ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #73 : ตอนที่ 73 มิใช่เรื่องดี

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 65


       ท่าเรือเมืองเหอตงในยามอาทิตย์อัสดง ชั้นบนสุดของหอการค้าเซิงยี่ซิงหลง ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ทางทิศตะวันตก ที่เปิดอ้ารับลมเย็นจากภายนอก เข้ามาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนอากาศภายใน 

    ภายในห้องมีชายหนุ่มอายุราว 20 ปีกว่าๆ แต่งตัวด้วยชุดคลุมสีดำหรูหรา ห้อยจี้หยกบ่งบอกว่าเขาเป็นบุคคลระดับสูง ผมยาวสีดำพร้อมสวมกวานปักปิ่นหยกเขียว ใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลามีเสน่ห์ อีกฝ่ายกำลังนั่งสมาธิเพื่อผ่อนคลายจิตใจที่อ่อนล้าของตน หลังจากโหมทำงานหนักมาหลายต่อหลายวัน 

     

       ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกระทันหัน ดวงตาสีดำสาดประกายความสงสัยชัดเจน เขาลุกขึ้นยืนพุ่งไปทางหน้าต่าง ชูแขนออกไปด้านนอกปล่อยให้นกพิราบส่งสาร ตัวอวบอ้วนบินลงมาเกาะบนแขน ดวงตากลมๆของมันมองเป้าหมายของม้วนสารอย่างโง่ง่ม

    ก่อนจะใช้จะงอยปากของจัดระเบียบขนของตัวเอง ปล่อยให้ชายหนุ่มใช้มืออีกข้าง แกะม้วนสารจากขานกพิราบ เขาวางนกพิราบตัวอ้วนไว้ตรงหน้าต่าง 

     

       ก่อนจะคลี่ม้วนสารออกมาอ่าน ดวงตาสีดำนั้นหดเล็กลงอย่างน่ากลัว “ช่างกล้า!!!” ออร่าลมปราณระดับเจ้ายุทธ์แผ่เล็ดลอดออกมา จนทำให้บรรยากาศโดยรอบหนักอึ้ง

    ดวงตาสีดำนั้นสาดประกายไอสังหารท่วมท้น “ลุงเซี่ย!! กระจายคำสั่งลงไป ตรวจสอบการเติมเสบียงของเรือโดยสาร เที่ยวภาคกลาง ของวันนี้เดี๋ยวนี้!!!”

     

       สิ้นเสียงของอีกฝ่ายชายวัยกลางคน ที่ไว้หนวดเคราแต่งตัวด้วยชุดคลุมสีเหลือง สวมหมวกผ้าแพรสะพายดาบสองคม ก็ป้องหมัดจากนอกประตูพุ่งจากชั้นบน ลงไปถึงเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

    สร้างความแตกตื่นให้แก่เหล่าผู้คนในโถงเป็นอย่างมาก ด้านบนหลังจากชายหนุ่มสั่งชายวัยกลางคนไปแล้ว เขาก็ออกคำสั่งอีกครั้ง “หนิงเอ๋อร์ เจ้าออกไปหาข่าวภายในเมือง รวมถึงเจ้าของลูกเกาทัณฑ์เมื่อวันก่อน อีกฝ่ายคงมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ไม่มากก็น้อย” 

     

       เพียงชายหนุ่มปิดปากเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดคลุมขาวอมชมพู หน้าอกอวบอิ่มทั้งสองถูกขับเน้นจนเด่นชัด ผมสีดำสลวยมีผ้าขาวบางปักลวดลายดอกเหมยสีแดง ปกปิดส่วนล่างของใบหน้า จึงทำให้เห็นเพียงแค่ใบหน้าส่วนบน ดวงตาสีฟ้าเปล่งปลั่งด้วยความงามหยดย้อย เธอก้าวเดินออกมาจากเงามืด 

    พร้อมยกยิ้มยั่วยวนใต้ผ้าขาว “รับบัญชาท่านเจ้าหอ…" นางป้องมือก่อนจะเดินถอยหลัง หายไปภายในเงามืดออกไปสืบข่าวทันที ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเจ้าหอกำหมัดแน่น ดวงตาแสดงถึงความเคร่งเครียด 

     

       หากไม่มีข่าวแจ้งกลับมาเขาก็ยังคงคิดเพียงว่า การโจมตีเรือโดยสารของอสูรปลาตัวนั้น เป็นสัญชาตญาณดุร้ายที่เพิ่มสูงขึ้น จากสถานการณ์ของยุทธจักรที่ตึกเครียด แต่ที่ไหนได้เขาฉะล่าใจเกินไป

    นี่เป็นแผนร้ายของใครสักคน ล่อให้ปลาตัวนั้นออกมา เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง โดยให้มันโจมตีเรือโดยสารที่พวกมันวางยาเอาไว้ จนปัจจุบันที่ยังไม่มีคนเอะใจ เพราะไม่มีหลักฐาน และ การโจมตีของเจ้าปลาตัวนั้น ก็คล้ายกับการสุ่มเลือกมากกว่า

     

       แต่หลังจากชายหนุ่มได้อ่านรายงาน เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่มันคือแผนการบางอย่าง คนที่มันกล้าวางยาเรือของเซิงยี่ซิงหลง และ กล้าดึงเจ้าปลายักษ์นั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ

    นอกจากขุมกำลังอันดับต้นๆแล้ว คงไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้ ซึ่งเขาก็พอคาดเดาได้ว่าเบื้องหลังแผนการนี้ น่าจะเป็นพรรคมาร แต่เขาก็ยังไม่ทราบทั้งแรงจูงใจและเป้าหมาย 

     

       พวกมันจะได้อะไรจากการยั่วยุเจ้าปลานั้นกัน ชายหนุ่มบีบสันจมูกของตนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เขานั่งลงบนเก้าอี้ฝนหมึกหยิบพู่กัน เขียนสารด่วนส่งลงทางใต้

    “ข้าเจ้าหอการค้าเซิงยี่ซิงหลง'เจิ่งซวนคง' สาขาเมืองเหอตง มีข่าวเร่งด่วนต้องแจ้งให้ผู้นำระดับสูงทราบ รวมทั้งเหล่าอาวุโส และ ข้ายังมีประสงค์ให้แจ้งข่าวไปยัง ตระกูลไป๋ และ ตระกูลกู่ เพราะเรื่องที่ข้าจะแจ้งมันหนักหนานัก….” เขาบรรจงตวัดพู่กันเขียนตัวอักษรลงไปทีละตัว ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความจริงจัง

     

       นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น การที่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นพรรคมาร ก็มีน้ำหนักมากพอจะสั่นคลอน จิตใจของบุคคลระดับสูงได้แล้ว

    ไม่ว่าพรรคมารจะมีจุดประสงค์ หรือ เป้าหมายอะไร ไม่ว่ามันจะต้องการสิ่งใดจากแผนการครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีกับเหล่าขั้วอำนาจทางฝั่งธรรมะแน่นอน เพราะท้ายสุด สงครามนองเลือดครั้งใหญ่ ระหว่าง พรรคมาร และ ฝ่ายธรรมะ กำลังนับถอยหลังเข้าใกล้มากขึ้นทุกที ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของพรรคมารจะน้อยนิดแค่ไหน ก็สำคัญทั้งสิ้น

     

       เจิ่งซวนคงตวัดพู่กันลงชื่อของตน พร้อมประทับตราสีแดงสด บ่งบอกว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ลงนาม'เจิ่งซวนคง' ชายหนุ่มวางพู่กันลง ลุกขึ้นยืนเดินตรงไปทางมุมห้อง ที่มีกรงนกขนาดใหญ่สีเงินแขวนไว้อยู่

    นกอินทรีย์ส่งสารตัวใหญ่ยักษ์ ถูกนำออกมาจากกงพร้อมกับถูกผูกม้วนสารไว้บริเวณขา “เสี่ยวเล่ย เจ้าต้องนำสารม้วนนี้ ส่งให้ถึงมือของพวกอาวุโสให้เร็วที่สุด เจ้าเข้าใจไหม?” นกอินทรีย์กระพือปีกพร้อมกู่ร้องเสียงดัง บ่งบอกว่ามันทราบแล้ว ขอให้ผู้เป็นนายของมันโปรดวางใจ

     

       “ดีเช่นนั้นไปได้!!” สิ้นเสียงร่างอันใหญ่โต พุ่งออกจากหน้าต่างทางเหนือ ก่อนจะตีโค้งบินลงใต้เพื่อนำม้วนสารไปส่ง ส่วนเจ้านกพิราบตัวอ้วนกลมยังคง นั่งอ้อแอ้รอรับสารขากลับอยู่ตรงหน้าต่างตะวันตก

    ดวงตากลมสีดำบ้องแบ๊วโง่งมงุ่มง่ามของมัน จับจ้องร่างในชุดคลุมสีดำ คล้ายเป็นการคาดคั้นว่า ไหนล่ะสารขากลับของข้า เจิ่งซวนคงไม่แสดงปฎิกริยาใดๆ เพียงเดินไปเขียนอย่างลวกๆว่า ‘ไม่ต้องตื่นตระหนก ทำทุกอย่างเหมือนปกติ’

     

       เขาไม่แม้จะประทับตรา ลงเพียงชื่อตำแหน่งและแซ่ของตน ก่อนจะนำไปผูกไว้ที่ขาเจ้านกอ้วนตัวน้อย เจ้านกอ้วนร้องจิบๆอย่างยินดี มันจะได้กลับไปนอนเสียที

    ร้องเสร็จมันก็กระพือปีกพรึบๆ บินไปทางตะวันตกตามเรือโดยสาร เจิ่งซวนคงนั่งลงบนเบาะรองนั่ง ทำสมาธิโคจรลมปราณปรับการหายใจ รอรับฟังข่าวจากลุงเซี่ย และ หนิงเอ๋อร์ 

     

       ในขณะที่ทุกอย่างเริ่มตกสู่สถานการณ์ตึงเครียด ร่างของหญิงสาวในชุดเขียวรูปร่างผอมเพรียว ก้าวขาเข้ามาภายในเมืองด้วยสภาพมอมแมม ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบดินคราบทราย 

    แม้แต่ผ้าขาวบางที่นางเคยใช้ ปกปิดใบหน้าส่วนบนยังปลิดปลิวหายไปไหนแล้วก็ไม่อาจทราบได้ ใบหน้างดงามนั้นขมวดคิ้วแน่นจนเกือบผูกกันเป็นปม เหล่าชายชาตรีเลือดร้อนในยุทธจักร ต่างจ้องมองตาเป็นมัน แม้แต่เหล่าหญิงสาวยังใบหน้าแดงน้อยๆ เมื่อเห็นถึงความงดงามของแม่นางชุดเขียว

     

       อารมณ์ของนางตอนนี้ย่ำแย่สุดขีด ระหว่างทางไปโรงเตี๊ยมนางถามหาข้อมูล เกี่ยวกับชายหนุ่มสะพายกระบี่ จูงลาเทาลายด่างกับผู้คนตาเส้นทางอยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายก็ไปซื้อข่าวจากคนขายข่าว

    ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายขึ้นเรือมุ่งหน้าไปตะวันตก โดยการไปต่อเที่ยวเรือที่ภาคกลาง ซึ่งเรือของอีกฝ่ายก็พึ่งออกจากท่าไปเมื่อวันก่อน นางจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัว ทำเอาคนขายข้อมูลหดคอราวกับเต่าหดหัวเข้ากระดอง

     

       ทางฝั่งเรือโดยสาร หลินมู่ที่พึ่งแยกประเภทของขวัญเสร็จ เขาก็ได้รับข่าวจาดลูกเรือหนุ่มผู้นั้น ที่มาแจ้งข่าวจากกัปตันเรือว่า การโจมตีเรือของเจ้าอสูรปลาที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน

    ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ แต่มีคนวางยาเอาไว้ กัปตันเรือจึงขอให้ช่วงนี้ยอดฝีมือทั้งสาม ตื่นตัวไว้ตลอดเวลา ก่อนจะได้รับการตอบกลับจากเจ้าหอที่เมืองเหอตง

     

       หลินมู่กลับมานั่งขบคิดกับตนเองภายในห้อง พยายามเชื่อมโยงกลุ่มหรือเป้าหมายพอจะเป็นไปได้ ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการปลายักษ์ตัวนั้นจมเรือโดยสาร

    แม้จะนั่งครุ่นคิดอยู่หลายก้านธูป เขาก็ไม่ได้คำตอบสุดท้ายก็ทำเพียงถอนหายใจ จึงกลับไปฝึกฝนเคล็ดกำหนดจิตกระบี่ แม้ตอนนี้จะยังคงติดอยู่บนด่านมหามรรคา ที่ทำให้การฝึกตนช้ามากถึงช้าสุดๆ แต่การพัฒนาเล็กน้อยก็ดีกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีพลังเพิ่มมาเสี้ยวเดียวดีกว่ามีอยู่เท่าเดิม 

     

       ดีไม่ดีเสี้ยวเดียวที่เพิ่มมานั่น จะเป็นจุดที่ช่วยชีวิตเขาในอนาคตก็ได้ ร่างในชุดคลุมสีเขียวอ่อนนั่งนิ่งบนเตียงไม้

    ในมือกุมก้อนหินขนาดเล็กมาก ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอัปมงคลชั่วร้ายเอาไว้ในมือ เขาซึมซับเอาควันสีดำดูชั่วร้ายเข้าตรงไปยังจุดระหว่างคิ้ว เพียงไม่กี่อึดใจควันสีดำนั้น ก็ถูกเส้นสายสีฟ้าบางคล้ายริบบิ้น พุ่งเข้าพัวพันจนสลายหายไปราวกับเนยที่ถูกความร้อน

     

       ณ จุดใจกลางของห้วงจิตอันว่างเปล่า เงาทรงกลมเลือนลางของบางสิ่ง กำลังกระพริบอย่างแผ่วเบาโดยตัวผู้เป็นเจ้า ห้วงจิตห้วงนี้ไม่รับรู้สิ่งใดเลย

    มันคล้ายจะกระพริบแสงอันเลือนลางเล็กน้อย ก่อนจะมอดดับทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า….

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×