ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #78 : ตอนที่ 78 คิดให้น้อยลง

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 65


       หลังจากพอจะทราบสถานการณ์โดยผิวเผินของทางตะวันตก หลินมู่ก็ต้องคิดและใคร่ควรแผนการเดินทางของตนใหม่อีกครั้ง

    หากไม่อยากเดินเข้ากลางวงล้อมความขัดแย้งอย่างงุนงง จำเป็นต้องไตร่ตรองและเลือกเส้นทาง การเดินทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่ถึงเท่าที่จะเป็นไปได้

     

       แต่ในจังหวะที่เขากำลังใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะอยู่นั้น ความคิดอันบรรเจิดก็แล่นเข้ามาภายในหัวของเขาอย่างฉับพลัน

    “ถ้าเราใช้โอกาสนี้ เคาะด่านอีกครั้งละ…” ไม่รู้อะไรดลบันดาลให้เขาเกิดความคิด ที่จะโยนตัวเองลงกลางกองไฟแห่งความขัดแย้ง

     

       มันก็จริงที่สถานการณ์เป็นตายมันมักจะรีดเค้น ศักยภาพทั้งหมดออกมาเพื่อจะเอาชีวิตรอด แต่หากต้องการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด 

    สถานการณ์นั้นต้องเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน และ ไม่ได้อยู่ในการคาดเดา เรียกง่ายๆคือผิดแผน แต่มันเป็นเรื่องยากเพราะการเดินทาง จำเป็นต้องมีการวางแผนและคาดเดาความเป็นไปได้ 

     

       เพื่อเป็นการทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น การจะเกิดสถานการณ์เป็นตายที่ไม่อยู่ในการคาดเดา จึงมีโอกาสน้อยถึงน้อยมาก

    ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบด้ามของตงหยู ด้วยความเคยชินสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด โดยเขาพยายามตัดสินใจว่าตนควรทำอย่างไรดี

     

       ควรทำตามแผนที่วางไว้ไหม? หรือ จะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงแผนอีกครั้ง หวังพึ่งโอกาสและความเป็นไปได้ เพื่อนำมาเคาะด่านถามใจกับตนเอง

    หลินมู่แสดงสีหน้าคิดไม่ตก สุดท้ายก็ลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องของตน ตรงไปยังคอกสัตว์ที่ทางหอการค้าเซิงยี่ซิงหลง นำสัตว์พาหนะ ของเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์มาเก็บไว้ดูแลเป็นอย่างดี

     

       ชายหนุ่มเดินวนเวียนในนี้อยู่สักพัก จนในที่สุดก็เจอเป้าหมาย มันคือเจ้าลาเทาลายด่างนามซุยโก๋ ที่ออกเดินทางมาด้วยกันกับเขาเป็นเวลานาน

    เจ้าลาเทาลายด่างที่กำลังเคี้ยวหญ้าแห้งอยู่ ก็หันมาเหลือบมองทางหลินมู่อย่างสงสัย ว่าเป็นใครกันที่มายังคอกของมัน เมื่อมันเห็นว่าเป็นชายหนุ่มสะพายกระบี่ผู้นั้น เจ้าซุยโก๋ก็ส่งเสียงดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

     

        นานมากแล้วที่มันไม่ได้เจอหน้าของอีกฝ่าย จนมันนึกไปแล้วว่าอีกฝ่ายคงลืมการมีตัวตนของมันไปแล้วแน่ๆ “รบกวนเจ้าแล้ว บางทีคืนนี้เจ้าจะต้องฟังข้าบ่นสักเล็กน้อย”

    หลินมู่เดินไปนั่งด้านข้างเจ้าซุยโก๋ พร้อมทั้งลูบแผงคอมันอย่างนุ่มนวล คอกสัตว์แห่งนี้ได้รับการดูแลดีเป็นอย่างมาก กลิ่นสาบหรือสิ่งปฎิกูลไม่มีอยู่เลย 

     

        เจ้าซุยโก๋ที่ถูกลูบแผงคอก็แสดงท่าทางดีใจออกมา ระหว่างนั้นหลินมู่ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพียงพอที่เจ้าซุยโก๋จะได้ยินเท่านั้น

    เขาบ่นเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝน และ ปัญหาในการตัดสินใจว่าควรทำเช่นไรดี เจ้าซุยโก๋ที่ไม่อาจพูดภาษามนุษย์ได้ ก็ได้แต่นั่งรับฟังปัญหาของนายมัน โดยไม่อาจโต้ตอบสนทนาใดกลับมา

     

       ซึ่งความรู้สึกนี้ทำให้มันหงุดหงิดยิ่งนัก หลังจากชายหนุ่มพูดประเด็นหลักจบไป ที่เหลือก็เป็นแค่การบ่นไปเรื่อยเปื่อย

    ซึ่งเจ้าลาก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับชายหนุ่มในมุมนี้ ในตอนที่อีกฝ่ายมีเรื่องที่คิดไม่ตกหรือยากจะตัดสินใจ เขาก็มักจะมานั่งบนให้มันฟังเป็นระยะ

     

        ภายในคอกสัตว์ที่เงียบสงบ นอกจากเสียงพูดอันแผ่วเบาของชายหนุ่มแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเลยราวกับทุกอย่างกำลังฟังเขาระบายความอัดอั้นออกมา

    แม้ช่วงที่ผ่านมาเขาสามารถเบี่ยงเบนความสนใจ ในการเคาะด่านให้ไปสนใจอย่างอื่นได้ แต่ตอนนี้มันถึงขีดจำกัดแล้วเขาไม่อาจเบี่ยงเบนได้อีก หลังจากรับรู้ว่าตะวันตกตอนนี้ เหมาะแก่การใช้เคาะด่านมหามรรคา

     

       เพื่อถามใจตนเองเป็นอย่างมาก แต่เขาก็รู้ว่าการเคาะด่านอาจจะไม่ได้ผล เพราะทุกอย่างล้วนมีเส้นทางและโชคชะตา เขายังไม่แข็งแกร่งพอจะใช้กระบี่สะบั้นทุกอย่าง

    ได้เพียงแค่ค่อยๆทวนกระแสคลื่นนี้ไปอย่างเชื่องช้าก็เท่านั้น “เฮ้อ หากสามารถเข้าภวังค์ได้เหมือนตอนนั้น ป่านนี้การเคาะด่านถามใจ คงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นกว่านี้ แต่อย่างว่าจะทำอย่างไรข้าก็ไม่อาจเข้าภวังค์ได้อีกเลย หลังจากสำเร็จเวทย์กระบี่ขอบเขตแรก ข้าก็ไม่อาจเข้าสู่ห้วงภวังค์ได้อีก มันต้องมีเงื่อนไขบางอย่างที่ข้ายังไม่รู้….”

     

       ชายหนุ่มเอนตัวเอนตัวพิงกองฟางแห้งที่อยู่ด้านหลัง พลางขบคิดกับตนเองปิดปากเงียบ ไร้เสียงไม่ออกวาจาใดอีก ตอนนี้หลินมู่กำลังถามตนเอง

    ว่าการเดินทางนี้ควรทำเช่นไรต่อ ศิษย์พี่ที่เป็นคนที่ปรึกษาได้คนเดียวตอนนี้ ก็ไม่อาจพูดคุยได้เพราะอีกฝ่ายกำลังจำศีล กักเก็บพลังวิญญาณของตนเอาไว้ นอกจากได้รับควันธูปหรือปราณฟ้าดินบริสุทธิ์ จำนวนมหาศาลแล้ว

     

       ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกเลยที่จะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างกระทันหัน เจ้าลาเทาที่สัมผัสได้ถึงความหนักใจของผู้เป็นนาย ก็ขยับตัววางหัวของมันลงบนขาของอีกฝ่าย

    หลินมู่ยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆลูบหัวของมันอย่างเบามือ “เจ้าว่าข้าคิดมากไปหรือเปล่า บางครั้งข้าควรทำอะไรอย่างไร้แบบแผน และ ปล่อยทุกอย่างเป็นเรื่องของโชควาสนา ปล่อยให้ฟ้าดินและสรรพสิ่ง กำหนดปลายทางของข้า”

     

       เจ้าลาที่ไม่อาจทำความเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด มันก็ทำการแกล้งตายโดยหัวของมันยังวางอยู่บนขาของอีกฝ่าย คล้ายเป็นการรั้งให้หลินมู่อยู่กับมันให้นานอีกสักนิด

    ไม่ใช่มัวแต่ถามจงถามใจตนเอง ตรงนี้ยังมีลาเพื่อนยากที่เดินทางร่วมกัน มาหลายร้อยลี้นะเราคือสหาย แม้จะไร้ศัพท์สำนวน แต่ทั้งคู่ก็สามารถเข้าใจอีกฝ่ายได้ 

     

       หลินมู่หยุดคิดหยุมหยิม ปล่อยให้สมองของตนโล่งโจ้ง เลิกขบคิดปัญหาฝึกตนไปสักพัก ผลสรุปเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความเป็นไปได้

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×