ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #65 : ตอนที่ 65 ภายใต้เงา

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 65


       เรือโดยสารลำใหญ่โคลงเคลงไปมา โดยมีเงาของปลาขนาดมหึมาว่ายวนรอบท้องเรือ สร้างแรงกดดันให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก 

    แม้แต่ม้าที่อยู่ใต้ท้องเรือยังพากันตื่นตระหนก จนเกินเป็นความโกลาหลจนเกินกว่าจะควบคุม เจ้าซุยโก๋ที่เป็นเพียงลาเทาธรรมมาๆ ที่อยู่ท่ามกลางม้าตัวบึกบึนกล้ามเนื้อเป็นมัด ก็รีบหลบเข้ามุมปลอดภัย

     

       หนีออกจากความโกลาหล หวังว่าจะไม่โดนม้าที่ตื่นตกใจสักตัวมาถีบมัน บนดาดฟ้าร่างทั้งสามกำลังยืนตั้งท่า เตรียมต่อสู้คลื่นลมปราณสาดซัดเสมือนพายุลูกย่อมๆ

    ท่ามกลางคลื่นลมปราณอันรุนแรงนั้น มีร่างของชายหนุ่มในชุดคลุมเทา ยืนนิ่งในมือกุมกระบี่สาดประกายความแหลมคม ร่างเงาใต้ผิวน้ำค่อยๆหายไป

     

       สักพักสถานการณ์ก็กลับมาเป็นปกติ “เหมือนมันจะไปแล้ว…" ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า พูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจใช้สายตาระแวดระวัง มองไปบนผิวน้ำรอบตัวเรือ 

    พระชราในจีวรขาวสะอาดตา ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างลดเล็กลงจนน่าหวาดกลัว “ประสก กระโดด!!” สิ้นเสียงร่างสีขาวของพระชราก็กระโดดขึ้นจากเรือ ลอยตัวอยู่กลางอากาศ

     

       หลินมู่กับชายวัยกลางคนเองก็กระโดดขึ้นพร้อมกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่พระชราใช้ฝ่ามือลมปราณ ผลักเรือออกไป ปัง!!! ร่างเกล็ดสีขาวสลับแดงสะท้อนแสงพุ่งตรงขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ

    แต่พลาดเป้าไม่อาจพุ่งชนเป้าหมาย ดวงตาสีมรกตอัดแน่นไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จับจ้องไปยังร่างสามร่างที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ หลินมู่ผู้ไม่มีวิชาตัวเบาเหมือนเช่นคนอื่น

     

        ก็ถูกแรงดึงดูดดึงลงมาด้วยความรวดเร็ว ดิ่งลงไปหาเจ้าปลาตัวใหญ่นั้น “ย๊ากกก!!” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง 

    หมุนตัวกลางอากาศก่อนจะฟันกระบี่เข้าที่หัวมันเต็มๆ เคล้ง!!! ยังคงเป็นเช่นเดิมคมของตงหยูไม่อาจ ฝ่าการป้องกันของเกล็ดมันได้ ชายหนุ่มสูดหายใจอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวใช้หัวของมันเป็นแท่นเหยียบ

     

       ดีดตัวเองกลับไปยืนบนเรือได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะตกลงไปในปาก ที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม ร่างอันใหญ่โตนั้นขยับตาสีมรกตมองตามร่างเล็กที่ร่อนลงบนเรือ ก่อนจะทิ้งตัวดิ่งลงน้ำสร้างคลื่นผลักเรือออกไปอีกครั้ง

    ทั้งลูกเรือและกัปตันใบหน้าซีดเซียว แม้แต่เหล่าจอมยุทธ์หนุ่มสาวและยอดยุทธ์บางส่วนบนเรือ ยังแสดงสีหน้าสิ้นหวัง “แม้แต่เจ้ายุทธ์ถึง 2 คน กับ ยอดฝีมือท่านนั้น ก็เอามันไม่อยู่งั้นหรอ!?” 

     

       เด็กหนุ่มอายุราว 15 - 16 ปี พูดออกมาอย่างตกตะลึง นั้นไม่หมายความว่า เจ้าเดรัจฉานตัวนั้นตบะเทียบเท่าราชายุทธ์หรอกหรือ!!?

    พระชราในจีวรขาวลูบลูกประคำในมือ ก่อนจะสวดออกมาเป็นภาษาสันสกฤต เขาพนมมือขึ้นข้างเดียวแล้วจึงกดฝ่ามือลงมา “ฝ่ามือ อรหันต์ทองคำ!!” สิ้นเสียงฝ่ามือทองคำก่อตัวขึ้นกลางอากาศ จากลมปราณสีทองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพุทธศาสนา

     

       ฝ่ามือมือทองคำนั้นกดลงไปในน้ำ ดันร่างของอสูรปลาลงไปใต้น้ำ มันสะบัดหางโบกครีบอย่างรุนแรง สร้างกระแสน้ำจนเรือโดยสารโครงเครงอย่างหนัก

    “คิดว่าข้าจะยอม ให้เดรัจฉานอย่างเจ้าทำอะไรตามใจชอบ? กำปั้นอัสนีสะท้านภูผา!!” กำปั้นลมปราณก่อตัวจาก ลมปราณมีลักษณะคล้ายกับสายฟ้า ถูกชกใส่ร่างที่ดิ้นอยู่ใต้ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว

     

       ตู้ม!!! ประกายสายฟ้าแปลบปลาบ ราวกับอสรพิษตัวน้อยที่ดิ้นไปมา “โฮ้กกก!!” อสูรปลาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว หมุนตัวดิ้นหลุดจากฝ่ามือทองคำ พุ่งขึ้นจากผิวน้ำอ้าปากหวังกลืนร่าง ที่ค่อยๆร่อนลงมาทั้งสองนั้น

    ร่างในชุดคลุมเทาพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จิตกระบี่สาดประกายความคมกริบ ฟาดฟันเฉือนอากาศเป็นริ้วยาว

     

       ใบกระบี่สีขาวดุจหิมะเปล่งประกายด้วยสายฟ้าจางๆ “ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาด!!” สิ้นเสียงคมกระบี่ก็ฟาดเข้าใส่สันหลังของปลาตัวใหญ่นั้น ทิ้งเป็นลอยถากสีขาวจางๆไว้บนเกล็ดของมัน

    “โฮ้ก!!” มันคำรามขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมพลิกตัวกลางอากาศสะบัดหาง ส่งร่างในชุดคลุมเทาลอยกลับหลังไป ด้วยความเร็วเสียยิ่งกว่าตอนพุ่งมาเสียอีก ปัง!! หลินมู่ปะทะเข้ากับกราบเรือจังๆ

     

       พร้อมกระอักเลือดออกมาคำโต ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่าอวัยวะภายใน จะมากระจุกอยู่ที่ลำคอหวังออกมาเต้นด้านนอก เลือดสีแดงสดไหลออกจากมุมปาก สีหน้าซีดเซียวหายใจเข้าออกค่อนข้างลำบาก

    “สหายน้อย!! ยังไม่ตายใช่ไหม!?” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า ตะโกนถามขึ้นอย่างสงสัย หลินมู่โบกมือตอบกลับก่อนจะนำเอาลูกกลอนรักษาออกมาเคี้ยว 1 เม็ด

     

       “แค่ก! แค่ก!!” เขาสำลักเอาเลือดปนเศษอวัยวะออกมา ใบหน้าซีดเซียวลงไปอีกหลายส่วน “เดรัจฉาน ยอมกลับลงไปอยู่ใต้ทะเลสาบดีๆเถิด” สิ้นเสียงของพระชราเขาก็พนมมือทั้งสองข้างเข้าหากัน

    แล้วปล่อยฝ่ามือสีทองใส่หัวของอสูรปลา ส่งมันกลับลงไปใต้น้ำ ร่างของทั้งสองร่อนลงมายืนบนดาดฟ้าเรืออย่างมั่นคง สีหน้าย่ำแย่เอาการ การโจมตีทุกอย่างของพวกเขาแทบไร้ผล

     

       แม้แต่เคล็ดกระบี่ที่พวกเขา คิดว่ามันทรงพลังยังทำได้แค่สร้างรอยไว้ตื่นๆ ร่างของชายหนุ่มชุดคลุมเทาเดินโซเซ มาหยุดอยู่ข้างทั้งสอง 

    แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่หลินมู่ก็ยังคง กุมกระบี่ในมือแน่นไม่ยอมแม้จะผ่อนแรงลงสักเสี้ยว รอบคมกระบี่จึงอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแหลมคม เตรียมจะฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางวิถีกระบี่ของมัน

     

       “สหายน้อย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ไม่เป็นไร ขอให้สหายเฒ่าไม่ต้องเป็นห่วง” อีกฝ่ายที่ได้ยินก็อดเดาะลิ้นไม่ได้

    “ข้าไม่ได้เจอคนรุ่นหลัง ที่คุยกันด้วยได้มานานแล้ว หากข้าจะเลี้ยงสุราเจ้าจะว่าอย่างไร?” หลินมู่ใช้แขนเสื้อเช็ดมุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขัน “แน่นอนหากสหายเฒ่ากับข้า รอดไปจากสถานการณ์นี้ได้”

     

       อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังสนั่น ก่อนจะพูดพระชราพูดขัดไว้ก่อน “พวกประสก ละเรื่องอบายมุขไว้ก่อน ดูเหมือนเดรัจฉานตัวนั้นจะไม่ยอมง่ายๆ อาตมามีลางสังหรณ์ว่า พวกประสกกับอาตมาจะต้องทิ้งกายหยาบไว้ตรงนี้"

    ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง โคจรลมปราณสร้างประกายสายฟ้าไว้ทั่วร่างกาย ขณะเดียวกันพระชราในจีวรขาว ก็พนมมือทั้งสองข้างเข้าหากัน

     

       พร้อมกับท่องบทสวดภาษาสันสกฤต กระจายอ่อร่าพุทธศาสนาออกมาปกคลุมร่างกาย หลินมู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะยืนตั้งท่าพิสดาร ถือกระบี่กลับหัวยกมือขนานกับหน้าอก

    ควบแน่นจิตกระบี่นับสิบเส้นเข้าไปภายในตงหยู ขณะเดียวกันก็โคจรจิตกระบี่ไว้ในดวงตา 4 เส้น เตรียมใช้เป็นท่าปิดฉาก หรือไม้ตายก้นหีบ ในกรณีที่การโจมตีไร้ผล

     

       ขณะเดียวกันก็ใช้จิตกระบี่เส้นที่เหลือ ดึงปราณฟ้าดินมาขัดเกลาเป็นลมปราณ เลียนแบบการโคจรปราณภายในตำราทักษะกระบี่สายฟ้าฟาด จนตงหยูมีประกายสายฟ้าแล่นไปมา ราวกับเจียวหลงในทะเลสีขาว

    ขณะเดียวกันคลื่นรอบตัวเรือก็เริ่มปั่นป่วนมากขึ้น ราวกับเรือลำนี้อยู่ใจกลางพายุลูกใหญ่ ทางเมืองเหอตงที่เห็นเหตุการณ์นี้จากระยะไกล ก็แสดงท่าทีแตกตื่นอย่างมาก

     

       ในเงามืดของยอดอาคารสูง ร่างหนึ่งยืนนิ่งถือเกาทัณฑ์สีเงินเด่นสะดุดตา พร้อมลูกเกาทัณฑ์สีแดงโลหิตที่ถูกเคลือบไว้ด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น

    “ท่าน……..พวกเราเตรียมพร้อมแล้ว” ร่างในชุดคลุมดำที่เคย แอบมองหลินมู่ตอนอยู่โรงน้ำชา เดินออกมาจากเงามืดคุกเข่าโค้งคำนับ ร่างที่ยืนผาดลูกเกาทัณฑ์เตรียมยิงออกไป ขยับริมฝีปากเปล่งเสียงออกมา

     

       “ดีแต่อย่าพึ่งลงมือ… โอ้ แล้วก็เรื่องศพของคนจากต้าเจียงนั้น จัดกการให้เรียบร้อย แฝงตัวเป็นอีกฝ่ายคอยส่งข้อมูลกลับไป อย่าให้เจ้าไท่เซี่ยสงสัย ไม่งั้นแผนที่วางมาทั้งหมดจะล้มเหลว จุดจบจะเป็นเช่นไรข้าคงไม่ต้องเอ่ย” เสียงเย็นชาดังขึ้น สั่งร่างในชุดดำไปทำตามแผน “รับทราบ เป็นไปตามบัญชา” 

    สิ้นเสียงควันโลหิตก็กลืนร่างในชุดดำ จนเมื่อควันสลายไปก็เหลือไว้เพียงความมืดที่ว่างเปล่า “สหายหลิน เจ้าจะทำอย่างไร….” อีกฝ่ายที่ยืนอยู่ภายใต้เงาดำ ปกคลุมใบหน้าส่วนบน ก็ลืมตาขึ้นมาเผยให้เห็น ดวงตาสีแดงเลือดนัยตาแนวตั้งราวกับปีศาจจากอเวจี ที่เปล่งออร่าชั่วร้ายออกมา

     

       ทางฝากฝั่งเรือโดยสาร คลื่นลมปราณสามประเภทปะทะกันกลางอากาศ แทบจะเปลี่ยนที่แห่งนี้ให้กลายเป็นพายุ เงาสีดำขนาดมหึมาว่ายวนรอบตัวเรือด้วยความรวดเร็ว

    สร้างน้ำวนหวังดูดกลืนเรือให้จมลงใต้ผิวน้ำ พระชราในจีวรขาวใช้วิชาตัวเบา กระโดดลอยขึ้นไปบนอากาศลอยอยู่เหนือเรือโดยสาร พนมมือนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ปากขยับขมุบขมิบท่องบทสวดภาษาสันสกฤต

     

       บังเกิดเป็นกรทองคำจำนวนหกกร ขึ้นมากลางอากาศ “เดรัจฉาน อาตมาต้องการให้เจ้ากลับใจ หากไม่อาตมาก็จะต้องลงมือปราบปีศาจ…” ไม่มีการตอบรับจากปลาตัวนั้น

    มันว่ายวนรอบท้องเรือเร็วขึ้นเรื่อยๆ สร้างเป็นน้ำวนใหญ่ที่ค่อยๆกลืนเรือโดยสารลงไปทีละนิด เหล่าลูกเรือและจอมยุทธ์พเนจร และ ขุมกำลังน้อยใหญ่ ที่อยู่บนเรือโดยสาร กุมมือปากพลางพึมพำขอให้ยอดฝีมือทั้ง 3 ได้รับชัยชนะ

     

       บางส่วนกำลังอ้อนวอนเง็กเซียนฮ่องเต้ หรือ กำลังสรรเสริญเทียนโฮว หวังให้ภัยพิบัติครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

    “ข้าไปก่อนนะสหายน้อย” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมฟ้า หันหน้ามาพูดกับหลินมู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลินมู่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงพยักหน้าบอกว่าเขารับรู้

     

       เปรี้ยง!!! สายฟ้าขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า หายไปในหมู่เมฆด้านบนเรือโดยสาร สร้างประกายสายฟ้าระยิบระยับในก้อนเมฆ ราวกับมีมังกรสายฟ้าเฝ้าบัญชา เตรียมฟาดสายฟ้าสังหารอสูรร้าย

    หลินมู่ยืนนิ่งไม่ขยับตัวบนดาดฟ้าเรือ ใช้จิตกระบี่เลียนแบบการโคจรลมปราณ ของทักษะกระบี่สายฟ้าฟาด ขณะเดียวกันคลื่นความแหลมคม ก็ค่อยๆกระจายออกมาจากตัวกระบี่ ร่างในชุดคลุมเทาเปลี่ยนท่าถือกระบี่ ชี้ปลายกระบี่ลงพื้นพร้อมกระกายสายฟ้าที่วิ่งอยู่รอบตัว เหมือนเป็นสัญญาณ อสูรปลาที่ว่ายวนรอบเรือโดยสาร ดิ่งลงใต้น้ำสร้างหลุมแหว่งกลางทะเลสาบ ดึงให้น้ำมาเติมเต็มสร้างเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ หวังดึงเรือโดยสารให้จมลงใต้ทะเลสาบ.…

     

     

     

     

     

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×