ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #71 : ตอนที่ 71 ให้เวลากับตนเอง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 65


       ด้านบนดาดฟ้าของเรือโดยสาร สหายเฒ่าเจียงซวีในชุดคลุมสีน้ำเงิน กำลังยืนเอามือไขว้หลังหันหน้าไปมองริ้วคลื่นข้างตัวเรือ ดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งเสียงพูดขึ้นมา

    “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ายึดติดสิ่งใด หรือสิ่งใดกำลังล่ามโซ่เจ้าอยู่ แต่สหายน้อยการดื้อดึงเช่นนี้เจ้าก็จะกลายเป็นคนโง่ ให้เวลากับตัวเจ้าเอง ให้เวลากับจิตใจของเจ้า จะช้าเร็วสุดท้ายสิ่งที่เจ้ายึดติด มันก็จะคลายปมด้วยตัวมันเอง ระหว่างให้เวลากับมัน เจ้าก็ใช้ชีวิตให้มากและสนใจมันน้อยลง สุดท้ายเจ้าก็จะรับรู้เองว่ามันเป็นแค่เรื่องขี้ประติ๋ว มองรอบข้างให้มากขึ้นใช้ชีวิตให้ช้าลง…”

     

       น้ำเสียงของชายวัยกลางคนค่อนข้างแหบพร่า แต่แฝงไปด้วยคำแนะนำจากใจจริง พูดเตือนสติหลินมู่ที่นอนแผ่เป็นปลาเค็มบนพื้น ก่อนจะปิดปากเงียบให้เวลาอีกฝ่ายขบคิดกับตนเอง

    แม้จะพบหน้ากันไม่นานแต่เพียงแค่อีกฝ่าย สามารถร่วมโต๊ะร่ำสุราเขาก็นับว่าอีกฝ่ายเป็นสหาย การที่คนเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน จะพูดเตือนคนรุ่นหลังก็เป็นเรื่องปกติ และ การที่สหายจะช่วยเหลือสหาย ก็ถือเป็นเรื่องราวที่ควรจะทำ

     

       ไม่นานนักหลินมู่ก็พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมเปล่งเสียงขยับริมฝีปากพูดคำหนึ่ง ที่ทำให้สหายเฒ่าเจียงซวีต้องยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณสหายเฒ่า พวกท่านช่วยข้าไว้อีกแล้ว”

    สหายเฒ่าเจียงซวียิ้มพร้อมส่ายหน้า ดวงตาสีทองคู่นั้นหันมามองร่างที่นั่งอยู่บนพื้น พร้อมแสดงรอยยิ้มกว้าง “เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพราะคำขอบคุณที่ข้าอยากได้ยิน คือเจ้าทำตามคำแนะนำ…เจ้าเฒ่าหัวล้านชุดขาวคงคิดเช่นกัน”

     

        ชายหนุ่มยกยิ้มน้อยๆแล้วจึงลุกขึ้นยืนเก็บกระบี่เข้าฝัก เขาหันมาพูดกับสหายเฒ่า ราวกับเขาปล่อยวางไว้บ้างแล้วเล็กน้อย “เช่นนั้น ข้าคงต้องเดินช้าลงมองรอบข้างให้มากขึ้น และ ข้าต้องให้เวลาตนเอง….” แม้ช่วงสุดท้ายจะพูดออกมาแสนยากเย็น

    แต่สุดท้ายเขาก็สามารถบังคับตนเอง เค้นคำพูดออกมาได้อย่างรื่นไหลราวกับไม่มีเรื่องค้างคา “ดี!ดีมาก!! เอาหล่ะข้ามีคันเบ็ดตกปลาเหลืออยู่อันหนึ่ง เจ้ากับข้ามาตกปลากันสักหน่อย เป็นการใช้เวลาให้จิตใจของเจ้าผ่อนคลาย" สหายเฒ่าเรียกลูกเรือที่อยู่ใกล้ๆ ให้ไปยังห้องของตนเพื่อหยิบคันเบ็ดมาสองอัน ไม่นานนักลูกเรือคนนั้นก็กลับมา

     

       พร้อมกับคันเบ็ดภายในมือ เมื่อได้รับคันเบ็ดมาสหายเฒ่าก็โยนหนึ่งในนั้น มาให้กับชายหนุ่มชุดคลุมเขียวอ่อน ชายหนุ่มรับมาได้อย่างง่ายดาย พร้อมสำรวจคันเบ็ดด้วยความสนใจ

    มันเป็นคันเบ็ดที่ทำจากไม้ที่เขาไม่รู้จัก สลักลวดลายคล้ายคลื่นน้ำงดงาม ตัวของไม้เองก็ปล่อยกลิ่นหอมออกมาจางๆ ทำให้จิตใจสงบลงมาหลายส่วน

     

       เหยื่อตกปลาที่พวกเขาจะใช้คือ ขนมปังแห้งๆก้อนหนึ่ง ที่สหายเฒ่าหยิบออกมาจากถุงใบเล็ก ที่ห้อยอยู่ข้างเอวคาดว่าเขาเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ก่อนจะใช้นิ้วบิส่วนเล็กๆออกมาปั่นตรงตะขอเบ็ด แล้วจึงยื่นมาทางชายหนุ่มที่กำลังใช้ปลายนิ้วมือ สัมผัสลูบไล้ตามลวดลายแกะสลักของคันเบ็ด

    “เจ้าชอบมันขนาดนั้นเลยหรือ? หากชอบก็เอาไปสิข้ายกให้” หลินมู่ที่ได้ยินก็ยกยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาตอบกลับพร้อมเดินไปรับก้อนขนมปัง ทำเช่นเดียวกับสหายเฒ่า บิขนมปังชิ้นเล็กปั้นตรงตะขอ แล้วจึงเหวี่ยงตะขอลงน้ำ

     

       “ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าโอกาสที่ข้าจะได้ตกปลาไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก หากสหายเฒ่ามอบให้ข้าคงไม่ผิดต่อเบ็ดคันนี้แย่หรือ? ไม่สู้ข้าไม่รับมาแล้วปล่อยให้มันอยู่กับท่าน ไม่ใช่ว่ามันจะมีโอกาสได้ทำตามหน้าที่ ของมันมากกว่าอยู่ในมือข้าอีกหรือ?” สหายเฒ่าเจียงซวียิ้มแยกเขี้ยวพร้อมพูดอย่างไม่ชอบใจ

    “เจ้ากลายเป็นคนที่พูดจาดูมีการศึกษา พูดจาอ้อมค้อมเช่นนี้แต่เมื่อใด สหายน้อยที่ข้ารู้จักต้องเป็นพูดตรงไปตรงมาสิ บอกรับก็รับบอกไม่ก็ไม่ หรือเจ้าธาตุไฟแทรกจนสมองกลับทิศแล้วกัน?" สหายเฒ่าพูดเสร็จก็เหวี่ยงตะขอลงไปในน้ำ ยืนนิ่งรอให้ปลามางับเหยื่อ

     

       หลินมู่ยกยิ้มน้อยๆทำเพียงตอบออกมาสั้นๆ “แรกเริ่มเดิมทีข้าก็เป็นคนเช่นนี้” สหายเฒ่าเดาะลิ้นพร้อมตอบกลับ “ขาดทุนขาดทุนแล้วสิ ดูเหมือนข้าจะได้สหายที่ชอบคิดประดิษฐ์คำ มาเพิ่มในยุทธจักรแล้วสิขาดทุนจริงๆ”

    ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นสูงไม่พูดสิ่งใดตอบกลับ เพียงตอบกลับกับตนเองเงียบๆ ‘เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอดมีแต่จะเร็วขึ้นและเร็วขึ้น มีเรื่องมากมายให้คิดสุมเต็มไปหมด แม้แต่บางเรื่องที่ข้ายังไตร่ตรองไม่แตกฉาน ยังมีอยู่มากมายดุจภูเขาสูง ข้าจึงถือโอกาสที่ข้าเลือกจะเดินช้าลง ให้เวลากับตนเองอย่างที่ท่านว่า และค่อยๆคิด…หากพวกท่านทั้งสองไม่เตือนข้า ข้าคงจะยังใช้ชีวิตที่รวดเร็ว ราวกับแส่หาความตายเช่นเดิม'

     

        ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงแรงดึงจากสายเบ็ดเล็กน้อย คาดว่ามีปลาน้อยตัวหนึ่ง กำลังงับเหยื่อบนตะขอ แต่เขาไม่รีบร้อนปล่อยให้ปลางับเหยื่อมากกว่านี้ หากรีบร้อนก็มีแต่จะทำเสียเรื่อง เช่นเดียวกับชายหนุ่มสหายเฒ่า ที่สัมผัสได้ถึงแรงดึงจากคันเบ็ด

    ก็ยกยิ้มมุมปากน้อยๆขึ้นมาแต่ไม่ทำสิ่งใด ปล่อยให้เหล่าปลาน้อยใต้น้ำค่อยๆงับเหยื่อ แต่เมื่อใดที่มันงับเหยื่อยามนั้นแหละที่มันจะได้ขึ้นจากใต้น้ำ ขึ้นมาสูดอากาศด้านบนนี้

     

       ผ่านไปหลายสิบอึดใจในที่สุดปลาดวงกุด ที่วนเวียนรอบตะขอเบ็ดของชายหนุ่มก็หุบเหยื่อ เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดึงจากใต้น้ำ หลินมู่จึงออกแรงดึงตะขอขึ้นมาทันที แต่เหมือนปลาดวงกุดตัวนั้นจะโชคช่วยมิน้อย

    มันหลุดจากตะขอไปได้อย่างเฉียดฉิว กลับลงไปในน้ำอันเย็นเยียบยามเหมันต์ฤดู ปล่อยให้ชายหนุ่มชุดคลุมเขียวอ่อน ยืนเก้ออ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก กลับกันทางฝ่ายสหายเฒ่า

     

        อีกฝ่ายดึงเบ็ดขึ้นมาช้ากว่าหลินมู่เล็กน้อย แต่สามารถจับเจ้าปลาตัวสีขาวขนาดไม่ใหญ่นักได้สำเร็จ “ดูเหมือนเจ้ายังให้เวลามันไม่พอนะสหายน้อย” หลินมู่ยิ้มน้อยๆขยับมือไปบิขนมปัง เอามาเป็นเหยื่อที่ตะขออีกครั้ง

    “คงงั้นกระมัง ข้าคงยังรอไม่พอ ขายหน้าสหายเฒ่าแล้ว” สหายเฒ่าที่ได้ยินคำตอบก็ยิ้มแย้ม พร้อมหัวเราะชอบอกชอบใจ เขาปลดเจ้าปลาสีขาวจากตะขอ โยนลงในถังไม้ที่มีน้ำอยู่ครึ่งถัง เป็นการบริการที่ดีเยี่ยมจริงๆ ไม่เพียงวิ่งไปหยิบคันเบ็ดมาให้ ยังเอาถังไม้ไปตักน้ำแล้วมาวางให้อีก

     

       เช่นเดียวกับสหายเฒ่าข้างเท้าของชายหนุ่ม ก็มีถังไม้เติมน้ำไว้ครึ่งถัง ที่แตกต่างก็คือในถังน้ำว่างเปล่า ต่างจากของสหายเฒ่าเจียงซวี ที่มีปลาน้อยตัวสีขาวหน้าตาโง่ๆตัวหนึ่ง ว่ายวนไปมาอยู่ภายในถังน้ำอย่างร่าเริง

    ทั้งสองไม่พูดจาสิ่งใดอีก เพียงใช้เวลานี้ตกปลาใช้ชีวิตให้ช้าลง ให้เวลาตนเองสักเล็กน้อย ค่อยเป็นค่อยไปจนเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก้อนขนมปังขนาดเท่ากำปั้น ก็เหลือเพียงเศษเล็กเศษน้อย เป็นสัญญาณว่าการตกปลาในครั้งนี้จบลงแล้ว 

     

       ภายในถังน้ำมีปลาตัวน้อยสีขาวหลายขนาด ว่ายวนไปมาดูวุ่นวายเต็มไปหมด นับคร่าวๆแล้วในถังไม้ของชายชรา มีอยู่ประมาณ 12-14 ตัว ว่ายวนไปมาดูคึกคักเป็นพิเศษ

    โดยหารู้ไหมว่าอีกไม่นานพวกมัน ก็กำลังจะลงหม้อกลายเป็นน้ำแกงปลา ส่วนในถังของหลินมู่มีเพียง 2 ตัว ว่ายวนไปมาอย่างร่าเริง คล้ายลืมไปแล้วว่ามันสองตัว ถูกจับขึ้นมาจากทะเลอันกว้างใหญ่ 

     

       หลินมู่ยกถังไม้ขึ้นมา แล้วเทน้ำพร้อมปลากลับลงไปในทะเลสาบ เขาไม่ใช่คนใจบุญอะไร เพียงแค่ไม่รู้จะจับมันไปทำเมนูอะไร หากเป็นตอนเดินเท้าข้ามมณฑล ป่านนี้ปลาน้อยสองตัวนี้ คงลงหม้อกลายเป็นน้ำแกงปลาแล้ว

    แม้จะขอให้ทางห้องครัวของเรือปรุงให้ได้ แต่ปลาสองตัวนี้คงไม่พอยาไส้ ปล่อยมันลงน้ำถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ส่วนสหายเฒ่าส่งถังน้ำให้ลูกเรือ พร้อมไหว้วานให้อีกฝ่ายส่งไปห้องครัวของเรือ ปรุงออกมาเป็นน้ำแกงปลาร้อนๆสักหม้อ

     

       ลูกเรือคนนั้นตอบรับอย่างกระตือรือร้น แบกถังไม้วิ่งตรงไปยังห้องครัวของเรือโดยสาร “สหายน้อยเจ้าจะมาดื่มน้ำแกงสักชาม ก็ได้นะ” หลินมู่ส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ พร้อมยื่นคันเบ็ดส่งคืนให้สหายเฒ่า

    แต่สหานเฒ่าทำเพียงส่ายหน้า ผลักคันเบ็ดไปให้ชายหนุ่ม “ข้าบอกจะให้ก็คือให้ไม่มีการกลับคำ หากเจ้าถือว่าข้าเป็นสหายจงรับไว้เสีย” ชายหนุ่มแสดงสีหน้าชั่งใจสักพัก ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไป “ในเมื่อสหายเฒ่ากล้าให้ข้าก็กล้ารับ คงต้องกล่าวโทษมันร่วงหน้าแล้วกระมัง ที่เวลาส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้ให้ฝุ่นเกาะ”

     

       ชายวัยกลางคนหัวเราะร่วน “แล้วเจ้าจะทำอย่างไร กับแผลที่มือของเจ้า? ดูเหมือนแผลจะฉีดเสียด้วย” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมเดินกลับไปยังห้องของตน “เดี๋ยวข้าจัดการเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หากทนความเจ็บปวดแค่นี้ไม่ได้ ข้าก็ไม่ต้องเรียกตนเองว่าบุรุษ ไม่สมควรออกมาท่องยุทธจักรเสียด้วยซ้ำ”

    สหายเฒ่าหัวเราะดังสนั่น จนผู้คนบนเรือสะดุ้งโหยง “ฮ่าฮ่าฮ่า!!! พูดได้ดี!! ข้าชักชอบใจตัวเจ้าในตอนนี้แล้วสิ” หลินมู่ยิ้มน้อยๆ หันมาป้องหมัดเป็นการบอกลา “ข้าขอตัว หวังว่าการไปเยี่ยมครั้งหน้า ข้าคงไม่ได้กินน้ำแกงประตูปิด”

     

       สหายเฒ่าเจียงซวีโบกมือเป็นเชิงไล่อีกฝ่ายไป “น้ำแกงประตูปิด? เจ้าได้กินแน่หากไม่ส่งคนมาส่งข่าวก่อนมา ใจแก้วดวงน้อยๆของหลานชายข้า ยิ่งเปราะบางมากๆ หากเขาเป็นอะไรไป เจ้าไม่เพียงได้กินน้ำแกงประตูปิดแน่”

    หลินมู่พยักหน้าแล้วจึงเดินหายไป เหลือไว้เพียงชายวัยกลางคนในชุดคลุมน้ำเงิน ยืนแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยก้อนเมฆสีเทา “เดินทางไกลครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ” ทางฝั่งห้องครัวของเรือโดยสาร

     

       ลูกมือและเหล่าพ่อครัวต่างแสดงสีหน้าเคร่งเครียด มองใบไม้สีม่วงมีลักษณะแปลกประหลาด ที่มีอย่างมหาศาลภายในกล่องไม้ที่พึ่งตกแตก “มิน่าล่ะ ทำไมเจ้าปลานั้นถึงโจมตีเรา หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กซุ่มซ่าม ไม่ทำกล่องสมุนไพรตกเข้า เราก็คงไม่รู้เลยว่ามีคนวางยาพวกเรา พวกมันถึงขั้นเอาใบยั่วอสูรมากขนาดนี้ขึ้นมาบนเรือ คงไม่กะให้ใครรอดไปเลยกระมัง โชคดีที่เรามียอดฝีมืออยู่บนเรือ ไปแจ้งกัปตันเรือเรามีเรื่องฉุกเฉิน!!”

    พ่อครัวเฒ่าแสดงสีหน้าเคร่งเครียด สั่งงานหนึ่งในลูกเรือไปแจ้งข่าว ใบยั่วอสูรคือใบไม้พิเศษ กลิ่นของมันมนุษย์ทั่วไปแทบจะไม่ได้กลิ่น หากเป็นพวกปรมาจารย์สมุนไพร หรือคนที่ลับคมประสาทรับกลิ่นมาดีพอ จะได้กลิ่นมันจางๆ แต่สำหรับสัตว์อสูร หรือสัตว์ที่มีธรรมชาติดุร้ายแต่กำเนิด 

     

       เมื่อพวกมันได้กลิ่นราวกับเป็นการปลุกสัญชาตญาณดิบ สั่งให้มันโจมตีที่มาของกลิ่นนั้นโดยอัตโนมัติ ที่เรือล่มหลายต่อหลายครั้งมานี้ คนที่อยู่เบื้องหลังคงใช้เจ้าใบยั่วอสูรนี้แน่นอน แต่เป้าหมายคงยังไม่มีใครรู้ และไม่มีใครรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร…

    ทิศเหนือที่พำนักตระกูลต้าเจียง ภายในห้องลับอันมืดมิด ชายชราชุดคลุมขาวคล้ายเทพเซียน กระอักเลือดสีแดงสดใบหน้าซีดเชียว ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่าฮ่า!! เจ้ามารเฒ่า!!! คิดเรอะว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่อนุมานทำนายได้ดีที่สุด!? เรื่องนี้ตระกูลจ้าเตียงของข้าคืออันดับหนึ่ง!!"

     

       ทางด้านภูเขาร้อยอสูรภายในตำหนักลับ มีเพียงแสงเทียนสลัวๆเพียงพอ แก่การมองเห็นลางๆเท่านั้น ร่างในเงามืดใช้ปลายนิ้วคีบเม็ดหมากสีดำ วางลงไปบนกระดานที่เป็นแผนที่ของทวีปหลิวซู พร้อมกับเปล่งน้ำเสียงอันเย้ยหยันออกมา “เจ้านกเฒ่า ดูสิเจ้าจะฝืนไปได้กี่น้ำ” 

    รอยยิ้มภายใต้แสงสลัวฉีกกว้าง ดวงตาแนวตั้งสีแดงก่ำเสียยิ่งกว่าเลือด จับจ้องไปยังแผนที่ทวีปหลิวซู ที่มีหมากสีดำกลืนจุดสำคัญไปเกือบทุกส่วน ตรงแผนที่บริเวณแม่น้ำสายใหญ่ทางตะวันออก ที่เชื่อมไปยังภาคกลางตรงไปตะวันตก

     

       มีหมากสีทองอันหนึ่งวางไว้บนนั้น แต่คล้ายคนในเงามือไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาคีบเม็ดหมากสีขาวสลักลวดลาย มังกรห้ากงเล็บขึ้นมาพร้อมพูดพึมพำ “เจ้าหนูต้นกล้าอมตะนี้ไม่จำเป็นแล้ว ข้ายกให้พวกเจ้าละกันดูสิว่าต้าเจียงของเจ้า จะทำเช่นไรเพื่อรอดพ้นจากหายนะ” 

    เขาขยับสายตาไปมองทางเหนือของเมืองเหอตง ที่มีหมากสีแดงกำลังขยับขึ้นมา ร่างในเงามืดวางเม็ดหมากขาวลง สลับกับตำแหน่งหมากสีดำ ตำแหน่งชายแดนทางเหนือ ก่อนจะหลับตาไม่ขยับตัวอีก 

     

       ซากหมู่บ้านเล็กๆบริเวณชายแดนทางเหนือ เด็กหนุ่มผอมแห้งในชุดขาดวิ่นคล้ายผ้าขี้ริ้ว อายุราว 14-15 ปี กำลังนอนขดอยู่ใต้ซากบ้านเรือนที่เคยอบอุ่น ท่ามกลางเศษซากปรักหักพง เขามีผมสีดำเข้มดวงตาสีเงินคล้ายดวงจันทร์อันสดใส กำลังพร่าเลือนถึงขีดสุด 

    หากปล่อยไว้อีกสักพักคงได้สิ้นใจแน่นอน “เจอแล้ว!! เจอบุตรฟ้าประทานแล้ว!!!” ชายหนุ่มในชุดตระกูลต้าเจียง ตะโกนร้องเรียกพวกพ้อง ก่อนจะมีคนมากมายพุ่งมา เข้าดูแลเด็กหนุ่มอย่างสุดความสามารถ

     

       อีกฝากชายหนุ่มที่เป็นตัวแทนของหมากทองคำ ยังคงไม่รู้เลยว่าตนกำลังเดินอยู่บนกระดานหมาก ที่มีความเป็นความตายของคนจำนวนมากเป็นเดิมพัน….

     

     

     

       

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×