ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #63 : ตอนที่ 63 ขึ้นเรือโดยสาร

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 65


       รออยู่ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดทั้งสามก็กลับมาพร้อมข่าวคราว อย่างแรกสุดคงเป็นเรื่องของอสูรปลาตัวนั้น

    คนที่อาศัยอยู่เมืองเหอตง มักเรียกมันว่าภูติทะเลสาบ ความเป็นมาหรือประวัติของมัน แทบจะอยู่มานานหรือบางทีอาจจะนานกว่าเมืองท่าเรือแห่งนี้เลยก็ว่าได้

     

       จากการฟังมาหลายต่อหลายคน พวกเขาก็พอสรุปได้ว่า อสูรปลาตัวนั้น อย่างน้อยต้องมีตบะอย่างน้อยๆ ก็เทียบเท่ากับเจ้ายุทธ์คนหนึ่ง 

    บางทีอาจจะแตะขอบเขตราชายุทธ์แล้วก็ได้ หลินมู่ที่ได้ยินก็สีหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน หากให้เขาสู้เพื่อเอาตัวรอดก็พอจะมีความมั่นใจอยู่บ้าง แต่หากให้งัดข้อกับอีกฝ่ายเลยคงเป็นไปได้ยาก แถมโอกาศที่มันจะโจมตีเรือโดยสารพักหลังมานี้ก็มีโอกาสสูงมากๆ

     

       คงได้แต่ภาวนาว่าไอ้ปลาตัวนั้นจะไม่เพ่งเล็งเรือที่ตนขึ้นเป็นพอ หลังจากนั้นก็เป็นข่าวเกี่ยวกับภาคกลาง ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจอย่างหนัก

    โดยจุดศูนย์กลางของเรื่องก็คือภูเขาท้าสวรรค์ โดยมีเพียงข่าวลือจากยอดฝีมือท่านหนึ่ง ที่รอดชีวิตออกมาจากเหตุการณ์นั้นเมื่อเดือนก่อน 

     

       เขาได้เล่าว่าพรรคมารที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน จำนวนร่วมพันคนบุกเข้าโจมตีภูเขาท้าสวรรค์ กวาดล้างผู้คุ้มกันของห้าตระกูลจนสิ้น แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตราชายุทธ์จากตระกูลกู่

    ยังโดนพรรคมารกุดหัวหิ้วกลับภูเขาเป็นถ้วยรางวัล โดยแกนนำการโจมตีในครั้งนี้ คือขุนพลมารข้างขวาของจอมมาร ไม่มีใครรู้ต้นกำเนิดหรือชื่อแซ่ของเขา รู้เพียงแค่ว่าเขาเรียกตนเองว่า เฉียนโม่ มารโลหิต

     

       สร้างความตกใจแก่ทุกคนเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นตระกูลกู่เริ่มกวาดล้างชายแดน ที่ติดอยู่กับทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างหนัก

    โดยไม่มีใครรู้ว่าการกระทำของมารโลหิต ทำลงไปเพราะได้รับคำสั่งหรือทำไปเพราะความสะใจกันแน่ เพราะการโจมตีภูเขาท้าสวรรค์พวกพรรคมารไม่ได้รับอะไรเลย แถมยังไม่มีข่าวคราวหรืออะไรที่บอกได้เลยว่า จอมมารที่ปิดด่านมาแล้วกว่า 40 ปี ออกมาจากถ้ำฝึกฝน

     

       ทั้งยุทธจักรจึงสรุปไปว่่ามารโลหิต ทำไปเพราะความสะใจล้วนๆ แต่ก็ไม่มีใครวางใจในเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนที่ก่อเรื่องขึ้นมาคือขุนพลมาร เป็นไปได้หลายส่วนว่าอาจจะเป็นแผนของจอมมาร

    เช่นการที่เมืองใหญ่ 2 เมืองถูกกวาดล้าง เศษซากอวัยวะกระจัดกระจายไปทั่ว แร้งดำจิกกินซากศพที่นอนเกลื่อนกลาด เลือดเจิ่งนองไปทั่วผืนดินราวกับแดนนรกบนผืนโลก 

     

       หลินมู่ที่ได้ฟังก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่า ตนจะยังไม่ไปภูเขานั้นเร็วๆนี้ รอให้เรื่องซาลงสักหน่อยจึงจะไปหาข้อมูล

    “แล้วมีข่าวคราวอะไรบ้าง ที่เกี่ยวกับตะวันตก” ทั้งสามมองหน้ากันไปมาก่อนจะพูดขึ้น “เรียนคุณชาย ข่าวที่มาจากตะวันตกพวกเราแทบหาคนรู้จริงๆไม่ได้เลย คาดว่าข่าวคราวของทางนั้นคงยังไม่มาถึง”

     

       หลินมู่พยักหน้าทำสัญญาณมือบอกให้อีกฝ่ายพูด “มีข่าวมาว่าตระกูลหยินหยาง กำลังเกิดสงครามภายใน โดยคนที่จุดชนวนขึ้นมาคือสายเหลียง ว่ากันว่าเมื่อหลายเดือนก่อน ประมุขสายเหลียนฮวา นำเหล่าสตรีเยาว์วัยที่มากพรสวรรค์ กลับไปยังตระกูล ไม่นานก็ตกเป็นที่หมายปอง ของเหล่าบุรุษสายเหลียง จนแล้วจนรอด บุตรชายของทางประมุขสายเหลียงเกิดถูกใจศิษย์สืบทอด ของประมุขสายเหลียนฮวาเป็นอย่างมาก….จนเมื่อไม่นานมานี้ บุตรชายของประมุขสายเหลียง ถูกหลินหลงศิษย์สืบทอดของท่านเหลียนฮวาตบสั่งสอน…"

    อีกฝ่ายเล่ารายละเอียดที่พอจะรวบรวมได้ ให้หลินมู่ฟังทีละเล็กทีละน้อย เมื่ออีกฝ่ายพูดจบหลินมู่ก็อยู่ในการขบคิด ‘เดาไม่ยากหลินหลงนางขึ้นชื่อเรื่องไม่ยอมคน แถมนางยังมีแบคอย่างเหลียนฮวาเม่ยลี่ เธอจึงกล้ามากขนาดนั้น’

     

       ชายหนุ่มคิดและคาดเดาเรื่องต่างๆ โดยใช้ปลายนิ้วเคาะทีพักแขนไปด้วย สร้างแรงกดดันอันแปลกประหลาดให้ทั้งสาม ที่ยืนตัวตรงแม้แต่กลืนน้ำลายหรือหายใจ ยังทำด้วยเสียงที่เบาที่สุด

    กลัวจะรบกวนการใช้ความคิดของชายหนุ่มตรงหน้า “ดีมาก ข้าค่อนข้างพอใจในข่าวที่พวกเจ้านำมา หากมีข่าวอะไรที่เจ้าคิดว่าข้าควรรู้อีก ก็ไปหาข้าหากข้าเห็นว่าสำคัญ เจ้าก็จะได้ของตอบแทน ไม่ต้องห่วงหนึ่งวาจาของข้าหนักดุจติ่งทองเก้าชั้น ข้าไม่โป้ปด” หลินมู่พูดชื่นชมพวกเขาเล็กน้อย พร้อมโยนเหรียญเงินสลักออกไปอีก 1 เหรียญ

     

        เขาบอกเลขห้องพักเสร็จก็ยกชาที่เหลือใครถ้วยดื่มจนหมด หลังจากหลินมู่เดินจากไปทั้งสาม ที่เหงื่อท่วมตัวก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างมาก

    เพียงไม่พบเจอหายนะ แต่ยังได้รับโชควาสนาเล็กๆ หนึ่งในนั้นรีบคว้าเหรียญเงิน 5 เหรียญบนโต๊ะ เขาพาสหายอีกสองคนไปจ่ายค่าน้ำชา แล้วจึงเดินออกไปหาความสนุกให้กับตนเอง

     

       หลังจากนั้นทุกๆช่วงเย็นของวัน ก็จะมีหนึ่งในนั้นมาแจ้งข่าวคราวกับหลินมู่ บ้างก็ได้เหรียญเงินสลัก บ้างก็ได้เพียงเหรียญอิแปะ แต่แค่นั้นก็มากพอแล้ว

    จนเมื่อถึงวันที่ต้องขึ้นเรือโดยสาร ก็มีข่าวที่น่าสนใจเสียที นั้นก็คือข่าวคราวของ หอการค้าแห่งหนึ่งทางตะวันตก สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ตัวหอการค้า แต่เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ อย่างหมู่บ้านศิลานิล

     

       ที่เป็นหมู่บ้านของจอมยุทธ์ใหญ่ผู้หนึ่ง ที่หลินมู่รับปากว่าจะทำตามคำสั่งเสียสุดท้าย “คงต้องเพิ่มไปในแผนด้วยว่า ไปหอการค้าต่วนเจิ่นก็เพื่อถามทาง”

    จดบันทึกเสร็จชายหนุ่มก็โยนเหรียญเงินสลักให้อีกฝ่าย 2 เหรียญ ผู้ฝึกวรยุทธ์ผู้นั้นรับเงินไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แถมยังเสนอตัวแบกของไปยังเรือโดยสารอีกด้วย

     

       เมื่อขึ้นมาบนเรือโดยสาร สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากเก็บของเข้าห้องส่วนตัวแล้ว คือการลงไปใต้ท้องเรือเพื่อเช็คว่าเจ้าซุยโก๋ มันถูกพาขึ้นมาบนเรือหรือยัง

    เป็นไปตามคาดเจ้าลาเทาลายด่าง กำลังเคี้ยวหญ้าแห้งอยู่ในดงม้าที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม ชายหนุ่มที่เห็นว่ามันสบายดีก็หันหลังเดินกลับไปห้องส่วนตัวบนเรือ

     

       โดยรับรู้ว่าเจ้าลา ใช้สายตาทิ่มแทงมองแผ่นหลังที่เดินจากไปนั้น ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรแต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

    หลินมู่ผู้ไม่สะทกสะท้านกับสายตาทิ่มแทง จากเจ้าสหายตัวนั้นโดยในหัวคิดว่า ข้าจ่ายเงินให้เจ้าได้ขึ้นมาบนเรือ ก็ดีแค่ไหนแล้วดีกว่าข้าปล่อยเจ้าทิ้งไว้ให้โรงเตี๊ยมดูแลเป็นปี…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×