ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #53 : ตอนที่ 53 การเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 65


       เวลาผันผ่านรวดเร็วดุจสายธารอันไร้ขอบเขต เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไป 1 เดือน หมู่บ้านตระกูลเสี่ยว แม้จะอยู่เวลานี้จะอยู่ในเหมันต์ฤดู

    แต่ความหนาวเย็นเพียงเท่านี้ไม่สามารถ ทำให้เหล่าชาวบ้านหยุดทำงานหรือทำช้้าลงแม้แต่น้อยเลย เพราะอีกไม่นานพิธีกรรมประจำปีก็จะมาถึงแล้ว ยิ่งปีนี้มีเรื่องดีเกิดขึ้นมาสดๆอย่างการมีเทพมาเยือน

     

       มอบโชควาสนาให้แก่หมู่บ้าน พวกเขาจึงยิ่งเฝ้ารอมากกว่าปีไหนๆ แม้เวลาผ่านไปเพียง 1 เดือน แต่หมู่บ้านกลับมีทะเลสาบเล็กๆเพิ่มมาตรงตีนเขา

    สร้างความอัศจรรย์ใจแก่พวกเขาอย่างมาก แม้แต่ตัวหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเสี่ยวหลาง ยังไม่เชื่อเลยว่าเพียงเวลาสั้นๆ พวกตนจะสามารถขุดจากบ่อน้ำเล็กๆ จนกลายเป็นทะเลสาบได้เช่นนี้

     

       คงต้องมอบความดีความชอบให้กับ ภรรยาและลูกสาวของอูเชิน ที่กลายเป็นเทพภูเขาและภูติภูเขาของหมู่บ้าน ตั้งแต่ศาลบนเขาถูกสร้างเสร็จ เริ่มมีคนขึ้นไปจุดธูปหอมบูชา

    จนควันธูปเริ่มไม่ขาดสาย ทำเอาห้องโถงบรรพบุรุษเงียบเหงาไปเลย แม้จะมีเรื่องดีเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องน่าปวดหัวเลย

     

       หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลาง เดินตรงไปทางหน้าหมู่บ้านที่มีเกวียนคันหนึ่ง กำลังเตรียมตัวออกเดินทาง เข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของจำเป็นแก่พิธีประจำหมู่บ้าน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคงเป็น ธูปหอมที่เริ่มขาดแคลนในหมู่บ้านแล้ว

    “ว่าไงสหายหลาง เจ้ามาส่งข้าหรือ?” ลุงถงที่แต่งตัวไม่ต่างจากพ่อค้าธรรมดาทั่วไป ยิ้มแย้มเดินมาทักทายเสี่ยวหลางอย่างสนิทสนม หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลางแสดงสีหน้าออกมา ประมาณว่าใครมาส่งเจ้ากัน

     

       ก่อนจะใช้เทคนิคของผู้ฝึกวรยุทธ์ขอบเขตยอดยุทธ์ เปลี่ยนเสียงให้กลายเป็นเส้นลมปราณ กันไม่ให้คนที่เขาไม่อยากให้ได้ยิน ได้ยินเข้าแล้วจะเป็นเรื่องยุ่งยาก

    “สหายถงเจ้าจับตาดู ท่านหญิงหลิวในระหว่างการเดินทางให้ดี” ลุงถงเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง แม้ไม่พูดออกไปแต่เสี่ยวหลาง ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่ออะไร

     

       “หลายวันมานี้ นางไม่ได้สวมสายรัดเอวสีเขียว ทำให้ข้ารู้ว่า นางเป็นคนของเมืองหลิวบรรพต เราทำอะไรกับนางไม่ได้ หากนางเกิดตกตายป้ายที่นางแขวนไว้จะแตกออก ก่อนจะมีใบไม้สีเขียวพุ่งไปยังเมืองหลิวบรรพต ด้วยความเร็วที่ข้าหรือใครหน้าไหนก็ตามไม่ทัน ไม่ต้องพูดถึงการมอง ไม่มีทางที่สายตาของพวกเราจะตามทัน มันมีไว้เพื่อกลับไปแจ้งข่าวยังเมือง หลังจากผู้ถือตกอยู่ในอันตรายหรือตานไปแล้ว พอสารไปถึงเมืองหลังจากนั้นผู้ตรวจการณ์ ของเมืองหลิวบรรพตจะออกมาทำการสอบสวนทันที” ลุงถงแสดงสีหน้าสงสัย ออกมาชัดเจนถึงเรื่องดังกล่าว

    เหตุใดเจ้าดูรู้รายละเอียดมากขนาดนั้นกัน? หากหลิวเซียนหลู่ได้ยินการสนทนาครั้งนี้ ก็คงร้องออกมาพร้อมใช้นิ้วชี้หน้าอีกฝ่าย แล้วพูดว่าเจ้าโกหกขนาดข้ายังไม่รู้ถึงขั้นนั้นเลย!! แล้วที่ข้าอยู่ในหมู่บ้านนี้มาเป็นเดือนคือเสียเวลาฟรีเรอะ!!?

     

       ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้นางไม่ตั้งใจเรียนเอง แม้แต่หน้าที่ของป้ายบอกตัวตน นางยังไม่รู้เลยนางรู้แค่ว่าหากมีมันอยู่ คนด้านนอกจะไม่ทำอะไรนาง หากมันมีแค่นั้นคนในยุทธจักร คงไม่หวาดกลัวคนจากเมืองหลิวบรรพตเช่นนี้

    อาจารย์ที่เป็นถึงยอดช่างหลอม รับนางเป็นศิษย์ว่าแปลกแล้ว แต่การที่นางเป็นคนของเมืองหลิวบรรพต แต่กลับไม่รู้กลไกการทำงานของป้ายนี้สิแปลกของจริง แต่สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ เสี่ยวหลางไปรู้ถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร

     

       มันมีอยู่ไม่กี่ทางหรอก คนส่วนใหญ่รู้แค่ว่าหากพลั้งมือ ฆ่าคนของเมืองหลิวบรรพตไป ไม่ว่าจะในป่าเขาลับตาผู้คนหรือที่ดินรกร้างว่างเปล่า ราวกับเมืองหลิวบรรพตมีตาทิพย์ เพียงไม่นานผู้ตรวจการณ์จากเมืองหลิวบรรพต จะออกมาทำการสืบสวนทันที

    แม้แต่ตัวคนร้ายยังสามารถ จับมาประหารทิ้งได้อย่างง่ายดาย คนทั้งยุทธจักรจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ไอ้คนที่รู้ว่าในป้ายไม้มีใบไม้แปลกประหลาด ที่สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูง มันไปทำอี่ท่าไหนถึงได้รู้กันแน่?

     

       เสี่ยวหลางเหมือนเห็นถึงความสงสัย ของอีกฝ่ายจึงตอบปัดไป “ไว้ข้าจะบอกเจ้าทีหลัง แต่จำคำพูดข้าไว้เพียงจับตาดูนางไว้แค่เล็กน้อยก็ดี” ลุงถงถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง

    “ตกลงข้าจะทำให้” ได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวหลางก็ถอนหายใจยาว พวกเขาพูดคุยกันอีกสักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำเรื่องของใครของมัน ลุงถงที่ขึ้นมานั่งบนเกวียนก็หันหลังไปพูดด้วยรอยยิ้ม

     

       “ท่านหญิงหลิว ท่านพร้อมหรือยัง?” หลิวเซียนหลู่ที่กำลังนั่งนิ่งดุจหินผา นางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดูร่าเริงกว่าปกติ “อืม ข้าพร้อมแล้วลุงถงท่านออกเดินทางเถิด…” ลุงถงพยักหน้าก่อนจะกระตุกสายบังเหียนเบาๆ

    เพื่อทำให้ลาที่ใช้ลากเกวียนเดินหน้า ด้านหลังเกวียนหลิวเซียนหลู่ ที่ถูกจองจำอยู่หมู่บ้านมาหนึ่งเดือน เพราะความเรียนมาน้อยของนางเอง ก็กำลังแสดงสีหน้าดีอกดีใจว่าจะหลุดพ้นจากที่แห่งนี้เสียที

     

       แม้จะบอกว่านางเรียนมาน้อยแต่เรื่องหลอมอุปกรณ์หรืออาวุธ นางคือศิษย์รักของอาจารย์ไม่ว่าเคล็ดลับหรือเทคนิคใด อาจารย์ของนางก็ยอมถ่ายถอดให้ ต่างจากเหล่าศิษย์พี่ของนาง

    ที่พยายามเลือดตาแทบกระเด็น กว่าจะให้อาจารย์สอนเทคนิคหลอมให้สักอย่าง อาจารย์ของนางมักเรียกนางว่า ยัยสมองทึบ ซึ่งนางก็แย้งอาจารย์ของนางว่า

     

       ข้าไม่ได้สมองทึบซักหน่อย เห็นไหมข้าทำตามที่ท่านอาจารย์สอนได้ทุกอย่าง หลังจากแย้งไปเช่นนั้นอาจารย์ของนางก็จะยิ้มยียวนและพูดประมาณว่า ข้ายอมรับว่าเจ้าคืออัฉริยะในการหลอมสร้าง แต่เรื่องทั่วไปรอบตัวนี้…

    พูดจบอาจารย์ของนางก็ส่ายหน้า แล้วเดินจากไปทิ้งให้นางยืนบื่อใบ้หน้ามุ้ยตรงนั้น ก่อนนางจะกระซิบอย่างน้อยใจคนเดียวเงียบๆ สถานการณ์ที่นางขังตัวเองอยู่ในหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว ก็ถือเป็นเครื่องการันตีอย่างหนึ่ง ว่าสิ่งที่อาจารย์เรียกของนางคือความจริง

     

       หากเป็นพวกศิษย์พี่คนใดคนหนึ่งของนาง ที่ถูกส่งมายังหุบเขาสำเร็จมารแทน อีกฝ่ายคงควักป้ายมาขู่เสี่ยวหลางและอูเชินแล้ว แต่ทำอย่างไรได้แส้ใบหลิวดันมีแค่นางที่ใช้ได้

    อาจารย์ของนางจึงต้องส่งนางมา พร้อมมอบป้ายที่ป้องกันการโจมตีถึงตายได้อัตโนมัติ และ ยังสามารถแจ้งข่าวจากใต้สุดขึ้นเหนือได้เพียงไม่กี่สิบอึดใจ แถมยังเตือนนางอีกว่าหากเจอสถานการณ์น่ารำคาญหรือสุ่มเสี่ยง ก็ให้แสดงป้ายไม้ออกมาเลย

     

       แม้จะเตือนและมอบของช่วยชีวิตไปมากขนาดนั้นแล้ว แต่เหมือนมันจะไม่เข้าสมองน้อยๆของนาง ที่เหมือนจะกลายเป็นเหล็กเหลวไปหมดแล้ว กลายเป็นว่านางดันมาเดินโชว์ป้าย แทนที่จะแสดงป้ายแล้วหนีออกจากหมู่บ้านตั้งแต่ 1 เดือนก่อน กลับเดินทอดน่องโชว์ป้ายเฉยเลย หากอาจารย์หรือศิษย์พี่คนใดของนาง หรือ แม้กระทั่งคนทั้งเมืองหลิวบรรพตรับรู้เข้า

    คงหัวเราะท้องขดท้องแข็ง กับการกระทำของนางที่ไม่รู้ถึงคุณค่าจริงๆ ของป้ายไม้ที่อยู่กับตัว ป้ายไม้ที่อาจารย์มอบให้ หากให้จักรพรรดิยุทธ์ดู คนเหล่านั้นยังต้องช่างใจอยู่ครึ่งค่อนวัน

     

       ทั้งแส้ใบหลิวและป้ายไม้ของนาง เป็นการย่ำยีวัตถุสวรรค์โดยแท้ หากอยู่ในมือคนอื่นป่านนี้หลินมู่ ที่กำลังเดินทางไปตะวันตก ป่านนี้คงโดนหิ้วกลับเมืองหลิวบรรพตไปแล้ว

    เกวียนค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามเส้นทาง ตรงไปสู่เมืองเจ๋อซีอย่างช้าๆ อีกทางฝากหนึ่งของทวีป ตระกูลต้าเจียง เหล่าบุคคลระดับสูงและประมุขตระกูล กำลังประชุมกันอยู่ในห้องลับ พวกเขาอ่านจดหมายลับเสร็จ ก็เผาทำลายจดหมายกระดาษทิ้งทันที “จิตใจของกุญแจกลับมามั่นคงแล้ว เจ้าโจรจูเฉียวคงปลื้มปิติหากได้รู้ว่า ตนเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เซียนบนเขา อภัยโทษบรรพบุรุษของพวกเรา”

     

       ใบหน้าในเงามือแย้มยิ้มให้ความสำเร็จครั้งนี้ “เอาหล่ะ เลิกพูดมากเราไม่มีเวลาเท่าไหร่นัก” ต้าเจียงไท่เซี่ย พูดขึ้นตัดบทสนทนาของเหล่าอาวุโส ตอนนี้พวกเขาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น

    เหลือเพียงเวลาเท่านั้น ตอนนี้กุญแจอยู่ในสภาพคงที่ พวกเขาจึงไม่ต้องห่วงเขาอีกสักพัก ตอนนี้พวกเขาต้องเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงคงเป็นการดีกว่า

     

       อีกด้านชายหนุ่มในชุดคลุมเทา สวมเกี๋ยะสะพายกระบี่สองเล่ม เดินไปตามทางพร้อมกับลาเทาลายด่าง อีกไม่กี่วันเขาก็จะออกจากมณฑลไท่หยางซู เข้าสู่มณฑลว่านเจียง 

    หลังจากนั้นก็เดินทางผ่านทางน้ำผ่านเรือโดยสาร เป็นเวลาอีก 2 เดือนเพื่อเข้าสู่ส่วนกลางของทวีป หลังจากนั้นต้องต่อเที่ยวเรืออีกสาย ไปยังมณฑลซวี่เป็นการเหยียบเข้าทิศตะวันตก และ หลังจากนั้นก็เดินเท้าผ่านอีกสองมณฑล เพื่อไปยังมณฑลซ่งหลุย คาดว่ากว่าจะไปถึงคงอีกหลายเดือน ดีไม่ดีกว่าจะไปถึงก็อาจจะกลางหรือปลายปีของปีหน้าแล้ว

     

       ชายหนุ่มฮัมเพลงภายในลำคอ ค่อยๆเดินไปอย่างมั่นคง ส่วนเจ้าลาซุยโก๋ที่ชินกับการเดินทางไกลไปแล้ว

    นี่เป็นครั้งแรกที่มันเดินทางออกมาห่างไกลเช่นนี้ มีสิ่งมากมายที่มันไม่เคยเห็นเต็มไปหมด ทำให้มันตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ในอนาคตการเดินทางของชายหนุ่ม จะไม่หยุดอยู่เพียงเกาะเล็กๆแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นมหาทวีปทั้ง 9 ภพปีศาจ แดนเทพ หรือ สรวงสวรรค์ ขาคู่นี้ก็จะก้าวไปถึง เพียงมีกระบี่ข้าสามารถไปทั่วพิภพ!!

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×