวสายป่านขาด ก่อนในชั่วพริบตาร่างของแม่นางชุดเขียวจะตามมาด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัว
“คิดหรอว่าข้าจะปล่อยให้โดนเล่นงานฝ่ายเดียว!!?” พยัคฆ์ภูเขาคำรามลั่น เขาหมุนตัวกางกงนิ้วมือทำราวกับเป็นกงเล็บพยายามจะตะปบเหยื่อ
“พยัคฆ์บดขยี้!!” สิ้นเสียงฝ่ามือของพยัคฆ์ภูเขาก็ฟาดเข้าใส่แม่นางชุดเขียวด้วยความรวดเร็ว แม่นางชุดเขียวเปลี่ยนท่าทางกลางอากาศป้องกันท่าฝ่ามือได้อย่างทันท่วงที
ก่อนจะหมุนตัวลดแรงจากการปะทะเมื่อกี้ ลงไปยืนบนพื้นด้วยความไม่ยากเย็นอะไร
ตู้ม! ร่างของพยัคฆ์ภูเขาตกลงมาดังสนั่น ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากหลุมลึกกลางถนน
“ถุ้ย! เจ้าคงเป็นยอดยุทธ์สินะ น่าตกใจจริงๆอายุเพียงเท่านี้ ก็เป็นยอดยุทธ์ได้แล้ว” พยัคฆ์ภูเขาพูดด้วยสีหน้าเฉยชา
จากการปะทะกันครั้งสองครั้งทำให้เขาพอคาดเดา ขอบเขตตบะแม่นางชุดเขียวได้คร่าวๆ ผู้คนที่เฝ้ามองความตื่นเต้นอยู่เมื่อรู้ว่าแม่นางชุดเขียวมีตบะถึงยอดยุทธ์
ก็อดไม่ได้จะตกตะลึง “อายุเพียงเท่านี้ แต่เป็นยอดยุทธ์แล้ว!? นี่มันอัจฉริยะยุทธ์!!” แม่นางชุดเขียวทำท่าทางไม่ยี่หระ ประมาณว่าจะทำไม?
ข้าเป็นยอดยุทธ์แล้วมันหนักหัวเจ้ารึไง? พยัคฆ์ภูเขาที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีโต้ตอบกลับมา ก็พูดเสริมไปอีกว่า
“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้และขอโทษข้าเสีย อนาคตของเจ้ายาวไกลข้าในฐานะผู้อาวุโสในยุทธจักรเตือนเจ้า” บรรยากาศทั่วบริเวณเงียบสงัด
พยัคฆ์ภูเขาเองก็เป็นผู้มีวรยุทธ์ตบะยอดยุทธ์เหมือนกัน สำหรับเขาหากออกแรงให้สุดกำลังเขาคิดว่าสามารถสยบแม่นางชุดเขียวได้อย่างง่ายดาย
ไม่สู้ให้นางยอมรับโทษด้วยตัวเองจะไม่ดีกว่าหรอ เขาก็ไม่อยากทำลายดอกไม้งามด้วยมือตนเองด้วยสิ เพื่อบุตรชายของตนจะได้ภรรยาที่ดี
“เห้อ….เจ้าพล่ามจบแล้ว?” คำตอบของแม่นางชุดเขียวทำเอาแต่ละคนอ้าปากค้าง ไม่เพียงนางไม่ตอบคำถามของพยัคฆ์ภูเขา
นางยังถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ราวกับพยัคฆ์ภูเขาไม่อยู่ในสายตาของนาง
ใบหน้าของพยัคฆ์ภูเขากระตุกก่อนจะแค่นเสียงพูดด้วยความเย็นชา “ดี!ดีมาก!! ข้าผู้อาวุโสจะสอนเจ้าเกี่ยวกับมารยาทในยุทธจักรเวลาเจอผู้แข็งแกร่งเอง!!”
พยัคฆ์ภูเขาคำรามลั่นราวกับเป็นพยัคฆ์ตัวนึงบนเขาจริงๆ เขาชักดาบโค้งออกมากวัดแกว่งอย่างดุร้าย
ก่อนจะพุ่งเข้าหาร่างอรชรนั้น แต่แปลกแม่นางชุดเขียวกลับไม่เขยื้อนตัวแม้แต่น้อย แต่ทุกคนกลับรับรู้ได้ว่านางกำลังดูถูกพยัคฆ์ภูเขา
“มารยาท? เรื่องนั้นควรเป็นข้าที่ควรสอนคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเช่นเจ้า! ว่าควรทำเช่นไร!!” สิ้นเสียงนางคว้าสายรัดเอวก่อนจะสะบัดไปทางพยัคฆ์ภูเขาราวกับสายฟ้าฟาด
ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงไม่คิดว่า แท้ที่จริงแล้วสายรัดเอวสีเขียวคล้ายใบหลิวคือแส้อันหนึ่ง
“นะ…นั่นมัน!!!!" ในจังหวะที่แม่นางชุดเขียวสะบัดแส้เข้าใส่พยัคฆ์ภูเขา ก็มีคนตาดีเห็นป้ายไม้สีเขียวอันหนึ่งห้อยอยู่ที่สายรัดเอวสีขาว
สงบร่มเย็นใต้ร่มเงาไพศาล พึ่งพาเกื้อกูลปกปักพฤกษาบรรพต ป้ายไม้สีเขียวดุจหยกสะท้อนแสงอาทิตย์ เมื่อคนตาดีเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนป้ายถึงกับขนลุกชัน
“นางมาจากเมืองหลิวบรรพต!!!!” สิ้นเสียงตะโกนเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งหลายก็เริ่มแตกตื่น เมืองหลิวบรรพตคือสิ่งใด?
คืออำนาจที่เทียบได้กับห้าตระกูลมหาอำนาจ ไม่มีใครอยากแย่รังแตนหากเกิดอะไรขึ้นกับนาง ผู้ตรวจการณ์จากเมืองหลิวบรรพตจะมาเยี่ยมเยียนที่นี่แน่นอน
ซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องดี แม้แต่ห้าตระกูลบางครั้งยังหลีกทางให้เมืองหลิวบรรพต บางทีเมืองนี้อาจจะถูกลบไปเลยก็ได้
พยัคฆ์ภูเขาที่ได้ยินว่าแม่นางชุดเขียวตรงหน้ามาจากเมืองหลิวบรรพต ก็หยุดอย่างกระทันหันโยนดาบโค้งไปข้างทาง
ก่อนจะปล่อยให้แส้ที่ทำจากใบหลิวของต้นหลิวบรรพต ฟาดใส่ร่างของตนอย่างไม่พูดอะไร
ให้เขาตอบโต้? ตอบโต้กับผีนะสิ!! หากเกิดอะไรขึ้นกับนางขึ้นมา ไม่ใช่แค่เขาที่จะลำบากแม้แต่ครอบครัวของเขาก็เช่นกัน
แม่นางชุดเขียวไม่ได้ลงมือต่อ เพียงแค่นเสียงแล้วม้วนตัวเดินจากไป ทิ้งให้ถนนการค้าแห่งนี้เข้าสู่ความวังเวง
แม่นางจากเมืองหลิวบรรพตจากไปไม่นานนัก สายตรวจและกองปราบก็มาถึง ผู้คนแถวนั้นมองเจ้าหน้าที่จากสายตรวจและกองปราบด้วยสายตาแปลกๆ
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่มาถึงเองก็ไม่มีหน้า ทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำ พวกเขาคุมตัวพยัคฆ์ภูเขาไปคุมขังสำนักผิดโดยไม่พูดจา
ระหว่างทางมีคนสงสัยว่าพยัคฆ์ภูเขาไปทำอะไรให้แม่นางจากเมืองหลิวบรรพตโกรธเคืองกัน
พยัคฆ์ภูเขาไม่ได้ปริปากพูดเลยแม้แต่น้อย ‘บอกพวกเจ้า? จะให้ข้าบอกพวกเจ้าหรอว่าข้าไปขอนางให้มาเป็นภรรยาของบุตรชายข้า!? พวกเจ้าคงขำข้าตายดีไม่ดีผู้ตรวจการณ์จากเมืองหลิงบรรพตจะมาเคาะประตูหน้าบ้านข้านะสิ!!’
พยัคฆ์ภูเขาไม่ตอบโต้ใดๆทำเพียงแสดงสีหน้าบึ้งตึงเดินไปพร้อมกองปราบ ทางประตูเมืองทิศใต้ร่างของสตรีในชุดเขียวมีสายรัดเอวคล้ายใบหลิวสีเขียว
กำลังยืนมองแผนที่ในมือด้วยสีหน้าไปไม่ถูก “นี่ข้ามาผิดทาง? หุบเขาสำเร็จมารอยู่ทิศตะวันออก……”
นางพึมพำด้วยสีหน้าหมดอะไรตายอยาก ต่างจากท่าทีเย่อหยิ่งจากตะกี้อย่างสิ้นเชิง นางพึ่งได้รับภารกิจจากอาจารย์
ให้ไปเก็บกู้หรือตามหากระบี่ที่อาจารย์ของนาง หลอมให้มารกระบี่เมื่อสองร้อยปีก่อน
ตลอดสองร้อยอาจารย์ของนางหมกมุ่นอยู่กับกระบี่เล่มนั้นมาก ขนาดศิษย์พี่ของนางยังหมกมุ่นตามไปด้วย
จนนางได้รับอิทธิพลมาเต็มๆ นางอยากรู้ว่ากระบี่เล่มนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่นั้นเวลาของอาจารย์เหลือไม่มากแล้ว นางจึงต้องรีบไปให้ถึงหุบเขาสำเร็จมาร เหล่าศิษย์พี่ของนางเองก็ออกตามหาไปทั่วทวีป
ตอนแรกนางคิดว่าจะถึงหุบเขาสำเร็จมารในอีกไม่นาน แต่ปัจจุบันไม่เพียงนางยังไม่ถึงหุบเขาสำเร็จมาร แต่นางยังลงใต้เกือบถึงชายแดนของตระกูลไป๋แล้ว
มุมปากของนางกระตุกก่อนจะถอนหายใจยาว นางม้วนตัวเข้าไปถามข่าวคราวในเมืองว่ามีขบวนรถม้าใดไปเมืองทางตะวันออกบ้าง
จนได้ข่าวว่าจะมีคาราวานพ่อค้าไปเมืองทิศตะวันออก ในอีกสามเดือนใบหน้าของนางยิ่งซีดเซียวลงไปอีก
ทำไงได้นางเดินเท้ามาปีกว่าลงมาทางใต้ จนนางขี้เกียดเดินแล้วจะโทษก็ต้องโทษที่นางถือแผนที่ผิดทิศผิดทาง….
หุบเขาเมฆาที่มั่นตระกูลไป๋ หลินมู่ที่กำลังวางแผนภายในห้องนอนด้วยสีหน้าจริงจัง
เขาพึมพำคำว่าต้องรอดลูกเดียว พยายามคิดหาทางให้ตนเองมีชีวิตรอดสุดฤทธิ์
ทิศเหนือที่มั่นตระกูลต้าเจียงบริเวณต้นแม่น้ำสายใหญ่ของทวีป ต้าเจียงไท่เซี่ยที่นั่งอนุมานทำนายภายในห้องลับก็ลืมตาขึ้นอย่างกระทันหัน
“โชคชะตากำลังจะเบ่งบาน…" ชายชราลูบเครายาวของตนพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจ แม้การทำนายของเขาจะทำนายได้เพียงเล็กน้อย แต่มันก็มากพอจะทำให้เขารู้ว่าอะไรดีไม่ดี
การปล่อยหลินมู่ให้ตระกูลไป๋คือจุดสำคัญ ที่ทำให้เส้นทางมหามรรคาของหลินมู่ถูกชดเชยจากฟ้าดิน
"เหลืออีกไม่นาน เขาจะสุขงอกเต็มที่" ชายชราไอเป็นระยะแต่ใบหน้าของเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
ความคิดเห็น