ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #66 : ตอนที่ 66 ทุ่มสุดตัว

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 65


       เรือโดยสารโคลงเคลงบนกระแสคลื่นอันเชี่ยวกราก แล่นเข้าหาใจกลางน้ำวนด้วยความเร็วสูง พร้อมจะสูบพวกเขาลงไปยังใต้บาดาล จอมยุทธ์หนุ่มสาว หรือแม้แต่พวกยอดยุทธ์พากันขวัญแตกกระเจิง

    กุมมือสวดภาวนาให้พวกตนรอดพ้น จากสถานการณ์เป็นตายนี้ด้วยเถิด พระชราในจีวรขาวนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ ดึงสีหน้าดวงตาสีฟ้าใสกระจ่าง สาดประกายความผิดหวัง

     

       “ในเมื่อเดรัจฉานตนนี้ ไม่ยอมประนีประนอมอาตมาคงได้แต่ลงมือ ขอให้อรหันต์เป็นพยาน” สิ้นเสียงของพระชราหนึ่งในกรทองคำทั้งหกข้าง ขยับลงมาช้อนเรือขึ้นไปกลางอากาศ

    อสูรปลาที่อยู่ยังใจกลางตาน้ำวน คำรามอย่างเดือดดาลดวงตาสีเขียวมรกต จับจ้องร่างของพระชราด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมจะพุ่งขึ้นมาเพื่อกลืนร่างของอีกฝ่ายเข้าไป

     

       “อย่าได้โอหังนัก!!” เสียงคำรามลั่นดังขึ้นมาจากหมู่เมฆบนฟากฟ้า สายฟ้าสีฟ้าวิ่งแปลบปลาบภายในหมู่เมฆ คล้ายมีมังกรสายฟ้าแหวกว่ายอยู่บนท้องนภา ผลุบโผล่กลางก้อนเมฆสีเทา

    เปรี้ยง!!! สายฟ้าสายใหญ่ฟาดลงมายังใจกลางตาน้ำวน ฟาดเข้าใส่ส่วนหัวของอสูรปลาตนนั้นอย่างจัง “โฮ้ก!!!” มันคำรามอย่างเจ็บปวดขึ้นไปยังท้องฟ้า

     

       เกล็ดบางส่วนบริเวณที่ถูกสายฟ้าฟาด ทิ้งรอยสีดำจากการถูกสายฟ้าฟาดเอาไว้ “ฮึ่ม!” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า ที่แฝงตัวอยู่ในหมู่เมฆแค่นเสียงเย็นชา 

    พร้อมกับโคจรลมปราณขึ้นมาอีกระลอก รวมเป็นสายฟ้าเส้นหนึ่งที่เรียวเล็กกว่าเดิม “ดูสิว่า รอบนี้เจ้าจะทนกับเคล็ดวิชาอัสนีของข้าได้หรือไม่!!?” พระชราที่มองสถานการณ์อยู่ ก็เปล่งเสียงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “อามิตตาพุทธ…”

     

       เป็นจังหวะเดียวกันที่กรทองคำ ที่เหลือเริ่มขยับลงไปใต้น้ำ ดึงร่างขนาดมหึมาขึ้นมาจากใต้น้ำ มันแสดงความดุร้ายพยายามดิ้นรน เพื่อให้ตนหลุดออกจากพันธนาการ

    มือทองคำทั้งห้าล็อคร่างของอสูรปลาไว้กลางอากาศ ต้านกับแรงดิ้นขัดขืนอันมหาศาล เกล็ดสีขาวสลับแดงของมันเริ่มส่องแสง ปราณฟ้าดินปั่นป่วนถูกอัดแน่นเข้าไปภายในเกล็ดแวววาวสะท้อนแสง

     

       สร้างเป็นชั้นพลังบางๆเคลือบป้องกันร่างมันเอาไว้ แต่เหมือนจะช้าเกินไปสายฟ้าเรียวเล็กเส้นนั้น ถูกฟาดลงมาด้วยความเร็วสูง เปรี้ยง!!!

    “โฮ้ก!!!” แม้จะอนุภาพของครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก แต่กลับสร้างได้เพียงรอยร้าวเล็กๆเท่านั้น กลับกันสายฟ้าที่หลงเหลืออยู่ กลับสร้างความเจ็บปวดอย่างมหาศาลให้แก่มัน

     

       ส่งผลให้มันแสดงท่าทีดุร้ายขึ้นอีกหลายส่วน “ย๊ากกกก!!” ร่างที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าดิ่งลงมาจากหมู่เมฆ พุ่งเข้าใส่ส่วนหัวของอสูรปลาเข้าอย่างจัง ตู้ม!!! 

    แรงสั่นสะเทือนกระจายจนไปถึงตัวเรือโดยสาร หลังจากแรงสั่นสะเทือนผ่านไป คนที่อ่อนแอก็กระอักเลือด สีหน้าเจ็บปวดเหนือคณานับ ไม่เว้นแม้แต่สัตว์ที่อยู่ใต้ท้องเรือ

     

       บางตัวล้มพับลงพื้นน้ำลายฟูมปาก นอนดิ้นอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวดทรมาน น่าแปลกที่เจ้าซุยโก๋กลับรอดเหตุการณ์นี้มาได้อย่างปาฏิหาริย์ มันเพียงแค่โชเซเล็กน้อยเท่านั้น

    ด้านนอก ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า ร่อนลงมายืนบนดาดฟ้าเรือแขนเสื้อทั้งสองไหม้เกรียม จากผลกระทบของเคล็ดวิชาที่ทรงพลัง เขาเดินโชเซพร้อมกระอักเลือดออกมาคำโต

     

       ใบหน้าซีดเผือดทรุดลงนั่งบนพื้น ดวงตาจ้องมองไปยังร่างขนาดมหึมา ที่ถูกพระชราใช้เคล็ดวิชาจับล็อคอยู่กลางอากาศ ด้วยสายตาตกตะลึงปนไม่อยากจะเชื่อ

    ขนาดเขาทุ่มลมปราณออกมาจนแห้งขอด ก็ยังไม่สามารถแม้แต่ จะเจาะการป้องกันของเจ้าปลาตัวนั้นได้ พระชราพนมมือขึ้นพร้อมท่องบทสวดที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ กรทั้งห้าที่_จับล็อคอสูรปลาไว้กลางอากาศ

     

       ก็เริ่มขยับออกแรง บีบรัดร่างนั้นด้วยพละกำลังมหาศาล สร้างความเจ็บปวดให้อสูรปลาตนนั้นอย่างมาก มันดึงปราณเสริมการป้องกันให้แก่ตนเองมากขึ้น

    ขณะเดียวกันมันก็ดิ้น จนเกือบจะหลุดออกมาพันธนาการ จนเคล็ดวิชาของพระชราเริ่มปริแตก กรทองคำทั้งห้าเริ่มเกิดรอยร้าว แรงก็ลดลงไปอีกหลายส่วน แม้แต่พระชราในจีวรขาวยังกระอักเลือดจนสีหน้าขาวซีด

     

       ในพริบตานั้นเอง ร่างในชุดคลุมเทาพุ่งออกไปพร้อมประกายสายฟ้าคมกริบ พุ่งเข้าหาอสูรปลาที่กำลังจะหลุดออกจากพันธนาการ ร่างนั้นง้างกระบี่ขึ้นสูง ก่อนจะฟันลงมาที่มาพร้อมเสียงสายฟ้าฟาด

    เปรี้ยง!! เพล้ง!! เสียงเสียดสีของโลหะดังสนั่นไปทั่วบริเวณ กระกายไฟแตกกระจายออกมาจากคมกระบี่ หลินมู่สูดหายใจจนเต็มปอด แล้วจึงออกแรงฟันตงหยูลงไปอีกหลายส่วน

     

       แขนทั้งสองสั่นเทาเลือดสีแดงสดไหลออกจากรูหู ใบหน้าแดงก่ำเสียงขบฟันดังผสมปนเป กับเสียงเกล็ดปลาที่ราวกับทำมาจากโลหะ ง่ามนิ้วปริแตกเลือดสีแดงสดไหลชโลมด้ามกระบี่

    “ย๊าก!!!!” ชายหนุ่มกู่ร้องสุดเสียงออกแรงทั้งหมด ฟันกระบี่เพื่อฝ่าการป้องกันของอีกฝ่าย “โฮ้ก!!!” อสูรปลาเองก็ใช่จะยอมให้อีกฝ่ายผ้าเปิดกระโหลกมันง่ายๆ เกล็ดบริเวณหัวถูกอัดแน่นไปด้วยปราณฟ้าดิน เสริมพลังป้องกันของมันขึ้นมาอีกครั้ง 

     

       ทั้งสองประลองกำลังไปมาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมด พลาดเท่ากับตายทั้งสองจึงไม่มีใครยอมใคร เค้นพลังออกมาจนหมด แต่สุดท้ายหลินมู่ก็ไม่อาจทำให้ตนเองอยู่ในสภาพจุดสูงสุดได้อีกต่อไป

    แรงที่ฟันกระบี่ลงไปเริ่มเบาลงเรื่อยๆ อสูรปลาส่งเสียงเยาะเย้ยมันเตรียมจะสลัดพันธนาการ แล้วปิดฉากสังหารมนุษย์ผู้นี้ทิ้งเสีย พร้อมกับจมเรือโดยสารลำนั้น ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่มันรังเกียจออกมา

     

       “สุดท้ายแล้ว มนุษย์ก็มีกำลังจำกัดสินะ…” เสียงของชายหนุ่มดังแผ่วเบาไปตามสายลมอันปั่นป่วน เจ้าอสูรปลาที่ได้ยินก็บังเกิดความสงสัย เจ้ามนุษย์ตัวน้อยนี้ยังจะพยายามทำอะไรอีก?

    ไม่ทันให้มันหายสงสัย เปลือกตาทั้งสองข้างที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นดวงตาสีหมึกเปล่งประกายระยิบระยับ คล้ายท้องนภายามรัตติกาล ที่เต็มไปด้วยดวงดาวละลานตาถูกอัดแน่นอยู่ในดวงตาคู่นั้น

     

       เพียงเปลือกตาเปิดออก อากาศโดยรอบก็ถูกฉีกขาดการความแหลมคม ที่ยากจะอธิบายด้วยสามัญสำนึกทั่วไป เส้นแสงสีฟ้าใส 4 เส้นพุ่งออกมาจากจากดวงตาคู่นั้น ด้วยความเร็วยากจะตอบสนอง

    พุ่งเข้าปะทะกับเกล็ดเรืิองแสงของมัน ปัง!! เกิดการปะทะเพียงเสี้ยวอึดใจ ก่อนการป้องกันจะถูกเจาะทะลวง ร่างในชุดคลุมเทา หันกระบี่ลงแล้วฟันขึ้นด้านบน “ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาด!!!”

     

       เปรี้ยง!!! ฉูด!!! เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากบาดแผลยาวบนหัว ก่อนจะตกลงมาเป็นฝนโลหิตชโลมเรือโดยสาร และ พระชราที่สร้างกำแพงลมปราณ สกัดกั้นไม่ให้โลหิตตกลงบนจีวรขาวของตน

    ร่างอันใหญ่โตที่อยู่ในพันธนาการของกรทองคำแน่นิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนราวกับพลังชีวิตหมดสิ้นไปแล้ว ร่างของชายหนุ่มร่วงลงไปอย่างไร้การควบคุม หมดสภาพต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง

     

       พระชราคลายการพันธนาการ ขยับกรทองคำข้างหนึ่งไปรับหลินมู่ ที่แทบจะไม่เหลือสติอยู่เลย แต่ในจังหวะที่พันธนาการถูกปลดออก ร่างขนาดมหึมาก็ดิ่งลงมาพร้อมอ้าปาก เผยให้เห็นฟันอันแหลมคมที่อัดแน่นอยู่ภายในปาก

    ดวงตาสีเขียวมรกตเจือสีแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น เตรียมกลืนร่างที่ไร้ป้องกันนั้นลงท้อง เพื่อละบายความแค้น พระชราแสดงสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะควบคุมกรทั้งห้าพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุด

     

       แต่เหมือนจะตอบสนองช้าเกินไป อีกเพียงไม่กี่อึดใจหลินมู่ก็จะถูกปลาตัวนั้นกลืนลงท้อง ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้าสีหน้าตกใจสุดขีดลุกพรวดขึ้นมา เตรียมพุ่งเข้าไปช่วยเหลือ

    แต่ด้วยเขายังไม่ฟื้นตัวดี จึงกระอักเลือดออกมาก่อนจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น ทุกคนบนเรือแสดงสีหน้าตื่นตระหนก ไม่คิดเลยว่าเจ้าอสูรปลาตัวนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้

     

       ในระหว่างความเป็นความตาย ลูกเกาทัณฑ์สีแดงเลือดปกคลุมด้วยออร่าสีดำทมิฬ พุ่งตัดผ่านระยะทางกว่าหลายลี้ พุ่งเข้าไปยังบาดแผลตรงกลางหัวของปลาตัวนั้นเต็มๆ ตู้ม!!!

    ร่างอันใหญ่โตถูกลูกเกาทัณฑ์อันเล็กจ้อย ลากหายไปไกลก่อนจะจมลงใต้ผิวน้ำ เหลือทิ้งไว้เพียงละอองน้ำ ที่ลอยคลุ้งขึ้นบนฟ้า แล้วจึงปรอยลงมาเป็นหยดน้ำเล็กๆ ชโลมทั่วทั้งเรือโดยสาร ฉะล้างโลหิตสีแดงสดออกไป

     

       หลินมู่ที่นอนหมดสภาพอยู่บนมือลมปราณของพระชรา ก็ใช้ดวงตาสีหมึกนั้นมองไปยัง ทิศทางที่ปลาตัวนั้นจมหายไป ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆปิดลงแล้วหมดสติไป ในมือยังคงกุมกระบี่ไว้แน่นไม่ยอมคลาย

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×