ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #67 : ตอนที่ 67 จอกนี้สำหรับข้าที่รอดชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 65


       อีก 2 ชั่วยามให้หลัง หลินมู่ที่หมดสติเริ่มขยับตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียงใช้สายตาจิตของตนมองไปรอบตัว จึงพบว่าตนถูกหามกลับมายังห้องส่วนตัวบนเรือโดยสาร

    ชุดคลุมเทาถูกเปลี่ยนออก เป็นชุดคลุมสีเขียวอ่อนสดใส ของทุกอย่างบนตัวถูกวางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ ปะปนกับของต่างๆมากมาย แม้แต่ห่วงกำไลทองเหลืองทั้ง 4 วง ที่เขาสวมอยู่ที่ข้อมือข้อเท้า

     

       ยังถูกปลดออกวางกองไว้บนโต๊ะ มือทั้งสองข้างถูกพันด้วยผ้าพันแผลมิดชิด กลิ่นเครื่องหอมที่ถูกจุดไว้บรรเทาและผ่อนคลายจิตใจเพียงได้กลิ่น

    ชายหนุ่มพยุงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะพึมพำออกมาแผ่วเบา “เหมือนจะยังเดินเหินยังพอทำได้…” หลินมู่พึมพำกับตนเองเงียบๆ แล้วจึงลองก้าวเดินอีกหลายครั้ง ก็พบว่าตนสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ปกติ 

     

       แต่เหมือนจะไม่สามารถออกแรงวิ่งเต็มที่ได้ “ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เจ้าลานั้นเถอะคงไม่กลายเป็นเนื้อบดแล้วหรอกนะ?” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เพราะการต่อสู้ค่อนข้างตึงเครียด

    จึงไม่ค่อยมีจังหวะแยกสมาธิออกมาสนใจใต้ท้องเรือ สัตว์ในนั้นเป็นตายอย่างไรจากผลกระทบการต่อสู้ ชายหนุ่มไม่สามารถรู้ได้เลย เขาพอรู้แล้วว่าเหตุใดเวลาผู้ฝึกฝนวรยุทธ์ขอบเขตสูงๆ ต่อสู้หรือห่ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

       ชาวบ้านและปุถุชนทั่วไปโดยรอบ มักจะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล ขนาดเขาสู้เพียงอสูรปลาที่มีจุดเด่นคือการป้องกัน แถมยังสามารถใช้ปราณฟ้าดิน มาเสริมการป้องกันเพิ่มได้อีก

    เขาก็ต้องงัดทุกอย่างออกมาใช้จนหมด แม้แต่การร่วมมือกับชายวัยกลางคนชุดคลุมฟ้า และ พระชราจีวรขาว เพื่อโจมตีมันอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่อาจถูกสังหาร กลายเป็นว่าท้ายที่สุดเป็นเขาเองที่เกือบตกเป็นอาหารปลา

     

       หากไม่มีลูกเกาทัณฑ์ลูกนั้น ป่านนี้เขาคงไปลงเอยนอนแฮปปี้ในท้องปลาแล้วกระมัง แต่ก็เกิดคำถามใหม่ขึ้นมาแทนที่ มือเกาทัณฑ์คนไหนเป็นผู้ยิงเกาทัณฑ์ดอกนั้นออกมา

    ร้อยวันพันปีเขารู้จักมือเกาทัณฑ์เพียงคนเดียว นั้นคือจ้าวมู่หยูแต่ก็ไม่น่าใช่อีกฝ่าย สถานที่ต่อสู้ห่างจากเมืองอยู่ประมาณ 6-7 ลี้คงจะได้ เทียบจากขอบเขตอีกฝ่ายแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยิงเกาทัณฑ์จากระยะนั้น

     

       หรือจะเป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางสักท่าน ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในเมืองเหอตงบางคนลงมือ แต่ก็ว่าจะใช่เสมอไปบางทีคำตอบอาจจะง่ายกว่าที่คิดก็ได้ “ตอนนี้ยังมีข้อมูลน้อยเกินไป ไว้ย้อนกลับมาเมืองเหอตงคราวหน้า ถึงสืบเรื่องนี้ละกัน…”

    ชายหนุ่มพึมพำระหว่างเดินไปตามทางเดิน ที่มีลูกเรือหลายคนวิ่งชุลมุนไปมาดูมีชีวิตชีวา เมื่อลงมาใต้ท้องเรือเขาก็ตรงไปทางคอกม้าคอกลา พอมาถึงที่หมายชายหนุ่มถึงกับหุบยิ้มไม่ได้

     

       แม้ภายในนั้นจะเหลือไม่ถึงสิบตัว แต่หนึ่งในนั้นคือเจ้าลาที่เขาคุ้นเคย มันนอนเคี้ยวสมุนไพรด้วยสีหน้ามีความสุขอย่างมาก รอบตัวเต็มไปด้วยจานผลไม้มากมาย ราวกับมีคนมอบเป็นบรรณาการอย่างไรอย่างงั้น

    เจ้าลาซุยโก๋ที่จับความรู้สึกที่คุ้นเคยได้ลางๆ ก็หันหน้ามาทางประตูคอก ก็เห็นเจ้านายที่ร่วมเดินทางมาค่อนข้างนาน ในสภาพสะบักสะบอม ถูกผ้าพันแผลมัดเป็นมัมมี่ครึ่งตัว

     

       กำลังยืนยิ้มแฉ่งเห็นฟันขาวเรียงอยู่ในปาก เจ้าซุยโก๋ส่งเสียงประมาณว่า เจ้าก็โดนลูกหลงเช่นเดียวกันสินะ ไม่เป็นไรไม่เป็นไร สิ่งมีชีวิตอ่อนแออย่างเรา ต้องเจอเรื่องพวกนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว

    หลินมู่ไม่สนใจว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เดินเข้าไปลูบแผงคอมันเล็กน้อยก่อนจะจากไป เดินกลับไปได้ไม่นานเสียงของเจ้าลาเทาตัวนั้นก็ดังตามหลังมา มันคงจะบอกว่ารักษาสุขภาพกระมัง

     

       ชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวอ่อนเดินขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ ยังไม่ทันจะได้ทำสิ่งใดก็มีลูกเรือคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาหา “ท่านอยู่ที่นี่เอง!! ท่านเกือบทำให้ข้าตกที่นั่งลำบาก…” ลูกเรือหนุ่มหายใจเข้าออกอย่างกระหายอากาศ

    ใช้มือทั้งสองชันเข่าเอาไว้เหงื่อท่วมเต็มตัวในฤดูเหมันต์เช่นนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายวิ่งไปไหนมาไหนอยู่ค่อนข้างนาน เขาคงทำให้อีกฝ่ายลำบากจริงๆแหละ ถึงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องลุกขึ้นมาเดินไปมาโดยไม่บอกกล่าว หรือ ออกจากห้องโดยสภาพยังไม่ฟื้นตัวดีล่ะ

     

       “เอาหล่ะ แล้วเจ้าตามหาข้าทำไม?” ลูกเรือหนุ่มผู้นั้นหายใจสูดอากาศฟอดใหญ่เข้าปอด ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว “ท่านปรมาจารย์เจียงซวี ให้ข้ามาตรวจอาการท่าน หากยังไม่รู้สึกตัวก็ไม่ต้องรบกวน แต่หากรู้สึกตัวแล้วก็ให้เชิญท่านไปงานเลี้ยงที่ดาดฟ้าเรือ”

    แม้จะได้พักเล็กน้อยแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังพูดติดขัด ลิ้นพันกันเพราะความเหนื่อยล้า ชายหนุ่มจะเอื้อมมือไปลูบด้ามตงหยูด้วยความเคยชิน แต่กลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า จึงเปลี่ยนไปลูบหลังศีรษะแทน

     

       ปรมาจารย์เจียงซวีท่านนั้น คงเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีฟ้า ที่ปักลวดลายสายฟ้าสะดุดตากระมัง คิดได้เช่นนั้นเขาก็สั่งให้ลูกเรือหนุ่มนั่งพักตรงนี้ก่อน

    แล้วเขาจะเดินไปดาดฟ้าเรือเอง อีกฝ่ายถามย้ำสองถึงสามครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่อยากทำผิดกับคำสั่งของยอดฝีมือ “ไม่เป็นไรเจ้าพักเถอะ หากเจ้าเกิดช็อกตายขึ้นมา ข้าคงเก็บไปคิดมากน่าดู” ลูกเรือหนุ่มยิ้มแห้งๆ ก่อนจะป้องมือขอบคุณทิ้งตัวนอนบนพื้น หอบหายใจอย่างหนักหน่วงทันที

     

       หลินมู่เดินผ่านอีกฝ่ายตรงไปยังดาดฟ้าเรือ ที่กำลังจัดงานสังสรรค์ที่รอดมาจากความตายได้อย่างปาฎิหาริย์ แม้จะไม่มีดนตรีฉูดฉาดคล้ายยุคสมัยใหม่ แต่ก็มีแม่นางน้อยแบกเครื่องดนตรีโบราณ

    บรรเลงท่วงทำนองสบายใจชวนเคลิบเคลิ้ม ชายหนุ่มหาอีกฝ่ายได้ไม่ยากเพราะมีโต๊ะตัวใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางงานมีเพียงสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ หนึ่งคือชายวัยกลางคนที่น่าจะชื่อว่าเจียงซวี และ พระชราจีวรขาวที่ท่องบทสวดก่อนจะดื่มน้ำเปล่าดับกระหาย

     

       หลินมู่เดินมาถึงก็ป้องหมัดทักทายยอดฝีมือทั้งสอง “ขอบคุณทั้งสองท่าน ที่ช่วยเหลือสหายน้อยคนนี้ ขอบคุณพวกท่านจริงๆ” 

    ปรมาจารย์เจียงซวีหัวเราะคิกคักแก้มสีแดงเปล่งปลั่ง ยิ้มแยกเขี้ยวเห็นฟันสีขาวสว่าง “ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ใช่เรื่องใหญ่ร่วมทุกข์ร่วมโศก นี้คือวิถีทางในยุทธจักรของข้า สำหรับเรื่องเป็นตายในยุทธจักรล้วนรับผิดชอบกันเอง อย่าเอามาพูดให้ข้าได้ยินล่ะ! สหายน้อย!!” พูดจบชายวัยกลางคนก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มด้วยความสะใจ

     

       “อามิตตาพุทธ….ช่วยชีวิต 1 ชีวิต ได้บุญมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ประสกไม่ต้องขอบคุณมากมาย เพียงพูดขอบคุณอาตมาก็สุขใจแล้ว” หลินมู่ยกยิ้มน้อยๆก่อนจะป้องหมัดให้พระชราอีกครั้ง

    พระชราใช้ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างมองชายหนุ่มอย่างเมตตา “อามิตตาพุทธ…” ในเมื่อพระชรารับคำขอบคุณของตนแล้ว ก็เหลือแต่ชายวัยกลางคน ที่ยังไม่ยอมรับคำขอบคุณจากเขา

     

       “สหายเฒ่า จะทำอย่างไรท่านจึงจะรับคำขอบคุณจากข้า?” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายออกมาอย่างเถรตรงไม่อ้อมค้อม ซึ่งถูกใจเจียงซวีเป็นอย่างมาก “ฮ่าฮ่าฮ่า!! มามา มาดื่มกับข้า เจ้าหัวล้านเฒ่าชุดขาวนั้นไม่ยอมดื่มกับข้า เพราะบอกว่าผิดหลักศีลปฎิบัติอะไรก็ไม่รู้ ข้าเบื่อจะตายแล้ว!! มาสหายน้อยดื่ม!! หากข้าไม่เมาคำขอบคุณนั้นก็เก็บไว้ในลำคอเจ้าเถอะ!!”

    หลินมู่ยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นมา “ท่านห้ามใช้ลมปราณขับฤทธิ์สุราออกเด็ดขาด มาดื่มกันแบบคนธรรมดา” เจียงซวีตอบตกลงโดยไม่คิดใดเลยๆ พร้อมเทสุราลงจอกส่งให้ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้เขาใช้แผนร้ายในลำคอเลย

     

       ชายหนุ่มยิ้มแห้งก่อนจะโน้มตัวถือจอกสุราขึ้นมา “จอกนี้สำหรับข้าและพวกท่านที่ร่วมมือกัน ต่อต้านสถานการณ์เป็นตาย จนมีชีวิตรอดออกมาได้!!” พูดจบชายหนุ่มก็ยกดื่มรวดเดียวจนหมด แก้มทั้งสองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

    แต่เขาก็ไม่หยุดเพียงแค่นี้หยิบไหสุรามาเทให้ตนเอง แล้วยกจอกขึ้นสูง “จอกนี้สำหรับพวกท่านที่ช่วยชีวิตข้า!!!” พูดจบก็ยกอีกจอกหมดในรวดเดียว ใบหน้าแดงก่ำจนแทบเป็นลูกตำลึง แต่ก็ไม่อาจหยุดการกระทำของชายหนุ่มได้

     

       เขาเทสุราให้ตนเองอีกจอกซูขึ้นเหนือหัวแล้วพูดขึ้นเสียงดัง “จอกนี้สำหรับข้าที่ยังมีชีวิตอยู่!!” สิ้นเสียงเขาก็เทเหล้าลงปาก กลิ่นหอมละมุนของสุราประจำถิ่น ตีตลบอบอวลกลางอากาศ

    สร้างบรรยากาศครื้นเครงให้แก่งานสังสรรค์เป็นอย่างมาก เจียงซวีตบมือส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ พระชราจีวรขาวพนมมือเผยรอยยิ้มอันเมตตา พร้อมพูดว่าอามิตตาพุทธ งานสังสรรค์ดำเนินไปจนถึงดึกดื่น ไม่ว่าเป็นชายฉกรรจ์อกสามศอกหน้าไหน ก็เมาล้มพับระเนระนาด มีเพียงพระชราจีวรขาว ที่ดื่มน้ำเปล่าและคีบกินผักผลไม้ ที่ยังคงอยู่ในสภาพปกติดี กลับกันหนึ่งหนุ่มหนึ่งวัยกลางคน กำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่ ในอ้อมแขนมีไหสุราที่ว่างเปล่า 

     

       ด้านหลังเรือโดยสาร ห่างจากตัวเรือราว 1 ลี้ มีร่างในชุดคลุมดำปักลวดลายสีแดงสด ยืนอยู่บนหัวของอสูรปลาที่ลอยคออยู่บนผิวน้ำ บนหัวของมันทีลวดลายแปลกประหลาดถูกประทับเอาไว้ หากสังเกตดีๆยังมีหัวเกาทัณฑ์สีแดงถูกฝังไว้ใต้เกล็ดสีขาว พร้อมรอยบาดแผลที่เริ่มสมานตัว

    ดวงตาสีเขียวมรกตของมัน ถูกชะโลมไปด้วยสีแดงเลือด มองท้ายเรือโดยสารลำนั้นด้วยสายตาขบคิดบางอย่าง “เจ้าลงไปฟื้นตัวได้แล้ว เมื่อถึงเวลาข้าจะให้สัญญาณ…” ร่างนั้นกระทืบตัวอสูรปลา จนจมลงไปใต้ทะเลสาบอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง

      

       แม้จะไม่มีหัวปลาให้เขายืนอีกต่อไป แต่ร่างนั้นยังคงยืนบนผิวน้ำราวกับมันเป็นผืนดิน ร่างนั้นมองเรือโดยสารด้วยดวงตาแดงก่ำที่มีนัยตาแนวตั้ง ดุจปีศาจร้ายจากอเวจีสักพัก

    ก่อนจะม้วนตัวเดินบนผิวน้ำกลับไปยังเมืองเหอตง 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×