ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #62 : ตอนที่ 62 เงามืด

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 65


       ในโรงน้ำชาของหอการค้า หลินมู่นั่งจิบชาเงียบๆ คอยแง่หูฟังบทสนทนาของเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์

    เพื่อหาข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของตน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อย่างไรเสียการเดินทางไปตะวันตกเพื่อส่งอัฐิ

     

       ก็ต้องพบเจอเรื่องวุ่นวายอยู่แล้ว เป็นการดีที่จะหาข่าวในสถานที่ชุกชุมเช่นนี้ แต่น่าเสียดายไม่มีเรื่องน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย นอกจากข่าวคราวเรื่องที่ผู้ฝึกวรยุทธ์ฝ่ายมาร

    รวมตัวกันบุกโจมตีสังหารจนเมืองใหญ่ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปจำนวนมาก นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องซุบซิบในยุทธจักร ที่ไม่สลักสำคัญอะไรสำหรับหลินมู่เลย

     

       แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นจากโต๊ะน้ำชา เขาก็ได้ยินเรื่องน่าสนใจเข้าอย่างบังเอิญ “นี่ๆ พวกเจ้าได้ยินข่าวลือไหมว่า พักหลังมานี้ อสูรปลาตัวนั้นเริ่มดุร้ายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนทำเอาเรือโดยสารหลายลำต้องจมลงใต้ทะเลสาบ”

    เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์พเนจรคนหนึ่งที่พูดคุยกับสหายของตน อย่างออกรสออกชาติ ขณะเดียวกันสหายคนหนึ่งของเขา ที่ดื่มชาหมดในรวดเดียว ก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

     

       “ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ว่ากันว่าเพราะยุทธจักรพักหลังมานี้ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นทุกทีทุกที จนทำให้อสูรปลาตัวนั้นดุร้ายขึ้นมา นี้อาจจะเป็นสัญญาณกลียุค ที่ตระกูลต้าเจียงเคยทำนายเอาไว้ก็ได้…”

    ผู้ฝึกวรยุทธ์คนอื่นๆที่บังเอิญได้ยินก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด แต่ในจังหวะนั้นเองก็มีชายหนุ่มในชุดคลุมเทา พกกระบี่สองเล่มสวมเกี๋ยะผมสั้นสีดำ แต่ที่น่าแปลกคืออีกฝ่ายหลับตาอยู่ตลอดเวลา 

     

       เดินเข้ามาหาพวกเขาก่อนจะวางเหรียญเงินสลัก ไว้บนโต๊ะถึง 3 เหรียญ “สหายในยุทธจักรท่านนี้ พอจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับอสูรตัวนั้นเพิ่มได้หรือไม่?” ผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งสามที่เห็นเหรียญเงินสลัก

    ก็ดวงตาลุกวาวพวกเขาตอบรับในทันที “แน่นอนแน่นอน ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการจะทราบอะไร?” อีกฝ่ายพูดขึ้นพร้อมผายมือ เป็นการเชิญให้หลินมู่นั่งลงพูดคุยกันก่อน

     

       หลินมู่นั่งลงในจุดที่ยังว่างอยู่ พร้อมแสดงรอยยิ้มเป็นมิตร อีกฝ่ายเป็นกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์จำนวนสามคน ตบะไม่ได้สูงส่งแต่มีความเป็นมิตรและเป็นธรรมชาติสูง

    คาดว่าพวกเขาคงใช้ชีวิตอยู่ในยุทธจักรมานานมากแล้ว ข่าวคราวที่ออกมาจากปากคนจำพวกนี้ จึงค่อนข้างเชื่อถือได้รองจากคนขายข่าว นอกเสียจากว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่ใครบางคนจ้างมาเพื่อล่อซื้อ

     

       หลินมู่ที่นั่งลงร่วมโต๊ะกับพวกเขาเสร็จ หนึ่งในนั้นก็รินน้ำชาส่งมาให้อย่างเป็นมิตร หลินมู่แสดงท่าทีขอบคุณแล้วจึงรับมาจิบไปพลางรอฟังอีกฝ่ายอธิบาย

    “แล้วคุณชายต้องการ ทราบเรื่องอะไรหรือ? แน่นอนข้าสามารถตอบได้หมด ไม่ใช่เพียงเรื่องปลาตัวนั้น ขอแค่คุณชายถามหากพวกข้าไม่รู้ พวกข้าก็จะไปถามคนอื่นมาให้” เขามีท่าทีกระตือรือร้นอย่างชัดเจน

     

       ก็แหงสิใครมันจะไม่ตื่นเต้น นั้นเงินตั้ง 3 เหรียญเงินสลัก สามารถทำให้พวกเขาเที่ยวหอโคมแดง ได้ตั้งวันสองวัน ใครจะพลาดโอกาสได้เงินก้อนโตเช่นนี้ล่ะ?

    หลินมู่พูดขึ้นพร้อมโยนเหรียญเงินสลักออกไปอีกเหรียญ “ข้าอยากทราบว่า อสูรปลาตนนั้นมีขอบเขตตบะเท่าใด รวมถึงโอกาศที่มีจะจมเรือโดยสาร และ ข่าวคราวของทางตะวันตก หรือ ภาคกลาง…"

     

       ผู้ฝึกวรยุทธ์ผู้นั้นมองเหรียญเงินตาเป็นมัน กลืนน้ำลายดังอึกภายในสายตา เริ่มบังเกิดความโลภเสี้ยวเล็กๆ เขาหันไปสบหากับสหายอีกสองคน 

    ทั้งสองก็เริ่มบังเกิดความโลภขึ้นมาแล้วเช่นกััน เขาคิดกับตนเองอย่างตื่นเต้น ‘นี่มันแกะตัวอ้วนพี หากข้าไถ่เงินมันสักเล็กน้อยข้าคงอยู่ได้เป็นเดือนๆโดยไม่ต้องทำอะไร…’

     

       ในขณะในหัวของพวกเขาคิดหาวิธีบีบลูกพลับนิ่มอยู่นั้น เสียงอันราบเรียบของหลินมู่ก็ดังแทรกขึ้นมา จนเหมือนมีคมกระบี่มาจ่อที่คอของพวกเขา

    “หากพวกเจ้ามีความคิดขั่วร้าย ก็รีบทิ้งๆไปเสียในตอนที่ข้ายังพูดจาด้วยรู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเจ้าตายไป ทางหอการค้าก็ไม่คิดจะสืบสาวเอาเรื่องข้า…เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นคนสังหาร” แม้นจะเป็นเสียงที่แผ่วเบา

     

       แต่ทั้งสามก็ได้ยินชัดเจน มาพร้อมความเย็นเยือกดุจมีคมกระบี่มาวางไว้บนลำคอ สิ้นเสียงของหลินมู่ก็ปิดเปลือกตาที่แง้มขึ้นมาเล็กน้อยนั้นลง ทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

    เขาไม่ได้อ่อนต่อโลก การโยนเงินออกไปจำนวนนั้น ต้องสร้างปัญหาให้เขาทางใดไม่ก็ทางหนึ่ง ฉะนั้นเขาต้องเปิดไพ่ก่อนนั้นคือการบรัฟเล่นกับจิตใจของอีกฝ่าย แม้นเขาจะเป็นมือใหม่ในด้านนี้

     

       แต่ก็พอรู้หลักการเล็กน้อยอย่าง ต้องพูดความจริงปนเท็จและงัดบางส่วนออกมาแสดง ทำให้จิตใจของคนเหล่านี้สั่นไหว หลังจากนั้นก็ปล่อยเป็นกระบวนการ การคิดของพวกเขาทำงานเอาเอง

    ทั้งสามที่พึ่งผ่านพ้นความรู้สึกเหมือนมีคนเอาของมีคมมาจ่อลำคอ ก็แสดงสีหน้าโล่งอกทิ้งความคิดชั่วร้ายไปทันที พวกเขาไม่โลภเงินทองของอีกฝ่ายแล้ว เห็นๆอยู่ว่าเขากล้าขู่ในที่สาธารณะ ก็แสดงว่าเขามีความสามารถที่จะทำได้

     

       เริ่มบังเกิดเงาที่ปกคลุมจิตใจของทั้งสาม พวกเขาเริ่มมองชายหนุ่มสะพายกระบี่ผู้นี้ โดยภายใต้นัยตาแฝงไปด้วยความหวาดกลัวลึกๆ “เอาหล่ะพูดเรื่องที่ข้าถามไปได้แล้ว…”

    เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง ดึงสติของพวกเขากลับมายังปัจจุบัน “คุณชายที่เคารพ ข้ารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับปลาตัวนั้นเท่านั้น แถมข้าไม่รู้เลยว่าภาคกลางหรือตะวันตก เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง…”

     

       เขาพูดออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ หวั่นเกรงว่าข้อมูลและสิ่งที่ตนรู้ จะน้อยไปจนทำให้ตัวตนที่ตนรุกรานไม่ได้ท่านนี้ต้องโมโหลงกระบี่กุดหัวพวกเขา “ไม่เป็นไร ข้าให้เวลาพวกเจ้าหาข่าว หากทิ้งงานหนีไป พวกเจ้าคงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น…”

    ทั้งสามพยักหน้ารัวๆเป็นการตอบว่า พวกเขาทราบดีคุณชายโปรดวางใจ เพียงเสี้ยวพริบตาทั้งสามก็วิ่งไปถามข่าวคราวของคนนู้นคนนี้ไปทั่วโรงน้ำชา มีบางคนออกไปถามนอกโรงน้ำชา 

     

       โดยมีหลินมู่กำลังนั่งทบทวนว่าตนมีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง หากเขาต้องการใช้วิธีนี้หาข่าวต่อไป แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ของเขาคงบรัฟไม่ได้ทุกคน

    หากเป็นพวกเจ้าเล่ห์แต่เกิด เขาก็สู้ด้วยไม่ได้้เลย ไม่ต้องพูดถึงคนที่ฉลาดเป็นกรด หากประชันและเฉือนกันด้วยการชิงไหวชิงพริบ เขามีแต่แพ้กับแพ้ แม้นก่อนจะถูกดึงมาโลกนี้ เขาก็ถือเป็นคนมีความรู้ แต่ในโลกนี้ความรู้บางอย่างก็ใช้งานไม่ได้ เขาจึงไม่ต่างจากกระดาษขาว ที่ถูกฝึกคิดคำนวณคาดเดามาแล้วก็เท่านั้น

     

       ในระหว่างที่หลินมู่รอฟังข่าวจากลูกกระจ๊อกชั่วคราว ในมุมมืดห่างไปจากโรงน้ำชาหลายตรอกถนน เงาในชุดคลุมสีดำกลมกลืนไปกับเงามืดของอาคาร กำลังจับจ้องสถานการณ์ภายในโรงน้ำชา

    ก่อนจะเหลือบไปมองหลินมู่เพียงเสี้ยวพริบตา ก่อนจะหายไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย ชายหนุ่มที่มีสัมผัสพิเศษดีกว่าคนทั่วไป ก็สัมผัสได้ถึงสายตาเพียงเสี้ยวอึดใจนั้นอย่างคลุมเครือ เขาขมวดคิ้วภายในหัวเริ่มขบคิดอีกครั้ง แม้อาจจะเป็นการรู้สึกไปเอง แต่เขาคิดว่าไม่ใช่แน่ๆ ต้องมีคนคอยเฝ้ามองเขาจากความมืด

     

       แต่แล้วอีกฝ่ายควรเป็นใคร? ยอดฝีมือที่โลภในทรัพย์สินบนตัวเขา? หรือ ตัวแปรอื่นที่นอกเหนือจากนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะมีคนของตระกูลไป๋ที่คุ้นหน้าตนอยู่ในเมืองนี้ แต่ความเป็นไปได้น้อยมาก 

    ไม่ใช่แค่เขาต้องระวังเรื่องเรือโดยสาร แต่เหมือนต้องระวังมือในเงามืดที่ไม่รู้นั้นด้วยสิ…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×