ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #80 : ตอนที่ 80 ข้ารู้

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 65


       ภายในเมืองท่าเรืออันคึกคักของมณฑลซวี่ทางตะวันตก ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทาสะพายกระบี่ สวมหมวกไม้ไผ่สวมเกี๋ยะ 

    กำลังเดินจูงลาเทาตัวหนึ่งเดินไปตามถนนการค้า แม้ตะวันตกในยามนี้จะค่อนข้างตึกเครียด แต่การค้าขายก็ไม่ได้ซบเซาลงเลยแม้แต่น้อย

     

       ความต้องการซื้อของชาวบ้านและเหล่ากองกำลังต่างๆ กลับพุ่งสูงขึ้นสูงขึ้นทุกวัน จนตอนนี้เพียงข้าว 1 ถุง ที่มีน้ำหนัก 2 จิน ก็ราคาหลายร้อยอิแปะแล้ว

    ไม่ต้องพูดถึงพวกเนื้อหรือพืชผักเลย ถึงแม้เหมันต์ฤดูจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังเหลืออีกหลายเดือนที่ฤดูใบไม้ผลิ จะเข้าสู่ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของที่แห่งนี้

     

       จึงทำให้ราคาข้าวปลาอาหารยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เป็นโอกาสอันดีสำหรับเหล่าพ่อค้าเหม็นกลิ่นทองแดง ที่พร้อมจะฟันกำไรจากการซื้อขายข้าวสารอาหารแห้ง ที่พวกเขาซื้อและขนส่งมาจากภูมิภาคอื่นๆ

    ชายหนุ่มสะพายกระบี่เดินมาหยุดยังหอการค้าแห่งหนึ่ง แขวนป้ายว่าต่วนเจิ่นทางเข้าด้านหน้า มีผู้คุมกันสองคนคาดเดาจากลมปราณที่พอสัมผัสได้แล้ว ทั้งสองน่าจะมีตบะลมปราณราวๆ 13 ปี น่าแปลกใจที่หอการค้าเล็กๆ สามารถว่าจ้างยอดยุทธ์ถึงสองคนมาเฝ้าหน้าประตูทางเข้าได้ 

     

       ก่อนจะเข้าไปภายในหอการค้า เขาก็หันมาพูดกับลาเทาอย่างเหนื่อยใจ “ข้ารู้ ข้ารู้ ว่าเจ้าไม่อยากขึ้นเรือเดินทางไกลแล้ว เลิกงับแขนเสื้อข้าสักที ข้าแค่มาถามข้อมูล หลังจากได้ข้อมูลที่ต้องการ เราก็จะเดินทางบนพื้นดินกัน ฉะนั้นเจ้าปล่อยแขนเสื้อข้าได้แล้ว”

    ซุยโก๋ที่เอียนเรือโดยสารเต็มทน ก็แสดงท่าทางช่างใจสักพักก่อนจะ อ้าปากปล่อยแขนเสื้อที่มันงับอยู่ออก “ดี เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ หากเกิดอะไรขึ้นให้ร้องออกมาดังๆ เข้าใจไหม?”

     

       ในขณะก้าวขาเข้าไปด้านใดหอการค้า ไม่วายชายหนุ่มก็หันหน้ากลับมาเตือนอีกครั้ง จนเจ้าลาซุยโก๋แสดงท่าทีฟึดฟัด ประมาณว่า ถ้าเจ้าจะเข้าไปด้านในก็รีบเข้าไปซักทีสิ! หากยังไม่เข้าไปข้าจะงับแขนเสื้อเจ้าแล้วนะ!!

    หลินมู่ที่เห็นเช่นนั้นก็ปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเขาแค่จะบอกว่า เขาลืมตุนผลไม้แห้งเอาไว้ ช่วงนี้จึงให้อีกฝ่ายกินได้แต่วันละครึ่งซีก เพราะราคาผลไม้แห้งของที่นี่แพงเหลือเกิน

     

       เมื่อเข้ามาด้านในหอการค้าต่วนเจิ่น บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ด้านในห้องโถงค่อนข้างอบอุ่นกว่าด้านนอกเล็กน้อย มาพร้อมกลิ่นหอมจากเครื่องหอมจางๆ

    ไม่นานนักพนักงานต้อนรับสาว ในชุดวาบหวิวก้าวขาเดินเข้าหาหลินมู่ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าท่านยอดฝีมือท่านนี้ มาที่หอการค้าของพวกเราต้องการอะไรค่ะ?”

     

       นางถามด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย พร้อมยิ้มหรี่ตาเป็นพระจันทร์เสี้ยวมาทางชายหนุ่ม หลินมู่พูดเข้าประเด็นโดยไม่หยุดคิดแม้แต่เสี้ยวเดียว

    “ข้ามาหา นักประเมินเฒ่ากง” พนักงานสาวส่งยิ้มหวานก่อนจะผายมือ “เช่นนั้นขอให้ท่านยอดฝีมือ ตามผู้น้อยมาค่ะ” พูดจบนางก็เดินบิดเอวนำชายหนุ่ม ไปยังห้องธุรกรรมที่อยู่อีกส่วนหนึ่งของหอการค้า

     

       เมื่อมาถึงหน้าห้องธุรกรรม ก็เป็นจังหวะเดียวที่ชายชราในชุดคลุมสีดำ ไว้หนวดเคราใบหน้าเปี่ยมเมตตาผลักประตูออกมาจากห้อง “ท่านกงฉิว ยอดฝีมือท่านนี้อยากพบท่านค่ะ”

    พนักงานสาวทักทายอีกฝ่ายอย่างเรียบง่าย ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของหลินมู่แล้วนางจึงเดินจากไป นักประเมินเฒ่านามกงฉิว ยืนอ้ำอึ้งจ้องใบหน้าอันนิ่งสงบของชายหนุ่มสักพัก ก่อนจะขยับตัวเชิญอีกฝ่ายเข้าไปภายใน

     

       “เชิญยอดฝีมือหนุ่มด้านใน” หลินมู่ถอดหมวกไม้ไผ่พร้อมก้าวเข้าไปภายในห้อง โดยด้านหลังมีนักประเมินเฒ่าปิดประตูตามหลัง

    “ยอดฝีมือหนุ่มท่านนี้ เหตุใดจึงอยากพบข้ากันล่ะ?” เมื่อทั้งคู่นั่งลงแล้วนักประเมินเฒ่ากงฉิว ก็ถามคำถามออกมาพร้อมเอนตัวลงพิงจนแทบผสานไปกับโซฟา

     

        หลินมู่ล้วงเข้าไปภายในถุงเฉียนคุน นำจดหมายที่ได้รับมาจากนักประเมินชราที่ท่าเรือภาคกลาง ยื่นส่งไปให้นักประเมินเฒ่ากงฉิว เมื่ออีกฝ่ายเห็นซองจดหมายก็แสดงสีหน้าขบคิดเล็กน้อย

    ก่อนจะรับจดหมายมาเปิดอ่าน ไม่นานนักนักประเมินเฒ่าก็วางจดหมายลง พร้อมกับสั่นกระดิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ เรียกให้พนักงานสาวสองคนเข้ามาภายในห้อง

     

       “เจ้าไปนำน้ำชามาเสริฟแขกท่านนี้ ส่วนเจ้าไปนำกล่องผ้าแพรแดงลายภูเขามาน้ำมา” นักประเมินเฒ่าสั่งงานทั้งสอง ก่อนจะหันมายิ้มแย้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร

    “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสหายน้อย ที่เจ้าเฒ่าต้าเหลาแนะนำมา เจ้าคงเดินทางมาไกลนั่งพักก่อนสิ เป็นวาสนาของข้าที่ได้ต้อนรับเจ้ายุทธ์ที่หนุ่มแน่นเช่นนี้ เดี๋ยวแม่นางน้อยจะนำของที่จำเป็นมา ตอนนั้นข้าจะบอกข้อมูลเอง” 

     

       หลินมู่ส่งยิ้มเป็นมิตรกลับพร้อมประสานหมัดให้อีกฝ่าย “อาวุโสก็ชมเชยข้าเกินไป ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกวรยุทธ์พเนจรตัวเล็กๆคนหนึ่ง อาวุโสต่างหากที่ควรได้รับคำชม อาวุโสได้ทำงานให้กับหอการค้าเชียวนะ เป็นงานที่มั่นคงต่างจาก ผู้ฝึกฝนพเนจรอย่างข้าที่เงินเข้าๆออกๆจนไม่อาจเก็บออม ข้าอิจฉาท่านยิ่งนัก”

    นักประเมินเฒ่ากงฉิวลูบเคราพร้อมส่งเสียงหัวเราะ “สหายน้อยก็เยินยอข้าเกินไป ข้าสิต้องอิจฉาเจ้าที่ยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ แต่ก็ประสบความสำเร็จบ้างแล้ว ต่างจากข้าที่กว่าจะมาถึงนี้ก็ปาไปแล้ว 70 กว่าปี”

     

       นักประเมินเฒ่าลูบเคราพร้อมแสดงสีหน้า หวนนึกถึงอดีตยังตอนที่ตนยังหนุ่มๆ “อาวุโสประสบความสำเร็จเพราะ อาวุโสพยายามอย่างอุตสาหะ ต่างจากข้าที่อาศัยความไม่แน่นอนจนมาถึงนี้ได้”

    เฒ่ากงฉิวโบกมือบอกว่าพอแล้ว เจ้าเลิกเยินยอข้าได้แล้วเดี๋ยวข้าจะเก็บอาการไม่อยู่ หลินมู่ที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็ปิดปากเงียบรอให้พนักงานสาวคนหนึ่ง นำของที่จำเป็นมาที่ห้องธุรกรรมแห่งนี้

     

       สักพักพนักงานสาวอีกคนที่เฒ่ากงฉิวสั่งให้นางไปชงชา ก็กลับมาพร้อมถาดน้ำชาวิจิตรงดงาม นางค่อยๆรินชาเสริฟให้ชายหนุ่มและนักประเมินเฒ่า ก่อนจะไปยืนอยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อย

    หลินมู่ยกถ้วยชาขึ้นมาแกว่งเบาๆ สูดดมกลิ่นใบชาอ่อนๆก่อนจะยกยิ้ม “ชาดี ขอบคุณอาวุโส” กงฉิวยิ้มก่อนจะเป่าถ้วยชาของตนเบาๆ หลังจากจิบเขาก็พยายามละเมียดละมัยรสชาติที่กระจายอยู่ในช่องปาก

     

       หลินมู่เองก็ค่อยๆจิบชาอย่างช้าๆ พยายามลิ้มรสของใบชาที่ใช้ชงอย่างช้าๆ เป็นการฆ่าเวลารอให้พนักงานสาวอีกคนกลับมา เพียงไม่นานอีกคนก็กลับมาพร้อมกล่องผ้าแพรอันหนึ่ง

    เมื่อนางส่งให้นักประเมินเฒ่าแล้ว ก็เดินออกไปอย่างเงียบเชียบไม่สร้างเสียงรบกวนใดๆอีก นักประเมินเฒ่ากงฉิวเปิดฝากล่องผ้าแพรออก นำม้วนกระดาษบางอย่างออกมากางบนโต๊ะ

     

       ชายหนุ่มที่หลับตาอยู่ตลอดเวลา แถบจะลืมตัวลืมตาขึ้นมามองมันชัดๆ แต่ก่อนจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น เขาก็หยุดเจ้าเปลือกตาที่ค่อยๆแง้มขึ้นมานั้น ให้ปิดลงเช่นเดิม

    ม้วนกระดาษที่เฒ่ากงฉิวกางลงบนโต๊ะไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกจากแผนที่อันเป็นสิ่งของที่ยากจะประเมินราคา ในยุคที่ไร้ซึ่งเทคโนโลยีแห่งนี้ “เอาหล่ะ ข้าจะค่อยๆแนะนำเส้นทางอย่างละเอียดให้เจ้า หากฟังไม่ทันจุดไหนบอกข้าได้”

     

       หลินมู่พยักหน้าแสดงท่าทีจดจ่อ รอฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอย่างเต็มที่ เฒ่ากงฉิวที่เห็นท่าทีกระตือรือร้นของอีกฝ่าย ก็อดยิ้มไม่ได้ “หนุ่มสาวนี้ดีจริงๆ..”

    พึมพำจบเขาก็ค่อยๆแนะนำ และอธิบายจุดสังเกตุและที่อยู่ต่างๆอย่างละเอียด เป้าหมายในการมาหอการค้าต่วนเจิ่นของชายหนุ่ม คือการมาถามหาที่ตั้งของหมู่บ้านศิลานิล ซึ่งไม่ใช่เรื่องตึงมืออะไรสำหรับตาเฒ่าคนนี้

     

     

     

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×