ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #87 : ตอนที่ 87 ยังไม่ทันได้หายใจ

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 66


        “บัดซบ วิ่งเร็วนักลืมแล้วหรือไงว่าตนเป็นราชายุทธ์? ช่างน่าขายหน้านัก” หนึ่งในโจรที่ผ่านทางมาพูดขึ้นอย่างงุนงง สหายของเขาอีกสี่คนก็พยักหน้าเห็นด้วย

    “ใช่ เห็นพูดจาโอ้อวดไว้ดิบดี สุดท้ายก็วิ่งเข้าป่าอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเขาทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เห็นทีที่เป็นราชายุทธ์ได้เพราะโชคช่วยกระมัง” สหายของเขากล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

     

        มีที่ไหนกันที่ผู้ทรงพลังเช่นนั้น จะวิ่งเข้าป่าหายไปอย่างไร้ร่องรอย โจรทั้งสามพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ หารู้ไม่ว่าคนที่พวกเขากำลังนินทา ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขานั้นเอง

    ชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพพลางตัวจากใบบุญ ของเชือกวิเศษกำลังกรอกตามองบน คิดในใจว่า ‘ราชายุทธ์? ข้าไม่มีตบะลมปราณด้วยซ้ำ พวกเจ้าคิดเองเออเองทั้งนั้น’

     

        หลินมู่ปิดปากเงียบไม่พูดสิ่งใด เพียงใช้สายตาอันแหลมคมคู่นั้น มองแผ่นหลังของเหล่าโจร หนึ่งในโจรทั้งห้ารู้สึกหนาวสันหลังวาบ รีบบอกให้สหายของคนไปที่อื่น

    เพราะรู้สึกว่าป่านี้นับวันยิ่งแปลกประหลาด ซึ่งหลินมู่ก็พอจะรู้สาเหตุที่ป่าแถวนี้ มีบรรยากาศเยือกเย็นและวังเวงเช่นนี้ เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตสติดีตัวไหน อยากอาศัยอยู่ในป่าที่ฝังศพจำนวนนับไม่ถ้วนนี้หรอก

     

        ขนาดสัตว์มีพิษยังไม่มีสัญญาณออกมาสักตัว พิสูจน์ได้ว่าปราณหยินและไอชั่วร้ายสูงริ้วแค่ไหน หลังจากห้าสหายโจรวิ่งจากไป ก็มีอีกหลายกลุ่มที่ผ่านบริเวณต้นไม้ที่หลินมู่ซ่อนตัวอยู่

    แต่ไม่มีใครสามารถหาเขาเจอได้เลยสักคนเดียว ผ่านไปสักพักบรรยากาศเริ่มกลับมาเงียบงัน ร่างในชุดคลุมดำลวดลายแปลกตา กระโดดมายืนบนกิ่งไม้ไม่ไกลนัก

     

        เขาสำรวจมองตามพื้นและกิ่งไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดฮู้ด เผยให้เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย เขาเป็นชายหนุ่มผมสีบรอนซ์ค่อนข้างแปลกตา ใบหน้ามีแผลเป็นขนาดใหญ่น่าสยดสยอง

    ดวงตาสีเขียวมรกตสาดประกายบางอย่าง หากไม่มีแผลเป็นอีกฝ่ายก็จะเป็นคนหล่อเหลาไม่น้อย ไม่รู้ว่าใครกันที่สร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้อีกฝ่าย 

     

        มือเกาทัณฑ์ทมิฬมองไปมารอบตัว คล้ายจะมองว่ามีใครอยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงก้องกังวาน “เลิกซ่อนตัวเถอะ!! ข้ารู้ว่าท่านอยู่แถวนี้!! ข้าสำรวจร่องรอยการหลบหนีแล้ว ร่องรอยของท่านมาสิ้นสุดบริเวณนี้ ยอมแพ้และออกมาดวลอย่างสมศักดิ์ศรีซะ!!”

    ไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา มือเกาทัณฑ์ทมิฬขมวดคิ้วแน่น ทำให้แผลเป็นบนใบหน้าขยับยุกยิก ราวกับมีตะขาบตัวโตไต่บนใบหน้าของเขาอยู่อย่างไรอย่างงั้น

     

        เขาขยับปลายนิ้วลูบไล้ไปตามลวดลายของชุดคลุม ปากพึมพำบางอย่างคล้ายเป็นภาษาถิ่น “ทุกคนมอบพลังให้ข้าด้วย ได้โปรดมอบโชคให้ข้า…” พึมพำเสียงเขาหยิบลูกเกาทัณฑ์ 

    ง้างสายจนเกือบเป็นจันทร์เต็มดวง ก่อนจะปล่อยสายส่งลูกเกาทัณฑ์ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง ปึง!! หัวโลหะของลูกเกาทัณฑ์ฝังอยู่ในลำต้น หางของมันสั่นไปมาอยู่สักพักก่อนจะหยุดลง

     

        มือเกาทัณฑ์ทมิฬไม่ได้ชักช้า ง้างสายและปล่อยออกไปอีกลูก โดยหวังว่าจะสุ่มโดนที่ซ่อนตัวของอีกฝ่าย การกระทำนี้ตกอยู่ภายใต้สายตาของหลินมู่

    ที่ยืนอยู่ตำแหน่งด้านล่างฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายพอดิบพอดี เขาใช้มุมมองพิเศษของตนมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างสนใจ พยายามหาจังหวะโจมตีเผด็จศึกในคราวเดียว

     

       หลินมู่ควบคุมจังหวะการหายใจ ให้ช้าและยาวที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ พร้อมโคจรจิตกระบี่หมุนวนสลับไปมา ระหว่างห้วงจิตของตนและตงหยู

    ดวงตาสีหมึกสาดประกายอันเด็ดขาด ในจังหวะนั้นเองมือเกาทัณฑ์ทมิฬของกองโจรพิศดาร ก็ปล่อยสายยิ่งลูกเกาทัณฑ์ออกไป ปัง! เชือกวิเศษที่รัดตัวหลินมู่อยู่คลายออก

     

        ชายหนุ่มถีบลำต้นพุ่งไปหาเป้าหมาย ดวงตาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร มือเกาทัณฑ์ทมิฬเองก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่ย่างกราย เขาโคจรลมปราณกระโดดถอยหลังสุดแรง

    พร้อมง้างสายจนเป็นจันทร์เต็มดวง เล็งไปทางชายหนุ่มชุดเทาที่พุ่งออกมา ฟิ้ว!! ลูกเกาทัณฑ์สีดำทมิฬถูกปล่อยออกจากสาย พุ่งเข้าหาบริเวณกึ่งกลางระหว่างคิ้วของหลินมู่

     

        มือเกาทัณฑ์แสยะยิ้มราวกับตนได้รับชัยชนะ เขามั่นใจว่าระยะเท่านี้ต่อให้เป็นราชายุทธ์ ก็ไม่อาจหลบพ้นมือเกาทัณฑ์ง้างสายขึ้นอีกครั้ง เตรียมเผด็จศึก

    แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เส้นสีฟ้าบางราวกับริ้วคลื่นของทะเลสาบ พุ่งออกมาจากดวงตาของอีกฝ่ายอย่างแปลกประหลาด ตัดสะบั้นลูกเกาทัณฑ์จนไม่เหลือเค้าเดิม

     

        มือเกาทัณฑ์หนุ่มสัมผัสได้ถึงความแหลมคม ที่ยากจะหาอะไรเปรียบจากสิ่งแปลกประหลาดนั้น ดวงตาของเขายิ่งเปล่งประกายมากกว่าเดิม ‘นี้อาจจะเป็นวิชาโบราณ!!’

    เขาคิดเช่นนั้นพร้อมปล่อยสาย ยิ่งออกไปอีกลูกหวังซื้อเวลาให้ตนถอยสู่ระยะปลอดภัย เพล้ง!! แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้มือเกาทัณฑ์หนุ่มต้องเบิกตาอย่างตกใจ

     

        เส้นสีฟ้าใสราวกับริ้วคลื่นนั้น พุ่งออกมาจากดวงตาอีกสองเส้น พุ่งเข้าหาลูกเกาทัณฑ์อย่างรวดเร็ว ตัดมันจนเป็นเพียงเศษเหล็กอันหนึ่ง 

    ร่างในชุดคลุมเทานั้นยังคงรุดหน้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการติดขัดใดๆทั้งสิ้น มือเกาทัณฑ์ใบหน้าเปลี่ยนสี ไม่มีเวลาง้างสายหรือถอยหลังแล้ว เขากุมเกาทัณฑ์เหล็กดำของตนแน่น

     

        ถ่ายเทลมปราณส่วนหนึ่งอัดเข้าไปภายใน ฟาดใส่หลินมู่หวังป้องกันวิถีกระบี่นั้น คราวนี้ไม่มีเสียงราวกับอัสนีบาตใดๆ มีเพียงเสียง ฉับ ที่เบาหวิวราวกับจะปลิวไปกับสายลม

    เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอ ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ เขาขยับปากพยายามพูดบางอย่าง แต่ไม่อาจเปล่งเสียง

     

        ภาพโดยรอบเชื่องช้าราวกับหนึ่งอึดใจจะยาวนานไร้สิ้นสุด ดวงตาสีมรกตที่เริ่มหมองหม่นนั้น เหลือบไปมองคมกระบี่สีขาวดุจหิมะยามเหมันต์ฤดู ด้วยความหวั่นเกรงในคมกระบี่ของมัน

    ‘ขอโทษ….ข้าไม่สามารถแก้แค้นให้พวกเจ้าได้…….ขอโทษที่มาได้เพียงเท่านี้’ เพียงสิ้นความคิดสติก็ดับวูบ ไร้ซึ่งชีพจรจากโลกนี้ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความเสียใจ ที่ไม่อาจแก้แค้นให้ชนเผ่าของตน ต้องมาตกตายเพราะความโลภในเคล็ดวิชา เพื่อตนจะได้แข็งแกร่งจนสามารถแก้แค้นได้ แต่สุดท้ายก็ตกตายโดยไม่ได้รับอะไรเลย

     

        ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพียง 3 อึดใจ หนึ่งในมือเกาทัณฑ์ผู้อันตราย เป็นอันดับต้นๆของตะวันตก ก็ตกตายไปโดยไม่อาจสร้างบาดแผลใดๆให้อีกฝ่ายได้เลย

    ร่างของหลินมู่ร่อนลงบนกิ่งไม้ เพียงปลายเท้าแตะบนกิ่งไม้ ร่างหนึ่งก็กระโจนออกมาจากพุ่มไม้ นอกระยะการมองเห็นของมุมมองพิเศษ กระโจนเข้าโจมตีโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพักหายใจ

     

        ลมปราณสีเขียวหม่นถูกเคลือบไว้บนมดสั้น ถูกฟันเข้าหาลำคอด้วยความเร็วสูง หลินมู่เบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่ก่อนจะได้ถอยหลังทิ้งระยะห่าง

    ร่างนั้นก็ขยับตัวด้วยความแปลกพิสดาร ส่งหมัดเข้าบริเวณช่องท้องต่อยให้ชายหนุ่ม กระเด็นกลับหลังกระอักเลือดออกมาหนึ่งก้อน “ถ้าจะโจมตี ก็ควรทำในช่วงที่ ศัตรูกำลังชะล่าใจเพราะสังหารคู่ต่อสู้ลงได้ ว่าไหม?”

     

        โต๋วเจิ่งห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้ ราวกับเป็นค้างคาวตัวโต ผมยาวของเขาห้อยลงมาราวกับภูติพราย พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มยียวน เขามองไปยังชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ที่พึ่งถูกหมัดลมปราณของตนไปเต็มๆ

    อีกฝ่ายกำลังใช้หลังมือเช็ดมุมปาก พร้อมมองกลับมาทางตนอย่างไม่ละสายตา บริเวณใต้ตาของโต๋วเจิ่งบังเกิดเป็น รอยบาดแผลเล็กๆราวกับมีคนนำมีดมากรีด เขาขมวดคิ้วพร้อมมองไปยังดวงตาสีหมึกคู่นั้นด้วยความสงสัย

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×