ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #89 : ตอนที่ 89 ผลกระทบของหลินมู่

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 66


       ภายในป่ายามค่ำคืน ไร้ซึ่งเสียงร้องของแมลงหรือสัตว์ใดๆ ภายใต้แสงจันทร์อันสุกสกาวชายหนุ่มชุดคลุมเทา มือกุมกระบี่ตวัดกวัดแกว่ง

    สังหารคร่าชีวิตของนักลอบสังหารในชุดคลุมดำ ราวกับหั่นผักหั่นปลา คมกระบี่สีขาวดุจหิมะสะท้อนแสงจันทร์เปล่งประกาย

     

        กลิ่นอายสังหารคละคลุ้ง แต่บรรยากาศบนตัวชายหนุ่มช่างแตกต่าง มันทั้งนิ่งสงบดุจผิวน้ำไร้แรงกระเพื่อม บางเบาราวกับสายลม

    ร่างของเขาขยับตัวรวดเร็วเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ผลุบโผล่ราวกับภูติเพียงชั่วพริบตา กลุ่มนักลอบสังหารก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น

     

        ร่างของพวกเขานอนไร้ชีวิตบนผืนดิน กลายเป็นสารอาหารแก่ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนั้น กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลชายหนุ่มย่นคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

    เขาแหงนหน้าขึ้นมองฝากฟ้าอันดำมืด ราวกับผืนผ้าสีดำที่กำลังปกคลุมใต้หล้า ประดับประดาด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาวน้อยใหญ่ จำนวนนับไม่ถ้วน

     

        “โชคไม่เข้าข้างเลยแหะ…” ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่วเมื่อรับรู้ได้ถึง สายลมที่พัดผ่านร่างกายของตนไป อีกไม่นานอีกฝ่ายคงยกโขยงตามมาจากกลิ่นเลือดแน่นอน

    หลินมู่จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากย้ายที่กบดานอีกครั้ง “น่าเสียดายที่เคราะห์ด่านแห่งความยึดติดของข้า ยังคงหยั่งรากลึกมิโอนเอน…” ชายหนุ่มพึมพำอย่างเศร้าหมอง

     

        แม้จะถามใจสักเท่าไหร่ คำตอบยังคงเดิม “เจ้าไม่เห็นรึไงว่าโลกเป็นเช่นไร เช่นนั้นแล้วเจ้ายังยึดติดมิเปลี่ยนแปลง…” ชายหนุ่มพึมพำขึ้นอีกครั้ง

    คราวนี้คล้ายเป็นการเย้ยหยันตนเอง ไม่มีสิ่งใดตอบกลับมีเพียงเสียงของ ใบไม้โบกสะบัดตามสายลมที่ดังเป็นคำตอบ “เห้อ…” หลินมู่ถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะสะบัดเลือดออกจากตงหยู

     

        นำมันกลับเข้าฟักม้วนตัวเดินจากไป เขาไม่อาจใช้ถ้ำตรงนี้เป็นที่ซุกหัวนอนได้อีกแล้ว ได้แต่ไปหาที่นอนแห่งใหม่ “ด…เดี๋ยวก่อน!!” เป็นดรุณีน้อยนางนั้นที่ตะโกนขึ้น พร้อมวิ่งเข้าหาชายหนุ่มด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่าง

    “หากจะพูดอะไรก็พูด ข้าไม่มีเวลามาสนใจเจ้ามากนัก…” ชายหนุ่มสะพายกระบี่พูดขึ้นอย่างไม่แยแส ในระหว่างที่พูดเขายังคงก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปในป่าโดยไม่หยุดชะงัก

     

         โดยมีดรุณีน้อยที่กุมกิ่งไม้อยู่วิ่งตามเยาะๆมาอย่างสุดความสามารถ “ได้โปรด….ได้โปรดสอนวิชาและเพลงกระบี่ให้ข้าด้วย…ไม่ว่าท่านต้องการอะไรข้าก็จะทำ ขอเพียงท่านสอนวิชากระบี่ให้ข้า!”

    นางรีบพูดจุดประสงค์ออกมาทันทีโดยไม่มีการอ้อมค้อมใดๆ หลินมู่เลิกคิ้วขึ้นสูงแปลกใจในความตรงไปตรงมาของเด็กสาวผู้นี้

     

        “เหตุใดข้าต้องสอนเจ้า? แล้วเจ้าจะเรียนวิชากระบี่ไปทำไม?” หลินมู่ยังคงถามคำถาม โดยไม่คิดจะเหลือบมองความกระตือรือร้นและความคาดหวังในสายตานั้นสักนิด

    ดรุณีน้อยกุมกิ่งไม้แน่นดวงตาแดงก่ำ เต็มเปี่ยมไปด้วยความเครียดแค้นที่เด็กในวัยนี้ไม่ควรมี “หากท่านสอนวิชากระบี่ให้ข้า ข้าจะใช้มันเพื่อสังหารโจรชั่วพวกนั้น พวกมันสังหารบิดามารดาและพี่น้องของข้า แม้แต่พวกลุงป้ายังไม่มีใครรอด ข้าอยากแก้แค้นให้พวกเขา ข้าจึงอยากแข็งแกร่งขึ้น!”

     

        ดวงตาอันมุ่งมั่นที่มีปณิธานแห่งการแก้แค้น เปล่งประกายจนยากจะละสายตา หลินมู่เลิกคิ้วขึ้นสูง ‘หลินมู่ เจ้าเห็นหรือไม่? เด็กตัวเท่านั้นยังเลือกจะเปลี่ยนแปลง และเจ้าล่ะ? เลือกจะย้ำอยู่กับที่?’

    แม้ในใจจะจิกกัดตนเองแต่ปากกลับถามคำถามอยู่ตลอด “หลังจากแก้แค้นแล้วเจ้าจะทำเช่นไร? สิ่งที่รออยู่หลังการแก้แค้นคือความว่างเปล่าอันไร้สิ้นสุด เจ้าจะหมดความหมายในการมีชีวิตอยู่ เจ้าจะไม่มีเป้าหมายใดๆอีก ที่จะประคองชีวิตที่ใฝ่หาการแก้แค้นนั้นให้มีชีวิตต่อไปได้ สุดท้ายเจ้าก็จะตายลงอย่างช้าๆจากภายใน…”

     

        เด็กสาวที่ได้ยินคำถามก็เม้มปาก ก้มหน้าไม่อาจตอบคำถามได้สักพัก ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามอย่างมุ่งมั่น “แม้ข้าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านจะสื่อทั้งหมด แม้สิ่งที่รอข้าอยู่หลังการแก้แค้นคือความทุกข์อันไร้ขอบเขต มันก็ดีกว่าข้างอมืองอเท้าไม่ทำสิ่งใด หากหลังการแก้แค้นข้าไร้เป้าหมาย ข้าก็จะสร้างขึ้นมาใหม่ ข้าเชื่อว่าชีวิตของข้าสามารถกำหนดได้”

    หลินมู่ตกตะลึงกับจิตใจอันมุ่งมั่นของเด็กสาว สุดท้ายชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาว นี้สินะที่เขาว่า ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ 

     

          “เจ้ามีนามว่ากระไร?” ดรุณีน้อยนิ่งงันไปสักพัก คล้ายลืมไปว่าตนนั้นมีชื่อแซ่เช่นไร นางทำสีหน้านึกคิดหน้างิ้วคิ้วขมวดอยู่นานสุดท้ายก็ตอบกลับมา

    “ข้ามีชื่อว่า ผิงฮวา ไม่มีแซ่” ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามคำถามออกมาอย่างสงสัย “มีความหมายรึไม่?” ครานี้เด็กสาวไม่ได้ชะงักไป นางตอบกลับมาอย่างคล่องแคล่ว

     

         “ผิง จาก ผิงอัน ที่แปลว่า ปลอดภัย ฮวา แปลว่า ดอกไม้ รวมกันเป็น ผิงฮวา ความหมายข้าจำไม่ค่อยได้ เท่าที่ข้าจำได้ท่านพ่อและท่านแม่ของข้า ตั้งให้เพราะหวังให้ข้า งดงามเหมือนดอกไม้ และ มีชีวิตที่ปลอดภัย” 

    หลินมู่ชื่นชมบิดาและมารดาของดรุณีน้อยนางนี้เล็กน้อย พวกเขาเลือกชื่อได้ดีทีเดียว “ว่าแต่ท่านจะถามเรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน?”

     

        เด็กสาวถามออกมาอย่างสงสัยปนใคร่รู้ หลินมู่แสดงสีหน้าขบคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ “ข้าแค่คิดว่าพูดคุยมาตั้งนาน ไม่รู้จักชื่อก็กระไรอยู่”

    เขาพูดขึ้นพร้อมขยับข้อมือปล่อยเชือกเส้นหนึ่งออกมา เด็กสาวแสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามออกมา “แล้วท่านมีชื่อว่ากระไร?” หลินมู่ขยับนิ้วซ้ายเขี่ยเจ้าเชือกวิเศษที่หลับเป็นตาย

     

        พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แซ่หลิน นามมู่ เจ้าจะเรียกข้าว่าหลินมู่เฉยๆก็ได้” ในจังหวะที่เด็กสาวกำลังประมวลผลคำตอบอยู่นั้นเอง

    เจ้าเชือกที่ห้อยต่องแต่งอยู่ก็พลันมีชีวิต พุ่งมารัดตัวเธออย่างกระทันหัน จนผิงฮวาเกือบหลุดกรีดออกมา ชายหนุ่มสะพายกระบี่นามหลินมู่ที่นางพึ่งรู้จัก ดึงเชือกกลับอุ้มนางไว้ใต้วงแขน

     

        ก่อนจะกระโดดไปตามกิ่งไม้หายไปอย่างรวดเร็ว ผิงฮวาที่พึ่งเคยสัมผัสกับสายลมที่รุ่นแรงเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกกล้าๆกลัวๆ พอนานเข้านางก็รู้สึกชอบความรู้สึก ที่สายลมกระทบใบหน้าแบบนี้

    เพียงเสี้ยวพริบตาหลินมู่ก็มาปรากฏตัว สักแห่งภายในป่ายามค่ำคืน “ข้ายังไม่ได้ถามสินะ ว่าเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ในป่าเช่นนี้” หลินมู่วางผิงฮวาให้ยืนบนพื้นพร้อมถามขึ้น 

     

         เด็กสาวที่พึ่งได้รับประสบการณ์ ราวกับตนได้โผบินชั่วขณะก็ตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้น “เดิมทีห่างจากถ้ำนั้น ไปทางขวาราวลี้กว่า เป็นที่ตั้งเดิมของหมู่บ้านของข้า แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากซากไม้”

    นางตอบกลับพร้อมอธิบายว่าช่วงสามเดือนมานี้ นางใช้ชีวิตเอาตัวรอดในป่าที่เริ่มแปลกไปทุกวันเช่นไร ทำเอาหลินมู่ต้องรอบขอโทษนางเงียบๆ หลังได้รับรู้ความลำบากที่นางจะต้องเผชิญ 

     

         แม้เขาจะไม่ได้มีส่วนโดยตรงที่ทำให้ตะวันตกลุกเป็นไฟ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เหมือนแดนตะวันออกเฉียงเหนือที่พรรคมารปกครองอยู่ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ตะวันเป็นเช่นนี้

    เกิดจากหลินมู่สังหารจูเฉียวที่ถูกคนของต้าเจียงเป่าหู ผู้เป็นผู้นำดั้งเดิมที่คอยคุมบังเหียน ไม่ให้กองโจรพงไพรสายลม กลายเป็นหมาบ้ากัดไม่เลือก พอขาดคนคุมบังเหียนเช่นอีกฝ่ายไป กองโจรก็เปรียบเสมือนมังกรไร้หัว

     

         สามารถชักจูงได้ง่ายจากคนภายใน แรกสุดตะวันตกก็วุ่นวายและตึงเครียด เพราะเรื่องตระกูลหยินหยางมากพอแล้ว พอผู้นำคนใหม่ของกองโจรพงไพรสายลม ขึ้นคุมบังเหียน

    และออกปล้นสะดมไปทั่วสารทิศ ก็เหมือนดินระเบิดถูกจุดชนวนเปลี่ยนแดนตะวันตกให้ลุกเป็นไฟ เป็นผลลูกโซ่จากการที่คนนามจูเฉียวหายตัวไป

     

          ทุกการกระทำมักมีผลกระทบที่จะตามมา ขึ้นอยู่กับว่ามันจะมากน้อยหรือส่งผลกระทบเพียงใด หากเป็นเหล่าเทพเซียนบนเขา พวกเขาคงไม่สนใจใยดีเลยกระมัง

    แต่หลินมู่ที่ยังไม่อาจฝึกฝนจิตใจและขอบเขตพลังถึงระดับนั้น ไม่อาจทำเป็นไม่ยี่หระไม่แยแสเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นได้ หากจะทำเป็นไม่สนใจ ทำเรื่องของตนให้เสร็จๆแล้วรีบหนีออกจากตะวันตก

     

         เขาก็พอจะข่มใจให้ตนทำเช่นนั้นได้ แต่ไม่รับประกันว่าเรื่องในคราวนี้ จะไม่เป็นเหตุการณ์ที่เขาผูกเงื่อนตายให้กับตนเอง จนไม่อาจก้าวเดินได้บนเส้นทางฝึกฝนในมหามรรคา

    ฟ้าดินไม่สนหรอกว่าการกระทำของคุณจะเล็กน้อย และ ไม่สลักสำคัญเพียงใด มีแต่จะโยนผลกระทบและสิ่งที่เกิดขึ้นมาก็เท่านั้น หากดีก็ดีไป หากร้าย มนุษย์ปุถุชนก็ได้แต่ทนความไร้หัวใจของฟ้าดิน โดยไม่อาจเปล่งเสียงโต้แย้งใดๆ 

     

     

     

          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×