ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #56 : ตอนที่ 56 มือเกาทัณฑ์ผู้แปลกประหลาด

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 65


       หลินมู่ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับตัว ทำตัวราวกับตนเองเป็นก้อนหินไร้ชีวิต จนเวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งวัน แต่พายุก็ไม่มีทีท่าจะซาลงเลยแม้แต่น้อย เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มขยับตัว

    เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ที่นั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน มือเกาทัณฑ์ผู้นั้นเห็นโอกาส ก็เตรียมเปิดปากพูดออกมาทันที แต่หลินมู่กลับยกมือขึ้นห้ามก่อน จะหยิบเม็ดยาลูกกลอนดับหิว ออกมาเคี้ยวแล้วจึงดื่มน้ำตาม

     

       ในขณะที่ชายหนุ่มลดมือลง มือเกาทัณฑ์ผู้นั้นก็พูดขึ้น ราวกับมีผีมาเจ้าะปาก “สหาย เจ้ามีนามว่าอะไร? ข้า แซ่จ้าว นามมู่หยู เรียกข้าว่าตามใจเจ้าเลย”

    หลินมู่เลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะพูดขึ้น “แซ่หลิน” หลังจากนั้นหลินมู่ก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก จ้าวมู่หยูแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มแย้มได้ในทันที

     

       “สหายหลิน เจ้ามาเดินเลาะเลี้ยวตามป่าเขาเช่นนี้ คงมีเป้าหมายเป็นมณฑลว่านเจียงกระมัง เจ้าบอกได้ไหมว่าเจ้าจะเดินทางไปไหน เผื่อเป็นทางเดียวกันเราทั้งคู่จะได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน” จ้าวมู่หยูถามอย่างสงสัย

    พร้อมบอกจุดประสงค์ของตน เป็นการคอนเฟิร์มตัวว่า ข้าไม่ได้คิดร้ายกับเจ้าจริงๆนะ หลินมู่นั่งนิ่งเขาเติมฟืนแห้งใช้ไม้เขี่ยกองไฟสักพัก ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

       “ปลายทางข้าเป็นมณฑลว่านเจียง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? แรกเริ่มเดิมที เจ้ากับข้ามิได้รู้จักคุ้นชินกัน บางทีรอยยิ้มของเจ้าอาจจะซ่อนมีดเอาไว้ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะต้องเสียเวลามาระวังหลัง ว่าเจ้าจะหยิบมีดมาแทงหลังข้าตอนไหนก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า ข้ากับเจ้าทำเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ต่างคนต่างไปจะดีกว่า การพบพานในยุทธจักร แบ่งออกเป็นสองอย่าง วาสนา และ เคราะห์ภัย เจ้ามีโอกาศถามข้าอีกครั้งสองครั้ง เพราะข้าจะไม่ทำเรื่องเดิมซ้ำสาม…”

    จ้าวมู่หยูแสดงสีหน้าตะลึง ปนสงสัยบ่งบอกประมาณว่า สหายหลินเจ้าจะหวาดระแวง และ พูดตรงไปหรือไม่ หากไม่ติดว่าข้าเป็นคนเป็นมิตร ป่านนี้คงเปิดศึกเป็นตายในถ้ำนี้เพราะพูดไม่เข้าหูแล้วล่ะ

     

       แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวมู่หยู ก็ไม่ได้หายไปไหนเขาถามคำถามต่อทันที “สหายหลิน เจ้าคิดว่าข้าเป็นการพบพานแบบไหน วาสนา หรือ เคราะห์ภัย?” หลินมู่ไม่ได้ลังเลเลยที่จะพูดคำตอบออกมา

    “สำหรับข้า หากเจ้ามีความคิดขั่วร้ายสุมอยู่ในอก มีเป้าหมายชั่วร้ายบางอย่าง เจ้าก็คือเคราะห์ภัยของข้า หากไม่ข้าก็ต้องขอโทษเจ้า ที่ข้าใส่ร้ายและไม่เห็นความหวังดีของเจ้าอยู่ในสายตา เพราะอย่างไรเสีย ยุทธจักรความเป็นตายต้องรับผิดชอบกันเอง” จ้าวมู่หยูที่ได้ยินคำตอบ ถึงกับใช้มือลูบคางพร้อมแสดงสีหน้าครุ่นคิด

     

       หลังจากตอบคำถามให้อีกฝ่าย มือเกาทัณฑ์ตาบอดผู้นั้น ก็ไม่ได้ยิงคำถามใดๆออกมาอีกเลย คาดว่าคงตัดสินใจบางอย่างไปอยู่กระมัง ถ้ำหลบพายุชั่วคราวแห่งนี้ กลับสู่ความเงียบสงบอยู่อีกวัน

    กว่าพายุหิมะจะผ่านพ้นและสงบลง ก็เป็นเวลาเที่ยงวันของวันถัดไป ตลอดการหมกตัวอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ชายหนุ่มต้องจำใจกระเดือก ลูกหลอนดับหิวประทังชีพ ส่วนเจ้าลาเขาให้มันกินแผ่นแป้งจี่ กับ ลูกกลอนดับหิวอีกครึ่งเม็ด

     

        แม้เจ้าลาซุยโก๋จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่มันก็กินอย่างว่าง่ายไม่โวยวายใดๆ ส่วนจ้าวมู่หยูที่ล่ากวางภูเขาตัวใหญ่ได้ก่อนพายุหิมะมาถึง ก็กินเนื้อจนเอียนสุดท้ายก็มาขอซื้อแผ่นแป้งจี่จากหลินมู่

    แต่น่าเสียดายแผ่นแป้งแผ่นสุดท้าย มันอยู่ในปากของเจ้าลาซุยโก๋ไปแล้วครึ่งแผ่น หลินมู่จึงผายมือประมาณว่า ดูสิ ข้าคงขายให้เจ้ามิได้แล้ว เพราะมันกลายเป็นอาหารของลาข้าไปแล้ว

     

       แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด กลายเป็นว่าจ้าวมู่หยู เข้าใจว่า หากเจ้าอยากได้ก็แย่งจากปากลาข้าสิ หลังจากนั้นหนึ่งคนหนึ่งลา ก็ยื้อยุดฉุดกระชากแผ่นแป้งไปมา

    โดยมีหลินมู่ ที่นั่งจิบสุรามองศึกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาด โดยผลแพ้ชนะคือเสมอ เจ้าลาซุยโก๋ได้ไปครึ่งแผ่น จ้าวมู่หยู ได้อีกครึ่งแผ่นไป แถมเหมือนอีกฝ่ายดีใจเป็นอย่างมาก

     

       ราวกับชนะศึกเป็นตายและได้รับโชควาสนาอันใหญ่ยิ่งมา หลังจากพายุหิมะหยุดลง ชายหนุ่มก็เตรียมตัวจูงลาเดินจากไป โดยไม่นานจ้าวมู่หยู ก็เดินตามทันโดยมาพร้อมรอยยิ้ม

    พร้อมพูดว่าบังเอิญจัง ข้าก็จะไปมณฑลว่านเจียงเช่นเดียวกัน หลินมู่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร สองคนหนึ่งลาเดินเลาะตามแนวเขา จนไปโผล่กลางทางตัดผ่านผืนป่าแห่งหนึ่ง

     

       หลินมู่หยุดเดินเขาสั่งให้เจ้าลาซุยโก๋รออยู่ตรงนี้สักพัก เขาจะไปปลดทุกข์สักเล็กน้อย สั่งจบเขาก็เดินจากไป หาที่เหมาะในการปล่อยเบา เดินอยู่สักพักก็เจอพุ่มไม้ผู้โชคดี

    ยืนปล่อยเบาอยู่ไม่กี่อึดใจ สีหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นมืดหม่น เพราะพุ่มไม้ด้านข้างไม่ไกลนัก มีมือเกาทัณฑ์คนดีคนเดิม ที่มาปล่อยเบาเช่นเดียวกัน ทั้งสองหันหน้ามาหากัน

     

       โดยบนหน้าของอีกฝ่ายแปะคำว่า พวกเราทั้งคู่ก็ตาบอด เหตุใดจึงหันหน้ามาหากันเล่า? หลินมู่ปล่อยเบาเสร็จก็เดินจากไป กลับมาจูงเจ้าซุยโก๋เดินตามเส้นทาง ไปยังมณฑลว่านเจียงต่อ

    ไม่นานนักมือเกาทัณฑ์ที่ราวกับกรรมแต่ชาติปางก่อน ก็เดินตามทันเขาลดความเร็วมาเดินข้าง หลินมู่และซุยโก๋ ถึงตอนนี้เจ้าลาเทาก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่ายบ้างแล้ว หลินมู่ไม่ได้พูดอะไร

     

       เพียงหันหน้าไปค้นสัมภาระ หยิบหมวกไม้ไผ่ออกมาสวมไว้ กดหมวกลงต่ำแล้วเดินต่อไป โดยด้านข้างมีมือเกาทัณฑ์ผู้นั้นเล่าเรื่องน่าสนใจ เกี่ยวกับมณฑลว่านเจียง

    และเริ่มแนะนำท่าเรือเดินทางไกล จนหลินมู่อดคิดไม่ได้ว่าไอ้นี่มันหน้าม้า ให้หอการค้าหรือท่าเรือไหนสักแห่งหรือไม่? 

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×